ตัวอย่าง การวิเคราะห์หุ้นสักตัว..

ไม่มีประเด็นอะไรมาตั้งกระทู้ส่วนนี้ตั้งนานแนะครับ
ก็อย่างที่เคยเล่าไว้แล้วนะครับ
มีหลายเหตุผล ที่ทำให้อยากเก็บคอ งอเข่า ในเรื่องการวิแคะกราฟออกอากาศ

-----


วันนี้จริงๆ ก็ยังไม่มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ
แต่คิดว่า อยากจะอัพบล็อกส่วนนี้หน่อย

ก็นึกว่า น่าจะเอาคอมเม้นท์บางอย่างที่เคยคอมเม้นท์ที่สินธรบางเรื่องก่อนหน้านี้มาลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวิเคราะห์หุ้นสักตัว

ตั้งแต่การวิเคราะห์หาหุ้น
ไปจนถึงการติดตามดูพฤติกรรมตัวหุ้นผ่านทางราคา ที่ออกมาเป็นกราฟ


ขอบันทึกเอาไว้ เผื่อวันหน้า มีคนถาม จะได้ทำลิงค์ให้เค้ามาดูตัวอย่างเลย



**************************



จากกระทู้นี้ที่สินธรครับ
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9609417/I9609417.html

กระทู้ถามถึง QH
ก็เลยลองวิเคราะห์ให้ดู แบบที่ว่า "หากเป็นผมมอง ผมจะมองยังไง?"










จะพบว่า หุ้นตัวนี้
ก็เหมือนหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด ที่ทิ้งดิ่งหนักหน่วงช่วงวิกฤติซับไพรม์
ลงมาต่ำสุด เหลือแค่ 0.6x กว่าตังค์เท่านั้น

สร้างรูปแบบ double bottom ที่ทำใด้สวยเอาเรื่อง
เด้งกลับมาเต็มรูปแบบ เกือบไปเท่า high เก่า ก่อนหน้าวิกฤติซับไพรม

โดยรูปแบบราคาแล้ว ต้องถือว่าจบรูปแบบ 2ก้น+หัวและไหล่ ไปแล้วที่ 2.8



แต่ถ้าออกจากรูปแบบราคา

หันมาหามุมมองเทคนิคอื่นๆ อีก
ก็เป็นไปได้ว่า หุ้นตัวนี้ ปัจจุบันจะยังคงอยู่ในคลื่นลูกที่ 5 ของกราฟระยะ week



เป้าหมายคลื่น5 ตามทฤษฎีคลื่นแบบคร่าวๆ
ดูตัวเลข , แล้วเอาไปเที่ยบกับผลประกอบการณ์

แล้วดูความเป็นไปได้ทางตัวเลขผลประกอบการ
และความเป็นไปได้ทางกราฟ


เป้าหมายความเป็นไปได้ของคลื่น 5 อีกความเป็นไปได้หนึ่ง

อย่าถามผมว่า 2 ความเป็นไปได้นี้ มันต่างกันยังไง เอาอะไรมาคิด
เพราะนี่คือทฤษฎีคลื่น ก็ต้องไปเรียนรู้ตัวทฤษฎีนี้เอา

จะให้ผม มาบอกกันคร่าวๆ ถึงตัวทฤษฎีว่าทำไม ยังไง ฯลฯ

ก็จะผิดๆ ถูกๆ ไปเปล่าๆ ,
ให้อธิบายแบบลัดๆ ก็ไม่เป็น ,
ให้อธิบายตามที่คิด ก็ไม่ไหว ยาวเกิน ข้อแม้ของทฤษฎีเยอะไปหมด

สรุปง่ายสุด คือสนใจ ต้องไปหาเรียนรู้เอง
เรียนแล้ว งงตรงไหน ถามมาถามกัน และพอตอบได้ก็จะช่วยตอบ
(แต่อย่ามาถามว่า อะไรยังไง --ตอบไม่ถูกจริงๆ(โว๊ย 555)

