อะไร ๆ เรื่อย ๆ ตามใจฉัน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
19 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 

คนที่ซวยก็คือตัวลูกน้อย

ไม่รู้ใครจะรู้สึกเหมือนเรามั้ย สำหรับคนที่มีครอบครัวแล้ว มีลูก เวลาอ่านข่าวคนดังหย่าร้างกัน มีปัญหาครอบครัวทีไร คู่ที่มีลูกแล้ว เราจะรู้สึกหดหู่ใจทุกครั้ง สงสารเด็ก สงสารลูกของเขา พาลให้นึกไปถึงเพลงเก่าๆ ของคาราบาว ที่ร้องว่า "คนที่ซวยก็คือตัวลูกน้อย"

ไม่ใช่แค่ข่าวคนดังหรอก แม้แต่กระทู้ที่มีคนมาเล่าเรื่องการเลิกรา การหย่าร้าง ก็อดนึกไปถึงเด็กไม่ได้ อย่างกระทู้ของแม่บ้านต่างแดนท่านหนึ่ง ที่มาเล่าเรื่องสามีไปมีผู้หญิงคนใหม่ เราอ่านไปก็น้ำตาซึม เห็นใจฝ่ายหญิง แต่เศร้าจับใจเมื่อนึกถึงลูกของเขา

เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นในครอบครัว เราคงไปบอกไม่ได้ว่าควรอดทน ประคับประคองชีวิตคู่ อยู่เพื่อลูก เพราะชีวิตแต่ละคน ไม่เหมือนกัน ความคิดไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากให้ทั้งสามี ภรรยา หยุดคิดสักนิดว่า เมื่อเราร่วมกันสร้างครอบครัวแล้ว เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกแล้ว จะทำอะไร ตัดสินใจอะไร ดำเนินชีวิตอย่างไร ควรนึกถึงลูกบ้าง นึกถึงจิตใจเด็กๆ บ้าง

สำหรับเด็กนั้น สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ไม่ใช่เสื้อผ้าราคาแพง หรือของเล่นวิเศษเลิศหรูอลังการ ไม่ใช่พี่เลี้ยงที่แสนดีพะเน้าพะนอเอาใจ แต่เป็นความรัก ความเอาใจใส่ ความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อและแม่

เราคิดอย่างนี้ จากที่เราเลี้ยงลูกของเราเอง เราไม่คิดว่าลูกเราจะต่างจากเด็กทั่วไปเท่าไรนะ ช่วงเวลาที่เราเห็นว่าลูกมีความสุขที่สุด คือเวลาที่เราสามคนพ่อแม่ลูกไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่ใช่แค่ไปเที่ยว แม้แค่ไปเดินเล่น ไปสนามเด็กเล่น ไปไขตู้ไปรษณีย์ หรือไปซื้อของ เวลาที่สองคนจูงมือลูกคนละข้าง ลูกจะแหงนหน้ามองพ่อที มองแม่ที ยิ้มอย่างมีความสุข ปากก็พูดคุยเจื้อยแจ้ว เรารับรู้ความรู้สึกของลูกได้

พ่อแม่บางคู่ ให้เหตุผลของการหย่าว่า ไม่มีเวลาให้กัน เราสงสัยจังว่า แล้วมีเวลาให้ลูกกันบ้างมั้ย ทำไมสนใจแต่ทำงานหาเงิน จริงอยู่ที่เงินเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต แต่ก็ไม่ควรงกๆ หาเงิน จนไม่มีเวลาให้ครอบครัว เพราะท้ายสุดแล้ว ไม่ว่าคุณจะได้เงินมามากเท่าไร แต่มันไม่ได้สร้างความสุขทางใจให้กับครอบครัว เงินทองมากมายนั้นมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันไม่ได้นำความสุขที่แท้มาให้กับคุณ

ครอบครัวของเราไม่ได้ร่ำรวย เป็นชนชั้นกลางที่หาเงินได้พอใช้ และต้องกินอยู่ใช้จ่ายอย่างประหยัด ซึ่งคงมีรายได้มากกว่านี้ ถ้าเราออกไปหางานประจำที่ทำงานแบบเต็มเวลา 5 วัน/สัปดาห์เป็นอย่างน้อย แล้วก็ส่งลูกไปเดย์แคร์ซะ แต่...เราไม่ทำ เพราะเราอยากอยู่กับลูก อยากดูการเติบโตของลูก อยากให้ความรัก ความอบอุ่นกับลูกมากที่สุด เรารู้ว่าลูกก็ไม่อยากอยู่เดย์แคร์ เขาอยากอยู่กับคนที่รักเขา คนที่เขาวางใจ และรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยมากที่สุด สำหรับเรา เงินที่อาจหาได้เพิ่มขึ้นมันไม่คุ้มกับเวลาที่จะได้อยู่กับลูกเลย

