_____เ ปิ ด ร้ า น 7-11 ดี มั้ ย ? ?_____

บล็อกนี้ ก็เป็นการเอาของเก่ามาลง

เขียนความเห็นมุมมองนี้ครั้งแรก ที่บอร์ด หนมเม็ด
แล้วเอามาลงอีกครั้งที่พันทิพ..

ปรากฎว่าได้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ อยู่นานแล้วหลายสัปดาห์
แต่เชื่อว่า ท้ายที่สุด เดียวมันก็หายไป

เลยรวบรวม เอาที่เคยเขียนไว้ มาลงบล็อกก่อน..


อย่างน้อยๆ เผื่อเป็นประโยชน์ กับใครก็ตามที่สนใจจะลงทุนซื้อแฟรน์ไชส์นี้
จะได้เอาไปใช้ช่วยในการตัดสินใจเพิ่มเติม..


ยังไงก็ตาม นี่เป็นเพียงมุมมอง ของผมที่ได้ข้อมูลถึงระดับผู้จัดการเขตพื้นที่
..คนที่สนใจจริงๆ ควรติดต่อ เพื่อรับข้อมูลเอาเองโดยตรง
และอาจจะนำความเห็นในกระทู้นี้ไปใช้ร่วมพิจารณาอีกที คงจะดีกว่า..





เล่าเรื่อง 7-11 นิดหนึ่ง



ตอนนี้โครงการ 7-11 ถูกพักไปก่อน


เนื่องจาก หลายๆ อย่าง เป็นดังคาดมั่กๆ
หมายถึงแ-งเขี้ยวมั่กๆ


หลายอย่างเป็นไปตามข้อมูลที่รับมาก่อนหน้า ทังฝั่งดี และฝั่งไม่ดี ข้อมูลที่ได้มาตรงหมด



ร้านข้างบ้านผม

ผลการดำเนินงาน ออกมาใกล้เคียงกับที่คาดเดาไว้


รายได้เฉลี่ยต่อวัน 70,000-80,000 บาท
กำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อเดือน 300,000-400,000 บาท

ผมคำนวณดู ผลกำไรขั้นต้นตกประมาณ 15%+- นิดหน่อย
ซึ่งสมเหตุสมผล..


กำไรตรงนี้ยังไม่หักค่าใช้จ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพนักงาน ค่าเช่าฯ



ข้อมูลตรงนี้ ใกล้เคียงกับที่ได้มาก่อนหน้านี้
..ซึ่งทำให้ผมสนใจ จะเปิดร้าน 7-11




แล้วทำไมไม่ทำ??



ตัวเลขสวยดี
..ใช่ครับ ก็เพราะตัวเลขนี้นี่แหละ ที่ทำให้ผมติดต่อไปที่ 7-11
และหวังจะซื้อ เฟรนไชน์


เงื่อนไขที่รับไม่ได้ของเค้าคือต้องทำยอดขายให้เข้าเป้า



ซึ่งเป้ายอดขายของแต่ละร้านจะไม่เท่ากัน
ถ้าเราทำยอดขายได้เข้าเป้า เราจะได้เป็นเงินเดือน 20,000 บาทต่อเดือนครับ
ถ้าทำยอดขายได้เกินเป้า ตรงนั้น เราจึงจะได้เป็นสวนแบ่งเป็น % จากกำไรขั้นต้นกำไร
ส่วนแบ่งนี้ จะเป็นอัตราก้าวหน้า 20%-30% (จะได้ไม่เกินนี้ตามลักษณะเฟรนไชน)



แล้วเป้ายอดขายมาจากไหน??
เป้ายอดขายมาจาก ยอดขายที่พนังงานของเดิมของ 7-11 ทำไว้


ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าร้านข้างบ้านผม
ผมจะต้องทำเป้ายอดขายให้ได้กำไรขั้นต้นต่อเดือน 300,000-400,000
..ถ้าได้ตามนี้ผมจะได้เงินเดือน 20,000 บาท!!

