น่าน..ไง วันที่ 6 (กลับบ้านแล้วจ้า)
วันศุกร์ที่ 10 ธ.ค.53
ตีห้าตื่นมาดูหมอก ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น ที่ อช.ศรีน่าน เมื่อคืนอากาศเย็นๆ ยังไม่ถึงกับหนาวครับ ประมาณ 14 องศา
เช้านี้หมอกเยอะเหมือนกันครับ
ภายใน อช.จัดสวนไว้สวยงาม
ประมาณแปดโมงล้อหมุน ลงจากดอย ระหว่างทางหมอกยังเต็มถนนเลยครับ
ขากลับผมผ่านนาน้อย เข้า อ.นาหมื่น ออกปากนาย นี่ขนาดเก้าโมงเช้า ผ่านหมู่บ้าน หมอกยังไม่หมดเลยครับ
เส้นทางจากนาน้อย ไป นาหมื่น เป็นถนนลาดยาง ผ่านหมู่บ้าน ถนนพอได้วิ่งได้ แต่พอผ่าน นาหมื่น ไปยังปากนาย ทางจะแคบเป็นบางช่วง แต่ไม่ค่อยมีรถวิ่งครับ ถนนยังไม่ค่อยดีมีหลุมบ่อเป็นระยะ ถนนจะเป็นอย่างที่เห็นในภาพ ผ่านภูเขาบ้าง แต่ไม่สูงเหมือนขึ้นดอย
ขับมาได้สักพัก ก็เจอถนนลาดยาง เพิ่งจะทำเสร็จ ถนนสวยดีครับ
อีก 8 ก.ม.ก็จะถึงปากนาย
เห็น บ.ปากนาย อยู่ข้างหน้าแล้วครับ
เก้าโมงกว่าๆ ผมก็มาถึง บ.ปากนาย ครับ หมู่บ้านประมงปากนาย ปากนายหมู่บ้านเล็กๆ เดิมเป็นหมู่บ้านริมแม่น้ำน่าน หลังการสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ชาวบ้านอพยพมาจากหลายแห่ง หมู่บ้านปากนายได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อน ซึ่งมีลักษณะเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ โอบล้อมด้วยทิวเขาเขียวขจี ชาวบ้านปากนายประกอบอาชีพประมง มีแพร้านอาหารให้เลือกชิมปลาจากเขื่อน เช่น ปลากด ปลาบู่ ปลาคัง ปลาแรด ปลาทับทิม เป็นต้น และบางแห่งทำเป็นห้องพักไว้บริการนักท่องเที่ยว เพราะที่นี่เต็มไปด้วยแพของชาวประมงที่มีอาชีพหาปลา และด้วยทัศนียภาพที่งดงามของสายน้ำ รวมถึงอาหารจากปลาที่สดใหม่ จึงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมเยือนอยู่เสมอ ข้อมูลจากเวป //www.lannatouring.com/Nan/Interesting-article/BaanPaknai-Namuen.htm
มาถึงผมก็ขับรถสำรวจก่อนครับ เห็นเบอร์แพที่จะลากเราข้ามไปยังอีกฝั่ง (อุตรดิตถ์) ก็โทรติดต่อก่อน จะได้อุ่นใจ
ติดต่อเสร็จผมก็ขับรถ เดินถ่ายรูปชมบรรยากาศที่ หมู่บ้านปากนายนั้นแหละครับ
ชาวบ้านแถวนี้ส่วนมากจะมีอาชีพทำประมง หาปลาครับ
ที่ ปากนาย มีแพเป็นร้านอาหารหลายเจ้าเหมือนกันครับ บางเจ้าก็มีบริการนั่งแพลากไปชมอ่างเก็บน้ำด้วยครับ
ประมาณสี่โมงเช้า ขอฝากท้องไว้ร้านนี้แล้วกัน ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรเลย ผมถามว่าทำไมถึงชื่อร้านสองบัว ได้คำตอบว่า เจ้าของเป็นสามี-ภรรยากัน ชื่อบัวทั้งคู่ เป็นคนพิษณุโลก พายเรือจากพิษณุโลกมาหาปลาที่ปากนาย (ทำไมมาไกลจัง) พอมาถึงก็เลยปลูกแพอยู่ที่นี้เลย และเป็นร้านอาหารเจ้าแรกที่ หมู่บ้านปากนาย จริงไม่จริงๆผมไม่ทราบนะครับ ฟังจากป้าบัวเค้าเล่าให้ฟังอีกที
ตอนแรกร้านยังจัดไม่เสร็จ แต่ด้วยอัธยาศัยบวกน้ำใจ ของเจ้าของร้าน บอกเข้ามานั่งในร้านก่อน รีบเปล่า ถ้าไม่รีบเดี๋ยวทำให้กิน ชอบอะ ดูเป็นกันเองดี เหมือนไปเที่ยวบ้านญาติ ปลาสดๆ เพิ่งจับได้ ทำกันให้เห็นๆเลยครับ
ผมก็ไปเป็นลูกมือให้ป้าเค้าครับ เสร็จแล้วก็เสิร์ฟเอง ช่วยกันทำสนุกดี
ไม่ต้องบอกนะครับว่าสดหรือเปล่า แถมไม่ใช่ปลาเลี้ยงอีกต่างหาก ผมจะบาปเปล่าเนี้ย
เสร็จแล้วครับ หน้าตาจะออกมาเป็นแบบนี้ครับ จานแรก ปลาคังลวก เนื้อหวานมาก จิ้มน้ำจิ้มรสเด็ดกินเปล่าๆแป๊ปเดียวหมดจานครับ
ต่อไปปลาซิวทอดกรอบ จานนี้นานหน่อย ต้องรอให้ลูกชายแกขับเรือไปซื้อแป้งโกกิ อีกที่นึง แต่คุ้มค่ากับการรอคอย
ส่วนจานนี้ผัดผักรวมมิตร ป้าแกผัดให้ผมยังกับว่าผมมากันทั้งครอบครัว เยอะจริงๆ กินไม่หมด ผมแบ่งให้แกไปครึ่งนึงครับ 555
จานสุดท้าย เมนูเด็ดเลย ปลานิลราดพริก รูปที่ปลาแกยืนทอดอยู่นั้นแหละครับ แบบว่าตัวบักเอ่บเลย ยิ่งได้น้ำราดพริกแกด้วยนะ อร่อยมาก ผมสั่งกลับบ้านไปกินที่บ้านอีกตัวนึง
หลังจากกินอิ่ม ร่ำลากันเสร็จ (ยังกับมาหาญาติเลย 555) ผมก็ไปที่แพเพื่อจะข้ามฝากไปอีกฝั่งนึงครับ แพจะบรรทุกรถได้แพละ 2 คัน ตกคนละ 250 หรือ 350 บาทไม่แน่ใจ จำไม่ได้แล้วครับ ปกติจะต้องเต็ม 2 คันแพถึงจะลาก แต่เนื่องจากผมไปยังไม่มีนักท่องเที่ยวมากันเลย แพเค้าเห็นผมรอนาน เค้าเลยลากไปให้ผมคันเดียว นับถือๆ (ผมเลยเพิ่มให้เค้าอีก 100 บาท แลกน้ำใจกันไป)
ระหว่างฝั่งห่างกันไม่ไกลครับ ลากไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ข้ามไปอีกฝั่งแล้ว
Create Date : 19 กรกฎาคม 2554 |
|
32 comments |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2559 14:25:19 น. |
Counter : 9818 Pageviews. |
|
|
|