หมึกสีดำของไผ่สีทอง
ความโศกทั้งหลาย ย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้มีจิตมั่นคง ไม่ประมาท เป็นมุนี ศึกษาในทางปฏิบัติถึงมโนปฏิบัติ เป็นผู้คงที่ ระงับแล้ว มีสติทุกเมื่อ,, การไม่ทําบาปทั้งปวงหนึ่ง การยังกุศลให้ถึงพร้อมหนึง การชําระจิตใจของตนให้ผ่องแผ้วหนึ่ง นี่แลเป้นคําสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
8 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
ทางสายพระนิพพาน ตอนที่ 1




การทรงอารมณ์เพื่อเข้าถึงพระโสดาบัน

สำหรับ โอกาสนี้บรรดาท่านพุทธบริษัทได้สมาทานพระรัตนตรัยแล้ว ต่อไปนี้ขอท่านทั้งหลายจงตั้งใจสงบอารมณ์ให้เป็นสมาธิคือ ในอันดับแรก ขณะที่รับฟังเสียง ตั้งใจฟังเสียงให้รู้เรื่องทุกถ้อยคำ

การ ตั้งใจฟังเสียงทุกถ้อยคำแสดงว่าจิตทรงสมาธิ เพราะว่า สมาธิแปลว่าตั้งใจไว้ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งโดยเฉพาะ เวลาที่เราตั้งใจฟังเสียง ถ้าหูได้ยินเสียง จิตรู้เรื่องตาม ก็ชื่อว่าอารมณ์เป็นสมาธิ ถ้าหากว่าท่านใช้ปัญญาพิจารณาไปตามกระแสเสียงด้วยหรือตามถ้อยคำ และเนื้อความที่กล่าว ก็ชื่อว่าเป็นการใช้ปัญญาในด้านวิปัสสนาญาณ นี่มีความสำคัญ

หลังจากพูดจบแล้วขอบรรดาท่านพุทธบริษัท พยายามทรงอารมณ์ให้เป็นสมาธิ โดยการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก เวลาหายใจเข้ารู้อยู่ว่าหายใจเข้า เวลาหายใจออกรู้อยู่ว่าหายใจออก หายใจยาวหรือสั้น หายใจเข้ายาวหรือสั้น หายในออกยาวหรือสั้นก็รู้อยู่ อย่างนี้ จัดว่ามีอารมณ์เป็นสมาธิ ถ้าจะใช้คำภาวนาก็ให้ใช้ว่า พุทโธ เวลาหายใจเข้านึก พุท เวลาหายใจออกนึกว่า โธ อย่างนี้เป็นอารมณ์สมาธิ ขณะใดการรู้ลมหายใจเข้าหายใจออก รู้คำภาวนา นั่นเป็นสมาธิ

สมาธิจัดไว้หลายระดับคือ ขณิกสมาธิ เรียกว่า สมาธิเล็กน้อย อุปจารสมาธิ สมาธิใกล้เข้าถึงปฐมฌาน แล้วขึ้นไปเป็น ฌาน คือ ฌานที่ 1 ฌานที่ 2 ฌานที่ 3 และฌานที่ 4 และอารมณ์ที่เป็นสมาธิจะอยู่ในระดับใดก็ตามก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ของความดี เพราะจิตเราตั้งอยู่ในกุศล

อีกประการหนึ่ง ขอบรรดาท่านพุทธศาสนิกชนพยายามทรงอารมณ์จิตให้อยู่ใน พรหมวิหาร 4 เป็น ปกติ คือว่าเราจะมีความรักในคนอื่นและสัตว์อื่นนอกจากตัวเรา เสมอด้วยตัวเรา เราจะมีความสงสารเกื้อกูลเขาให้เป็นสุขตามกำลังที่เราพึงจะทำได้ เราไม่มีอารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่น เห็นใครได้ดีพลอยยินดีตาม ถ้าสิ่งใดเป็นเหตุเกินวิสัยด้วยอำนาจกฎของกรรมหรือกฎของธรรมดาเกิดขึ้น เราจะไม่มีความหวั่นไหวในจิต นี่อารมณ์อย่างนี้ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททรงไว้ได้ ก็จัดว่าเป็นศูนย์กำลังใจที่มีความสำคัญที่สุดอันจะพึงก้าวเข้าไปสู่ความดี