ถ้าเรารู้สึกสนใจตัวแนวคิดนี้ ก็ไปหาเรียนรู้



สรุป ถ้าเชื่อเรื่องคลื่น
คลื่น 5 จะไปเท่ายอดคลื่น 3 แล้วจบเลยก็ได้
หรือจะไปหาค่าตามตัวเลข fibonacci ก็ได้

หรือจะไปหาค่าอื่นๆ เช่น previous high เมื่อกลางปี 08 ก็ได้

จะค่าไหนๆ ก็ได้ในนี้ ถ้าไปถึง แล้วจบ ถือว่าถูกหลักตามตัวทฤษฎีหมด




(จบเรื่องคลื่น)
1. รูปแบบราคา
2. ทฤษฎีคลื่น
3. ไปต่อกันที่เส้นแนวโน้ม เทรนย่อยๆ




เทรน เส้น และกรอบแนวโน้มย่อยๆ


ที่ว่าย่อยๆ นี้
เพี่ว่าเรามองจากภาพที่ใหญ่ ที่กว้างกว่า
เมื่องมองแคบลง , มันจึงเป็นเทรนย่อยในความหมายนั้น

แต่ถ้าลดจากกราฟวีค , เหลือกราฟเดย์
หรือกราฟชั่วโมง อาจจะมี เทรน เส้น และกรอบที่ย่อยลงกว่านี้อีกก็ได้


ที่คุณมอสเขียนไว้ส่วนใหย๋ เป็นเรื่องของเทรนย่อยนี้



โดยหลักการ ถ้าเราวาดเส้นนี้เจอ ตั้งแต่ทีแรก
แนวเส้นเหลืองหากลงมาทดสอบน่ารับ(ดูภาพรวมตลาดประกอบด้วย)

อาจจะเผื่อerror ไว้หน่อย เวลาคนขายตกใจ เจ้ามือไม่ผืนที่จะได้รับของถูก


แต่ขณะเดียวกัน ถ้าหลุดแนวรับที่ว่านี้ ต้อง "หยุดซื้อ"
ถ้าเพิ่งซื้อที่แนวรับ แล้วหลุดจริงๆ ขาดทุน 3-4% ก็ขายไว้ก่อน

เราจะไม่ถือหุ้นที่ทำlow ยังไม่จบ
ให้รอจนกว่า low จะจบ เด้งได้ จึงค่อยตาม
(บ่อยครั้ง ผมทิ้งรอบเล็กๆ นั้นเลย)

จะรอจนกว่าจะเด้งจาก low ขึ้นมารอบใหม่
แล้วย่อตัวใหม่ แต่ต้องไม่มีnewlow (จะได้เส้นแนวนับเส้นใหม่)





จากนั้น ก็ติดตามกรอบราคาที่ว่านี้
ชนกรอบบนขาย ชนกรอบล่างซื้อ
จนกว่าจะหลุดกรอบข้างใดข้างหนึ่ง

ถ้าหลุดกรอบล่าง ถอย หรือ รอ

ถ้าหลุดกรอบบน ถือ หรือ follow





สรุป สำหรับหุ้นตัวนี้ ปัจจุบัน ยังไม่เจอเส้นนัยยะที่สวยๆ ถูกใจผม

มองวิแคะตามภาพนี้
เส้นแนวรับ แนวต้าน ค่อนข้างเปะปะ

ให้สรุป ก็ต้องบอกว่า แนวรับระยะสั้น
อยู่ที่กรอบ 3 เหลี่ยมเดิม คือ 2.3-2.2(เลขกลมๆ) ,
ถ้าหลุด 2.2 ให้รอไปที่ previous low 1.9 เลย

ส่วนแนวต้าน ให้ค่าความสำคัญที่ previous high ที่ทำไว้เมื่อปลายปีที่แล้ง
คือ 2.8-2.9(เลขกลม-เผื่อ error)

หากผ่านไฮท์เดิมได้ มองเป้าถัดไป เป็นเลขจิตวิทยา
(ไม่มีนัยยะทางกราฟ) คือที่ 3.0 บาทถ้วน
ส่วน นัยยะสำคัญถัดไปจริงๆ คือ 3.2 และ 3.4 ตามลำดับ(fibonacceในreply 25)



