................................"หาดเล็ก" หาดเล็กๆ ทางด้านทิศตะวันออก กับยามเช้าที่ยังเงียบงสบเช้าวันแรกบนเกาะเมียงเช้าวันนี้ไม่ได้ตื่นมาดูตะวันเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมาวันนี้คงไปดูเส้นทางเอาไว้ก่อน พรุ้งนี้เช้ามืดจะได้เดินมาถูกก่อนขึ้นชมวิว ผมเดินทะลุออกมาสำรวจ "หาดเล็ก" ชายหาดที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของเกาะเมียงกันก่อนดีกว่าเช้านี้ผมต้องเดินมาคนเดียว เพราะสาวๆทั้งสามคนต้องใช้เวลาเตรียมความพร้อมสู้แดดสู้ลมกันอีกนาน แถมไม่อยากป่ายปีนอีกต่างหากเธอไม่ค่อยชอบอะไรที่ลำบาก,ท้าทาย หรืออะไรที่ลุยๆ หน่อยผมก็เลยจำใจต้องมาคนเดียวเหมือนกับตอนไปขึ้นจุดชมวิวที่เกาะวัวตาหลับ อช.หมู่เกาะอ่างทองอีกเช่นเคยเมื่อไปถึงหาดเล็ก ยังเงียบสงบมาก ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเลย หาดทรายขาวเนียนละเอียดไม่แพ้ที่หาดหน้า มีก้อนหินวางระเกะระกะมีมุมให้ถ่ายภาพได้ "เย๊อะ" ถ้าลองค้นภาพจากกูเกิ้ลจะเห็นหินเหล่านี้อยู่ในหลายภาพ ล้วนแต่สวยๆ ทั้งนั้น ข้างบนชายหาดก็ร่มรื่นเหมาะที่จะมาพักผ่อนนั่งนอนชมวิวจริงๆ เฮ้อ...คิดแล้ว อยากอยู่สักเดือน.......ที่หาดเล็กนี้แหล่ะ ที่จะกลับมาชมพระอาทิตย์ขึ้นตอนเช้ามืดวันพรุ่งนื้กันอีกครั้ง...............................หาดเล็ก ยังยืนบนก้อนหินที่เดิม เบี่ยงมุมออกทะเลอีกหน่อยที่บอกว่าที่หาดเล็กนี้มีมุมให่ถ่ายภาพเย๊อะแต่เอาเข้าจริงผมกลับถ่ายแบบลวก ๆได้มาไม่กี่ภาพแล้วก็เป็นมุมเดียวกันด้วยก็ตั้งใจแค่แวะมาดูแป๊ปเดียว เดี๋ยวกลับลงมาจากจุดชมวิวแล้ว ก็ต้องกลับมากับสาวๆ อีกครั้ง เป็นเพราะว่าบรรยากาศเช้าๆ เงียบสงบอย่างนี้ทำให้แอบคิดไม่ได้ว่าเราอยู่บนเกาะร้างหรือเปล่าถึงไม่เห็นคนเลย ทั้งที่ความจริงที่นี่ก็มีบ้านพักของเจ้าหน้าที่อยู่ประจำด้วย......ไปขึ้นชมวิว"ลานข้าหลวง"กันต่อดีกว่า..................................ภาพวิวสวยบนจุดชมวิว"ลานข้าหลวง" อช.หมุ่เกาะสิมิลัน กับเส้นทางท้าทายขึ้นจุดขมวิว กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดหลังจากภ่ายภาพหาดเล็กแล้วก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมประมาณครึ่งทาง เพื่อขึ้นไปจุดชมวิว "ลานข้าหลวง" ทางเดินลาดขึ้นเนินตลอด ลัดเลาะผ่านป่าไผ่ ช่วงท้ายบางช่วงขันขึ้นเกือบ45 องศา ต้องมีเชือกไว้ให้สาวขึ้นไปช่วยพยุงตัวแทนการคลานสี่ขา