ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
17 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 

~~รักป่วน ๆ ของก๊วนเด็กแสบ~~ ตอนที่ 8

"......อ่านแล้วไม่เม้นต์ไม่ว่า ก็แค่ไม่อัพแค่นั้นเอง....."



Pad talk......

ผ่านมา 2 วันแล้วไอ้เหมี่ยวยังไม่ฟื้นเลย ผมกับไอ้ต้นมาเยี่ยมมันหลังเลิกเรียนทุกวัน ส่วนไอ้พริกไม่ยอมไปเรียนเลยมันอยู่ที่นี่ตลอด อย่างว่าแหละครับไอ้คู่นี้มันสนิทกันมาก ก็เลยเป็นห่วงกันมากว่าปกติ

“เป็นไงบ้างวะ พริก”

ผมถาม ไอ้พริกส่ายหน้าช้า ๆ ตอนนี้หน้ามันโทรมโคตร หน้าตาซีดเซียว

“พ่อแม่มันรู้หรือยัง?” ไอ้พริกส่ายหน้าอีก

“อยู่ต่างประเทศกันหมด วันก่อนพี่มันก็มาเยี่ยม”

“มันมีพี่ด้วยเหรอวะ” ไอ้ต้นถาม

“อืม มีน้องสาวอีกด้วยต่างหาก”

“น่ารักมั้ยพี่กับน้องมันอ่ะ” ผมถามเร็วปรือ

“ไอ้เลวพัฒเพื่อนจะตายอยู่แล้วยังมีหน้ามาถามอีก น่ารักกันคนละแบบกับไอ้เหมี่ยว”

ไอ้เวร!!! ทำเป็นบ่นให้ฉันแล้วบอกฉันทำไมวะ

“น่ารักแบบไหนวะ?” ดีมากไอ้ต้นที่ถามแทนฉัน

“พี่เจี๊ยบสวยมากกว่าน่ารักวะ คม ๆ ดูดุ ๆ อะ ส่วนน้องมันที่ชื่อชมพู่ไม่รู้วะได้ยินแต่เสียง แต่ดูท่าคงน่ารักอยู่แต่เสียงดุชิบ”

“ฉันว่าบ้านไอ้เหมี่ยวต้องเลี้ยงลูกด้วยอาหารหมาแน่วะแต่ละคนเอาเรื่องทั้งนั้น”

ผมออกความเห็น ไอ้พริกพยักหน้าเห็นด้วย แล้วมันก็เล่าเรื่องที่มันฟังมาจากพี่สาวไอ้เหมี่ยวให้ฟัง พวกผมถึงกับอึ่ง ทึ่ง เสียว แวบทีเดียว ก่อนจะมีอะไรมากไปกว่านี้ สัญญาณบางอย่างก็เตือนให้พวกผมทราบว่าคนที่นอนหลับอยู่บนเตียงตื่นจากการนอนหลับแล้ว

“เหมี่ยว!!! เหมี่ยว!!!! เป็นไงบ้าง?”

ไอ้พริกชะโงกหน้าเข้าเกือบชิดหน้าไอ้เหมี่ยว เฮ้ย ๆ มันใกล้เกินความจำเป็นและความเป็นเพื่อนแล้วโว้ย!!! รอยยิ้มดีใจที่ผมไม่ได้เห็นมาหลายวันแล้วตั้งแต่ไอ้เหมี่ยวปางตาย ปรากฏบนใบหน้าของไอ้พริก


“เป็นไงบ้าง?”

ไอ้พริกถามไอ้เหมี่ยว แต่ไม่มีท่าทีว่าจะได้คำตอบจากไอ้เหมี่ยวเลย มันจึงลูบหน้าไอ้เหมี่ยวเบา ๆ และสิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อไอ้พริกจูบหน้าผากไอ้เหมี่ยวเบา ๆ มันชักจะยังไงแล้วนะ ระหว่างไอ้สองคนเนี๊ยะ

“พริก เหรอ???”

เสียงแผ่วเบาผ่านริมฝีปากซีด ๆ ของไอ้เหมี่ยวดังลอดออกมา ไอ้พริกพยักหน้ารับ รอยยิ้มของมันกว้างขึ้นอีกนิด ไอ้เหมี่ยวยิ้มบาง ๆ ให้ ผมไม่แน่ใจว่ามันตื่นหรือละเมอกันแน่ เพราะมันยิ้มทั้ง ๆ ที่ตายังไม่ลืมขึ้นมาเลย

“ขอน้ำ....”

เสียงของไอ้เหมี่ยวขาดหายไป ไอ้พริกรีบกุลีกุจอหาน้ำมาส่งให้ไอ้เหมี่ยวดื่ม ผมกับไอ้ต้นสบตากัน สายตาของไอ้ต้นถามผมว่า

แกคิดเหมือนฉันมั้ย?

ฉันคิดเหมือนแก..........

ผมตอบผ่านสายตา และจากนั้นผมก็ท้อง เฮ้ย!! ไม่ใช่ ผมก็หันกลับมาดูไอ้พริกกับไอ้เหมี่ยวอีก ไอ้เหมี่ยวหลับไปอีกรอบ ไอ้พริกจับมือไอ้เหมี่ยวมาแนบแก้มส่วนมืออีกข้างก็ลูบแก้มไอ้เหมี่ยวเบา ๆ

เฮ้ย!!! แกสองคนคงเป็นมากกว่าเพื่อนกันแล้วล่ะวะ ไอ้พริก ไอ้เหมี่ยวเอ้ย .............







prik talk.......

