23 เมย 53 โปครา เนปาล
เว้นว่างการเขียนท่องเที่ยวไปหลายวัน เพราะบรรยากาศรอบตัวไม่เอื้ออำนวย อยู่ใจกลางกรุงเทพฯ เคร่งเครียดมากค่ะ อาจเกิดเหตุร้ายได้ทุกเวลา โชคดีที่สองวันนี้ไม่ต้องไปฟังบรรยายที่จุฬา แต่อาจารย์ย้ายที่มาสัมมนาดูงานที่สระบุรีและ เขาใหญ่ เรารู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้าง วันนี้พยายามจะเล่าเรื่องเนปาลให้จบค่ะ เพราะนานไปก็จะลืมรายละเอียดและบรรยากาศ และแต่ละวันมีข้อมูลข่าวสารใหม่ๆ อัดแน่นเข้ามาในสมอง ทั้งจากการไปอบรมเสริมความรู้และจากสถานการณ์บ้านเมืองมึนไปหมดค่ะ รุ่งเช้าหลังจากชมพระอาทิตย์ที่นาการ์ก๊อตแล้ว เรานั่งรถบัสเพื่อเดินทางต่อไปยังเมือง โปครา สมัยก่อนเป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศในฤดูร้อนของราชวงศ์เนปาล ที่เมืองนี้มีจุดสนใจคือ ถ้าอากาศดีจะเห็นเทือกเขาหิมาลัย และยอดเขา Annapurna และ Muchapurae มีทะเลสาบ เฟวาซึ่งมีน้ำใสมาก และเป็นเมืองที่นักท่องเที่ยวเดินเขาใช้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินเขาท่องเที่ยวไปใกล้ หิมาลัยค่ะ
ประชาชน ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าขับผ่านไปทางไหนจะได้รับความสนใจและ การโบกมือทักทาย ตลอดทาง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพูดคุยอย่างยินดีต้อนรับและชักชวนให้กลับมาเที่ยวอีก
การเดินทางไปเมืองโปคราทำได้ สองทาง คือ โดยรถยนต์ และเครื่องบิน ทางรถยนต์ระยะทางจากกาฐมาณฑุ ประมาณ 200 กิโลเมตร เป็นทางแคบๆ ไต่ไปตามเทือกเขา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 7-8 ชั่วโมง เนื่องจากทางแคบและรถมากเพราะเป็นทางเดียวกับที่เป็นถนนแยกไปเข้าอินเดียได้ เราเตรียมบริหารร่างกายให้พร้อมการนั่งรถทางไกล และระหว่างทางเตรียมพร้อมกับสภาพการขาดแคลนน้ำและห้องน้ำสาธารณะ ถ้าได้กลิ่นแล้วมันจะประทับใจติดจมูกไปนานค่ะ
เช้านี้เรานั่งรถจากนาการ์กอต ผ่านกาฐมาณฑุ เนื่องจากเป็นวันแม่ของเนปาล และยังอยู่ในเทศกาลปีใหม่ ประชาชนขวักไขว่เดินกันเต็มท้องถนนเหมือนมดแดงแตกรังค่ะ ที่เนปาลนี่มีประชากรแออัดมากค่ะ บริเวณที่จอดรถโดยสาร เวลามีรถตู้โดยสารมาจอดสักคัน เรามองในรถคนก็แน่นและยืนอยู่แล้ว ที่ปากประตู มีคนวิ่งแห่มาอีกประมาณห้าสิบคน เพื่อจะมาแย่งกันขึ้นรถตู้ ที่นั่งได้ 10 ที่นั่ง มีเหล็กบริเวณไหนที่พอยืน พอเกาะไปได้ก็จะพบเห็นคนห้อยโหนเกาะกันไปรอบรถ ถนนที่นี่แคบมากๆ และบนพื้นถนนมีคนเดินไปตามขอบทั่วไป คนขับรถที่เนปาล น่าจะเป็นคนขับรถที่เก่งที่สุดเท่าที่เราเคยพบ เขาสามารถขับผ่านกันได้ในระยะไม่เกิน สองนิ้ว โดยทำเป็นปกติค่ะ
ตามสี่แยกใหญ่ๆ ไม่พบมีไฟจราจร เป็นตำรวจจราจรโบกอยู่บนแท่น ที่เห็นแต่งตัวสีฟ้า ไม่ใช่หุ่นค่ะ ถ้าเป็นเราโบกไปสักพักคงจะมึนแน่ๆเลย
อาหารไม่อดอยากขาดแคลนค่ะ มีผักผลไม้วางขายทั่วไป อีกทั้งร้านค้าก็มีศิลปตกแต่งร้านค้าไว้สวยงาม แม้สภาพคนขายจะดูสกปรกมอมแมม ( เนื่องจากความขาดแคลนน้ำใช้ ทำให้เสื้อผ้าและผิวพรรณดูสกปรก ) แต่ก็บรรจงตั้งใจจัดรถขายผลไม้เขาไว้อย่างสวยงามค่ะ
ผู้คนทั่วไปนิยมแต่งส่าหรีสีแดง เพื่อฉลองเทศกาลขึ้นปีใหม่ค่ะ แดงกันไปทั้งเมือง
วันนั้นทั้งวัน เรานั่งรถกันจนเมื่อยขบไปหมดทั้งตัว เพราะเป็นทางแคบๆไปบนเขา ดีที่มีวิวสองข้างทางสวยงาม มีการทำนาขั้นบันไดบนภูเขามากมายมากกว่าที่บาหลี และภูเขาก็สูงใหญ่กว่ามากๆ ชาวบ้านตกแต่งที่อยู่อาศัยไว้เรียบร้อยพอใช้ค่ะ
วิว ยอดเขา Annapura มองจากทะเลสาปเฟวา และบรรยากาศทะเลสาปเฟวายามเย็น เรานั่งเรือพายในทะเลสาป แต่ไม่ค่อยชอบค่ะเพราะมีเรือพายกันขวักไขว่ อาจชนกันล่มได้และไม่มีเสื้อชูชีพให้ค่ะ
Create Date : 23 เมษายน 2553 |
|
2 comments |
Last Update : 23 เมษายน 2553 20:17:57 น. |
Counter : 2568 Pageviews. |
|
|
|
รูปประเทศอินเดียก็เป็นบรรยากาศอีกแบบที่แตกต่างจาก
ประเทศแถบยุโรป
ที่ถามว่า "ไปเที่ยวเหรอคะ หรือไปอยู่กะครอบครัวทำไมไปนานจัง "
ไปอยู่กับครอบครัว ลูกสาว ลูกเขย อยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส
ไม่ใช่ปารีส รูปที่นำมาอวดอาจมีแต่วิวบ้านนอก
ถึงไปอยู่ที่โน่นก็สามารถเข้าบล๊อคมาเยี่ยมเพื่อนๆได้ คงไม่ทิ้ง
เพื่อนๆไปนาน