จากนั้นต้องเดินผ่านช่องหินแคบๆ ทะลุออกไปไต่เนินอีกครั้ง จุดสุดท้ายก็มีบันไดพาดให้ไต่ขึ้นมาถึงลานข้าหลวงด้วยอาการเหนื่อยหอบทางเดินจะว่าไปแล้วก็ยากอยู่เหมือนกัน ถ้าเดินแบบเรื่อยๆ ก็ได้ความเหนื่อยพอประมาณ แต่ถ้ารีบเดินจะได้ความหอบมาแทน แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้ว มองเห็นวิวหาดเล็กในมุมสูงได้กว้างไกล ทำให้หายเหนื่อย เป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนที่มาพักค้าง บนเกาะเมียง แต่ถ้า เลือกเวลาได้ ขอแนะนำให้ขึ้นมาช่วงบ่าย เพราะทิศทางของแสงสวยกว่าในตอนเช้า ถ่ายภาพแล้วย้อนแสงมากไปหน่อย วิวสวยจากจุดชมวิวลานข้าหลวงลงจากจุดชมวิวกลับมาหาดเล็กกลับลงมาจากจุดชมวิวลานข้าหลวงแล้วเดินกลับไปที่หาดเล็กอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกันหมดทุกคน มาถึงก็มานั่งชิงช้าด้วยใบหน้ามันไปตามๆกัน ถึงแม้ว่าหาดจะเล็ก แต่ก็สวยไม่น้อยกว่าหาดหน้า เมื่อเช้ายังไม่มีนักท่องเที่ยวเลยแต่ตอนนี้มีเรือสำราญลำใหญ่จอดอยู่หน้าหาด ส่งนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งหลายสิบคนทำให้ชายหาดคึกคักขึ้นมาเย๊อะ หลังจากถ่ายรูปแล้ว ไม่มีใครอยากลงน้ำเธอเลือกนั่งกินลม ชมวิวอยู่ใต้ร่มไม้กัน ผมเลยออกไปว่ายน้ำดูปะการังหน้าหาดคนเดียวอีกแหล่ะ มีปะการังและกองหินอยู่เล็กน้อย แต่ก็พอจะมีปลาสวย ๆให้ดูได้ไม่เบื่อเหมือนกันลั่นล้า บนชายหาดที่นี่มีร่มเงาไม้ทั่วทั้งหาด มีชิงช้าและที่นั่งพักผ่อนอยู่ทั่วไป หรือจะหาเสื่อมาปูนอนชมวิวก็เหมาะกับการพักผ่อนของคนที่ไม่ชอบลุยแบบสมบุกสมบัน หรือไม่ได้ซื้อทัวร์ออกไปดำน้ำอย่างเช่นกลุ่มคุณนายไฮโซ(ไฮโซนอนเสื่อ)อิอิ อย่างพวกเราก็ได้ตามใจชอบกลับมาที่หาดหน้าเราอยู่ที่หาดเล็กกันจนได้เวลาอาหารเที่ยง จึงเดินกลับมาที่หาดหน้าเพื่อมากินข้าวเที่ยง ตอนเที่ยงร้านอาหารก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ไม่ว่างอย๋างที่เห็นในภาพหรอกนะ ขอเตือนว่าอย่าเที่ยวเพลินจนลืมหิวเพราะเวลาขายอาหารมีจำกัด ไม่ได้ขายทั้งวัน มื้อละประมาณ 2 ชม. เท่านั้น ถ้าหากเลยเวลามื้อนี้ไปก็ต้องแขวนท้องไปรอมื้อต่อไปโน่นเลย อาหารมื้อเที่ยง ผ่านไปอย่างราบรื่นกลางฝูงชน นี่ขนาดไม่ใช่เทศกาล!เรื่องความอร่อยยังเป็นรอง ที่ เกาะสุรินทร์พอสมควร ส่วนบุฟเฟ่ของทัวร์ทับละมุอันดามันอร่อยกว่าเพื่อน...