ไอ้พัฒกับไอ้ต้นกลับไปแล้ว แต่ผมก็ยังคงนั่งเฝ้าไอ้เหมี่ยวต่อ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นห่วงไอ้เหมี่ยวขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนไอ้เหมี่ยวก็เคยโดนซ้อมสภาพแย่กว่านี้อีก แต่ผมห่วงมันมากไม่เท่าครั้งนี้ ยิ่งตอนที่ผมเห็นสภาพมันครั้งแรกหัวใจของผมแทบหยุดเต้น มันช่างน่าสงสารเหลือเกิน

ผมทอดสายตามองใบหน้าหวาน ๆ ของมันที่ตอนนี้มีแต่รอยฟกช้ำ แทบไม่เหลือเค้า “ไอ้ทอมหื่นหน้าหวาน” คนเดิมเลย ความจริงมันไม่เหลือคราบเสือตั้งแต่เปิดเทอมแล้วมั้ง

คิดถึงตอนเจอมันตอนเปิดเทอมก็อดขำมันไม่หาย มันมายืนเอ๋ออยู่หน้าห้องบอกว่ากุญแจห้องหาย ความจริงมันลงมาเอาที่เจ้าของหอก็เข้าห้องได้แล้ว

“ไอ้ไง่เอ้ย!!” ผมพึมพำเบา ๆ ก่อนจะยิ้มให้มัน

ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมัน มันถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ไอ้เหมี่ยวคนเดิม ซ่า เซี้ยว กวนได้สุดTeen จริง ๆ เจ้าชู้หน้าม่อ เจ้าเล่ห์ หลงตัวเอง เอาแต่ใจ ปากร้าย นิสัยเสีย กินจุ ขี้โมโห ขี้เกียจโดยเฉพาะเรื่องเรียน แต่ไม่รู้ทำไมมันสอบผ่านแถมท็อปอีกต่างหาก (ฉันเก่งไงไอ้พริก 5555------ >มะเหมี่ยว) อ้อ!!! ขี้เมาด้วย มีดีแค่หน้าตาเรื่องเดียวเองมั้ง (ยังดีที่มีดีกับเค้าบ้าง)

แต่ตอนนี้ไอ้เหมี่ยวที่ผมนั่งกุมมืออยู่นี้ความรู้สึกบางอย่างบอกกับผมว่ามันไม่ใช่คนเดิม ร่างกายที่ดูเหมือนจะบุบสลายทันทีหากกระทบกับความรุนแรง ใบหน้าหวานที่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่ใบหน้าไอ้เหมี่ยว ความอ่อนโยน อ่อนหวานที่มักจะส่งผ่านสายตาคู่สวยออกมานั้นหากเป็นเมื่อก่อนคงไม่มีทางได้เห็น คงได้เจอแต่ลูกถีบ รอยยิ้มสดใส และท่าทางนุ่มนวลนั้นไอ้เหมี่ยวคนเดิมไม่เคยแสดงให้เห็น

ผมหลับตาลง นึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ระหว่างผมกับไอ้เหมี่ยว มันขัดแย้งกันไปหมด เวลาผมโกรธมันหรือทะเลาะกัน ไม่มีหรอกที่มันจะมาง้อ ผมก็รู้อยู่แล้ว แต่พักหลัง ไม่ว่าผมจะเคือง หรือโกรธมันก็เข้ามาง้อ ตอนแรกผมก็เสียวพิลึกล่ะ ร้อยวันพันปีมันทำที่ไหนละ

แต่ตอนมันมาง้อก็น่ารักดีนะครับ ยิ่งตอนผมยาว ๆ ยิ่งน่ารัก พอนึกมาถึงตอนนี้ก็อดคิดเรื่องจูบไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ไอ้เหมี่ยวทำอย่างนั้น สงสัยวันนั้นมันคงบ้า ก็คิดดูสิทอมที่ไหนจะจูบทอมด้วยกันล่ะครับ แต่ก็อย่างที่พูดนั่นแหละไอ้นี่มันบ้าวันนั้นโรคบ้าคงกำเริบ

แต่ยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนไป มันจะรู้หรือเปล่าว่าผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องที่มันทำขึ้น

“ไอ้บ้าเหมี่ยวรีบกลับมาเป็นคนเดิมเถอะวะ แกรู้มั้ยว่าที่แกเป็นอย่างทุกวันนี้ ทำฉันใจสั่นขนาดไหน”







Chompoo talk.......

“พริก.......พริก”

ทำไมเป็นคนนอนขี้เซาอย่างนี้นะ สมควรแล้วที่อยู่กับเหมี่ยวได้ ฉันเรียกจนเสียงจะหายแล้วนะ

“พริก......เค้าหิวน้ำ”

ตื่นซะที คอแห้งนะ ถ้าลงไปหยิบเองได้จะไม่ง้อเลยตาบ้า!!

แล้วความพยายามเรียกพริกให้ตื่นก็เป็นผลสำเร็จหลังจากที่พยายามอยู่เป็นชาติแล้ว พริกงัวเงียขึ้นมามองฉัน น่ารักจังหน้าตอนตื่นนอน แล้วพริกก็ทำให้ฉันตกใจด้วยการลุกพรวดขยับมาจนใกล้ฉัน

“ฟื้นแล้วเหรอ? เจ็บแผลมั้ย??” ฉันหิวน้ำยะ

“หิวน้ำนะ” แล้วพริกก็รีบไปเอาน้ำมาให้ฉัน

“หิวข้าวมั้ย?? เจ็บแผลหรือเปล่า? แล้วยังปวดหัวอยู่มั้ย???”

ฉันจะตายเพราะตอบคำถามเธอนั่นแหละพริก ฉันได้แต่ส่ายหน้า

“ไม่หิวแต่เจ็บแผลนิดหน่อย”

ฉันเจ็บแผลจริง ๆ นะ คอยดูนะหายเมื่อไหร่จะฟ้องเหมี่ยว ให้เหมี่ยวไปจัดการกับยัยพวกนั้น พูดถึงยัยพวกนั้นตอนนี้เป็นยังไงบ้างนะฉันจำไม่ได้แล้วว่ารอดมาได้ยังไง

“เค้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะ??”

“เราตามไปน่ะพอดีเจอคนที่เคยโดนแบบแก เค้าเลยพาไปหาถูก เลยพาแกออกมาได้ ทีหลังอย่าตามใครไปง่าย ๆ แบบนั้นอีกได้มั้ย?? เค้าเป็นห่วง”

คำพูดประโยคสุดท้ายของพริกทำให้ฉันใจพองคับอก พริกเป็นห่วงฉัน

“พอไม่มีแกให้กัดมันเหงาปากว่ะ”

แล้วใจที่พองอยู่มันก็แตกสลาย ฮือ ๆ ตาบ้าจะซึ้งหน่อยก็ไม่ได้

“ก็นึกว่าห่วงจริง ๆ ขอบใจ”

ฉันพูดน้ำเสียงสะบัด ๆ แล้วก็ไม่มองหน้าพริกอีก แต่รัศมีความหล่อของพริกมันเข้ามากระทบตรงหางตาของฉัน ฉันเห็นเค้ายิ้ม

“ยิ้มอะไร??”

