ภาพบน ยามเช้าวันที่สามที่หาดหน้าที่ทำการ อช.หมู่เกาะสุรินทร์ภาพล่าง ยามเช้าวันที่สอง ด้วยมุมที่ต่างกันเล็กน้อยวันนี้ ขอเปิดด้วยภาพบรรยากาศเช้าตรู่ เป็นที่เดียวกับภาพที่ถ่ายเมื่อเชัาวานแต่เช้าวันนี้น้ำทะเลลงไปไกลกว่ามาก สามารถเดินเดินลงไปจากฝั่งเกือบร้อยเมตรทำให้ได้มุมถ่ายภาพต่างไปอีกหน่อย (หน่อยเดียวจริงๆ) แต่ที่ได้เพิ่มมาคือเนินทรายที่ช่วยกั้นระลอกคลื่นเอาไว้ ทำให้น้ำที่ขังอยู่นิ่งสนิทราวกระจกเงาสะท้อนเกาะและสีสันของท้องฟ้าได้งดงามมากไปอีกแบบ ได้ความแตกต่างกับภาพที่ถ่ายเมื่อวาน (ภาพเล็ก)....เอาเหอะ ดูให้มันต่างก็แล้วกัน ! ภาพบน ผืนน้ำสะท้อนท้องฟ้ายามเช้าภาพล่าง หาดหน้าที่ทำการฯ น้ำลงจนเห็นผืนทรายกว้างแต่ก็น่าเสียดายที่มาเที่ยวเกาะสุรินทร์ครั้งนี้ไม่ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นเอามาไว้ในครอบครองเลย ทำให้อดนึกถึงภาพเก่าๆไม่ได้ ผมลองเอามารวบรวมไว้ส่วนหนึ่ง(ก็เกือบทั้งหมดที่มีนั่นแหล่ะ)แต่ละแห่งก็งดงามแตกต่างกันไปเพื่อนชาวบล็อกแก้งค์น่าจะเคยไปเที่ยวตามที่ต่างๆเหล่านี้มาบ้างภาพบนตะวันขึ้นที่แพขนานยนต์เกาะลันตา----1------หาดพัทยา เกาะหลีเป๊ะ----2------ท่าแพขนานยนต์ เกาะลันตา----3------หาดคลองเทียน ชะอำ----4------หาดเล็ก เกาะสี่ หมู่เกาะสิมิลัน----5------ตะวันขึ้นริมน้ำโขง อ.เชียงแสน เชียงรายภาพบน มองออกไปหน้าอ่าวช่องขาดภาพซ้าย "ภาพเงาสะท้อน"อีกภาพหนึ่งครับกำลังเดินกลับก็ได้เห็นปูวิ่งหายลงรูไปเป็นปูลมใหญ่พอสมควรครับเท่าที่สังเกตุดูหาดทรายที่นี่ไม่ค่อยมีปูลมให้เห็น โดยปรกติแล้ว ทุกเช้าของตามชายหาดทั่วไปเราจะเห็นขลุ๋ยทรายเกลื่อนไปหทั่วหาดไปหมดเป็นผลงานของปูลมตัวจิ๋วๆที่มันขนขึ้นมาทิ้งมันก็ทิ้งแถวๆปากรูนั่นแหล่ะ แต่ที่นี่ไม่มีให้เห็นเลยเวลาเราไปนอนทะเลที่ไหนก็ตาม เช้าๆ เราชอบสร้างกิจกรรม(สร้างเวรไปด้วย อิ อิ)ด้วยการวิ่งไล่จับปูลมเล่น ส่วนใหญ่ก็จับมันไม่ทันหรอก ไวขนาดนั้นเช้าวันนี้ไม่ไล่จับ แต่จะมาแข่งความอดทนกันหน่อยด้วยการนั่งยองๆ เล็งกล้องไว้ที่ปากรูปู แล้วรอคอย.......คอยปูกลับขึ้นมา...............คอย.....................................(พักใหญๆ)....ม..มา แล้ว..มาแล้ว...ตะคริว มาแล้ว!! อูยยย..กัดฟันรออีกพักหนึ่ง ในที่สุดมันก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมา..แช๊ะ อูยยยยซซซ..........ปู ที่หัวหาดช่องขาด ผลงานที่ต้องเสี่ยงชีวิตแลกมา......