ความเห็นส่วนตัวโปรดใช้วิจารณญานจ้า ! จากนั้นเราก็ไปนั่งเล่นกันที่ชายหาด ตรงบริเวณลานกางเต้นท์ของอุทยานนอกจากบ้านพักแล้ว ผมก็จองมาเต้นท์ด้วยหนึ่งหลัง แต่บังเอิญพี่เดียร์ป่วยซะก่อน เลยลดคนไปหนึ่งคนและทางอุทยานไม่เข้มงวดจำนวนคนที่พักบ้านเราเลยขึ้นไปนอนตากแอร์บนบ้านกันทั้งสี่คน...สบายก่า... เย๊อะเลย ..............น้องฝ้าย กับน้านก ที่ชายหาดหน้า เกาะเมียง อช.หมู่เกาะสิมิลัน เล่นน้ำทะเลกับสาวน้อยหลังจากนั่งชมวิวรอจนข้าวในท้องเรียงเม็ดแล้ว ก็ลงไปว่ายน้ำกับน้องฝ้าย ถึงแม้ทะเลจะสวยมาก ๆแต่แดดก็ร้อนมากเช่นกัน เล่นอยู่ได้ไม่นานต้องยอมแพ้ ไม่ต้องพูดถึงคุณแม่และคุณน้านก ที่หลบอยู่แต่ใต้ร่มไม้ ผมเองก็ไม่ได้อยากเล่นน้ำตอนนี้หรอกแต่ถูกขอร้อง(แกมบังคับ !)จากคุณแม่ให้เล่นเป็นเพื่อนคุณลูกสาว เป็นเรื่องแปลกแต่จริงนะ เล่นน้ำทะเลคนเดียวมันไม่สนุกอ่ะ ต้องมีคนเล่นเป็นเพื่อนด้วย ยิ่งเย๊อะยิ่งสนุก!กลับขึ้นมานั่งหลบแสงแดดอยู่หน้าเต้นท์ใต้ร่มไม้เพลินตาเพลินใจซึมซับกับความงดงามของทะเลเกาะเมียงตรงหน้าจนถึงช่วงบ่ายแก่ๆ กลับขึ้นบ้านพัก เตรียมตัวเไปดู พระอาทิตย์ตกแบบ "อาบเหงื่อ"กันต่อ ...................เป็นกิจกรรมร้อน ๆ สุดท้ายสำหรับวันนี้ กิจกรรมร้อน ร้อนชมพระอาทิตย์ตกช่วงเย็น ประมาณห้าโมงเศษ ออกเดินจากข้างร้านอาหาร ระยะทาง 350 เมตรเดินลัดเลาะไปในป่า เดินไปได้สักหน่อย มีป้ายบอกทางแยกขวามือลงไปที่"อ่าวนุ้ย"อยากรู้ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร ตะวันก็ยังสูงอยู่ แวะลงไปดูกันหน่อยเป็นไรลงไปก็เจอแต่โขดหินและหาดทรายแห้งๆ เพราะเป็นเวลาน้ำลง ไว้น้ำขึ้นค่อยมาดูใหม่เดินกันต่อ...มีกันแค่สี่คน ทางเดินเป็นป่าวังเวงชอบกล ! จนน้านกชักไม่อยากไปต่อยิ่งนึกถึงตอนขากลับ มืดกลางทางจะทำยังไง ไฟฉายก็ไม่มี น้านก..เธอชักคิดไปไกลป๊าดดด...มันไม่ได้ไปไกลขนาดภูกระดึงซะหน่อย เรื่องความกลัวล่ะ...ยกให้เลย ถึงแม้จะเดินไป-บ่นไปบ้าง แต่ก็ถึงที่หมายในที่สุด เล่นเอาเหงื่อท่วมไปตามๆกัน บริเวณจุดชมพระอาทิตย์ตกนี้เป็นลานหน้าผาหิน ยังร้อนระอุ ลม..ก็ไม่กระดิกเลย เป็นยามเย็นที่ร้อนจริงๆ... เราไปถึงเป็นกลุ่มแรก เลยตีแปลง..ถ่างขา (กล้อง) จองทำเลอยู่หน้าสุดไม่มีใครมาบังวิว..อิอิ แต่กลายเป็นคนที่เกะกะบังวิวชาวบ้านแทนซะอย่างงั้น!! โดยเฉพาะทัวร์กลุ่มใหญ่ที่มาถึงทีหลังเกือบ 20 คน ! โชคดีจริงๆความจริงแล้ว...