ถ้า หากว่าบรรดาจิตใจของบรรดาท่าพุทธบริษัทมีคติตรงกันข้าม คิดเห็นว่าคนอื่นเป็นศัตรูสำหรับเรา มีอารมณ์ปรารถนาในการกลั่นแกล้งบุคคลอื่น ด้วยการเสียดสีด้วยวาจาบ้าง แสดงอาการทางกายบ้างอย่างนี้เป็นต้น และมีอารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่นเมื่อเห็นเขาได้ดี อดทนอยู่ไม่ไหว เห็นคนอื่นได้ดี หาทางกลั่นแกล้ง กล่าววาจาเสียดสีกระทบกระแทกให้เกิดความช้ำใจ อาการตรงกันข้ามกับพรหมวิหาร 4 แบบนี้เป็นปัจจัยให้ท่านทั้งหลายลงอเวจีมหานรกเป็นอารมณ์ชั่ว ถ้าอารมณ์ชั่วที่มันจับอยู่ในใจตลอดเวลามันก็เป็นอาจิณกรรม กรรมนั้นบันดาลให้เราลงอเวจีมหานรก

ฉะนั้นขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงเว้นเสีย ถ้าจิตเราทรงพรหมวิหาร 4 ได้ตลอดกาลก็ชื่อว่าเราสามารถ คุมศีล ของเราให้ปกติอยู่ได้ตลอด สามารถ คุมสมาธิ ให้ทรงตัว คือ จิตน้อมอยู่ในเกณฑ์ของกุศลตลอดเวลา และ คุมวิปัสสนา และ เมื่อจิตเราเยือกเย็นมีแต่ความรัก ความสงสาร ปรารถนาในการเกื้อกูล มีจิตอ่อนโยน ไม่อิจฉาริษยาใคร มีการวางเฉยไม่หวั่นไหวในเมื่อกฎของกรรมเกิดขึ้น อารมณ์จิตของเราก็มีความเย็น อารมณ์จิตมีความสุข เมื่อจิตมีความเยือกเย็น จิตมีความสุข อารมณ์สบายก็เกิดขึ้น เมื่ออารมณ์สบายเกิดขึ้นศีลมันก็ไม่ขาด สมาธิก็ทรงตัว ปัญญาก็แจ่มใส สามารถพิจารณาได้ตามเหตุตามผลที่สมควร คนที่ทรงอารมณ์อย่างนี้ได้เป็นปกติ บุคคลประเภทนั้นจะเป็นผู้ทรงฌาน ก็ไม่ยาก เพราะ จิตมีความดีอยู่ในด้านกุศลทรงอยู่ มันเป็นฌานอยู่แล้ว จะบังคับจิตให้ทรงฌานขนาดไหนก็ได้ ตามอัธยาศัย แล้วก็ใช้เวลาไม่นานยิ่งไปกว่านั้นถ้าเรามีความปรารถนาจะเป็นพระอริยเจ้าก็ เป็นไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระโสดาบัน เป็นอันดับต้น

นี่ บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนมาตั้งใจทำความดี ก็จงอย่าคิดว่าเราจะสร้างความดีกันแค่ความดีสามัญ หรือที่เรียกกันว่าทำเป็นแค่อุปนิสัย อันนี้ไม่สมควร มันจะเป็นการขาดทุนเกินไปในการที่บำเพ็ญความดี อารมณ์ของเราก็ควรจะคิดว่า อย่างเลวที่สุดเราจะต้องตั้งอยู่ใน พระโสดาบัน เป็นอย่างต่ำ เพราะว่าพระโสดาบันแบ่งออกเป็น 3 ชั้น คือ

1. เอกพีชี มีอารมณ์เคร่งเครียด เป็นพระโสดาบันละเอียด
2. โกลังโกละ เป็นพระโสดาบันอย่างกลาง
3. สัตตักขัตตุง เป็นพระโสดาบันอย่างหยาบ

