เที่ยวเกาะสุรินทร์วันที่สอง
เช้าตรู่วันนี้ ได้มีโอกาสตื่นออกมาชม บรรยากาศยามเช้า ที่ชายหาด"ช่องขาด" เดินปล่อยอารมย์ ชมวิวไปเรื่อยๆจนพ้น หัวหาดทางซ้ายมือ ช่วงเช้านี้น้ำลงมากจน เราสามารถเดินต่อมาที่ หาดหน้าที่ทำการอุทยานได้
ตรงหัวหาดช่องขาดก็มอง เห็นแสงตะวันค่อยๆสว่าง ขึ้นหลังเกาะ เราจะเห็นแต่ แสง...เกาะบังดวงอาทิตย์ ไปเต็มๆเมื่อลอยพ้นเกาะ ขึ้นมาแสงตะวันก็แรงจัด จนถ่ายภาพไม่ได้ซะแล้ว.
ภาพบน,ภาพซ้าย ยามเช้าที่อ่าวหน้าที่ทำการ อช.
ภาพบนหัวหาด อ่าวช่องขาด
บรรยากาศยามเช้า ที่หาดช่องขาดดูเงียบสงบไม่มีทั้งลม และคลื่นราวกับว่าทะเลยังหลับไหล ผืนน้ำดูสงบนิ่งทำให้ใจรู้สึกผ่อนคลาย เหมือนกับได้หยุดพักหายใจ,ได้พัก เหนื่อยหลังจากวิ่งมาไกล....พอหาย เหนื่อยแล้วก็กลับไปวิ่งกันต่อ โดยที่ ไม่เคยตั้งคำถามว่า... ทำไมต้องวิ่ง ! จะวิ่งไปถึงไหนกัน !
ในชีวีต ประจำวันอยู่บ้านไม่เคยมีโอกาศตื่นเช้า แต่ทุกครั้งที่ได้ไปเที่ยว กลับไม่เคย ตื่นสายเลยเหมือนกัน รู้สึกว่าชีวิตได้ กลับมาเป็นปรกติเหมือนกับชาวบ้าน คนอื่นเขา ได้เข้านอนแต่หัวค่ำได้ตื่น แต่เช้าตรู่ ออกมาดูตะวันทุกครั้งเท่าที่ สถานที่และโอกาสจะอำนวย แม้จะเป็นตะวันดวงเดิมแต่ต่างสถานที่ ก็ได้อารมณ์ความรู้สึกแตกต่างไม่ซ้ำ กันเลย ไม่ว่าดวงตะวันขึ้นในที่ที่เป็น ธรรมชาติแบบไหน จะเป็นแบบป่าเขา, ชายทุ่ง, และชายหาด,ท้องทะเล... อย่างเช้าวันนี้..
ภาพซ้ายหาดช่องขาดยามเช้า ภาพล่างบรรยากาศมื้อเช้าแบบ สบายๆ
มื้อเช้า ที่ร้านอาหารอุทยานมีอาหารแบบ BF ให้สั่งด้วย เพิ่มปริมาณให้กระเพาะ ด้วยขนมปังที่ซื้อไปเองปิ้งที่เตาถ่านร้อนๆ ที่ อช.เตรียมไว้ให้บริการตัวเอง หรือจะซ้ือจาก อช.แผ่นละ10บาทพร้อมเนย,แยมให้ด้วย แต่ตอนปิ้งอย่าเผลอเชียว อาจจะได้กิน"ขนมปังเผา"แทน ก็เพราะไฟมันแรงงง !!มาก มาก ....อิ่มแล้วไปเดินเล่นด้วยกัน....
กินมื้อเช้าแล้ว ออกไปเดินที่ชายหาดช่องขาดกัน รอบนี้มากันครบทุกคน (รอบเช้าผมออกมาคนเดียว) ถ่ายรูป และเดินเล่น เป็นกิจกรรมในระหว่างรอ เวลาออกไปดำน้ำตอน 09.00น.