เราไม่ได้ถึงเป็นคนแรกหรอก คนที่มาคนแรกคือคนที่อยู่ในเรือแคนนูนั่นต่างหาก ตอนแรกเขานอนลอยเรืออยู่ใกล้ๆฝั่ง แต่พอเริ่มมีคนมา เขาจึงรู้สึกตัวว่าที่นี้ยังมีคนอื่นอาศัยอยู่ด้วย ไม่ใช่เกาะร้าง ความสันโดดจบลง เขาจึงพายเรือแคนนูจากไปสู่ความเวิ้งว้าง..ข้ามไปเกาะที่อยู่ห่างออกไปปู้นนนน...นั่นเลย กลับมาดูตะวันต่อ....ในที่สุด ท่ามกลางความระอุของก้อนหิน พระอาทิตย์ที่ค่อยๆ คล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆ จากความร้อนแรง เปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดงกำลังจะหย่อนตัวลงน้ำอย่างงดงาม แต่ทันใดนั้น ก็มีเมฆดำปรากฎตัวขึ้นที่เส้นขอบฟ้า มากลื่น"ไข่แดง"หายไปจนหมดทั้งใบทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มองไม่เห็นเค้าลางของก้อนเมฆเลย เฮ้อ.....ให้มันได้อย่างนั้นสิน่า......!...............พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง ที่ขอบฟ้าปรอดโปร่ง มองไม่เห็นเลยว่ามีเมฆทันทีที่พระอาหายเข้าก้อนเมฆหมดทั้งใบ กลุ่มทัวร์ก็กลับกันทันที ผมก็ยังต้องเก็บอุปกรณ์เก็บขาตั้งกล้อง ทั้งภาพนิ่ง ทั้งกล้อง VDO ทำให้ชักช้าไม่ทันใจน้านก เธอเลยจ้ำอ้าว อ้าว ตามกลุ่มทัวร์ไปเฉยเลย ปล่อยให้เราสามคน พ่อแม่ลูกกลับเป็นคนสุดท้าย แหม... มาด้วยกันแท้ๆ กลับมาทิ้งกัน...ซะงั้น !!วันนี้จบลงด้วยมื้อค่ำ แล้วออกมาเดินชายหาดที่เงียบสงบและมืด ไม่มีแสงสี เสียงจากบีชบาร์แบบที่คุ้นเคย กลับขึ้นบ้านกันดีกว่า....ก่อนนอน ก็มาช่วยลูกสาวทบทวนบันทึกช่วงเวลาที่ประทับใจ ซึ่งมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว พรุ้งนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เราจะต้องเดินทางกลับกันแล้ว.....รุ่งอรุณที่เกาะเมียง อช.หมู่เกาะสิมิลันเช้ามืดวัที่สองบนเกาะแสนสวยเราสองคนออกเดินมาหาดเล็กอีกครั้งเพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้น ปล่อยให้น้องฝ้ายกับน้านกนอนหลับเฝ้าห้องกันต่อไป มีแค่เราสองคนบนทางเดินเงียบเชียบ ท้องฟ้ายังมืดสลัว ทะลุแนวป่าออกมาถึงหาดเล็ก ท้องฟ้าเริ่มเรืองแสง ระลอกเคลื่นเล็กๆม้วนตัวซบหาดทรายเบาๆ ผืนทรายราบเรียบกริบ เราจะฝากรอยเท้าไว้เป็นคนแรก อิอิ จากนั้นก็เริ่มถ่ายภาพท้องฟ้าที่มีเส้นใยเมฆสะท้อนแสงตะวันที่กำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า เปลี่ยนมุม เปลี่ยนองค์ประกอบภาพไปเรื่อยๆ แข่งกับดวงตะวันที่ค่อยๆพ้นเงาเมฆขึ้นมาที่แรก คิดว่าหาดนี้ จะมีเพียงสองเราจริงๆ...... แนวที่พระอาทิตย์ขึ้นมีเรือทัวร์จอดทอดเสมออยู่สองลำ เป็นองค์ประกอบภาพที่ผมชอบมากๆ เสียดายที่พระอาทิตย์ไม่ได้โผล่ขึ้นจากขอบฟ้าเต็มๆดวง เพราะบังเอีญมีเมฆบังอยู่ที่ขอบฟ้า เช้าตรู่..