อย่าง เลวที่สุด เราควรจะคิดว่าภายใน 3 เดือน ใน 6 เดือน หรือว่า 1 ปี เราจะทรงอารมณ์ความเป็นพระโสดาบันไว้ให้ได้ นี่ควรจะตั้งใจอย่างนี้ เพราะการเจริญพระกรรมฐานเราทำเพื่อความดี อย่าคบกิเลส อย่าทำใจให้เป็นทาสของกิเลส นี่การปฏิบัติเข้าถึงพระโสดาบันเบื้องต่ำที่เรียกกันว่า สัตตักขัตตุง อันนี้พระพุทธเจ้ากล่าวว่า มีสมาธิพอสมควร คือ มีสมาธิเล็กน้อย แล้วก็มีปัญญาพิจารณาวิปัสสนาญาณเล็กน้อย ก็สามารถเป็นพระโสดาบันได้

ความจริงพระโสดาบันไม่ใช่ของสูง เป็นของธรรมดาที่เรียกกันว่า ชาวบ้านชั้นดี ถ้า พระอริยะเบื้องสูงซึ่งกล่าวว่าพระโสดาบัน คือ ธรรมะที่จะทำให้คนเป็นพระโสดาบันเหมือนกับของเด็กเล่น คือ เป็นของทำง่าย ๆ มีพรหมวิหาร 4 ประจำใจ เราก็เป็นพระโสดาบันได้แบบสบาย ถ้าเรามีความฉลาด แต่ถ้าหากว่าเราโง่ ปล่อยให้จิตเป็นทาสของกิเลส ยังมีอารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่น อยากจะพิฆาตเข่นฆ่าทำลายบุคคลอื่น ให้มีความทุกข์ ขาดความเมตตาปรานี มีอารมณ์อิจฉามีอารมณ์หวั่นไหวในกฎของกรรมอันเป็นสิ่งธรรมดา อันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างนี้จะป่วยการกล่าวไปใยถึงพระโสดาบัน แม้แต่เราจะเป็นคนก็ยังเป็นไม่ได้เพราะวิสัยเป็นจิตของอบายภูมิ คือ เป็นนิสัยของสัตว์นรก เป็นวิสัยของเปรต เป็นวิสัยของอสุรกาย เป็นวิสัยของสัตว์เดรัจฉาน ฉะนั้นอารมณ์ประเภทนี้ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน ทั้งภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา จงเว้นเสีย ทรงพรหมวิหาร 4 ให้เป็นปกติ

นี่ เรามาพูดกันถึงการเป็นพระโสดาบัน ต่อนี้ไปเราก็จะใช้วิธีอธิบายให้ละเอียดสักหน่อย เพราะการเป็นพระโสดาบันที่บอกว่าไม่ยาก ในอันดับแรก ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทมีอารมณ์จิตคิดไว้เสมอว่า เราจะไม่สนใจกับจริยาของบุคคลอื่น โดยจะไม่ไปก้าวก่ายกับจริยาของใคร ไม่เข้าไปอิจฉาริษยาบุคคลอื่น ว่าบุคคลนี้กินมากเกินไป นอนมากเกินไป หลงในลาภสักการะเกินไป บำเพ็ญเพียรดีเกินไป อย่างนี้เป็นต้น ถือว่าเรื่องนั้นมันเป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าจิตเราไปยุ่งกับเขาแสดงว่าเรานิยมอบายภูมิ อย่างนี้ไม่ต้องมีใครแช่ง ไปเองแบบสบาย จะบวชพระสักกี่โกฎิปีมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าจิตมันเลว สภาวะของเพศเป็นพระ แต่จิตเป็นจิตของอบายภูมิ จะสร้างความดีแบบไหน มันก็ดีไม่ได้ คนที่มีจิตเลว นี่เป็นอันว่าเราจะพยายามควบคุมจิตของเราไม่ให้ไปยุ่งกับจริยาของบุคคลอื่น แค่ความจริงเรื่องนี้ เราได้ยินกันอยู่ทุกวัน แต่ความเลวของพวกเราน่ะเปลื้องกันได้หรือเปล่า