ฉันถามพริก โอ้ม่ายยยย.......ไม่สงสารที่ฉันเจ็บเกือบตายก็สงสารคนอ่านที่เค้าเอือมระอากับอาการบ้าความหล่อของฉันหน่อยเถอะ ช่วยอย่ายิ้มแบบคนหน้าตาดีอย่างนี้ได้มั้ย

“เป็นห่วงจริง ๆ นะ รู้มั้ย?”

คราวนี้ฉันใจพองคับอกจริง ๆ แล้วค่ะ เพราะสายตาที่พริกส่งมาให้ฉันมันบอกว่าเป็นห่วงจริง ๆ แล้วพริกก็จูบเบา ๆ ตรงมือของฉัน >0< ???

“รู้รึเปล่าว่าตอนที่เจอแก หัวใจฉันแทบหยุดเต้น กลัวแกจะตาย” แช่งฉันเหรอ

“แต่ก็ไม่ตายนี่น่า”

“ใช่ เพราะแกมันบาปหนา พระเจ้าเลยให้อยู่ต่อไง”

-____-!!! ซึ้ง ถ้าพริกไม่ยิ้มหลังจากที่พูดจบฉันคงเคืองมาก แต่เพราะเห็นว่ายิ้มแล้วหน้าตาดีเลยยกให้ทีหนึ่งละกัน

“เหมี่ยว” ฉันสบตากับพริก

“วะ....ว่าไง” ฉันเริ่มเขิน ๆ กับสายตาที่พริกส่งมาให้แล้วสิ

“เป็นห่วงแกนะ” เสียงนุ่ม ๆ ของพริกทำให้ฉันลอยไปไกลแล้ว ลืมความเจ็บไปเลย

“อะ.....อืม”

“ห่วงมากด้วย รู้รึเปล่า??”

พริกเอามือของฉันที่เขากุมอยู่ไปแตะตรงริมฝีปาก ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับใบหน้ามาใกล้ ๆ กับหน้าฉัน พริกกำลังจะจูบฉัน ใบหน้าเราอยู่ใกล้กันมาก มากซะจนรู้สึกถึงลมหายใจของกัน

“เฮ้ย!!! ตื่นกันยังวะ??”

พริกขยับตัวกลับไปนั่งที่ทันที เสียงต้นทำลายบรรยากาศจนหมด ไม่งั้นเมื่อกี้เราคง อ๋ายยยยย........ฉันทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนพริกก็ก้มดูนิ้วตัวเอง ถึงจะทำเป็นเหมือนปกติ แต่มันก็ไม่ปกติจนคนที่เพิ่งเข้ามาอย่างต้น กับ พัฒรู้สึก

“เออ.....ฉันสองคนเข้ามาผิดจังหวะเปล่าวะ??” พัฒถามเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ ฉันรีบส่ายหน้า

“ปะ.....เปล่า”

“ก็ดี....แล้วเป็นไงบ้าง? ดีขึ้นยัง” ต้นถาม

“อืม....ก็ดี ไปเรียนมาแล้วเหรอ?”

“วันนี้ไปเรียนช่วงบ่ายอะ พอดีตอนเช้าพวกอาจารย์ประชุมกันนะ เออ....พูดถึงตอนบ่ายวันนี้แกต้องเข้าเรียนนะพริก มีสอบเก็บคะแนนวิชาอังกฤษ เดี๋ยวพวกฉันทำไม่ได้”

“กะลอกสิพวกแก” พริกตอบต้นไป

“ถูกกกกก!!!!”

ต้นกับพัฒพูดพร้อมกัน เราหัวเราะกัน คุยกันหลายเรื่อง ส่วนมากก็เรื่องตอนที่ฉันไม่ได้เข้าเรียน ไม่อยากเชื่อฉันไม่เข้าเรียนแค่ไม่กี่วันมีเรื่องสนุกเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

“ไอ้เหมี่ยวฉันมีเรื่องจะถามแกหน่อยอะ” ต้นเอ่ยขึ้น ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่า อะไร

“พักนี้แกดูแปลกไปนะ พวกฉันเลยเป็นห่วงมีอะไรหรือเปล่า?” -_____-!!! อึ้งค่ะ

“ไม่ได้เป็นไรนี่”

ฉันตอบโดยไม่สบตาต้น แต่ก็หันมาเจอกับสายตาของพริก เอาไงดีละชมพู่ ทำยังไงดีคิดสิคิด

“ฉันเห็นแกทำตัวแปลก ๆ เลยอยากรู้นะว่าเพราะอะไรแกถึงเปลี่ยนไป พวกฉันอยากรู้บอกได้ปะ” พัฒสำทับมาอีกคน

“ว่าไง?? ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่เป็นไรนะ”

พริกพูด แต่ฉันต้องทำอะไรบ้างอย่าง ทำยังไงดีล่ะ เอาที่ฟังขึ้นนะ

“คือว่า......” ฮือ ๆ ดูสายตาที่ทุกคนมองฉันสิ ไม่พูดคงไม่ได้แล้วล่ะ

“ความจริงก็คือ......”

“ความจริงก็คือ.....”

“คุณย่าน่ะ......” ไม่ใช่เสียงฉันนะ แล้วเสียงใคร ฉันหันไปหาต้นเสียง...............เจ๊เจี๊ยบ

“เป็นไงไอ้ตัวดี ดีขึ้นมั้ย??”

ดีใจ....เจ๊เจี๊ยบมาเยี่ยม อิอิ เจ๊เจี๊ยบรับไหว้พวกพริกพร้อมกับถามอาการของฉัน

“ค่ะ” เจ๊เจี๊ยบลูบหัวฉันอย่างรักใคร่

“ไม่ต้องห่วงนะ คนที่ทำอะไรกับเราไว้ ตอนนี้ผลกรรมกำลังติดตามมันอยู่” ฉันงง ๆ กับคำพูดของเจ๊ แต่เจ๊ก็คงรู้จึงพูดว่า

“คนส่งกรรมของเราทำหน้าที่ส่งกรรมให้มันเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่รอดูความทรมานของพวกมันเท่านั้นเอง”

“คนส่งกรรม??” ฉันทวนคำพูดเจ๊อย่างงง ๆ ก็จะเอะใจขึ้นมา

“หรือว่า.....” เจ๊เจี๊ยบยิ้ม ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ

“แล้วเมื่อกี้อะไรครับ พี่เจี๊ยบ ที่ว่าคุณย่าน่ะ?”

พริกเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังจากที่นั่งเงียบอยู่นาน เออ...ใช่ อะไรกันคุณย่า คุณย่าอยู่อเมริกานี่น่า

“คุณย่าเพิ่งกลับมาเมืองไทยน่ะ และท่านก็ไม่ค่อย Happy เท่าไหร่ที่มะเหมี่ยวทำตัวเป็นทอม เลยขอให้เหมี่ยวทำตัวเป็นเด็กผู้หญิงเรียบร้อยจนกว่าท่านจะกลับ อเมริกา”

เป็นอะไรที่น่าเชื่อถือค่ะ พวกพริกพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจ

“แล้วไม่บอกแต่แรกวะ จะได้ช่วยให้ดูเป็นสาวมากกว่านี้ ไอ้เราก็นึกว่าถูกใครฟาดกบาลจนเพี้ยน” ต้นพูดขึ้น

“แล้วคุณย่าจะกลับไปโน้นเมื่อไหร่ครับพี่เจี๊ยบ” พริกถามเจ๊อีก

“คงอีก 2-3 เดือนนะ ช่วงนี้ก็ดูแลเจ้านี่ให้ด้วยละกัน เพราะคุณย่ามีประกาศิตว่าห้ามก่อเรื่อง ห้ามหนุ่มแตก ห้ามทุกอย่างที่เคยทำมาไม่งั้นเรื่องรถและเรื่องอะไร ๆ ที่ขอไว้เหมี่ยวอด”

อ่านะ เจ๊เจี๊ยบเนียนมาก เก่งจริง ๆ มะเหมี่ยวได้เชื้อนี้มาจากเจ๊แกหรือเปล่านะเนี๊ยะ?? น่าคิด

แล้วเจ๊ก็ขอตัวกลับหลังจากที่มาอยู่จนเกือบเที่ยง แถมยังเอาพวกพริกไปด้วย ก็แหม!!! พวกพริกต้องไปสอบอีกนี่ บ่ายนี้เลยต้องอยู่คนเดียว พอไม่มีพริกแล้ว เซ็งจริง ๆ







Prik talk......

ผมขับรถออกจากหอหลังจากไปส่งไอ้ต้นกับไอ้พัฒที่หอแล้ว จุดมุ่งหมายของผมก็คือโรงพยาบาล ช่วงกลางวันไอ้เหมี่ยวอยู่โรงพยาบาลคนเดียวคงเหงาตายแน่ ผมแวะซื้อเค้กร้านโปรดของมันไปฝากด้วย ผมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดเพลงจากเครื่องเสียงฟังเบา ๆ อารมณ์ดีครับ อารมณ์ดี.....สอบอังกฤษก็ผ่าน ไอ้เหมี่ยวก็เริ่มดีขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

“ให้เธอได้กับเค้า และจงโชคดี อย่ามีอะไรให้เสียใจ ส่วนตัวฉันจะลืมว่าเคยร้องไห้ ลืมว่าเคยต้องเป็นใคร ที่เธอไม่เอา......” เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ผมดังขึ้น

“ครับ”

(พริก อยู่ที่ไหนนะ?)

“แนนเหรอ”

(คิดว่าใครล่ะ?)

ถ้าบอกตอนนี้จะตกใจกันมั้ยครับ ว่านี่คือเสียงของแนน แฟนผมเอง

“เบอร์ไม่ใช่นี่”

(เอาของเพื่อนโทรน่ะ ตังค์ในโทรศัพท์หมด แล้วพริกอยู่ไหน?)

“ขับรถอยู่”

แล้วถ้าบอกตอนนี้จะเชื่อมั้ย? ว่าช่วงที่อยู่กับไอ้เหมี่ยวผมลืมไปเลยว่าตัวเองมีแฟน ให้ตายเหอะ

(แล้วจะไปไหนล่ะ?)

“ทำไมเหรอ?”

(มาหาแนนหน่อยสิ อยากซื้อรองเท้าใหม่) ช๊อปตลอดนะแม่คุณ

“วันนี้ไม่ได้ ไม่ใช่สิ ช่วงนี้ไม่ได้”

(ทำไม?) ไม่ได้ดั่งใจก็เสียงเขียว

“ต้องไปเฝ้าไอ้เหมี่ยวน่ะ มันไม่สบาย”

(เป็นอะไรล่ะ? ไปซ่ากับใครมาอีก? หาเรื่องตลอดเลยเพื่อนพริกคนนี้) เฮ้อ....แค่ครั้งหนึ่งมันไม่รับรักเธอทำไมเธอถึงได้คอยถากถางมันนักนะ แนน

(เงียบอะไรพริก)

“เปล่า.....ยังไงวันนี้ก็ไปไม่ได้ ขอโทษนะ ไปกับคนอื่นเหอะ”

(ไม่...พริกต้องไปกับเค้า)

“ไม่....รู้เรื่องบ้างสิ....ไปไม่ได้”

(พริก.....เค้าไม่ยอม...ไม่รู้ละยังไงพริกก็ต้องมาหาเค้า เค้าจะไปรอที่ห้องพริกนะรีบกลับมาเลย) นั่น...มาแบบนี้อีกแล้ว

“แนน...”

(แค่นี้นะพริก เค้าจะไปรอที่ห้อง อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว แค่นี้แหละ)

แล้วแนนก็วางสายไป ให้ตายผมเลยต้องเลี้ยวรถกลับ เซ็ง....เดี๋ยวไปเดินกับแนนก่อนแล้วกันแล้วค่อยไปหาไอ้เหมี่ยว



ผมใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงห้องพัก หลังจากจอดรถก็เดินดิ่งไปที่ห้อง ไหน ๆ ก็กลับมาแล้วอาบน้ำก่อนดีกว่า ร้อนจะตายแล้ว ยังไม่ทันปิดประตูห้อง แนนก็มาถึงแล้ว

“ไปกันเถอะพริก....”