หาดช่องขาด
ตอนเช้านี้ทะเลสวย เงียบสงบมาก บรรยากาศเป็นใจให้นางแบบ ถ่ายรูปกันได้อย่างไม่มีเบื่อ แต่ทิศทางแสงไม่ค่อยดี ท้องฟ้า ดูไม่เป็นสีฟ้าดั่งใจ (โทษฟ้าไปโน่น) พยายามปรับแก้แล้ว..แก้อีก ก็ดีขึ้นมาอีกหน่อยเดียว ภาพซ้ายน้า-หลานแข่งกันสวย ภาพล่างแม่-ลูกแข่งกันโพสตท่า
ดำน้ำ"อ่าวผักกาด" เราซื้อตั๋วทัวร์แบบรวมเหมือนเดิม จุดแรกที่ลงดำถ้าจำไม่ผิดน่าจะ เป็นที่"อ่าวผักกาด" จุดนี้มีแนว ปะการังสวยมาก กินพื้นที่กว้าง มากพอดู แต่ที่อยากเห็นคือปะ การังผักกาดที่เป็นที่มาของชื่ออ่าว ดำอยู่นานจนได้เวลาต้องว่ายกลับ ไปขึ้นเรือ...ทันไดนั้นเองดงปะการัง ขอบใบสีเขียวเหมือนบผักกาด เบียดเสียดกันเป็นบริเวณกว้าง ก็ปากฏให้เห็น..ว้าว..สวยจริงๆ สวยจนไม่อยากจะว่ายจากมาเลย เสียดายมากที่มาเจอเอาตอนที่ ต้องกลับขึ้นเรือแล้ว นี่ถ้าเป็นเรือ เหมาลำราคงต้องดำอยู่ที่นี่อีกนาน แน่นอน..
ภาพบน ใหญ่ เวิ้งอ่าวผักกาด สามภาพเล็ก นักดำน้ำและ... ภาพขวา เซิ้งสวิง อิ อิ
ออกจากอ่าวผักกาดแล้วเรือก้พามาที่เป็นไฮไล้ของช่วงครึ่งวันเช้านี้...หาดไม้งาม
ภาพบน เรือกำลังเข้ามาในอ่าวไม้งาม ภาพขวา ด้วยเรือ..เอ่อ ! เรือผีหลอก !! ภาพล่าง คนขับมาดเข้ม
หาดไม้งาม
เมื่อเรือเล่นเข้าในอ่าวของหาดไม้งาม เราก็จะเห็นภาพน้ำทะเลสีสวย ราวมรกตเหมือนภาพแรกที่เรา ตะลึงตอนมาถึงเกาะสุรินทร์ น้ำสวยและใสมากจนเรามองเห็น พื้นทรายใต้น้ำอย่างชัดเจน ภายในอ่าวนี้ไม่มีปะการังให้ดู แต่มีแนวไม้โกงกางขึ้นอยู่ใน น้ำทะเลสีสวยไว้ให้ชมแทน
เคยเห็นแต่ในรูป ก็ว่าสวยแล้ว แต่มาเห็นของจริงกับตาตัวเอง สวยสมความตั้งใจที่มาเที่ยวจริงๆ
เป็นความสวยงาม ที่ไม่ต้องการถ้อยคำใดๆมาบรรยายอีก ที่นี่น่าจะเป็นสวรรคของนักถ่ายภาพได้เลย พอขึ้นจากเรือนักท่องเที่ยวคนอื่นๆก็พากันหายไปกันหมด ไม่รู้ว่าไกด์เค้าพาไปไหน เพราะมัวแต่เก็บภาพอย่างเดียวเดินหามุมต่างๆจนพอใจแล้ว จากนั้นจึงได้เดินตามเค้า ไปดูอะไรบางอย่างที่อยู่ในดงไม้โกงกาง ได้ยินเสียงฮือฮามาเป็นระยะๆ ....ตามไปดูกัน....