ในประการต่อไปเราตั้งใจไว้เสมอว่า จะทรงศีลให้บริสุทธิ์ โดย ไม่ทำลายศีลเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้บุคคลอื่นทำลายศีล ไม่ยินดีเมื่อบุคคลอื่นทำลายศีลแล้ว และเราจะมีจิตยอมรับนับถือความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความดีของพระธรรม ความดีของพระสงฆ์ และมีจิตตรงเฉพาะพระนิพพาน คือ การกระทำกิจทุกอย่างไม่ว่าอะไรทั้งหมด จะให้ทานแก่สัตว์ ชี้ทางให้แก่บุคคลผู้หลงทาง แนะนำบุคคลผู้มีความโง่ ถวายทานแก่พระสงฆ์ บูชาพระรัตนตรัย นึกถึงความดีของบิดามารดา ครูบาอาจารย์เป็นต้น เราทำอย่างนี้ทุกอย่างเราไม่หวังผลในการตอบแทนในปัจจุบัน เรามีความต้องการอย่างเดียวคือ สร้างความดีเพื่อสู่พระนิพพาน อารมณ์ที่กล่าวมานี้เป็นอารมณ์ของ โสดาบันสัตตักขัตตุง คำ ว่า สัตตักขัตตุง ก็หมายความว่า เราเกิดเป็นมนุษย์อีก 7 ชาติ ก็จบกิจเป็นพระอรหันต์ได้ ถ้าหากท่านทั้งหลายจะถามว่า เอาสมาธิจิตมาจากไหน ก็จะต้องตอบว่า ถ้าหากท่านทั้งหลายคิดถึงพระพุทธเจ้า คิดถึงพระธรรม คิดถึงพระอริยสงฆ์ ว่าท่านทั้งหลายทั้ง 3 ประการนี้มีความดีหาประมาณมิได้ เราขอยอมรับนับถือความดีของพระพุทธเจ้า โดยจะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกอย่าง และจะเว้นถ้อยคำห้ามปรามที่พระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ปฏิบัติ แล้วเราก็ยอมรับนับถือพระอริยสงฆ์สาวกว่าท่านมีควาดีตามที่พระพุทธเจ้าทรง สอน แล้วท่านปฏิบัติตาม เป็นความดีที่ท่านทรงความบริสุทธิ์ มีจิตเป็นสุข มีอารมณ์เป็นสุขอย่างนี้เพราะอะไร เพราะว่าท่านเชื่อพระพุทธเจ้า ไม่ฝ่าฝืนข้อห้าม และก็พยายามปฏิบัติความดีที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำ ถ้าหากว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายคิดอย่างนี้ไว้เป็นปกติ ถึงแม้ว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายคิดอย่างนี้ไว้เป็นปกติ ถึงแม้ว่าท่านจะไม่กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ท่านจะไม่ภาวนาว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ชื่อว่าท่านเป็นผู้มีสมาธิใน พุทธานุสสติกรรมฐาน ธัมมานุสสติกรรมฐาน สังฆานุสสติกรรมฐาน เพราะจิตเราทรงตรงอยู่ในความดี ยอมรับนับถือความดีของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่เป็นองค์สมาธิที่มีความสำคัญ

แค่ ที่เรานั่งภาวนาเพื่อให้จิตสงบเฉพาะเวลา แต่พอลืมตาขึ้นมาก็ปล่อยอารมณ์ลอยไปในสถานที่ต่าง ๆ เป็นปัจจัยของความชั่ว คือ ไม่ยอมเคารพในศีล ไม่ยอมเคารพในธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำ การหลับตาสักแสนปีหรือโกฎิชาติก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ มันมีอยู่อย่างเดียวคือ อารมณ์ทรงความดี