กำไรขั้นต้น ส่วนที่เกินไปจากเป้านี้ 5,000 บาทแรกจะได้ 20%
5,000 บาท ถัดไป จะได้ 21%
..ไปอย่างนี้จนชนเพดาน 30%



ซึ่งโอ้โห..ซื้อเฟรนไชน์จ่ายเงินให้เค้าไปตั้งเยอะ
มาเอาเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท ไม่หล่ะจ๊ะ

ถึงแม้จะรู้รูปแบบคราวๆ ว่าซื้อเฟรนไชน
ก็เหมือน จ่ายเงินเพื่อไปเล่นลูกจ้างเค้าอยู่แล้ว แต่นี่เงื่อนไขทุเรศเหลือเกิน


เพราะร้านค้าพวกนี้ โดยทั่วๆ ไป ยอดขาย ยอดกำไรขั้นต้น จะได้เฉลี่ยประมาณหนึ่ง
เรื่องยอดขายจะไปเพิ่มอย่างเร่งรัด มันเป็นไปได้ยากมาก
โดยทั่วไปแล้ว ร้านพวกนี้ ถ้าอยู่ในทำเลที่ดี ยอดขาย อาจจะเพิ่มได้ แค่ปีละ 10%+- ก็ถือว่าหรูแล้ว


การกำหนดเป้ายอดขายเป็นขั้นต่ำ ให้คนซื้อเฟรนไชน์ไปทำ
ถ้าเป้าที่กำหนด เป็นส่วนลดจากมาตราฐานที่เคยทำมาได้
ก็ถือว่า บริษัทแม่ลดภาระการบริหาร และการรั่วไหล
และให้คนซื้อเฟรนไชน ได้ส่วนแบ่งกำไรตามสมควร เพราะเค้าเอาเงินมาลงทุน



แต่นี้ เจ้าสั่วยังคงเขี้ยว ตามชื่อเสียจริงๆ
เห็นมีการรุกขายเฟรน์ไชน บริษัทแม่มีแต่ได้กับได้เท่านั้น

ถ้ายอดขายคงเดิม บริษัทแม่ ก็จ่ายเงินเดือนให้คนซื้อเฟรนไชนแทน ผู้จัดการร้านที่ต้องจ้างมาเท่านั้น

ถ้าคนซื้อเฟรนไชน์ ทำยอดขายได้ดีขึ้น
บริษัทแม่ ก็จะมาเปิดสาขาแข่ง เพื่อแย่งส่วนแบ่งของร้านเฟรนไชน์




จริงๆ ผมมีความเห็นเพิ่มเติมจากนี้อีกนิดหน่อย


แต่มันมีเรื่องส่วนตัวผสมอยู่ด้วย
..และมองว่า ข้อมูลข้างต้นก็ประมาณหนึ่งแล้ว
คิดว่า แค่นี้ คงช่วยประกอบการตัดสินใจ ของคนที่สนใจอยู่ได้..



แป่ว ถึงว่า หน้าหมูบ้าน พฤกษา 3 มี 7-11 ใกล้กันเลยไม่รู้ด้วยกรณีนี้ป่าว เปิดแข่ง

จากคุณ : RamboIII





เปิดแข่งแน่นอนครับ..



แรกๆ ผมได้ยินเรื่องเปิดแข่งก็เฉยๆ อยู่ครับ


แต่พอมารับรู้เรื่อง เป้ายอดขายขั้นต่ำ
..พอเอามารวมกันจึงเข้าใจ


ในคำชวน จะเหมือนว่า เราจะได้เป็นหุ้นส่วนการค้า
ยิ่งทำการค้าได้ดี เราก็จะได้ส่วนแบ่งมากขึ้น..


แต่หากเราทำการค้าได้ดี มีลูกค้าในพื้นที่มากขึ้น
เค้าก็จะมาเปิดร้านในรัศมีใกล้เคียงกัน

เพื่อนตัดยอดขายของร้านดั่งเดิม
(ร้านเฟรนดไชด์-ยอดขายก็ตกลง ไปสู่จุดที่ เท่าเดิม หรือต่ำกว่า "เป้ายอดขาย" ที่เคยทำได้)