ดูไปแล้วผมว่ามันก็น่ารักดีออก และจำนวนของมันยังบอกถึงสภาพสิ่งแวดล้อมระบบนิเวศว่ายังดีอยู่หรือเปล่าด้วย แต่ผมเพิ่งรู้มาเมื่อไม่นานมานี้ว่ามีชาวบ้านบางแห่งจับมาเป็นอาหาร และชุบแป้งทอดขายอีกต่างหาก แน่นอน....เขามีวิธีจับปูลมให้ได้เป็นจำนวนมากๆ จนไม่รู้ว่าว่ามันจะขยายพันธุ์ทันกับการถูกจับไปลงกะทะหรือเปล่าไม่รู้ว่าใครเคยกินบ้าง ผมยังไม่เคยครับครึ่งวันรอบเช้านี้ เราซื้อตั๋วทัวร์แบบรวมไปเที่ยวชม "หมู่บ้านชาวมอแกน"หลังอาหารเช้าแบบสบายๆ แล้วเราก็ออกไปเที่ยวชมวีถีชีวิตชาว "มอแกน"มีนักท่องเที่ยวรวม7-8คนและไกด์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของ อุทยานอีก 1 คน พอเรือเข้าไปในอ่าว สิ่งแรกที่ประทับใจที่เรามองเห็นมาแต่ไกล นั่นก็คือน้ำทะเลสีสวยมากๆไม่แพ้ที่อ่าวหน้าที่ทำการ อช. และที่ อ่าวไม้งามคือจะว่าไปแล้วเกวะสุรินทร์นี้ สวยทุกหาดนั่นแหล่ะ ขอให้มีแสงแดดเท่านั้นรับรอง ไม่ผิดหวังจริงๆ เสานี้มีชื่อเรียกว่า ลอโปง เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวมอแกนยอมรับว่าไม่รู้เรื่องของชาวมอแกนมาก่อน ที่นี่จึงทำศูนย์วัฒนธรรมประเพณีของชุมชนชาวมอแกนหมู่เกาะสุรินทร์ ไว้ให้เราที่เป็นนักท่องเที่ยวได้ทำความเข้าใจถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ ความเป็นอยู่ ของเขามากขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือเสานี้ ผมเรียกว่าเสามอแกน ไม่รู้มาก่อนว่าชื่อจริงๆชื่อว่าอะไร รูปสลักบนเสาไม้เป็นตัวแทนของ วิญญาณชาย หรือ ผ๊ตา เรียกว่า อีบ๊าบและ วิญญาณหญิง หรือ ผียาย เรียกว่า อีบูม เพื่อปกป้องคุ้มครองชาวมอแกนหมู่บ้านชาวเลหรือมอแกน ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่บ้านชาวเลหรือมอแกนตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้ชายหาดบริเวณอ่าวไทรเอน เกาะสุรินทร์เหนือ ประมาณ 130-150 คน ชาวเลหรือมอแกนเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในหมู่เกาะของทะเลอันดามัน ตั้งแต่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย เรื่อยไปจนถึงเกาะสุมาตราในประเทศอินโดนีเซีย มอแกนเป็นชนเผ่าที่มีวิถีการดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมหาเลี้ยงชีพโดยการงมหอย แทงปลา โดยในช่วงฤดูมรสุมระหว่างเดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน มอแกนจะอาศัยอยู่บนเรือที่เปรียบเสมือนบ้านแต่พอถึงช่วงระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน จะเปลี่ยนที่อยู่มาอาศัยอยู่บนบกที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เรือของชาวมอแกนแบบดั้งเดิม มี 2 ประเภท ประเภทที่ 1 เป็นเรือขนาดใหญ่ สร้างขึ้นจากไม้ประมาณ 3-4 ต้น ใช้เวลาสร้างประมาณ 60 วัน ใช้แรงงานคนประมาณ 20 คน ประเภทที่ 2 เป็นเรือขนาดเล็ก ใช้ไม้เนื้ออ่อนเจาะด้วยขวาน ใช้เวลาสร้างประมาณ 5 วัน ใช้แรงงานคนประมาณ 3 คนโดยวัสดุและอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบเรือทั้ง 2 ประเภท จะใช้วัสดุและอุปกรณ์เช่นเดียวกัน คือ ไม้ขนุนปานหรือไม้ระกำ ขวาน ใช้สลักไม้แทนตะปู ใช้หวาย ใบเตย หรือใบค้อ กระสอบป่านแทนหมันและน้ำมันยาง หลังจากเข้าไปชมภายในศูนย์วัฒนธรรมแล้วก็เดินชมหมู่บ้าน ความรู้สึกตอนนั้นดูมันเงียบเหงาอย่างไรไม่รู้ หรือเป็นเพราะว่าวันนี้ไม่ค่อยมีเด็กๆออกมาขายของกับนักท่องเที่ยว ผ่านหมู่บ้านมาถึงโรงเรียนที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ก็ไม่มีเด็กอีกเอ่อ...ช่วงนี้ปิดเทอมอยู่มั้ง ที่ข้างโรงเรียนมีทางเดินศึกษาธรรมชาติง่ายๆมีระยะทางไม่ไกลนัก ใชเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงเราก็ขึ้นไปยึนชมวิวด้านบนแล้วแต่ขณะที่เรายืนกินลมชมวิวกันอยู่เพียงสี่คน (คนอื่นๆไปไหนกันหมดก็ไม่รู็)ไกด์ก็ขึ้นมาตาม บอกจะได้เวลาเดินทางกลับแล้วภาพซ้ายโรงอาหารที่ตั้งอยู่ติดเชิงเขาก่อนจะเดินลงมาขอชมวิวสวยๆสักหน่อยก่อนลงเรือเราก็ช๊อปทิ้งท้ายด้วยเสื้อยืดสวยที่สกรีนเป็นรูปเกาะ สุรินทร์กลับมาเป็นของที่ระลึกไวสำหรับเตือนความทรงจำที่นอกเหนือจากภาพถ่ายสองภาพบน เป็นวิวมองจากจุดชมวิวด้านบน เสียดายท้องฟ้าสีจืดไปหน่อยเรือค่อยๆเล่นออกมาจาก"หาดไทรเอน" ได้ครู่หนึ่ง ก็มองเห็นชายหาดแห่งหนึ่งที่อยู่ถัดออกมาจากหมู่บ้านมอแกนค่อยๆ เคลื่อนผ่านสายตาไป แต่ที่น่าประทับใจคือที่บนหาดนั้นมีต้นไม้ต้นหนึ่งยืนต้นโดดเด่นอยู่กึ่งกลางหาดราวกับมีคนตั้งใจมาปลูกไว้มันเป็นภาพที่สวยอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ ถ่ายภาพแล้วก็ได้แต่มองจนหายไปจากสายตาไปทราบภายหลังจากไกด์ว่า บริเวณหาดที่เห็นนั้นเคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้าน ชาวมอแกนมาก่อนเมื่อเกิด"ซึนามิ"บ้านชาวมอแกนเสียหายทั้งหมด หลังจากนั้นก็ได้ย้ายมาตั้งใหม่ในที่ปัจจุบันภาพซ้ายต้นไม้บนหาดไทรเอน ที่ตั้งหมู่บ้านมอแกนปัจจุบันภาพบนต้นไม้สวยบนหาดที่เคยเป็นที่ตั้งหมู่บ้านมอแกนเกาะสุรินทร์อำลาเกาะสุรินทร์ช่วงบ่าย