-----จบ-----




เสริม ..
แต่หุ้นตัวนี้นะครับ ถ้าผมดูเองจริงๆ
ผมจบตั้งแต่ reply 22-23 แล้วครับ
เพราะถือว่าเป็นหุ้นที่ไม่เข้าสเป๊กผม


*****************จบ******************




ถึงแม้ว่า วันนั้น จะมีออกตัว ว่าวิเคราะห์แบบคร่าวๆ
แต่ก็ลงมุมมอง กระบวนความคิด เป้นลำดับขั้นครอบคลุมพอสมควร

คิดว่า น่าจะพอเป็นประโยชน์กับใครก็ตาม ที่กำลังสนใจเรียนรู้เรื่องการวิเคราะห์เทคนิคกราฟ



ในความเป้นจริง แล้ว แต่ละคน จะมีความเชื่อ
และ/หรือ สนใจ ในเทคนิคกราฟเฉพาะในบางเครื่องมือเป็นพิเศษ

ซึ่งแต่ละคนไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือเหมือนกัน
อยู่ที่ว่า เรานิยมชมชอบเครื่องมืชิ้นไหน?
หากเครื่องมือนั้น ตอบสนองเงื่อนไข และเป้าหมายเราได้ ถือว่าโอเคหมด

อย่างผมเอง ที่ลงไว้วันนั้น
ก็เป็นเพียง 3 เครื่องมือ ได้แก่
1. รูปแบบราคา
2. ทฤษฎีคลื่นelliott+fibonacci
3. เส้นแนวโน้ม
ซึ่งการเลือกใช้เครื่องมือพวกนี้ อยู่ที่กราฟเป็นหลัก
คือเปิดกราฟปั๋บ มันจะมีอะไรเด่นๆ ให้เราสนใจ และจับตาดู เพื่อการวิเคราะห์ขึ้นมาเอง

คือไม่ใช่หุ้นทุกตัวจะใช้ 3 เครื่องมือนี้
หุ้นบางตัวอาจจะใช้เครื่องมือที่น้อย หรือมากกว่านี้ก็ได้
ขึ้นอยู่กับกราฟที่เราเห็น ว่าอะไรมันจะ "โผล่" ออกมาให้สังเกตุ

บางคนอาจจะมีการวิเคราะห์เป็นรูปแบบตายตัว , ซึ่งก็ไม่ผิดอีกเหมือนกัน
แต่ทั้งหมดทั้งปวงนี้ ได้มาจาก "การดูบ่อยๆ"
ถ้าสนใจจะเรียนรู้เรื่องกราฟ จริงๆ ก็ต้องดูบ่อยๆ

แกะรอยการอ่านกราฟของคนอื่น
แล้วก็มาอ่านเอง ถ้าเป็นไปได้ ในมุมเล็กๆ เราอาจจะวิเคราะห์ให้เพื่อนๆ ในก้วนเราฟังก็จะดี
ถือว่าเป็นการลับความคิดตัวเอง , และการอ่านให้คนอื่นฟัง อธิบายให้คนอื่นฟังนี้มีประโยชน์มาก
เพราะเราจะระวังตัวเป็นพิเศษ จะเกิดกระบวกการทบทวนตัวเองตลอด
ทุกๆ วันนี้ ผมก็ยังคงมีมุมส่วนตัว เอาไว้วิเคราะห์ให้ญาติมิตรที่สนิทสนมฟังอยู่

แต่ก็ลดการคุยออกอากาศ ซึ่งแล้วแต่บางช่วงเวลา
บางช่วง อย่างช่วงที่ผ่านมา รู้สึกเสี่ยงที่จะวิแคะออกอากาศในวงกว้าง
ก็เก็บตัวเองไว้ในวงแคบ

แต่ที่ผมมีแน่นอน คือการอ่านกราฟอย่างสม่ำเสมอครับ



*******************


























อีกอันหนึ่ง จากกระทู้คุณ ahcmos เหมือนกัน

เป็นการพูดเชิงให้กำลังใจกัน
และชี้ให้เห้นว่า กว่าที่ใครสักคนในตลาดหุ้น
จะค้นหาแนวทางลงทุนของตัวเองเจอ มันไม่ง่ายหรอก