ทีนี้ในเมื่อยอมรับนับถือองค์สมเด็จพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นปกติ เมื่อเรายอมรับนับถือท่านเราก็ต้องทรงศีล 5 ในศีลของตนเองบริสุทธิ์ พระมีศีล 227 บริสุทธิ์ เณร มีศีล 10 บริสุทธิ์ ฆราวาสมีศีล 5 บริสุทธิ์ นี่เราว่ากันขั้นพระโสดาบัน สำหรับศีล 8 นั้นเป็นขั้นของพระอนาคามี ในเมื่อเรามีศีลบริสุทธิ์ ศีลน่ะมันบริสุทธิ์ยากถ้าอารมณ์ใจเราต่ำ ถ้ามีอารมณ์เลว ศีลจะบริสุทธิ์ได้ต้องมีอารมณ์เยือกเย็น คือ มีอารมณ์เป็นน้ำ ไม่ใช่มีอารมณ์เป็นไฟ ทั้งนี้เพราะว่าต้องมีใจประกอบไปด้วยความรัก เห็นคนและสัตว์เป็นที่รักของเราทั้งหมด จิตต้องประกอบไปด้วยความกรุณา ความสงสาร เห็นคนและสัตว์เราเห็นว่าเป็นคนที่เห็นว่าเราควรจะสงเคราะห์ทั้งหมด ตามกำลังที่เราจะพึงทำได้ อารมณ์จิตเราจะอ่อนโยน ไม่หวั่นไหวไปในความชั่ว พลอยยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี ไม่อิจฉาริษยาบุคคลอื่น อารมณ์อิจฉาริษยาน่ะ มันเป็นอารมณ์ของสัตว์นรก มันมีแต่ความเร่าร้อน อารมณ์ที่ไม่มีจิตอิจฉาริษยาใครเป็นอารมณ์เยือกเย็น เป็นอารมณ์ของสวรรค์ เป็นอารมณ์ของพรหม เป็นอารมณ์ของนิพพาน แล้วเราก็มีอุเบกขา หมายความว่ารู้ว่าสิ่งใดที่มันเป็นธรรมดา เราไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้

ที นี้ถ้าพรหมวิหาร 4 มีแก่บุคคลใด บุคคลนั้นหาความเลวไม่ได้ มีแต่ความดี การที่จะคิดฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็ไม่มีในใจ เพราะเรามีความรัก ความสงสาร การจะลักจะขโมยเขามันก็ไม่มี วาจาหยาบคายก็ไม่มี วาจาส่อเสียดยุยงส่งเสริม อารมณ์อิจฉาริษยาบุคคลอื่นก็ไม่มี แล้วก็วาจาเพ้อเจ้อเหลวไหลไร้ประโยชน์ก็ไม่มี นี่เป็นอันว่าการทรงพรหมวิหาร 4 ทำตนให้เป็นพระโสดาบันได้ง่าย และก็แถมใจอีกนิดหนึ่งว่าเราต้องการพระนิพพาน ทีนี้การที่เราคิดอยู่ว่าเราจะทรงศีล 5 ให้บริสุทธิ์ คือ ทรงศีลประจำเพศให้บริสุทธิ์ อันนี้เป็น สีลานุสสติกรรมฐาน ถ้าเราทรงอารมณ์ไว้ได้ ชื่อว่าเรามีฌานในสีลานุสสติกรรมฐาน ถ้านึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่เป็นประจำ ก็ชื่อว่าเรามีฌานอยู่ในอนุสติ 3 ทีนี้ถ้าหากว่าเราตั้งใจอยู่ในพรหมวิหาร 4 ประการเป็นปกติ ก็ชื่อว่าเรามีฌานในพรหมวิหาร 4 จิตน้อมไปถึงพระนิพพานเป็นอารมณ์ ก็ชื่อว่าเรามีฌานใน อุปสมานุสสติกรรมฐาน

เป็น อันว่าอารมณ์แห่งการถึงพระโสดาบันขั้นต้นมีเพียงเท่านี้ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านจงเข้าใจว่าการเป็นพระโสดาบันเป็นของไม่ยาก คนดีเป็นง่าย คนเลวเป็นยาก เพราะหากว่าคนเลวมีสันดานอบายภูมิติดมา ก็ย่อมไม่เห็นคุณค่าของความเป็นพระโสดาบัน โดยการปฏิบัติความดีเพียงแค่เล็กน้อย

ต่อจากนี้ไปขอบรรดา ท่านพุทธบริษัททั้งหลายพยายามตั้งกายให้ตรง ดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา

***********************************
ที่มา จากเวปพลังจิต


Create Date : 08 มิถุนายน 2552
Last Update : 8 มิถุนายน 2552 19:03:09 น. 31 comments
Counter : 1736 Pageviews.

 
ดีจังค่ะ แล้วจะมาขอฝึกอารมณ์พระโสดาบัน นะคะ

อ่านคร่าวๆ ดูเหมือนไม่ยากเลย
แล้วจะมาอ่านให้ละเอียดอีกครั้งค่ะ
เพราะปรารถนาซึ่งนิพพาน หรืออีกนัยหนึ่ง
นิพพาน คือ ปรารถนาอันสูงสุด

ขอโมทนากับคุณไผ่ นะคะ
ขอให้เจริญในธรรมค่ะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:18:59:26 น.  