สรุป ก็คือ อาเจ๊กแกกินรวบตลอดศก

จะ 7-11
จะ ขายอาหารสัตว์
จะ ขายสัตว์
หรือแม้แต่จะเป็นลูกหมู

อาเจ๊กแกก็เอาทั้งขึ้นทั้งร่อง
ลูกหมูเพาะออกมา เลี้ยงแล้วตาย
ก็เพิ่มราคาลูกหมู ส่วนที่ยังไม่ตาย ชดเชยส่วนที่ตายไป

..พูดง่ายๆ ยังไงแกก็ไม่ขาดทุนน่ะ
พลักภาระให้คู่ค้าตลอด



ฝั่งขายลูกหมู อาหารสัตว์ ก็ขึ้นราคาเอาๆ

ฝั่งรับซื้อจากผู้เลี้ยง ไปขายเฟรชมาช์ท ไปขายโลตัส ก็กดราคาเอาๆ




ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรนักหนา..
ตายไปหลุมก็ไม่ได้กว้างขึ้นไปกว่าเดิมซักเท่าไหร่ซ่ะหน่อย
..เห้ออ






ถามจริงๆครับ ว่า ยอดขาย "วันละ" 70,000 - 80,000 บาท ตกเดือนละ 2.1 - 2.4 ล้านนี่ทำได้จริงๆหรือครับ ผมไม่แน่ใจว่าที่นับเป็นยอดขายเอายอดพวกจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟมารวมหรือเปล่า เพราะค่าน้ำค่าไฟได้ค่าทำรายการๆละ 10 บาทเอง มันไม่มากเหมือนขายของอื่นๆในร้าน ดังนั้นหากยอดขายส่วนใหญ่มาจากการจ่ายน้ำ- ไฟ กำไรจริงๆก็น่าจะต่ำ ไม่ทราบผมเข้าใจผิดหรือไม่ใครรู้ช่วยยืนยันหน่อยครับ

จากคุณ : Sam - [ 20 มี.ค. 51 14:30:25 A:172.16.112.23 X:203.170.231.232 TicketID:004490 ]




ร้านที่ผมสนใจ จนไปติดต่อ
และยกเป็นตัวอย่างร้านสาขานี้
ต้องบอกว่า อยู่ในทำเลที่ดีพอสมควรครับ(ผมถึงสนใจไง)


ร้านที่เปิดใหม่ๆ ทำเลกลางๆ
กำไรขั้นต้นต่อเดือน เห็นเค้าบอกว่า อยู่ใน 1 แสนกว่า ถึง 2 แสนครับ
..พูดง่ายๆ ว่า ร้านใหม่ๆ ยอดขาย น่าจะอยู่ระดับต่ำกว่า
ร้านที่ยกตัวอย่างนี้ครึ่งต่อครึ่งครับ..



แรกๆ ที่ผมได้ทราบข่าวมา ก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ว่ายอดขายถึงระดับ 7-8 หมื่น ต่อวัน

ส่วนจะรวมบินค่าน้ำไฟหรือเปล่า??
อันนี้ผมก็ไม่รู้ แต่คิดว่าไม่น่าจะรวมนะครับ


ผมเองโฟกัสไปที่ ยอดขายต่อวัน
แลกำไรขั้นต้นที่ได้มา เมื่อคำนวณดูแล้ว
ก็อย่างที่ลงไว้ กำไรขั้นต้นแถวๆ 15% ..ซึ่งผมมองว่าสมเหตุสมผลครับ




เจออันนี้ดีกว่า
สำหรับคนที่สนใจ


วงษ์พาณิชย์ รับซื้อขอเก่า..
(ขยะ-กระดาษหนังสือพิมพ์ พลาสติก แก้ว ฯลฯ - สายไฟ กฟผ. ไม่ใช่ 555)

..เชื่อว่า ใครที่กำลังมองหาช่องทาง ทางธุรกิจ
หากมีโอกาส ไปดูพวกเฟรนด์ไชด์ จะเห็นว่า เฟรนด์ไชน์นี้ดังมาก



ออกตัวว่า ..เป็นงานที่ไม่สเป๊กผมเลย


เผอิญว่า ไม่นานมานี้ ไปเจอเพื่อนรุ่นน้อง
เปิดวงษ์พาณิชย์ อยู่ที่ขอนแก่น(จำจังหวัดไม่ได้แน่)
เค้าเปิดไซส์ใหญ่ระดับ 10 ล้าน (เฟรนด์ไชน์นี้ มีหลายไซส์ ให้เราเลือก)
..และเชื่อว่า รุ่นน้องจะไม่ได้โกหก เพราะรุ่นพี่ที่เค้าเคยไปบอกว่า ใหญ่มาก
เห็นว่า ใช้คนงานหลายสิบคนอยู่..