ที่หาดเล็กวันนี้นอกจากเราสองคน ยังมีน้องมาถ่าพสองคน และสาวมาเดินชมวิวอีกสองสาว รวมทั้งหมดหกคน เป็นการถ่ายภาพพระอาทิตย์ที่มีคนน้อยที่สุดเลย แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล คิดว่าคนจะน้อยอย่างนี้แน่..นี่เป็นอีกมุมหนึ่ง (ย้ายไปมาอยู่แถวนั้นแหล่ะ) สู้ไอ้เจ้าสองคนไม่ได้ ก้มๆ เงยๆ มีความพยายามในการหามุมกันสุดๆ ซึ่งก็น่าจะได้มุมมองที่น่าสนใจกว่าน้าหมุน ที่สมองซีกขวาไม่ค่อยทำงานแล้ว ...........ก็ไปตามวัยอ่ะนะ...อิอิถ่ายแต่วิว ถ่ายคนด้วยคร้าาาคือระหว่างที่ผมถ่ายภาพ ภรรยาผมก็ถ่าย VDO ด้วยเธอก็เดินแยกไปหามุมต่างๆ จนเกือบลืมถ่ายถาพตัวเองก่อนที่ตะวันจะสูงมากไปมาถ่ายภาพที่คนสวยบ้างเริ่มต้นด้วยภาพนี้....ถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็เดินเล่นชายหาดกันต่อตามประสาคนเค้ายังรักกัน....อยากได้ฉากที่วิ่งไล่กันริมคลื่นแล้วก็วักน้ำใส่กัน..อืม แต่อารมณ์ไม่ได้อ่ะ เดินไปสุดหาดมีหน้าผาหินขวางอยู่ดูตัวเพรียงที่อยู่ตามหิน ดูปลาตัวเล็กที่วิ่งไปมาอยู่ที่ซอกหินดูปะการังเขากวางเล็กๆที่โผล่พ้นน้ำมาด้วย คิดแล้ว...ก็ไม่อยากมีวันพรุ่งนี้เลยเพราะตอนบ่ายๆ เราก็ต้องอำลาหมู่เกาะสิมิลันไปแล้ว.............เที่ยวไทยยั่งยืนก่อนที่เราอสองคนจะกลับก็เก็บขยะที่ลอยมาติดชายหาดขึ้นมาทิ้งถังด้านบน เรื่องเล็กๆแต่ถ้าช่วยกัน เกาะสวรรค์นี้ก็จะสวยงามอย่างนี้ตลอดไป..เว้นแต่ซากปลาโลมา ขนาดเท่าต้นขานอนตายอยู่หนึ่งตัว เริ่มอืดแล้วด้วยคงต้องให้เจ้าหน้าที่มาจัดการครับ.เรื่องซากโลมานี้แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ถ่ายพระอาทิตย์มากมายแต่ไม่ถ่ายรูปซากโลมาเลยสักภาพ?กิจกรรมยามเช้าเป็นเพราะ หาดทรายขาว และน้ำใสน่าเล่นขนาดนี้น้องฝ้ายเลยอยากลงเล่นน้ำอีกรอบใส่ชุดว่ายน้ำตัวกลม..มาชวนปะป๊าเล่นด้วยเป็นกิจกรรมที่ไม่น่าพลาดในช่วงเช้าๆอย่างนี้แต่ถ้ายังดำน้ำไม่จุใจก็เลือกซื้อทัวร์ไปดำน้ำกับทางอุทยานก็ได้ เรือหางยาวจะพาออกไปดำน้ำเวลาประมาณ เก้าโมงเช้า ส่วนเราดำน้ำมาพอแล้วตั้งแต่เกาะสุรินทร์ ตากแดดจนหน้าตา,เนื้อตัวดำไปตามๆ กัน เช้าวันนี้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายเลยขอทำตัวสบายๆ อยู่ชายหาดก็แล้วกัน ว่าแล้วก็ถ่ายภาพหาดสวยๆ หาดหน้า กันต่อ...