“จะอาบน้ำก่อน ยังไม่ได้อาบน้ำ”

แนนนิ่วหน้า ความจริงแนนเป็นคนสวย หุ่นดีผมยาวถูกตัดแต่งอย่างทันสมัย ตอนแรกผมไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมไอ้เหมี่ยวถึงไม่ยอมคบกับแนน ทั้ง ๆ ที่แนนก็ตรงสเป็คมันทุกอย่าง แต่ตอนนี้ผมพอจะเข้าใจไอ้เหมี่ยว แนนเอาแต่ใจมากเกินไป ไม่ได้ดั่งใจก็วีน ผูกมัดมากเกินไป ขี้หึง ก็พอเข้าใจว่า เพราะรักเลยหึง แต่สำหรับแนนเหมือนหมาหวงก้างซะมากกว่า เมื่อเธอรู้สึกว่าผมจะหายไปเธอก็จะมา เมื่อเธอคิดว่าผมจะมีคนอื่นก็กันท่า แต่ผมทำแบบนั้นกับแนนไม่ได้

“ไม่ต้องแล้ว ไปอย่างนี้แหละ”

“ไม่ ร้อน”

แล้วแนนก็เดินกระแทกเท้าไปนั่งบนโซฟา หน้าตาบึ้งตึง ทำไมผมถึงไม่ทิ้งแนนแล้วหาแฟนใหม่นะ ผมทนอะไรอยู่เนี๊ยะ

“ให้เธอได้กับเค้า และจงโชคดี อย่ามีอะไรให้เสียใจ ส่วนตัวฉันจะลืมว่าเคยร้องไห้ ลืมว่าเคยต้องเป็นใคร ที่เธอไม่เอา......” ผมดูเบอร์ที่โชว์มา ไอ้เหมี่ยว.....ตายล่ะ

“ใคร....” ผมหันมามองหน้าแนน แล้วกดรับสาย โดยที่ไม่ตอบแนนว่าใครโทรมา

“ว่าไง?? เหมี่ยว”

(พริก เอ่อ.....วันนี้จะเข้ามามั้ย?) ฉันอยากไป.....อยากไปมาก ๆ

“เออ...เข้าคงไปดึก ๆ หน่อย ว่าแต่.....”

ผมยังไม่ทันพูดจนจบเลย แนนก็มาคว้าเอาโทรศัพท์ไป แล้วก็กรอกเสียงลงไป

“วันนี้พริกไม่ไปหาหรอกนะ พริกเค้าจะอยู่กับแนน แค่นี้นะ”

แล้วแนนก็กดวางสายไป ผมคว้ามือถือมาก่อนจะโยนไปไว้ที่เตียง ผมมองแนนด้วยสายตาตำหนิ

“ทำไม...แค่นี้โกรธเหรอ ก็แค่เพื่อนนะ....วันหลังค่อยไปก็ได้”

แนนทำหน้าไม่ยี่หระแล้วก็เดินไปนั่งโซฟาเหมือนเดิม แล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไป







Joy talk................

ตืดดดดดดดดดดด......ตืดดดดดดดดดดดดดด

ใครโทรมาตอนนี้นะ?

ฉันหันไปทางที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่น เฮ้อ.....โทรศัพท์เจ้านายฉันนี้เอง ดังบ่อยจริงนะ

“ชมพู่.....โทรศัพท์เข้า”

ฉันสะกิดแขนชมพู่ ฉันจะถูกชมพู่ฆ่ามั้ยเนี๊ยะ? ที่ขัดขวางการเข้าเฝ้าพระอินทร์ของชมพู่

“ชมพู่...โทรศัพท์”

ฉันยังคงสะกิด จนชมพู่ลืมตาปรือ ๆ ขึ้นมามองฉัน แล้วก็หยิบมือถือในกระเป๋าของตนขึ้นมา

“ว่างายยยยย....อืม... เรียนอยู่.....เปล่านะไม่ได้นอนหลับ” เธอบอกไม่ได้หลับแต่เสียงเธอมันยิ่งกว่าหลับซะอีก

“จะให้ไปหาเหรอ....วันไหนอ่ะ...ได้สิ...แล้วไอ้พริกมันไม่มาเหรอ?....อืม ๆ แล้วค่อยคุยกันนะคะ....ค่ะเป็นห่วงนะ....รักนะคะ...เทคแคร์ค่ะ”

แล้วชมพู่ก็วางสายไป จากนั้นก็ตามคาดค่ะเฝ้าพระอินทร์เช่นเคย ใครกันนะ? คนทำให้ชมพู่พูดด้วยเสียงอ่อนหวานขนาดนี้ แล้วยังบอกรักได้ขนาดนั้นด้วย ใครกันนะ? ช่างมันสิฉันจะคิดถึงทำไมล่ะ? ไม่ได้เกี่ยวกันสักหน่อย....จะสนใจเรื่องของเธอทำไม ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย ตอนนี้ฉันก็ปวดหัวกับฐานะเบ๊ที่ชมพู่ยัดเยียดให้อยู่ คิดแล้วปวดหัว....คนบ้า

“คิดอะไรอยู่?”

ฉันหันไปมองหน้าเจ้าของเสียงที่ตอนนี้หลับตาพริ้มอยู่ นี้เธอถามฉันหรือเธอละเมอเนี๊ยะ?

“ถามก็ตอบสิ” ไม่ได้ละเมอแหะ

“ป่าวนะ” ฉันกระซิบตอบไป

“โกหก...” รู้อีกคนบ้า

“บอกมาเลย” ตกลงเธอหลับหรือเปล่าเนี๊ยะ? หัดมองคนอื่นเวลาถามอะไรบ้างก็ได้นะยะ

“บอกว่าป่าวไง”

อ๋ายยย....ตอนนี้ชมพู่ลืมตามามองฉันแล้ว รู้อย่างนี้รีบบอกก็ดี ไม่ได้กลัวถูกฆ่านะ แต่ฉันกลัวสายตาแบบนี้ของชมพู่ที่สุด มันทำให้ฉันไม่มีความเป็นตัวของตัวเองเลย ยิ่งตอนเพิ่งตื่นนอนอย่างนี้ด้วยแล้วนะ มันเซ็กซี่สุด ๆ ตายแล้ว...หน้าฉันแดงไปถึงไหนแล้วนี้

“คนที่ฉันคุยด้วยคือใคร? แล้วเป็นอะไรกัน? เธออยากรู้เรื่องนี้ใช่มั้ย?”