รุ่นนี้องคนนี้เล่าให้ฟังว่า วันๆ หนึ่ง ใช้เงินสดรับซื้อของเก่า ระดับ 200,000-300,000 บาทต่อวัน
กำไรสุทธิ(เน้นว่า.. สุ ท ธิ ) อยู่ ที่ราวๆ 15%


ก็เล่าให้ฟังอีกอันนะครับ
ข้อมูลนี้ เป็นข้อมูลบอกเล่า แต่เชื่อว่า รุ่นน้องไม่น่าจะโกหก
อาจจะมีปั่นราคาสูงเกินจริงไปบ้าง เราก็ลดๆ ลงดูนิดหน่อยก็ได้..



..ใครสนใจก็เชิญนะครับ


ผมเองก็ชอบแบบที่หอมๆ ซ่ะด้วย

แต่มองอัตรากำไร แล้วต้องบอกว่า น่าสนจริงๆ
เหมือนลงทุนก้อนแรก แล้วทุกๆ วัน จะได้กำไร 10-15% ของเงิน 2-3 แสน
(กำไร วันละ 3-4 หมื่น แบบที่ไม่เสี่ยงนี่ น่าสนจริงๆ ครับ)






*************





เมื่อกี้นี้ดูเจ้าสัว
คุยออกรายการจับเข่าคุย..
..แล้วทำให้นึกถึงกระทู้นี้


ออกตัวก่อน ว่าผมไม่ได้เกลียดเจ้าสัว
บทสัมภาษณ์ของแก ตั้งแต่สมัยก่อนที่ผมติดตาม เป็นคำภีร์ชั้นดีมาตลอด
หลายอย่างที่แกพูดไว้เมื่อ 10 ปีก่อน
..วันนี้แกก็ยังพูดเหมือนเดิม (ถือว่าดี)



ส่วนวันนี้ ผมได้ฟังเจ้าสัวพูดแค่ 3 เบรคสุดท้าย (ไม่แน่ใจว่ามีกี่เบรคนะ)
ไอเดียแกหลายๆ อย่าง ยังคงเป็นคำแนะนำที่ดีของรัฐบาล


แต่พอพูดเข้าเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทของแกเอง
ก็จะเห็นว่า แกพูดอย่าง แล้วทำอีกอย่าง..


จริงๆ หลายๆ ข้อที่แกพูด ..
ผมในฐานะผู้ชม ผู้ชื่นชม ผู้ติดตาม ลูกศิษย์ ผู้ได้ประโยชน์จากแก
ผู้เสียประโยชน์จากแก นักวิจารณ์ ฝ่ายสนับสนุน รวมถึงฝ่ายค้าน

เอาเป็นว่า อยู่ในหลายฐานะ ไม่ได้เชิดชูแกเป็นพิเศษ หรือว่าไปโกรธเกลียดอะไรแก


พอแกพูดเข้าเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัทของแกเอง
ก็จะเห็นว่า แกพูดอย่าง แล้วทำอีกอย่าง..

ผมแทบจะเอาคำพูดของแกในรายการ มาแย้งแกเองในนาทีนั้นได้เลย


ตั้งแต่ประโยคที่ว่า เรา(ประเทศไทย)ควรต้องเปิดเสรี ให้มีการแข่งขันกันเสรี
ในด้านนั้นด้านนี้ ด้านต่างๆ นานา เพื่อที่จะได้รวมรวมคนเก่งๆ มาช่วยให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ


ขณะเดียวกัน ในฐานะเจ้าสัวซีพี
แกบอกว่า ที่แกทำ(เป็นคนดี)ที่รวบรวม เอาตลาดเพาะพันธุ์(กรณีนี้คือลูกหมู)
เอาตลาดขายอาหารหมู เอาตลาดขายวัคซีนหมู ม า ไ ว้ เ ป็ น ห นึ่ ง เ ดี ย ว
เพื่อจะได้ตัดตอนขั้นตอนต่างๆ ของระบบเลี้ยงหมู
..เพื่อสร้างให้เกิดระบบ ที่ดี (ที่แกว่าดี-อันที่จริงมันมีดีมีเสียน่ะ)