 
ยายพยายามอ่านช้าๆ ทำความเข้าใจไปด้วย แต่
สมองยาย ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป...ได้บ้างถึงจะน้อยนิด ดีกว่าไม่ได้เลยจริงไหมคะหลาน
อนุโมทนาสาธุคะ


โดย: กัดหมอน วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:19:32:40 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ มาอนุโมทนาค่ะ


ขอไปให้ได้ โสดาบัน สัตตักขัตตุง เป็นพระโสดาบันอย่างหยาบ ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลยค่ะ



โดย: นายกุหลาบ วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:20:05:32 น.  

 


สวัสดีค่ะ พี่ไผ่

พูตามมาอ่านทางสายนิพพานค่ะ
แค่ได้อ่าน..ก็เป็นบุญแล้วนะคะ




โดย: พธู วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:20:38:27 น.  

 
ไม่กล้าตั้งเวลาหรอกค่ะ ว่า อีกเท่านี้เดือน จะทรงอารมณ์ให้ได้ คือ ใจไม่ถึง กลัวทำไม่ได้ แล้วบาปกว่าเดิม


โดย: Mermaid AI วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:20:56:00 น.  

 
อรุณสวัสดิ์คะ
วันพระที่แล้ว ไม่ได้ไปวัด งานเข้าไปตีกลองยาวงาน
บวช ได้พูดคุยกับพระ ท่านมาจากทางภาคอีสาน
รู้สึกว่าท่านมีมนุษย์สัมพันธ์ดีคะ ได้พูดคุยกับพระสงฆ์องค์เจ้า ก็สบายใจ...


โดย: กัดหมอน วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:5:47:55 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันอังคาร
กับความสุขที่มีทุกวันนะค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:7:22:56 น.  

 


พี่ไผ่คะ

พูติดหนี้..กลอน..ไว้ก่อนนะคะ
ยัง..บิ้ว..อารมณ์ไม่ได้เลย อิอิ
และพูเองก็ ยังไม่เก่ง เป็นแค่คนฝึกหัด
หากเอามาฝาก พี่ไผ่ทนๆ อ่านหน่อยนะคะ



โดย: พธู วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:9:08:09 น.  

 
รายละเอียดในบล้อกนี้
ค่อนข้างเยอะ
และต้องใช้สมาธิสูงในการอ่านเลยนะครับพี่







โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:11:18:40 น.  

 


ทานข้าวกลางวันรึยังค่ะคุณหมึกฯ

ขออนุโมทนาด้วยนะคะ...


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:12:27:54 น.  

 
- หวัดดียามบ่ายครับ

- ยินดีที่ได้รู้จักครับ เข้ามาแล้วสัมผัสถึงความเย็นได้เลยนะครับ

- ขอออกตัวก่อนนะครับว่า ผมเปรียบเสมือนเม็ดฝุ่นที่ติดอยู่กับเปลือกของเปลือกไม่หนะครับ ในทางพุทธศาสตร์ค่อนข้างรู้น้อยมั๊กๆ ครับ

- สังเกตุจากตัวอักษรแล้ว ค่อนข้างสัมผัสได้ถึงความสุขุมนุ่มลึกของ จขบ.เลยล่ะครับ


โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:12:50:03 น.  

 
สวัสดีค่ะ

บล็อกวันนี้เนื้อหาเยอะมากๆ ต้องใช้สมาธิในการอ่าน

ว่าแต่พี่ชื่ออะไรหรือคะ มาคราวหน้าจะได้เรียกชื่อถูก

ขอบคุณนะคะ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนกันบ่อยๆ


โดย: HastaLaVista วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:14:12:32 น.  

 



ทักทายกัน...วันสีชมพูจร้าคุณหมึกสีดำ...



ช่วงนี้ฝนตกบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ...

ขอบคุณสำหรับอาหารเที่ยงค่ะ


โดย: หนุ่มน้อยแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกง วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:14:47:06 น.  