เธออ่านใจคนได้ด้วยเหรอไงยะ รู้ไปซะหมด ชมพู่เอื้อมมือมาจับแขนของฉัน

“จูบฉันสิ....แล้วจะบอก”

ฉันหันไปมองหน้าชมพู่อย่างรวดเร็ว ถึงจูบแล้วเธอก็ไม่บอก ฉันรู้ว่าเธอเป็นอย่างนี้

“เร็วสิ จูบฉัน”

จะบ้าเหรอ....นี้มันห้องเรียนนะยะ อาจารย์กำลังสอนอยู่นะ แถมเพื่อนก็เต็มไปหมด ถึงจะนั่งอยู่หลังสุดก็เถอะ ใช่ค่ะ ฉันกับชมพู่นั่งหลังสุดแถวสุดท้าย และทั้งแถวมีฉันกะชมพู่นั่งอยู่หลังสุด ข้างหน้าเป็นน้อยหน่ากับขิง ฉันอายนะยะ....

“เร็ว...”

อย่าเร่งฉันนะ ฉันหันไปมองรอบ ๆไม่มีใครสนใจเราสองคน แล้วก็หันกลับไปมองชมพู่ที่หัวยังเกยบนแขนอีกข้างที่วางอยู่บนโต๊ะ อ๋ายย....สายตาแบบนี้ใครจะขัดได้ยะ ฉันรู้สึกว่าโลกมันสว่างจนตาพร่าไปหมดแล้ว เมื่อริมฝีปากของฉันแตะกับริมฝีปากของชมพู่


เฮ้ยยยย!!! แล้วฉันก็แพ้เธออีกแล้ว.................







Mamaiw talk......

หลังจากจบวิชาภาษาไทยอันแสนจะน่าเบื่อหน่ายมากมาย ผมนายมะเหมี่ยวหวานก็ออกมาเบื่อกับวิชาภาษาอังกฤษอีกรอบ ทำไมพวกเด็ก ม.ปลายมันเรียนอะไรน่าเบื่ออย่างนี้นะ เดี๋ยวผมคงต้องกลายร่างเป็น ศิษย์เอกของพระอินทร์ไปเฝ้าท่านอีกรอบแน่ ๆ เลย

“ชมพู่”

ผมหันไปตามเสียงเรียก อ่า....ขิงหวานนี่เอง ตอนนี้ผมเปลี่ยนชื่อให้ขิงเรียบร้อยจากขิงเน่ากลายเป็นขิงหวานแหละ ก็แหม………เดี๋ยวนี้ยัยขิงหวานนะน่ารักขึ้นเป็นกอง ไม่รู้ว่านางฟ้าองค์ไหนดลใจให้เปลี่ยนได้ขนาดนี้

“ว่าไง?”

ผมถามขณะที่เดินไปห้องเรียนอังกฤษเรื่อย ๆ ไม่รีบร้อน เพราะยังไงตอนนี้ผมก็ส่งเบ๊ไปจองที่นั่งสุดหรูเรียบร้อย 555 แน่นอนครับที่นั่งต้องหลังสุดติดหน้าต่าง เพื่อที่ผมจะได้เฝ้าพระอินทร์ได้อย่างสบายใจ

“ถามอะไรหน่อยได้มั้ย?”

“ได้สิ....อะไรล่ะ?”

“ชมพู่เป็น...เอ่อ”

ติดอ่างซะงั้นถ้าเป็นไอ้พริกผมคงถามว่า Teen ใครติดคอไปแล้วครับ

“เป็น....อะไรเหรอ? จะถามอะไรก็ถามสิ....”

ผมเห็นยัยขิงทำหน้ายังกับกลัวผมจะกินมันอย่างนั้นแหละ

“ชมพู่เป็นทอมเหรอ?” ซีด......ซีดทันที ตายละหว่าเอาไงดีล่ะ

“คืออย่างนี้นะ คือเค้าคิดว่าชมพู่เปลี่ยนไปนะ แบบว่าไงล่ะ คือก่อนหน้านี้ชมพู่อาจจะเป็น....ไม่ใช่สิชมพู่นะเป็นทอมแต่ต้องแกล้งทำเป็นผู้หญิง แล้วอาจจะเก็บกดที่แสดงออกไม่ได้ สุดท้ายเลย เออ....คือยังไงล่ะ จะพูดไงดีล่ะ....เอาเป็นว่า ชมพู่เป็นทอมป่าว?”

ผมเลิกคิ้วขึ้นมองยัยขิงหวานอย่างไม่น่าเชื่อ ยัยนี่ท่าจะอ่านนิยายมากไปหน่อย เลยสามารถคิดอะไรได้หลุดขนาดนี้ แถมยังอธิบายอย่างไม่หายใจ ผมละกลัวว่าเจ้าหล่อนจะสำลักลมหายใจตายซะก่อน

“ขิงหวานว่า เค้าเป็นหรือเปล่าล่ะ? แล้วถ้าเค้าเป็นจะทำไง??”

ผมเดินเข้าไปหาขิงหวาน เอื้อมมือไปจับผมยาว ๆ ของขิงหวานมาจูบเบา ( เอาแล้วไง ไอ้ทอมหื่นออกลายอีกละ...........มันเหมือนใครวะ ไอ้ม่าเหมี่ยวเนี๊ยะ?? : ซา’เคียว ) <---( เหมือนคนที่แต่งเรื่องนี้ไง : ป้าแอน)

“เอ่อ......คือ....คือ” ติดอ่างอีกแล้วนะแม่คุณ

“ถ้าบอกว่าเป็นล่ะ จะทำยังไง?” ผมถาม ยัยขิงส่ายหน้า

“มะ...ไม่รู้สิ ขิงไม่รู้”

“แล้ว....ขิงอยากรู้ทำไมเหรอ?”