ในแงเดียวกัน กับโชห่วย
และ 7-11 นั้นเอง

เค้าบอกว่า เค้าเปิด 7-11 สร้างคนสร้างงานตั้งเยอะ

แต่ร้าน 7-11 หนึ่งร้าน
ใช้พนักงาน 5-6 คน 3 ก่ะ , รวมๆ ก็คงใช้คนงาน 15-20 คนต่อ 1 ร้านค้า



แต่ร้าน 7-11 หนึ่งร้าน ตัดตอนร้านค้าโชห่วย ไปได้ 2-3 ร้าน
ตัดตอนระบบยี่ปั่ว ซ่าปั่วไปอีกไม่รู้ต่อสินค้ากี่ชนิด

แม้เราจะบอกว่า ระบบยี่ปั้ว ซ่าปั่ว ทำให้ราคาสินค้าแพง
..ซึ่งในแง่หนึ่งมันก็ถูกต้องอยู่


แต่มองอีกแง่หนึ่ง ระบบยี่ปั่ว ซ่าปั่ว และร้านโชห่วยเล็กๆ อีก 2-3 ร้านนั้น
สร้างงาน และสร้างเงิน และเป็นการกระจายรายได้ของสังคมระดับรากหญ้า
(แบ่งกันกิน ฉันซื้อคุณ คุณซื้อฉัน , จับกังยกของ คนเข็นของ คนขับสามล้อ สาวใช้ เสมียน เถ้าแก่ ลูกเถ้าแก่ฯ)

ร้านค้าโช่ห่วยแบบเก่า ระบบบยี่ปั้ว ซ่าปั้ว ในระบบเดิมนั้น
อาจจะดูไม่ทันสมัย และดูเป็นการบริหารงานที่ด้อยประสิทธิภาพ

..แต่ระบบนี้นั้น สร้างงาน ในระนาบเดียวกัน ผมว่า ก็ต้อง 80-100 คน หรือมากกว่า

และทุกคนได้รับค่าแรงตามความเหนื่อย และขยัน
และความมีปฎิสัมพนธ์ของสังคม ชุมชน ฯ

มิใช่รับเงินเดือน เดือนละไม่กี่พันบาท แค่ 20-30 คน



ผมไม่ได้อยู่ฝ่าย ที่จะบอกว่า เราต้องถอยไปเป็นแบบเก่านะครับ
โลกมันหมุนไป อะไรๆ ก็ต้องหมุนตาม..
..ผมแค่ยกตัวอย่างเทียบเคียง ว่า "ระบบ" ที่เจ้าสัวแกคุยให้ฟังว่าดีนักดีหนานั้น
เป็นความดี แค่ด้านเดียว ที่แกฉายให้คนอื่นฟัง..(อาจจะเคลิมได้ถ้าไม่คิดตาม)




ในด้านเดียวกับระบบขายหมู
ขายพันธุหมู ขายอาหารสัตว์ ขายวัคซีน
..สิ่งเหล่านี้ แกผูกขาดด้วย โดยอ้างว่า "สร้างระบบ" ที่ดี

แต่จริงๆ แล้ว "ระบบที่ดี" ที่แกว่า
เป็นระบบที่ดีของแกเอง เป็นระบบ "กึ่งผูกขาด"
..ไม่ถึงกับผูกขาด แต่มีอำนาจเหนือระบบ





ถ้าแกยกย่อง "ระบบตลาดเสรี" จริง (อย่างที่แกพูด ตอนที่ไม่เกี่ยวกับ cp)


คือควรส่งเสริม ให้เกิด "ระบบวิจัยส่วนกลาง"
และ "ระบบพัฒนาโดยท้องถิ่น"