เป็นเวลาที่เราต้องเดินทางออกจากเกาะสุรินทร์ที่สวยงามด้วยเรือสปีดโบทของ "ซาบิน่าทัวร์"เช่นเดิม แต่เที่ยวขากลับนี้ได้รับผู้โดยสารเพิ่มมาจากเรือเฟอรี่อีกหลายคน เรือไม่ว่างเหมือนตอนเที่ยวมาแล้วจะว่าไปแล้ว ก็นับว่าเป็นโชคดีนะครับที่เราจ่ายราคาเฟอรี่ที่ถูกกว่าแต่ได้อัปเกรดให้มานั่งสปีดโบทที่มีค่าเรือที่แพงกว่า...แต่ช้าก่อน...เพราะจุดประสงค์ของคนที่ซื้อตั๋วเรือเฟอรี่ไม่ใช่แต่ต้องการราคาถูกอย่างเช่นครอบครัวที่มีเด็กๆ มาด้วย เขาต้องการความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยต่างหากทำไมถถึงเปลียนเรือให้นักท่องเที่ยว?ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันก่อนที่จะมีโอกาสมาเที่ยวครั้งนี้ และก็ไม่เคยคิดจะตั้งคำถามว่าทำไม? ในเมื่อการเปลี่ยนเรือนั้นผู้โดยสารเป็นผู้ได้ประโยชน์เห็นๆ แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบริษัทเรือเองก็ได้ประโยช์ไม่น้อยเลย เพราะวันที่นักท่องเที่ยวน้อยก็วิ่งเพียงสปีดโบทอย่างเดียว ประหยัดค่าน้ำมันเฟอรี่ได้มากทีเดียว.....เมื่อมาถึงฝั่งที่ท่าเรือคุระบุรีแล้วก็ต้องมีการคืนของ... อย่างแรเลยที่ต้องคืน คีนขยะ เอ้า จำได้ไหมวันแรกที่มาลงเรือกัน เราได้เข้าร่วมสมัครโครงการ"เก็บขยะคืนฝั่ง" ไม่รู้ใช่ชื่อนี้อะเปล่า อิ อิ นานจนจำไม่ได้แล้วจากนั้นก็ถอดหน้ากาก ท่อหายใจ และเสือชูชีพที่เช่ามาให้กับพนักงานของซาบิน่าที่มารอรับที่สะพานท่าเรือ จากนั้นก็บ้ายบายท่าเรือด้วยพาหนะคู่ใจออกมาถึงทางแยกทางหลวงหมายเลข 4 หลายคนอาจเลี้ยวซ้ายกลับกรุงเทพแต่เราเลี้ยวขวาล่องลงไปเที่ยวกันต่อครับ...เย้ เย้ โดยไมลืมว่าต้องแว๊ะที่ตลาดคุระบุรี เพื่อซื้อ "ปลาทองใบ"ที่ได้กินตั้งแต่วันแรกที่มาถึงแล้วติดอกติดใจ จนต้องซื้อกลับไปเป็นของฝากคุณยายที่บ้านความจริงเราน่าจะซื้อตอนขากลับ แต่เนื่องจากจะกลับตอนกลางคืน ซึ่งถนนเส้นนี้เงียบและไม่ค่อยมีปั้มน้ำมัน จึงเลือกจะไปใช้ทางสุราษฎร์แทน จึงจำเป็นต้องซื้อติดรถไปด้วยเลย หึ หึ ฉากชวนสยอง.....ได้เริ่มต้นแล้ววววว ได้ของฝากแล้วก็ออกเดินทางต่อทางหลวงหมายเลข 4 ยังคงทอดยาวคู่ขนานไปกับชายฝั่งทะเลอันดามัน โดยมีดวงตะวันที่กำลังคล้อยต่ำลงเป็นเพื่อนร่วมทางมาตลอด ถนนมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 401 ถ้าเลี้ยวซ้ายไปสุราษฎร์เราเลี้ยวขวาผ่าน อ.