“คือขิง.....ขิง ๆ แค่รู้สึกว่าชมพู่....ไม่รู้สิ ไม่รู้จริง ๆ นะ”

น่ารักดีแฮะ ยัยขิงหวานจะรู้หรือเปล่าว่าตัวเองนะหน้าแดงจนถึงคอซะแล้ว

“แล้วเค้าจะรู้มั้ยล่ะ ว่าขิงคิดอะไรอยู่ ไม่บอกเค้าก็ไม่รู้นะคะ” ผมจ้องตาขิงหวาน

“ขิง....ขิง.....ขิงชอบชมพู่” นึกแล้วเชียว

“เค้าก็ชอบขิง”

เง้อ....แล้วทำไมผมตอบไปอย่างนั้นล่ะ มันติดนิสัยนี่ เวลามีใครมาบอกว่าชอบก็พูดอย่างนี้ตลอด

“จะ...จะ จริงเหรอ????”

ขิงยิ้มหน้าบานเลยทีเดียว เอาแล้วไงล่ะ ไม่เป็นไรหรอกมั้ง?? ยัยขิงก็น่ารักดี คบไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ผมยิ้ม

“โกหกแล้วได้อะไรล่ะ”

ผมก้มลงจูบปากขิงเบา ๆ จะพูดให้ถูกก็แค่เอาปากไปแตะกันเฉย ๆ เท่านั้นเองแหละครับ แต่แค่นี้ยัยขิงก็อายจนแทบแทรกตัวเข้ากับกำแพงแล้วครับ

“อะแฮ้ม!!! อย่าเพิ่งมาหวานกันตรงนี้สิ ไปเรียนได้แล้ว”

เสียงน้อยหน่าดังขึ้น ผมหันไปส่งยิ้มให้ตามปกติแหละครับ แต่ขิงยังคงก้มหน้างุดอยู่

“อาจารย์จะเข้าแล้ว จองที่ให้แล้วด้วย” และเสียงยัยเบ๊ตัวดีก็ดังขึ้นอีก

“เข้าเรียนกันเถอะ”

ผมพูดขึ้นก่อนจะเดินนำเข้าห้องเรียน เอ๋....ผมตาฝาดหรือเปล่านะ แวบหนึ่งก่อนจะเดินผ่านยัยเบ๊เห็นยัยนั่นเหมือนน้ำตาจะไหลงั้นแหละ แต่ผมคิดมากไปเองมั้ง ช่างเหอะเรื่องของยัยเบ๊ไม่เกี่ยวอะไรกับผมสักหน่อย จะสนใจทำไม







Joy talk.........

ตอนนี้ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วนะ.......หลังจากหมดคาบอังกฤษฉันก็มาเก็บตัวอยู่ในห้องพักตลอด ฉันไม่รู้ว่าเป็นอะไร? ทำไมใจมันเจ็บแปลบ ๆ ไม่หยุดอย่างนี้

ภาพของชมพู่กับขิงที่จูบกันตรงระเบียงและคำพูดที่พวกเขาสนทนากันยังดังก้องอยู่ในหูของฉัน มันเหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งหมดเหมือนละครที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาให้ฉันดูอยู่ตลอด

ชมพู่กับขิงตกลงคบกัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับฉันสักนิดนี่น่า ไม่เห็นจะเกี่ยว แล้วทำไมฉันต้องมานั่งเจ็บใจอย่างนี้ละ ทำไม???....ทำไมน้ำตามันต้องไหลออกมาด้วยล่ะ ทำไมฉันต้องเสียใจด้วยล่ะ คนขี้แกล้ง นิสัยไม่ดีอย่างชมพู่ ทำไมฉันต้องคิดถึงด้วยล่ะ.....

ฉันลุกขึ้นดูนาฬิกา เกือบจะสี่ทุ่มครึ่งแล้ว ฉันต้องไปอาบน้ำก่อนที่ห้องอาบน้ำจะปิด ฉันเดินออกจากห้องอย่างเลื่อนลอยตรงไปห้องน้ำ แต่แวบหนึ่งเหมือนมีอะไรมาสะดุดหางตาของฉัน

ฉันหันหน้ามองไปยังนอกหน้าต่าง ร่างบางของใครสักคนพยายามข้ามกำแพงโรงเรียนเข้ามาในบริเวณโรงเรียน ก่อนที่ร่างบางนั้นจะกระโดดลงมาอย่างคล่องแคล่วแล้วตรงมายังประตูหนีไฟของตึกที่ฉันกำลังอยู่

ถึงจะมืดแค่ไหน ฉันก็จำได้ดีว่าร่างนั้นคือร่างของใคร ชมพู่ ใช่แล้วนั้นชมพู่ ชมพู่แอบออกไปนอกโรงเรียนโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉันรีบเดินย้อนไปทางบันไดหนีไฟ ไปยืนรออยู่ตรงนั้น เหตุการณ์นี้นี่แหละที่จะทำให้ฉันหลุดพ้นจากการเป็นที่รองรับอารมณ์ของเธอชมพู่ และเธอจะต้องมาอยู่ในฐานะที่ฉันกำลังเป็นอยู่

“ชมพู่” ฉันเรียกชื่อของชมพู่เมื่อเห็นว่าเขาย่องขึ้นมาเกือบจะพ้นประตูบันไดหนีไฟ

“ยัยเบ๊” ชมพู่มองฉันก่อนจะเรียกฉันเบา ๆ คงนึกไม่ถึงละสิว่าจะมีคนพบ

“หนีออกจากโรงเรียนตอนกลางคืนมันผิดระเบียบโรงเรียนนะ” ฉันยิ้มอย่างเป็นต่อ ชมพู่ยังเงียบ ได้ทีล่ะ

“ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ไปถึงหูอาจารย์ละก็.....รู้มั้ยว่าต้องทำอย่างไง”

ฉันยิ้มอย่างสะใจถึงเวลาที่เธอต้องรับผลกรรมที่ทำกับฉันแล้ว แต่ชมพู่ยังนิ่ง

“ให้ฉันทำยังไงเหรอ?”

เสียงชมพู่ช่างราบเรียบซะเหลือเกิน ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านอะไรเลย และสายตาที่เขามองมาทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นอันตรายอย่างไรไม่รู้ แต่ฉันไม่กลัวหรอก เธอเป็นตกเป็นรองอยู่นะ สำคัญตัวเองให้ถูกหน่อยนะ

“เป็นเบ๊ของฉัน ทำตามคำสั่งฉันทุกอย่าง จนกว่าฉะ....ว้าย.....”