เอ่อ...ที่ตามมาดูน่ะ ไม่ใช่คุณแม่ยังสาวคนนี้นะ แต่เราจะเห็นภาพอย่างนี้บ่อย ตามแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ของบ้านเรา ต่างชาติพวกนี้เค้าไม่ยอมให้ลูกเล็กๆของเขา เป็นอุปสักการเดินทางท่องเที่ยวของเขาเลย หอบข้ามน้ำข้ามทะเลไปเที่ยวทั่วโลก เห็นพวกเขาครั้งใดก็อดที่จะแอบอิจฉาไม่ได้ เวลามาเที่ยวกันที่นานหลายสัปห์ดา บางคนมาเที่ยวเป็นเดือน..อิจฉาครับ...อิจฉา
เพราะมันมีมุมให้ถ่ายภาพงามๆ อย่างนี้ ถึงได้ทำให้ล่าช้าตามกลุ่มที่ไกด์พานักท่องเที่ยว ไปทางต้นโกงกางไม่ท้น พอเดินไปถึงตรงจุด ที่คนกำลังมุงดูอะไรบางอย่างในน้ำ เออ...คนพวกนี้ ก็แปลก ไม่เคยเห็นรากโกงกางกันหรือไง ! คนเป็นไกด์ก็ช่างกะไร พามาดูอะไรกันไม่รู้.... (โธ่ พี่ก็ไม่ตามไปดูซักทีสิคร๊าบบ)
พอเข้าไปถึงรู้ว่าสิ่งที่ไกด์พามาดูคือ ฉลาม ครับ! ฉลามตัวเป็นๆครับ ประมาณ 6-7 ตัว แต่ประทานโทษ...มันว่ายออกไปหมดแล้ว!! อ้าว เซ็งเลยครับ เมื่อไม่มีฉลามแล้วคนอื่นๆก็ค่อยๆแยกย้ายกันไปคงเหลือแต่คนที่มาสาย..โสมน้าน่า คนที่มาสายอย่างเราก็ได้แต่เม่อมองหาไปตามรากไม้ด้วยความหวังที่ริบ ริบหรี่ แต่แล้วเหมือนสวรรค์มีตามองเห็นความน่าสงสารของชายคนหนึ่งจึงได้จัดฉลามมา ตัวหนึ่งให้ว่ายกลับเข้ามาที่ชายฝั่งอีกครั้ง ผมงี้แทบตั้งตัวและตั้งกล้องแทบไม่ทัน ไม่ได้ปรับกล้องเลย ยกข้ึนถ่ายอย่างเดียวเลย พลาดโอกาสอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด
เปล่าครับ..ไม่ใช่ไอ้ตัวข้างบนที่กำลังบินขึ้นมาหรอกครับ แต่หารูปนี้มาให้ดูว่า ชื่อว่า ฉลาม นั้นมันชวนสยองแค่ไหน ยิ่งได้ดูหนังที่ช่วยสร้างความดุร้ายราวกับมันเป็นปีศาจร้าย ใต้ทะเลด้วยแล้ว ยิ่งทำให้หวาดกลัวฉลามจนขึ้นสมอง แล้วนี่เรากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย นักล่าแห่งมหาสมุทร (ฟังแล้วให้ดูอลังการเข้าไว้...อิ อิ )
แต่เจ้าฉลามที่เจอตัวเป็นๆนี้ กลับเป็นเพียงลูกฉลาม หู กะลังน่ากิน อุ้ย !มะใช่ กะลังน่ารักต่างหาก ไม่เชื่อก็ดูภาพข้างล่าง ว่ามันน่ารักขนาดไหน.
ภาพบน วินาทีอันระทึกใจ...ขณะที่เผชิญหน้ากับไอ้โครตโหดนักล่าสังหารแห่งท้องทะเล (เอา เอาเข้าไป )
และหลังจากฉลามไปหมดแล้ว สามสาวก็เล่นน้ำกันต่อ โดยใส่เสื้อชูชีพไว้ตลอดเพื่อความปลอดภัย(ไมสนว่าน้ำจะลึกแค่ไหน อิ อิ )
ทะเเลสวยที่อ่าวไม้งาม เกาะสุรินทร์
เล่นน้ำ หาดช่องขาด... เรือกลับเข้ามาส่งที่ทำการอุทยาน เวลา 11 โมงเศษมีเวลามากพอ ที่เราจะออกไปเล่นน้ำกันที่หาดช่องขาดกันก่อนจะถึงมื้อเที่ยง ที่หาดมีคนเล่นน้ำกันไม่กี่คน ความรู้สึกที่"แปลก"กว่าการเล่นน้ำทะเล ที่อื่นคือ...ได้เล่นน้ำอยู่ท่ามกลางความงดงามของชายหาดและ ท้องทะเลสวยใสอย่างเป็นส่วนตัวแล้ว ชายหาดนี้ไม่มีคลื่นเลย... เหมือนเรากำลังเล่นน้ำอยู่ในสระน้ำใหญ๋และสวยที่ในโลก ภาพบน เล่นน้ำหาดไม้งาม ภาพซ้ายน้องฝ้ายที่หาดช่องขาด ภาพล่างชายหาดช่องขาดที่ไร้คลื่นลม
สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้คิดถึงเลยตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงเกาะ สุรินทร์ คือทั้งไม่ได้เห็น และไม่ได้ยินเสียงเลยตลอดสองวันมานี้ วันแรกก็ไม่รู้สึกอะไร เห็นทะเลเงียบสงบดี ส่วนตอนเช้าคลื่นลมยังสงบเหมือนทะเลทั่วไปจนกระทั่งมาเล่นน้ำ"ทะเล"ที่หาดช่องขาด ก่อนเที่ยงวันนี้ รู้สึกมันขาดอะไรบางอย่าง..ใช่แล้ว มันคือ เสียงคลื่นนั่นเองที่หายไป..หมดโอกาสสนุกกับลูกคลื่นครับ แต่ที่นี่ก็ชดเชยให้ด้วยความงามของชายหาดอย่างคุ้มค่ากับสิ่งที่ขาดหายไปจริงๆครับ
ดูความสวยงามของหาด ช่องขาด กับลีลา ชิว ชิว ของคุณลูกสาว ก่อนจะกินข้าวมื้อเที่ยงกันต่อไป ภาพด้านบนและด้านล่าง เป็นบรรยากาศ ที่หาดช่องขาดที่แสนเงียบสงบ
มื้อเที่ยงเล่นน้ำกันจนเพลิน มาถึงร้านอาหาร โต๊ะในโรงอาหารถูกจับจองโดย ไกด์บริษัททัวร์ต่างๆ จนหมดแล้วเราจึงต้องออกมานั่งที่โต๊ะด้านหลังที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ ซึ่งร่มรื่นปลอดโปร่งกว่าข้างในมาก เพียงแต่ต้องเดินไกลเวลาไปสั่งและรับอาหารเท่านั้น. ได้เเห็นบรรยากาสโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ใต้ร่มไม้แล้วคงพอจะนึกออกว่ามันร่มรื่นขนาดไหน แถมรสชาตอาหารที่นี่ก็จัดอยู่ในขั้นอร่อยใช้ได้ที่เดียว แต่ละจานก็ทำมาให้ซะพูนแทบล้น มันจึงกลายเป็นมื้อเที่ยงที่อิ่ม อร่อย และมีความสุขอีกมื้อหนึ่งของเรา
หลังจากอิ่มกันได้พักใหญ๋แล้วก็ได้เวลาออกดำน้ำรอบบ่าย ระหว่างเดินมาที่ชายหาดก็แวะทักทายเจ้า"กระรอกบิน" หรือ "บ่าง" ที่ร่อนมาจากไหนไม่รู้มาเกาะที่ต้นไม้ใกล้ทางเดิน อวดโฉมให้นักท่องเที่ยวหลายคนรุมถ่ายรูปอยู่พักใหญ่ แต่มันเกาะอยู่สูงมากพอสมควรเห็นหน้ามันแค่แวบเดียว ตากลมโปน เป็นสัตว์ป่าที่หาดูได้ยากในธรรมชาติ แต่ไงมาเจอได้ที่นี่ แปลก ผมแหงนคอตั้งบ่าเล็งกล้องอยู่พักมันก็ร่อนจากเราไป โดยไม่ยอมหันมาสบตาเลย จึงอดได้ภาพใบหน้าชัดๆ มาลงให้พยานชี้ตัว
ช่วงบ่ายได้เวลาลงเรือออกดำน้ำรอบบ่ายกันอีกรอบ เราซื้อทัวร์แบบตั๋วรวมอีก เช่นเดิม รอบนี้มีนักท่องเที่ยวรวมกันได้ประมาณ 10 คนข้อดีของการซื้อทัวร์แบบรวม ก็คือเราจะมีเพื่อนมากหน่อยตอนลงดำน้ำ เพาะบางจุดค่อนข้างห่างจากฝั่งพอสมควร ถ้าดำเพียงแค่เรา 4 คนท่ามกลางความเวิ้งว้างก็เสียวเอาการเหมือนกัน แต่ ข้อเสียก็มี...ที่สำคัญคือเราต้องไปตามโปรแกรมที่วางไว้ จุดไหนสวยมาก อยากจะอยู่นานหน่อยก็ไม่ได้ แต่บางจุดไม่ค่อยสวยจำต้องอยู่ตามเวลาเท่าเดิม สรุปภาพรวมบ่ายวันนี้ ดำน้ำสามจุดไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่คงเป็นเพราะเราได้ผ่าน จุดที่ประทับใจมากที่สุดไปแล้วในรอบเช้า
ชม อาทิตย์อัสดง หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้ว ผมขอลงจากบ้านพักมาก่อน เพื่อที่จะให้ทันถ่ายภาพพระอาทิตย์ตก ไม่อยากพลาดอีก หาดช่องขาดเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมากอยู่แล้ว แต่ถ้าเดินมาทางขวามือสุดหาด แล้วเดินลัดเลาะมาตาม ก้อนหิน (เดินได้เฉพาะตอนน้ำลง) จะได้มุมแปลกตามากขึ้น มาถึงก้อนหินเดิมเพื่อมาแก้ตัวใหม่ คราวนี้ไม่ผิดหวัง...