 
เพลงพาเพลินจริงๆค่ะคุณหมึกสีดำ
ทำให้ใจสงบและและและฉ่ำเย็นดีค่ะ
กอรปกับบทความที่มีคุณค่าและประโยชน์มากเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับอาหารว่างที่นำไปให้ที่บ้าน
และการไปทักทายสม่ำเสมอแม้จิ๋มจะไม่ได้มาก็ตาม
ทำเอาอายๆไปเลยค่ะ
เมื่อกี๊เปิดหน้าบล้อกคุณหมึกดำไว้แต่ไม่ไหวจะทำหลับไปหนึ่งงีบสงสัยเพลงจะเพราะมาก แพ้เสียงเปียนโนค่ะ ฟังแล้วหลับสะบาย
แต่พอกลับไปรีเฟรชบ้านตัวเองอ้าวคุณหมึกดำมาที่บ้านแล้ว

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon //www.yenta4.com


โดย: busabap วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:15:33:23 น.  

 
สวัสดีคุณหมึกฯครับ
นานเลยขอรับที่ไม่ได้แวะมา อิอิ
คุณหมึกฯสบายดีน๊า..
บ้านโคลงผวน


โดย: คนสาธารณะ วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:16:08:01 น.  

 
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ


คงน๊านน้านนาน!!!! กว่าจาเดินไปถึง บางทีอาจจะท้อซะก่อน ถ้าใครทำได้ขออนุโมทนา
ขอแอดแล้วกัน


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:16:42:54 น.  

 
ตามมาอ่านค่ะ
จะพยายามทำตามนะคะ


โดย: redclick วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:16:59:17 น.  

 
จะตั้งใจทำให้ได้ค่ะ มีสเต๊กปลามาแทนค่ำขอบคุณค่ะ
ขอให้มีความสุขเช่นกันนะค่ะ


โดย: พี่นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:18:50:24 น.  

 
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ


กลางวันนี้อิ่มหมูทอดแล้ว คราวหน้าขอเป็นส้มตำได้ป่าว 555+


โดย: ปลิวตามลม วันที่: 9 มิถุนายน 2552 เวลา:21:24:01 น.  

 
คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย]


เช้าวันพุธกลางสัปดาห์
ทักทายกันด้วยวันฟ้าใสค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:6:46:29 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณไผ่
มีความสุข สดใส กับวันสีเขียวนะคะ


โดย: พ่อระนาด วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:7:18:03 น.  

 
แวะมาทำสมาธิ ฟังดนตรีไปด้วย อารมณ์แจ่มใสคะ


โดย: กัดหมอน วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:13:24:02 น.  

 


สวัสดีวันพุธค่ะ พี่ไผ่

มาเยี่ยมเยียนต่อมิตร.........ไมตรี
ขอสุขบังเกิดมี..................เพื่อนพ้อง
พบปะด้วยยินดี..................หมายมั่น
ประดุจดั่งพี่น้อง.................ร่วมนี้เคียงกัน






โดย: พธู วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:17:17:56 น.  

 
มันไกลเกินไปสำหรับข้าน้อย
ขอแค่ รักษาศีล๕ ให้ได้ครบไป
ก็ไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า..


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:21:26:08 น.  

 
คุณหมึกสีดำ คะ

ช่วยไปรับ TAG ด้วยคะ


โดย: บุปผาลีลาวดี วันที่: 10 มิถุนายน 2552 เวลา:23:13:47 น.  

 


โดย: หนูดำจำมัย วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:2:38:05 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


สวัสดีเช้าวันสีส้มพฤหัสบดี
พร้อมความสุข และรอยยิ้มสดใสค่ะ

ปล.ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อกลางวัน
ถูกใจมากเลยค่ะ


โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:6:43:55 น.  

 


หวัดดีค่ะคุณไผ่
สุข สดชื่น วันพะหัส นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:8:00:26 น.  

 
ดีจังส่งนางอัปสรไปช่วยเฝ้าสวน เจอคนชอบจัดสวนเหมือนกันแล้ว


โดย: redclick วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:8:19:10 น.  

 
ขออนุโมทนาสาธุค่ะ ดีใจมากที่มาเจอ blog นี้


โดย: world IP: 58.8.46.145 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:45:57 น.  

 
สาธุ


โดย: Little pop IP: 49.48.211.35 วันที่: 28 มีนาคม 2556 เวลา:19:40:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หมึกสีดำ
Location :
ขอนแก่น Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add หมึกสีดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.