ปากของฉันถูกปิดอย่างรวดเร็วด้วยฝ่ามือของชมพู่ และร่างของฉันก็เซถลาไปปะทะกับร่างชมพู่ ฉันดิ้นขัดขืนแต่เรี่ยวแรงของชมพู่มีมากกว่าฉันมากมายนัก เขาทั้งดึงทั้งลากฉันลงไปตรงบันไดหนีไฟ

“จำไว้นะจอย เธอไม่มีทางออกคำสั่งกับฉันได้ และเธอก็ไม่มีวันหลุดพ้นจากฉันด้วย ตอนแรกฉันกะว่าจะแกล้งเธออีกสักพักแล้วก็จะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่เพราะความไม่เจียมตัวของเธอทำให้ฉันเปลี่ยนใจจากการเป็นเบ๊ นับจากวันนี้เธอจะกลายเป็นทาสดีมั้ย???”

ฉันอึ้ง กระแสเสียงที่เย็นชาของชมพู่ทำให้ฉันเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง ร่วมทั้งสายตาเย็นชาที่เชือดเฉือนฉันอีก น้ำตามันไหลออกมาเต็มใบหน้า แต่มันไม่ได้ทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าของฉันใจอ่อนลงได้เลย เขาคือปีศาจ

“น้ำตาของเธอใช้กับฉันไม่ได้ผล”

ว่าแล้วฉันก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของปีศาจตนนี้ เขาจูบฉันอย่างรุนแรง ริมฝีปากบดขยี้อย่างไม่ปรานี ฉันทั้งผลักทั้งดันแต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ไม่นานร่างกายของฉันก็หมดเรี่ยวแรงขัดขืน ฉันไม่เคยขัดต่อสัมผัสที่ชมพู่หยิบยื่นให้ได้แม้แต่ครั้งเดียว แต่ทางกลับกันฉันกลับโหยหามันด้วยซ้ำ

ฉันตอบสนองการรุกเร้าของชมพู่ ริมฝีปากของชมพู่ลากผ่านผิวเนื้อของฉันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ฝ่ามือร้อนผ่าวของชมพู่ลูบไล้ไปตามเรียวขา ร่างกายค่อย ๆ หมดแรงทรุดลงกับพื้น ชมพู่ตามมาติด ๆ

ริมปากของเขาประกบติดกับริมฝีปากฉันอีกครั้ง กระดุมเสื้อถูกปลดออกจนหมด บราก็ไม่รู้ว่าถูกปลดตั้งแต่ตอนไหน ฉันรับรู้เพียงแต่ว่าฝ่ามือและปลายลิ้นของชมพู่กำลังทำให้ฉันเตลิดไปแบบกู่ไม่กลับ ฉันส่งเสียงออกมาเบา ๆ ชมพู่ไม่หยุดแต่กลับเร่งเร้าความต้องการของฉันมากยิ่งขึ้นนิ้วเรียวของชมพู่สัมผัสกับจุดสำคัญ ฉันผวากอดเขาไว้แน่น เสียงร้องที่ผ่านลำคอออกมาดังขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็เงียบลงเมื่อชมพู่ประกบจูบฉันอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนไปซุกไซร้ตรงใบหู ฉันรู้สึกถึงเสียงหายใจหนัก ๆ ของชมพู่

“ได้โปรด....ฉันต้องการเธอ”

เสียงของฉันร้องขอกับชมพู่ เขาหันมาจูบฉันอีกครั้ง และร่างกายของฉันก็สะท้านขึ้นอีก เมื่อนิ้วของเขาฝังเข้าสู่ร่างกายของฉัน ร่างกายขยับตามจังหวะที่เขาสร้างขึ้น และถูกเร่งขึ้นเมื่อฉันร้องขอ โลกเหมือนจะหยุดหมุนทันทีเมื่อร่างกายของฉันสะท้านกับความรู้สึกที่พุ่งทะยานออกมา



ความเงียบเข้ามาครอบคลุมอีกครั้ง มีเพียงเสียงหายใจหอบถี่ของฉัน เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปมันไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริงเพราะความเจ็บที่เกิดขึ้นภายในใจของฉันตอนนี้มันไม่ใช่ความฝันแน่นอน ฉับสบตากับสายตาไร้ความรู้สึกใด ๆ ของชมพู่ ความเย็นชาที่ส่งผ่านสายตาคู่นั้นทำให้ร่างกายของฉันสั่นสะท้าน

“ฉันคิดว่ามีของขวัญให้เธอสักชิ้นก็คงจะดีนะ”

ชมพู่ยิ้มเย็นชาให้กับฉัน สายตาของฉันมองตามมือของชมพู่ไป เขาหยิบมือถือที่วางอยู่ตรงบันได หากมองเผิน ๆ มันเหมือนคนทำหล่นไว้ แต่ไม่ใช่ลักษณะการวางของมัน เหมือนกับตั้งใจให้อยู่ในลักษณะนั้น และนาทีต่อมาฉันก็รู้ว่าเหตุใดมันถึงวางอยู่ตรงนั้น

“ฉันคงไม่ต้องบอกนะว่าคลิปวีดีโอนี้จะเป็นยังไง? ถ้าเธอคิดจะหักหลังฉัน”

ชมพู่ยิ้มอย่างเย็นชา ร่างกายของฉันแข็งเป็นก้อนหินเมื่อเห็นภาพในมือถือนั้น สายตาเชือดเฉือนของชมพู่มองฉันอย่างเลือดเย็น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นไร้ความรู้สึกใด ๆ อีกครั้ง และชมพู่ก็ลุกเดินจากไป ฉันยังคงนั่งนิ่ง ความเจ็บปวดโถมเข้าสู่ตัวฉัน น้ำตามันไหลออกมาจากดวงตา

นี่นะเหรอชมพู่.......นี่คือฐานะของฉันที่เธอมอบให้งั้นเหรอ???? เธอมันร้ายกาจเกินไปแล้ว....เธอมัน.......ปีศาจ.........


....................................จบตอนขอรับ........................................




"......อย่าลืมเม้นต์กันนะจ๊ะ....."


<ตอนที่ 7ตอนที่ 9>




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2549
0 comments
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2550 23:10:50 น.
Counter : 1062 Pageviews.


samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.