" เรื่องราวต่างๆเป็นดั่งทองคำในเทพนิยาย เมื่อคุณแจกจ่ายไปมากขึ้น คุณก็ได้รับกลับมามากขึ้น " พอลลี แมคไกวร์
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

042. พระมหามัยมุนี (Mahamuni Buddha) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่บ้านของพม่า

พระมหามัยมุนี (Mahamuni Buddha)




พระมหาเมียะมุนี


พระมหามัยมุนี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

พระมหามัยมุนี (Mahamuni Buddha) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่บ้านของพม่า เปรียบได้กับพระแก้วมรกตซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย และเป็นหนึ่งในห้าศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า

คำว่า มหามัยมุนี แปลว่า "ผู้รู้อันประเสริฐ" (The Great Sage) ชาวพม่าจะเรียกว่า มหาเมียะมุนี เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ อดีตราชธานีของพม่าในยุคราชวงศ์คองบอง เดิมทีเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของยะไข่ มีตำนานเล่าว่า สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยกษัตริย์แห่งเมืองยะไข่ องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์ สูง 12 ฟุต 7 นิ้ว หนัก 6.5 ตัน ก่อนสร้าง กษัตริย์ผู้สร้างทรงพระสุบินว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาประทานพรให้พระพุทธปฏิมาองค์นี้ เป็นตัวแทนของพระองค์ เพื่อเป็นเครื่องสืบพระศาสนาไปในภายหน้า โดยในอดีต แม้เมืองยะไข่จะถูกโจมตีโดยกษัตริย์เมืองอื่นที่ทรงแสนยานุภาพอย่างไร ก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนย้ายองค์พระมหามัยมุนีนี้ออกจากเมืองได้ ต้องมีเหตุให้ขัดข้องทุกครั้งไป

จนกระทั่งถึงรัชสมัยพระเจ้าปดุง แห่งราชวงศ์คองบองสามารถตียะไข่ได้ และได้อัญเชิญพระมหามัยมุนีออกจากยะไข่ได้ ในปี พ.ศ. 2327 (ภายหลังการสถาปนากรุงเทพมหานครและการปราบดาภิเษกขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติของสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 2 ปี) โดยล่องมาตามแม่น้ำอิระวดีมายังเมืองมัณฑเลย์ได้สำเร็จ พระมหามัยมุนีจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองมัณฑเลย์เป็นการถาวรนับแต่นั้นเป็นต้นมา

และด้วยความเชื่อว่า พระพุทธมหามัยมุนี นี้เป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต เพราะด้วยเหตุที่ได้รับประทานพร (บางตำนานก็เล่าว่าได้รับประทานลมหายใจจากพระพุทธเจ้า) จึงมีประเพณีล้างพระพักตร์ถวาย โดยทุกเช้า เวลาประมาณ 04.00 น. (ตี 4) พระมหาเถระและสาธุชนทั่วไปที่ศรัทธาจะมาทำพิธีล้างพระพักตร์ด้วยน้ำอบน้ำหอมผสมทานาคาอย่างดีพร้อมกับใช้แปรงทองแปรงที่พระโอษฐ์เสมือนหนึ่งแปรงพระทนต์ถวายพระพุทธเจ้า ก่อนใช้ผ้าจากศรัทธาสาธุชนถวายมาเช็ดจนแห้งสนิท พร้อมใช้พัดทองโบกถวายเป็นอันดีเสมือนหนึ่งได้อุปัฏฐากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนมชีพอยู่จริง ๆ