ตะกั่วป่า ที่กำลังมีงานใหญ่ เหมือนงานกาชาติหรืองานประจำป๊สักอย่างนี่แหล่ะจากตะกั่วป่ามาสองข้างทางจะเป็นป่าเขาเกือบตลอด แล้วเมืองที่มีตึกรามบ้านช่องมากมายก็โผล่ขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ที่นี่ล่ะ "เขาหลัก" ที่ก่อนนั้นกำลังบูมมากก่อนจะโดนคลื่นยักษ์ ซึนามิ พัดเข้าใส่ มีคนตายมาก แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่น้านกขอร้องกึ่งบังคับว่าห้ามหาที่พักที่นี่เด้ดขาด เลยมาแว๊ะที่ "อช.เขาหลัก ลำลู่"เผื่อว่ามีที่พัก เธอค้านอีกเช่นเดิม.ในที่สุด เราก็มา "ทับละมุ"ก่อนค่ำหน่อย ยังพอมีเวลาให้หาที่พักสำหรับคืนนี้ ว่าแต่จะนอนไหนดีล่ะ ลองโทรคุยกับบริษัททัวร์ที่เราจองมาก่อนดีกว่า นั่นแหล่ะที่ทำให้หายกังวลเรื่องที่พักเพราะว่าที่นี่"ทับละมุ อันดามันทัวร์" เนี่ยเค้ามีรีสอร์ทด้วยชื่อเดียวกันเลย ทางเข้าอยู่ซ้ายมือก่อนถึงท่าเรือราว 4-5 ร้อยเมตร (โดยประมาณ)ไปครับ เข้าไปดูกันหน่อยน่าพักหรือเปล่า ทับละมุ อันดามันรีสอร์ท มีทั้งบ้านเป็นหลังๆ (ภาพด้านบน) และแบบเป็นห้อง (ภาพด้านซ้าย) ภายในห้องกว้างและสะอาดมากมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เป็นห้องแอร์ ราคาคืนละ700 บ.เท่านั้น อยู่รวมกัน 4 คน สบายมาก เก็บข้าวของเข้าห้องแล้วออกไปหาข้าวกินก่อน แล้วค่อยกลับมาอาบน้ำที่หลัง ตอนนี้แต่ละคนหิวกันจนหน้ามันแล้ว ไปที่ท่าเรือเลยครับมีร้านของ เอ่อ...สวัสดิการทหารเรือ หรือภรรยาทหารเรือ อันนี้ไม่แน่ใจครับ จำไม่ได้แล้ว3 ภาพบนทักทายกับป๊อบอายและโอลีฟทีอยู่หน้าร้านอาหารภาพนี้ถ่ายออกมาจากระเบียงร้าน แต่ระเบียงแคบไปหน่อยและมีคนนั่งหมดแล้ว ต้องอยู่ในร้านแทน ส่วนอาหารโดยรวมก็จัดว่าอร่อยใช้ได้ บรรยากาศง่ายๆ สบายๆ การเดินทางที่ยาวนานก็ต้องมีการหยุดพักบ้าง เหมือนกับค่ำวันนี้ ตะวันที่ลาลับขอบฟ้าไปแล้วเหลือไว้แต่ดวงจันทร์เสี้ยวประดับฟ้าอยู่ริบริบ พรุ่งนี้...ตะวันจะกลับมาใหม่เราก็จะออกเดินทางต่อไปบรรยากาศยามค่ำ ท่าเรือทับละมุบล็อกหน้า เราจะเดินทางสู่เกาะสวรรค์กลางอันดามันที่มีอยู่จริง.อ่านย้อนหลังเที่ยวเกาะสุรินทร์วันแรกอ่านย้อนหลังเที่ยวเกาะสุรินทร์วันที่สองอ่านเรื่องจากทริปเดียวกันเที่ยวเกาะสิมิลันวันแรก
ป้าเชิญนางฟ้า...มาอวยพรวันเกิดค่ะขอให้พบแต่สิ่งดีๆ คนที่ดีมีจิตใจดีเหตุการณ์ดีๆสุขภาพที่แข็งแรงรวมทั้งความรักที่ดีที่สุดในชีวิตนะคะ*************************
ให้บรรเจิดสุขสว่างดั่งฟ้าใส
ให้ผ่านพ้นอุปสรรคปราศจากภัย
ให้สุขกายสุขใจไปทั้งมวล.....