ต้องเรียนรู้กันทั้งนั้น ต้องเอาเงิน เอาเวลามาเสี่ยง
ต้องใช้ความพยายามมากเลยนะครับ กว่าที่ความคิดจะตกตะกอน

ผมเองวันนี้ ก็ไม่ใช่ว่าตัวเองจะเก่งนักหนา
แต่ก็มั่นใจในตัวเองขึ้นมาก กว่าช่วง 2-3 ปีแรกที่เล่นเยอะ

และถึงทุกวันนี้ จะเห็นว่า ตัวเองตกตะกอนทางความคิดแล้วประมาณหนึ่ง
แต่ก็ยังต้องเรียนรู้อยู่ไม่มีวันสิ้นสุดเหมือนกัน

ทั้งการเรียนรู้ และเถียงกับหัวใจตัวเอง
เรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เทคนิคใหม่ๆ (ที่เจ้ามือขุดมาใช้)

รวมไปถึงการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ทางอ้อมของผู้อื่น
และรวมไปถึง การเรียนรู้ผ่านมุมมอง คนที่เราชื่นชมและนับถือ(ผมเองก็มีครูดีๆ อยู่หลายคน)




//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9603842/I9603842.html
---


มาตอบบางความเห้นนะครับ


"
ความกล้ามันหายไปหมด พร้อมกันกับ เงินที่หายไป
ไอ้ที่เหลืออยู่ ก็พยายามถนุถนอมเต็มที่ กลัวจะเสียอีก"

-----อันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดามากๆ สำหรับคนที่อยู่ตลาดหุ้นมานานพอ
ที่จะเจอวงจรตลาดในช่วงที่ "รุนแรงและเกรียวกราด"

ถ้าเราอยู่ในตลาดนานพอ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอครับ

"นี่เป็นเรื่องที่จะต้องผ่านไปให้ได้ครับ"
เป็นทั้งบททดสอบคุณสมบัติของใจเรา ว่าเราจะเอาชนะตัวเองได้หรือเปล่า
และเราจะสามารถเปลี่ยนวิกฤติ(ประสบการณ์) เป็นโอกาสได้หรือเปล่า




***



"
จากเล่นหุ้นปั่น รายวัน ตอนนี้ นั่งมองหุ้นตัวเอง เป็นเดือน ยังไม่ค่อยวิ่ง
หาหุ้นพื้นฐานเล่น เค้าเล่นกันยังไง นะ
ถึงได้เข้าถูกจังหวะ และ ขายได้ถูกจังหวะ "


-----อันนี้ต้องถามตัวเองครับ ว่า ที่ว่า "หุ้นปั่น" นั้นมันยังไง
(การเลิกเล่นหุ้นประเภทนี้ได้ถือว่าดีแล้วในความเห้นผม)

แต่ที่ว่า "หาหุ้นพื้นฐาน" นั้นมันยังไง?
คำว่าหุ้นพื้นฐานถูกใช้ในหลายแง่มุม , ถ้าพูดถึงหุ้นพื้นฐานประเภท ที่ชาว VI เค้าเล่นกัน
การถือหุ้นแล้วเห็นมันนิ่งๆ อย่าว่าแต่ 6 เดอืนเลย , 2 ปี ถ้าหุ้นนั้นยังดีอยู่ แต่ราคาไม่ไปไหน
VI แท้ๆ เค้าก็รับได้ กินปันผล รอเวลา ที่"เพชรจะพ้นจากตรม"

แต่ถ้าคำว่า "หุ้นพื้นฐาน" แบบที่ราคาควรเคลื่อนไหวตามตลาดสม่ำเสมอ
พวกนี้มักเป็นหุ้นตามตลาด , ในตลาดไทย มักอยู่ใน set50-100
พวกนี้ การเข้าซื้อขาย ต้องดุจังหวะสำคัญ



..ส่วนเรื่องการเข้าซื้อขาย ให้ถูกจังหวะ
เป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ ฝึกฝนกันเอาครับ , ที่สำคัญ ต้องไม่ใจร้อนครับ

ลองคิดเล่นๆ นะ , เราเรียนหน้งสือ ตั้งแต่เด็กจนโต
ป.1 ถึง ม. 6 , รวมเวลาไปแล้ว 12 ปี , ต่อ ป. ตรี อีก 4 ปี บางคนต่อ โท. อีก 2 ปี
ใช้เวลาเรียนไปทั้งสิ้น เกือบๆ 20 ปี!!