ผมอธิบายไม่ค่อยจะถูก..
แต่คือการทำให้เกิดความหลากหลายในผลิตภันฑ์

ให้สินค้าในแต่ละท้องถิ่นมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเอง
เช่นให้หมูท้องถิ่นนี้ มีรสชาติหวานมัน
ให้หมูในท้องถิ่นนี้มีเนื้อแน่นมันไม่มาก
ให้หมูในท้องถิ่นนี้ มีเนื้อออกเหนียว เหมาะกับการปรุงอาหารในอีกรูปแบบหนึ่ง

ซึ่งก็คือ ให้เกิดการปรับปรุงพันธุในท้องถิ่น
สร้างให้เกิดเอกลักษณ์ และความแตกต่างกันในสินค้าในแต่ละท้องถิ่น
(เหมือนอย่างที่ญี่ปุ่น และไต้หวันทำ
ฟารม์แต่ละฟาร์ม แต่ละท้องถิ่นจะมีสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์และขึ้นชื่อของท้องถิ่นนั้นๆ)


..แบบนี้ จึงจะเรียกว่า นิยมตลาดเสรี โดยแท้จริง




(สิ่งที่วันนี้แก-ซีพีทำ คือสร้างรสนิยมให้กับตลาด ตามลักษณ์สินค้าที่ตนเองผลิตได้ หรือคาดว่าตลาดต้องการ-ซึ่งเป็นการตลาดชั้นสูงอันหนึ่ง)




ที่ผมพูดๆ แย้งๆ มา
ก็แย้งไปงั้นๆ แหละครับ ..

..เพราะรู้ว่า การจะพัฒนา ให้มีระบบวิจัยส่วนกลาง
และระบบการพัฒนาโดยท้องถิ่นนั้น..
เป็นเรื่องที่ยากมั่กๆ ต้องอาศัยเวลายาวนาน และต้องทัความมุ่งมั่นสูง
ต้องได้รับการส่งเสริมที่ยาวนาน และโดยเกษตรกรนั้นเอง ก็ต้องมีลักษณะของผู้พัฒนาเป็นนิสัยด้วย
..ซึ่งจะว่าไป ไม่ค่อยมีในคนไทยเท่าไหร่ และก็คงไม่ทันใจคนไทยเท่าไหร่ด้วย




ที่มาเห็นแย้งเจ้าสัวในกระทู้นี้ ก็แย้งเพื่อก่อ..
..และก็ไม่อยากให้ใครฟังเจ้าสัวแล้วก็เคลิมตามแกไป โดยไม่เปิดหูเปิดตา



ฟังเจ้าสัวพูดแนะนำรัฐบาลก็เห็นชอบหลายเรื่อง

แต่พอฟังแกพูดถึงบริษัทตัวเองก็ตะหงิดๆ
ช่างเป็นบริษัท ที่เสียสละให้คนไทยยิ่งใหญ่อะไรขนาดนี้
ราวกับเป็นเทพก็ไม่ปาน..


..ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว
ยังไงๆ ปรัชญาของซีพี ก็คือ..

กิ น ร ว บ .. กิ น ร ว บ .. และก็ กิ น ร ว บ . .

..ไม่กินแบ่งอยู่ดี






ปล. อย่าตัดเนทผมน้า 555






*****************จบจ๊ะ*****************










 

Create Date : 13 เมษายน 2551
2 comments
Last Update : 14 เมษายน 2551 18:18:44 น.
Counter : 754 Pageviews.

 


กระทู้ที่พันทิพ..


//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I6440451/I6440451.html


 

โดย: บุญทับ 14 เมษายน 2551 19:36:47 น.  

 

สุดยอด เขียนได้เข้าใจมากๆเลย


แกเก่งเกินไป ลูกชายเลยกดดัน กลัวพ่อรวยมาก ทำเอาทรูมูฟยังเจ๊ง นอนไม่ลุกอยู่ถึงทุกวันนี้

แน่จริง เจ้าสัวอย่าทำธุรกิจที่เมืองจีนเจ๊งสิ เจ็กไทย เจอเจ๊กแท้ เผ่นกลับเมืองไทยไม่ทัน

ผมไม่กลัวโดนตัดเนทหรอกครับ ผมหนีจากทุย มาใช้แม็กซ์เนท นานแล้วครับ

 

โดย: พ่อน้องบุ๊ค IP: 117.47.248.78 19 มกราคม 2552 22:01:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.