อนึ่ง องค์พระมหามัยมุนีมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเป็นรอยย่นตะปุ่มตะป่ำไปทั้งพระองค์ ซึ่งหากเอานิ้วกดลงไป ก็จะรู้สึกได้ถึงความอ่อนนิ่มของทองคำเปลวที่ปิดทับซ้อนกันนับเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ชั้น ตลอดระยะเวลาเนิ่นนานกว่าศตวรรษ ทำให้พระมหามัยมุนีมีอีกพระนามหนึ่งว่า “พระเนื้อนิ่ม” แต่น่าแปลกที่ว่า แม้จะมีการปิดทองซ้ำแล้วซ้ำอีกจนองค์พระใหญ่ขึ้นเพียงใดก็ตาม แต่พระพักตร์ขององค์พระมหามัยมุนีก็ยังแลดูใหญ่ตามองค์พระอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีการปิดทองที่องค์พระเลยแม้แต่น้อย

สำหรับในประเทศไทย ที่วัดหัวเวียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ก็ได้มีองค์พระจำลองของพระมหามัยมุนีนี้เป็นพระประธานของวัดด้วย

Source://th.wikipedia.org/wiki

------------------------------------------------

ภาพจาก //www.





ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
เที่ยวพม่า...วัดพระมหามัยมุนี
จาก //www.oceansmile.com/Phama/Pramahamunee.htm





368. พระมหามัยมุนี ซึ่งแปลว่า “มหาปราชญ์”





369. พระมหามัยมุนี ซึ่งแปลว่า “มหาปราชญ์”





374. พระมหามัยมุนี ซึ่งแปลว่า “มหาปราชญ์”


• พระมหามัยมุนี 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของประเทศพม่า

• ตามตำนานเล่าว่า พระเจ้าจันทสุริยะ กษัตริย์ของชาวยะไข่แห่งเมืองธัญญวดี (ปัจจุบันอยู่ในรัฐยะไข่ ทางด้านตะวันตกของพม่าติดกับบังคลาเทศ) โปรดฯให้สร้างพระมหามัยมุนี ซึ่งแปลว่า “มหาปราชญ์” ขึ้นในปี พ.ศ.689 หรือเกือบสองพันปีมาแล้ว เหตุเพราะพระพุทธเจ้าเสด็จมาเข้าพระสุบินประทานพรแก่พระเจ้าจันทสุริยะ ให้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นเพื่อเชิดชูพุทธศาสนาให้รุ่งเรือง แต่เนื่องจากว่ามีขนาดใหญ่จึงต้องหล่อแยกเป็นชิ้นแล้วจึงนำมาประสานกันได้สนิทจนไม่เห็นรอยต่อเป็นที่น่าอัศจรรย์ เชื่อกันว่าเป็นด้วยพรของพระศาสดาประทานไว้

• ความงดงามและความศักดิ์สิทธิ์ของพระมหามุนีเลื่องลือไปไกล จึงเป็นที่หมายปองของกษัตริย์พม่านับตั้งแต่สมัยพระเจ้าอโนรธาแห่งอาณาจักรพุกาม บุเรงนองมหาราชแห่งหงสาวดี และอลองพญามหาราชแห่งรัตนปุระอังวะ ล้วนเพียรพยายามยกทัพไปชะลอพระพุทธรูปองค์นี้มาประดิษฐานเพื่อเป็นศิริมงคลแห่งดินแดนพม่าทุกยุคทุกสมัย แต่ต้องล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะความทุรกันดารของเส้นทางที่เต็มไปด้วยแม่น้ำและภูเขาสูง
จนกระทั่งประสบความสำเร็จในสมัยพระเจ้าปดุง ก็สามารถนำเอาพระมหามุนีมาไว้ที่กรุงมัณฑะเลย์เมื่อปี พ.ศ.2327 ในปัจจุบันชาวพม่ายังเรียกพระมหามุนีอีกชื่อหนึ่งว่า “พระยะไข่”

• วัดมหามัยมุนีมีธรรมเนียมปฎิบัติเช่นเดียวกับปูชนียสถานทุกแห่งในพม่าคือไม่อนุญาตให้สุภาพสตรีเข้าใกล้องค์พระได้เท่าสุภาพบุรุษ ซึ่งสามารถขึ้นไปปิดทองที่องค์พระได้เลย โดยทางวัดกำหนดให้เขตสตรีกราบสักการะองค์พระได้ระยะใกล้สุดราว 10 เมตร แต่สามารถซื้อแผ่นทองฝากผู้ชายขึ้นไปปิดทองแทนได้