ความงามยามพระอาทิตย์ตกที่เกาะสุรินทร์
เย็นวันนี้ท้องฟ้าใสกระจ่างไร้เมฆหมอก เสียดายอยู่นิดเดียวตรงจุดพระอาทิตย์ตกตรงกับ เกาะบังพอดี๊พอดี..ไม่เช่นนั้นเราคงได้เห็น ไข่แดง จุ่มน้ำเป็นครั้งแรกแน่นอน ถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกเกือบจะถึงเกาะแล้ว ช่วงเวลาทองของดวงตะวันที่กำลังจะลับลง หลังเกาะช่างสั้นนัก สั้นจนสาว สาว สาว มาเกือบไม่ทันได้เห็น หลังจากพระอาทิตย์ลับไปแล้ว เราก็ยังรอแสง ส่งท้ายที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากพระอาทิตย์ตก แล้วสักพัก แต่วันนี้ไม่มีให้เห็นเลย ภาพของ ท้องฟ้าหลังจากพระอาทิตย์ตกไปแล้วจึงไม่มี สีสันสักเท่าใด.
ภาพซ้าย, บน พระอาทิตย์ตกที่อ่าวช่องขาด ภาพล่าง อาการคนกำลังมีความสุข..ภรรยาผม
อย่างที่บอก ว่ากว่าที่สามสาวจะมาถึงก็เป็นเวลาที่พระอาทิตย์จะตกแล้ว ก็เลยแทบจะไม่ได้ภาพถ่ายที่มีฉากหลังเป็นพระอาทิตย์กำลังตกเลย ได้แต่ภาพลูกสาว ส่วนของแม่นั้นรีบจนหลุดโฟกัสซะงั้น...เเฮ่ะ แฮ่ะ เลยไม่มีภาพถ่ายคู่กับตะวันไว้เลย.
เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว เราก็ยังเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปกันต่อ ถึงแม้ว่าแสงท้องฟ้าจะไม่สวยนักก็ตาม จากนั้นก็กลับไปที่ร้านอาหาร มื้อค่ำนี้สบายมากๆ มีแต่นักท่องเที่ยวที่พักบนเกาะ ร้านจึงไม่หนาแน่น เหมือนมื้อกลางวัน เราจบวันนี้ด้วยมื้อค่ำอย่างมีความสุขอีกวัน พรุ่งนี้เช้าเราจะไปชมหมู่บ้านมอแกน บ่ายก็เดินทางกลับเข้าฝั่ง แล้วจะมาเล่าต่อครับ.
เที่ยวเกาะสุรินทร์วันแรก เที่ยวเกาะสุรินทร์วันที่สาม
Create Date : 03 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 1 ธันวาคม 2554 1:07:11 น. |
|
36 comments
|
Counter : 7656 Pageviews. |
|
|
เมื่อสองปีก่อนลูกสาวโตขนาดนี้ ตอนนี้คุณพ่อน่าจะไว้หนวดแล้วมั้ง
สามสิบปีที่สอนหนังสือย้ายหลายโรงเรียนสอนก็หลายชั้น
แต่ละโรงเรียนก็ไกลพอทน สิ่งที่ทำให้อดทนทำเรื่องซ้ำๆมายาวนานขนาดนี้
เพราะ...มันคืออาชีพค่ะ ถ้าเราไม่ทำแล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เมื่อทำแล้วความตั้งใจมุ่งมั่นก็จะตามมาเอง ความท้าทายใหม่ๆมีเข้ามาเสมอ
งานผ้าเป็นงานอดิเรกที่ป้าเกรซใช้เป็นยา รักษาใจตัวเอง ใจดีกายก็ดีตามไปด้วย ตอนนี้เทิร์นโปรแล้วนะคะ รับออเดอร์ยาวยืดคิวจะข้ามปีแล้ว 5555 เพราะไม่ค่อยจะทำน่ะ
ดีแล้วค่ะ เหนื่อยนักก็พักบ้าง บางครั้งเงินเป็นนายเรา แต่บางคราวเราก็เป็นนายเงินบ้าง แบ๊งค์ที่เก็บๆไว้เอามาใช้บ้างเดี๋ยวหลวงท่านเปลี่ยนรุ่น แล้วจะต้องยุ่งเอาไปแลกที่คลังนะ จะว่าป้าไม่เตือน