เรือหางกำลังพานักท่องเที่ยวออกไปดำน้ำ ส่วนเรือสีแดงนั้น ไม่รู้จะแดงไปไหน ตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเลได้แรงสะใจจริง ๆ(อด) เล่นกับคลื่นภาพนี้ถ่ายตอนคลื่นซัดไว้หลายภาพแต่ไม่ได้ใช้ขาตั้ง ! เลยทำภาพเคลื่อนไหวไม่นิ่งพอเลยไมได้เห็นคลื่นซัดเข้า-ซัดออกอย่างที่ตั้งใจเดินก็บภาพความสวยงามของหาดหน้ามาจนสุดท้ายหาดที่มีกองหินอยู่ริมหาด แต่มีช่องว่างอยู่หน่อยก็เลยเดินลงไปถ่ายรูปที่ข้างๆก้อนหิน น้ำทะเลเริ่มขึ้นแล้วคลื่นก็ซัดขึ้นมาเร็วมาก ครู่เดียวน้ำก็ท่วมหินที่ยืนซะแล้วแต่นอกจากจะได้ภาพความสวยงามของชายหาดและน้ำทะเลสุดสวยแล้ว สิ่งอัศจรรย์อีกอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอมาก่อน ก็คือกองหินใหญ่ที่เราเห็นเป็นเพียงกองหินธรรมดาในตอนแรกเมื่อเราเดินมาหลังก้อนหินนั้น แล้วมองออกมาในองศาที่เหมาะสม หินธรรมดา..กลับกลายเป็น"ปลาหินยักษ์"ผ่าง !!! ยักษ์จริง ๆ ไม่ได้โม้เป็นเรื่องแปลกนะ หินธรรมดา... แต่ด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไปภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อเหมือนคนทึ่อยู่ในสถานการณ์วิกฤตถ้าเปลี่ยนมุมคิด,มุมมองได้เหมาะเจาะอาจจะพลิกเป็นโอกาสได้เหมือนกัน...โยงไปได้.... ก่อนอำลาเกาะเมียงช่วงเที่ยง...............เราเตรียมสัมภาระลงมาเพื่อรอกลับเข้าฝั่งตอนเวลาบ่ายสามโมง ระหว่างนั้นก็เก็บภาพกับป้ายเกาะเมียงกันเป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งเราได้มาเที่ยว ณ.เกาะแห่งนี้ด้วยความรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง วันหนึ่งข้างหน้าเราต้องมาอีกแน่นอนและต้องค้างบนเกาะให้นานกว่านี้หลังมื้อเที่ยง ผมได้เดินกลับไปที่"หาดนุ้ย"อย่างที่ตั้งใจไว้อีกครั้ง ไปคนเดียวเหมือนเดิมเดินไปก็เก็บภาพต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆเช่นรากไม้ อะไรมันจะยุ่งเหยิงได้ขนาดนี้ต้นเฟรินที่ขึ้นอยู่บนขอนไม้เก่า..ไม่เท่าไหร่ที่น่าทึ่งกว่า คือขึ้นอยู่บนก้อนหิน! พอถึงหาดนุ้ย..