แต่ก็อีกนั่นละ แต่ละครอบครัวต่างกัน มีความจำเป็นไม่เหมือนกัน บางคนต้องออกไปทำงานกันตัวเป็นเกลียวทั้งพ่อและแม่ แต่ต้องทำงานหนักแค่ไหน ก็ขอให้อย่าลืมลูก เด็กๆ เข้าใจว่าพ่อแม่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ หากเมื่อไรมีเวลาว่างแม้จะมีเพียงน้อยนิด ก็แบ่งปันให้ลูกบ้าง ให้เขารู้ว่าพ่อแม่รักเขา และอย่าลืมเติมความรักระหว่างพ่อแม่ด้วย ตราบใดที่พ่อแม่รักกัน ความสุขที่เกิดจากความรักนั้นมันแผ่มาถึงลูกด้วย เพราะลูกรับความรู้สึกนั้นได้ อย่าคิดว่าเขายังเด็กมากไม่รู้เรื่อง เขารับรู้ เพียงแต่เขาไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง

เขียนอะไรไปเรื่อยเปื่อย...ไม่เป็นบทความเท่าไร แค่อยากเขียนความรู้สึกของคนเป็นแม่ และเป็นภรรยาคนหนึ่งเท่านั้นเอง




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2551
4 comments
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2551 14:12:38 น.
Counter : 1077 Pageviews.

 

เห็นด้วยค่ะ แต่ก่อนลูกคือโซ่ทองคล้องใจ เดี๋ยวนี้คนเราอดทนน้อยลง คิดถึงตัวเองซะมาก

 

โดย: cutemd 19 กุมภาพันธ์ 2551 20:50:46 น.  

 

ฝนเห็นด้วยนะค่ะที่เราเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง แต่การส่งเขาไปเดย์แคร์เพราะต้องการให้ลูกเรียนรู้การอยู่กับผู้อื่น ปล.ในความคิดเข้าฝนนะค่ะ

 

โดย: namfonJC 21 กุมภาพันธ์ 2551 2:25:57 น.  

 

เห็นด้วยค่ะพี่ว่า คนสมัยนี้มีความอดทนในการใช้ชีวิตครอบครัวน้อยลง
หรือว่าเราไม่รู้ความจริงก็ไม่รู้นะคะ แต่เด็กตาดำๆ น่าสงสารมากกว่าค่ะ

 

โดย: Second impact 23 กุมภาพันธ์ 2551 7:58:01 น.  

 

cutemd - สวัสดีค่ะ คุณ cutemd ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ จะว่าไปก็จริงนะคะว่า บางคนคิดถึงตัวเองมากกว่า บางคนยังยอมรับกับหน้าที่และภาระของตัวเองไม่ได้ และไม่สามารถทำใจให้มีความสุขกับหน้าที่การเป็นพ่อเป็นแม่ได้ และการมีชีวิตคู่ได้ ซึ่งความอดทนมันก็ต้องมีถึงขีดสุดกันบ้าง แต่ยังไงเด็กก็ยังเป็นคนที่น่าเห็นใจอยู่ดี


namfonJC - พี่ก็เห็นด้วยเรื่องการส่งลูกไปเดย์แคร์เพื่อให้ลูกรู้จักการเข้าสังคม และเรียนรู้การใช้ชีวิตกับคนอื่นค่ะ ถ้าพี่มีกำลังทรัพย์พอพี่ก็อยากให้ลูกไปสักครึ่งวันเหมือนกัน ที่ผ่านมาช่วงที่พี่ทำงานพาร์ทไทม์ พี่ก็ต้องส่งลูกไปเดย์แคร์ 2-3 วันต่ออาทิตย์บ้าง ลูกก็โอเค แต่พอไม่ได้ทำงานแล้ว รู้สึกว่าเขามีความสุขมากกว่า ตอนนี้ก็พาลูกไปเล่นตามพาร์ค ไปฟังนิทาน แล้วก็ทำความรู้จักกับกลุ่มแม่ๆ พาลูกไปเล่นด้วยกันบ้าง ก็หาเพื่อนใหม่ๆ ให้ลูกเพิ่มขึ้นได้ค่ะ

Second impact - แอน พี่ก็เคยคิดนะถ้าชีวิตครอบครัวไม่มีความสุข พี่ก็จะไม่ทนเหมือนกัน แต่ชีวิตคู่มันต้องประกอบทั้งสองฝ่าย ทั้งคู่ต้องช่วยกันประคับประคองเพื่อลูก ไม่ใช่หน้าที่แค่คนหนึ่งคนใด

 

โดย: ปอมปอมเกิร์ล 25 กุมภาพันธ์ 2551 0:01:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปอมปอมเกิร์ล
Location :
California United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




บล็อกจับฉ่าย บางทีก็อวดรูปลูก บางทีก็เล่าเรื่องที่ไปเที่ยว บางทีก็เล่าไปเรื่อยเปื่อย แนะนำหนังสือบ้าง แล้วแต่เวลาและอารมณ์จะพาไป

* * * * * * *

ส่งเสริมมิตรภาพ และการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ตให้สวยงาม หอมหวานตลอดไป บทความและรูปภาพในบล็อกนี้จึงต้องเป็นไปตามนี้นะจ๊ะ

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


Friends' blogs
[Add ปอมปอมเกิร์ล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.