• อย่างไรก็ตาม มีกิจกรรมหนึ่งที่จะทำให้สตรีสามารถสัมผัสองค์พระได้ โดยผ่านแป้งตะนะคาที่ใช้ล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี โดยทุกๆเช้า ทางวัดจึงจัดพื้นที่บริเวณลานด้านหน้าองค์พระ ให้พุทธศาสนิกชนทั้งชายและหญิงช่วยกันฝนท่อนไม้ตะนะคา เพื่อให้ได้แป้งหอมจากเปลือกไม้ แล้วเอามาใส่ผอบรวมกันไว้มากๆ สำหรับนำไปผสมน้ำประพรมพระพักตร์องค์พระในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น

• ด้วยเหตุแห่งความศรัทธาว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีชีวิต จึงเป็นที่มาของธรรมเนียมการล้างพระพักตร์ให้องค์พระทุกๆรุ่งสาง เหมือนดั่งคนที่ต้องล้างหน้าแปรงฟันทุกเช้า โดยมีพระทำหน้าที่ล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนีทุกวันตั้งแต่ราวตีสี่ครึ่ง โดยเริ่มจากประพรมพระพักตร์ด้วยน้ำผสมเครื่องหอมทำจากเปลือกไม้ “ตะนะคา” ซึ่งชาวบ้านนำมาบริจาคให้วัดทุกวัน จากนั้น ก็ใช้แปรงขนาดใหญ่ขัดสีบริเวณพระโอษฐ์ดั่งการแปรงฟันแล้วใช้ผ้าเปียกลูบไล้เครื่องหอมดั่งการฟอกสบู่จนทั่วทั้งพระพักตร์ จึงมาถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือการใช้ผ้าขนหนูเช็ดพระพักตร์ให้แห้งและขัดสีให้เนื้อทองสัมฤทธิ์ที่พระพัตร์นั้นสุกปลั่งเป็นเงางามอยู่เสมอ จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุใดพระมหามัยมุนีจึงเป็นพระพุทธรูปที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบเป็นประกายวาววามอย่างที่สุดองค์





362. พระมหามัยมุนี มัณฑะเลย์





372. พระมหามัยมุนี มัณฑะเลย์





387. เครื่องสัมฤทธิ์ เขมร





388. เครื่องสัมฤทธิ์ เขมร





391. เครื่องสัมฤทธิ์ เขมร




389. เครื่องสัมฤทธิ์ เขมร


• หุ่นยนต์ศิลปะเขมร

• อาคารด้านหลังของมณฑปครอบองค์พระมหามัยมุนี มีห้องจัดแสดงศิลปวัตถุประเภทเครื่องสัมฤทธิ์ 6 ชิ้น ซึ่งนักประวัติศาสตร์ลงความเห็นว่าเป็นเครื่องสัมฤทธิ์ศิลปะเขมรแบบ “บายน” หล่อขึ้นในแผ่นดินพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 (อาณาจักรเขมรสมัยเมืองพระนคร)ประกอบด้วยรูปช้างเอราวัณ 1 ชิ้น รูปสิงห์ 3 ชิ้น รูปพระอิศวร 2 ชิ้น ซึ่งชาวพม่านิยมมาสักการะโดยใช้มือลูบคลำ ด้วยเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต บางคนลูบเฉพาะท้องของพระอิศวรเพื่อขอลูก บางคนลูบหัวสิงห์ด้วยเชื่อว่าจะได้รับพรให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม บางคนลูบเฉพาะจุดที่ตนเองเจ็บไข้ได้ป่วย เช่น ปวดหัวเรื้อรังก็ลูบเศียรพระศิวะหรือเศียรช้างเอราวัณ