อะโหย!! พระเจ้าหาดเล็ก ๆ แต่ทำไมถึงสวยได้ซะขนาดนี้ถ้าไม่ได้มาดูละก้อ เสียดายไม่เลิกแน่ ทริปนี้ หาดนุ้ย หาดเล็กแต่สวยสมบูรณ์แบบพอลงไปถึงหาด ภาพของเวิ้งอ่าวเล็กๆ ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า หาดนั้นกว้างเพียงไม่เกิน30เมตรเท่านั้น มีกองหินอยู่ทั้งหัวหาดและท้ายหาด เป็นการจัดวางของธรรมชาติอย่างลงตัวงดงาม....ไม่เสียเที่ยวที่เดินกลับมาดูและที่ชอบอีกอย่างคือความเงียบสงบ ไม่มีคนเลยเเหมาะที่จะยึดเป็นหาดส่วนตัวได้เลย อิอิ เสียดายที่สาวๆ ทั้งสามคนไม่ได้มาเห็นด้วยตาเบี่ยงมุมมองออกทะเลอีกนิด จะได้ความโค้งของหาดทรายสวยได้รูปเกือบจะเหมือนหาดหินเรือใบย่อส่วนเห็นกองหินที่ท้ายหาดและเกาะกลางทะเลจากนั้น...หันไปดูอีกด้านของหาดว่ามีอะไรน่าสนใจบ้างจุดดำน้ำ อยู่แค่เอื้อมมองกลับไปอีกด้านนอกจากก้อนหินยาวไปตลอดแนวยังมีจุดดำน้ำที่อยู่ห่างออกไปเพียง200 เมตร เท่านั้น มีทัวร์มาดำน้ำด้วยแสดงว่า...น่าจะสวยใช้ได้ถ้าได้อยู่ต่อ จุดดำน้ำนี้เป็นกิจกรรมที่ไม่พลาดแน่นอน สามารถว่ายจากหาดนุ้ยไปได้สบาย ไม่ต้องเสียตังค์(อิ อิ อันนี้ชอบ) เปลี่ยนมุมกล้องปรับมุมมองเปลี่ยนมาหันหน้าออกทะเลบ้างก็มีเพียงท้องทะเลสีฟ้าครามสดใสกับก้อนหินโสโครก สีกะดำกะด่างแต่เมื่อสองอย่าง สุดขั้ว มาอยู่ด้วยกันท่ามกลางแสงแดดจ้า...ท้องฟ้าสดใสจึงเกิดเป็นงดงามเกินคำบรรยายได้หมด(โปรดกรุณาดูให้งามด้วย อิอิ )แล้วเดินไปท้ายหาดกันต่อ....หาดหน้า - หาดนุ้ย จากนั้นก็เดินจากหัวหาดมาท้ายหาดแล้วผ่านหลังก้อนหิน มุดพุ่มไม้ทะลุออกมาก็จะมองเห็น "หาดหน้า" ที่อยู่ออกไปไม่ไกลเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวมาทำกิจกรรมเล่นน้ำ อาบแดดอยู่ทั่วหาดจริงๆแล้วทั้งสองหาดนี้ไม่ได้อยู่ห่างกันเท่าไหร่จะว่ายน้ำมาก็ยังได้ (ช่วงที่ไม่มีคลื่น)มองเห็นกันใกล้แค่นี้เองเกาะที่สวยงาม และมีกิจกรรมสนุกมากอย่างนี้เราก็เลยมีความตั้งใจเอาไว้ว่า ถ้าได้มาอีกครั้งจะมาค้างที่กันสัก 6-7 วันไปเลย ไม่ต้องแวะเที่ยวที่อื่น ตรงดิ่งมาที่นี่เลย จะได้มีเวลา"พักผ่อน"จริงๆ อย่างเต็มที่สักที ให้คุ้มกับการขับรถมซะไกลขนาดนี้ด้วยแล้วกลับไปที่หาดหน้าเก็บภาพชุดสุดท้ายทิ้งท้ายก่อนขึ้นสปีดโบ๊ทอำลาเกาะเมียง อช.สิมิลัน กลับมาที่ท่าเรือ....บริเวณหน้าที่ทำการของ อุทยานตรงจุดลงเรือนี้ก็เป็นจุดที่สวยมากอีกจุดหนึ่ง ต้นไม้ที่ริมหาดนอกจากจะให้ร่มเงากับนักท่องเที่ยวที่ไม่ชอบแดดแล้ว ก็ยังเป็นองค์ประกอบภาพได้อย่างสวยงามมากจัดให้เป็นมุมสวยของเกาะเลยก็ว่าได้...มีหาดทรายสีขาว..ท้องทะเลสีคราม..