• ประวัติศาสตร์เครื่องสัมฤทธิ์ชุดนี้ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองทรงนำมาจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อคราวยกทัพไปตีเมื่อ พ.ศ. 2112 หรือคราวเสียกรุงครั้งที่ 1 นำมาตั้งไว้ที่พระราชวังหงสาวดีเป็นเวลา 30 ปี ครั้นเมื่อยะไข่ตีกรุงหงสาวดีในสมัยพระเจ้าทันทบุเรงในปี พ.ศ. ก็นำเอาเครื่องสัมฤทธิ์ชุดนี้ไปไว้ที่วัดมหามัยมุนีที่เมืองยะไข่ นานถึง 180 ปี จนกระทั่งพระเจ้าปดุงยกทัพไปแย่งพระมหามัยมุนีมาจากชาวยะไข่ ก็ได้นำเอาเครื่องสัมฤทธิ์ชุดนี้พร้อมกับพระมหามัยมุนีมาไว้ที่ราชธานีอมรปุระ จากนั้นก็ย้ายพระราชวังมาที่เมืองมัณฑะเลย์

• ศิลปวัตถุเครื่องสัมฤทธิ์ชุดนี้ พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาระบุว่า เครื่องสัมฤทธิ์ชุดนี้ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) ได้มาจากเขมรเมื่อครั้งยกทัพไปตียโศธรปุระ(นครธม) พ.ศ. 1966 จึงเท่ากับมาตั้งอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา 146 ปีแล้วจึงไปอยู่ที่กรุงหงสาวดี
องค์จำลองของพระมหามัยมุนี

• ความงามที่เป็นชื่อเลื่องลือของพระมหามัยมุนีทำให้มีพระพุทธรูปหล่อขึ้นโดยเลียนแบบปางมารวิชัยทรงเครื่องกษัตริย์องค์นี้มากมาย ในเมืองไทยคือพระเจ้าพาราละเข่ง ประดิษฐานที่วัดหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ตามประวัติเล่าว่า เมื่อตอนหล่อพระพุทธรูปองค์นี้แยกหล่อเป็น 9 ส่วนแล้วนำลงเรืองล่องมาตามแม่น้ำสาละวินมาประกอบที่เมืองแม่ฮ่องสอน และ อีกองค์หนึ่งคือพระพุทธมหามัย ประดิษฐานที่วัดไทยวัฒนาราม อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก จำลองแบบมาจากพระมหามัยมุนีเมืองมัณฑะเลย์ โดยฝีมือช่างชาวไทใหญ่





393. เครื่องสัมฤทธิ์ เขมร




397. วัดพระมหามุนี มัณฑะเลย์





410.วัดพระมหามุนี มัณฑะเลย์




404. วัดพระมหามุนี มัณฑะเลย์


ที่มา:
บริษัท โอเชี่ยนสไมล์ จำกัด
โทร 0-2969 3684-5, 0-2969 3664-5
แฟ็กซ์ 0-2944 0825, 0-2969 3680
เลขที่ 23/15 ซอยนวมินทร์ 161 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230

เจาะลึก...ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรมและธรรมชาติ...กับโอเชี่ยนสไมล์ทัวร์

Source://www.oceansmile.com/Phama/Pramahamunee.htm

--------------------------------------------------------



การเดินทางเป็นมากกว่าการไปเยี่ยมชมสถานที่ตางๆ มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ดำเนินไปอย่างลึกซึ้งและยั่งยืนในแนวคิดเรื่องการใช้ชีวิต

มิเรียม เบียร์ด

จากหนังสือ พลังแห่งชีวิต ฉบับ นักเดินทาง




 

Create Date : 06 สิงหาคม 2553
2 comments
Last Update : 6 สิงหาคม 2553 14:54:01 น.
Counter : 4331 Pageviews.

 

อิจฉาคนจะไปเที่ยวเด้อ

 

โดย: tuk-tuk@korat 6 สิงหาคม 2553 16:43:05 น.  

 

คัดลอกมาจาก ส่วนหนึ่งของบทความนำเที่ยวของ บริษัท เอส ซี ฮอลลิเดย์

ออกเดินทางไปร่วมพิธิกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ ในพิธีกรรมล้างหน้า พระพักตร์ พระมหามัยมุนี และร่วมกันถวายผ้าจีวรแด่พระมหามัยมุนี พระพุทธรูป องค์นี้เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวพม่าเช่นเดียวกับพระแก้วมรกตของ ประเทศไทย ชาวพม่าไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดจะต้องหาโอกาสไป
กราบนมัสการพระมหามัยมุนีให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต พระมหามัยมุนีเป็น พระสำริดขนาดใหญ่ มีต้นกำเนิดที่เมืองยะไข่ แต่ก็มีกิตติศัพท์เลื่องลือเป็นที่หมายปองของกษัตริย์พม่า เจ้าแผ่นดินพม่าที่มีอานุภาพนับแต่พระเจ้าอโนรธาแห่งพุกาม และพระเจ้าอลองสินธุ ซึ่งตียะไข่ได้พยายามจะขนย้ายพระมหามัยมุนีนี้ขึ้นสู่แดนพม่าเหนือ แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ จวบจนถึงสมัยพระเจ้าปะดุง ( หรือ Bodawpaya ) ส่งทัพลงไปยึดยะไข่ได้ และได้เคลื่อนย้ายพระมหามัยมุนีนี้ขึ้นมาประดิษฐานยังกรุงอมรปุระได้สำเร็จ ปรากฎการณ์
อันไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทำให้พระเจ้าปะดุงได้มาซึ่งพระเกียรติยศซ้ำยังเชื่อมั่นในอานุภาพของตนเอง จึงกรีฑาทัพมาตีกรุงเทพฯ ติดต่อกันถึงสองครั้ง คือในคราวศึกเก้าทัพ ( พ.ศ.2328 ) และศึกรบพม่าที่ ท่าดินแดง (พ.ศ.2329 ) แต่ก็ต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ ที่วัดพระมหามัยมุนีนี้ยังเป็นที่เก็บรักษาของเก่าหลายชั้น ที่สำคัญโดดเด่นและเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ไทยคือ รูปโลหะหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ 6 รูป ซึ่งเป็นฝีมือช่างเขมรยุคพระนคร เมื่อเจ้าสามพระยากษัตริย์อยุธยายกไปตีเขมรได้ในปี
พ.ศ.1974 ได้โปรดให้ขนไปไว้ที่อยุธยา ครั้นต่อมาพระเจ้าบุเรงนองตีกรุงศรีอยุธยาได้ขนเอารูปหล่อไปยังกรุงหงสาวดี ต่อมาเมื่อพวกยะไข่เข้าปล้นเมืองหงสาวดีได้ขนรูปหล่อไปเก็บรักษาไว้ ครั้นพระเจ้าปะดุงตีเมืองยะไข่ได้ จึงโปรดให้ขนรูปหล่อขึ้นไปยังกรุงอมรปุระพร้อมกับพระมหามัยมุนี ชาวบ้านทั่วไปเชื่อว่า รูปหล่อนี้ศักดิ์สิทธิ์ถือเคล็ดว่า หากร่างกายส่วนใดเกิดเจ็บปวดให้ไปลูบคลำรูปหล่อตรงบริเวณที่เจ็บปวดนั้น

Source: //www.scholiday.co.th/product.php?productid=634&language=1

 

โดย: moonfleet 7 สิงหาคม 2553 16:44:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


moonfleet
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




ไม่มีสิ่งใดจะเกิดขึ้นมาได้ หากไม่เคยเป็นความฝันมาก่อน
New Comments
Friends' blogs
[Add moonfleet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.