แสงแดดเจิดจ้า ท้องฟ้าสดใสและต้นไม้ทรงสวยแผ่กิ่งใบออกไปอย่างมีจังหวะลีลาสวยงาม ที่เหลือ...เราก็เพียงยกกล้องขึ้นเก็บภาพที่สุดประทับใจนี้ไว้เท่านั้น<< สาวน้อบคอยเรือ......อำลาเกาะเมียง.....เมื่อได้เวลาบ่ายสามโมง เราก็ต้องขึ้นเรือสปีดโบ๊ทกลับเข้าฝั่งพร้อมกับนักท่องเที่ยวเต็มลำ ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. ก็ถึงท่าเรือของ "ทับละมุอันดามันทัวร์"ที่ท่าเรือมีรถหลายคันทั้งรถตู้และรถสองแถวมารอรับนักท่องเทียว(ส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ)ต่างแยกย้ายกันขึ้นรถ มีเรากลุ่มเดียวที่ขับรถมาเอง พอทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ตรงไปที่รถจบทริปด้วยความสยอง เดินมายังรถเราที่จอดตากแดดตากลมมา 3 วัน เมื่อเห็นรถสิ่งแรกที่เราคิดคือ "ปลาทองใบ" ปลาเค็มแร่เป็นชิ้นๆ ซื้อมาเมื่อ 3 วันก่อนจากตลาดคุระบุรีเราปูหนังสือพิมพ์แล้ววางแผ่มันไว้ในกระโปรงท้ายรถ ก่อนลงเรือไปเที่ยวเกาะสิมิลันเมื่อเราเดินไปหยุดอยู่ท้ายรถ...กลิ่นของความหายนะก็โชยออกมาทักทายเรา...อึ๋ย ซซซ..พอเปิดฝากระโปรงรถขึ้น...กลิ่นเหม็นราวกับซากศพก็ฟุ้งเข้าจมูกจนต้องผงะ หนอนแมลงวันแตกฮือ..แหว่ะ...น้องฝ้ายกับน้านกวิ่งร้อยเมตรไปนั่งหลบกลิ่นอยู่ริมน้ำโน่น เหลือเราสองคนจำใจต้องทนกับกลิ่นอันน่าสะอิดสะเอียนและภาพที่สุดสยองของกองทัพหนอนที่กำลังหนีตายกันอลหม่าน เราไม่มีเวลาคิดสงสารมันอีกแล้ว (สงสารตัวเองมากกว่า) ...ไม่มีความปราณีใดใด......เราสองคนมีสุขร่วมเสพ....มีทุกข์ร่วมต้าน....มีหนอนร่วมกัน"กำจัด" มันทิ้ง ..ฮือ ฮือ ไม่มีความแขยงมืออีกแล้ว ขืนช้า พวกมันจะกระดื้บไปทั่วท้ายรถต้องรีบจัดการให้สิ้นซากด้วยสองมือเปล่าของเราเอง....โอ พระเจ้า....ไม่อยากเชื่อเลย....นี่เราทำอะไรลงไป !! และสุดท้ายหลังจาก"จัดการ"หนอนไปนับร้อยชีวิต เราก็ขับรถเหม็นๆ แวะเซเว่นที่ท่าเรือทับละมุซื้อสเปร์ยฆ่าเชื้อปรับกลิ่นมาฉีด กลิ่นเน่าผสมกลิ่นสเปร์ยเวียนหัวหนักขึ้นอีก!ไอ้สองคนที่วิ่งหนี ในที่สุดก็ต้องมานั่งดมกลิ่นเหม็นด้วยกันทั้งคืนจนถึงกรุงเทพอยู่ดี อิอิ..สม !! และกลิ่นนี้ยังติดตามหลอนอยู่กับรถของเราอีกนานถึงสามเดือน......ไม่คิดเลยว่า ทริปที่สุดประทับใจ ทำไมมาจบลงอย่างสุดโหดขนาดนี้.....ของฝากสยอง เข็ด..และจำไปอีกนาน........ อ่านเรื่องจากทริปเดียวกันเที่ยวเกาะสิมิลัน ตอน 1เที่ยวเกาะสุรินทร์วันแรก