บางคนเรียนจบแล้วแทบไม่ได้ใช้สิ่งที่ตัวเองเรียนในการประกอบการงาน
บางคนเรียนไป เกือบ ยี่สิบปี เพื่อทำงาน หาเงิน เดือนละ 2-3 หมื่น

ถามว่าเวลาขนาดนี้ และต้องใช้เงินขนาดไหน ระหว่างนั้น
เพื่อมีวิชาความรู้ ประกอบตัวไว้เป็นเครื่องมือหากินตลอดชีวิต

ตลาดหุ้น ถ้าเราใจเย็นๆ และมองไหลหน่อย
และอย่างมีเป้าหมาย ค่อยๆ ทำไป
การลงทุน ใช้เวลา+เงิน ในตลาดหุ้น , ถ้าใจรับ และจริงจังมากพอ
ผมว่า 3-5 ปี ได้วิชาความรู้ เอามาใช้หาเงิน อาจจะมากกว่า เรียนมาตั้งเกือบ 20 ปี



เพียงแต่ต้องถามตัวเองว่า "นี่ใช่ที่ทางของเราหรือเปล่า?
ถ้าเราคิดว่า 'ใช่' ต้องไม่ใจร้อนครับ ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ค่อยๆ ทำ
แต่ต้องทำอย่างจริงจัง อย่าคาดหวังผลเลิศเกินไป และไม่ต้องไปเทียบกับใครที่ไหน
, และพยายามเรียนรู้หลายๆ แนวทาง เพื่อเรียนรู้ตัวเองด้วยครับ
อาจจะยังหาแนวทางตัวเองไม่เจอก็ได้ อย่าไปยึดติดกับ "ชื่อเรียก" ของแนวทางลงทุนต่างๆ

พวก vi vs หรืออะไรอื่น พวกนี้ เราไปยึดกรอบมันตายตัวไม่ได้
มองโดยหลักกว้างๆ ก็พอ , อย่าไปลงรายละเอียดตามคนอื่น
เพราะอันที่จริงแล้วแนวทางของแต่ละคน ก็เป็นแนวทางหนึ่งๆ นั้นเลย
มันผสมผสานรายๆ ความคิด และประสบการณ์ของตัวเองอยู่ในนั้น


สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องจริงจังกับมันจริงๆ
ถือว่าทำปริญญาอีกใบ เพิ่งเข้าเรียนปี2 จะทำข้อสอบ ปี4 มันคงลำบาก
ใจเย็นๆ มองตามเนื้อผ้า ยินดีในสิ่งที่ตัวเองมี ทำของเราไป เดี๋ยวดีเอง
(แต่ขอวงเล็บว่า ต้องทำจริง และใจรักนะครับ) แบนี้ รับรองได้ว่า "เดี๋ยวดีเอง"







ปล. ผมเคยคุยกับคุณมอส รู้เลยว่าเป็นคนใจร้อนมากๆ นะครับ และน่าจะดื้อด้วย
ประมาณว่า อยากเห็นผลลัพท์เร็ว , คอมเม้นท์ที่ผมมีกับคุณบ่อยๆ คือเรื่อง "ใจ-เย็นๆ" สังเกตุมั้ยครับ

ได้มากย่อมดีกว่าได้น้อย
ได้น้อยดีกว่าไม่ได้เลย
ไม่ได้เลยดีกว่าเสียหาย
ขาดทุนน้อย ดีกว่าขาดทุนมาก

วันนี้เท่าที่ฟัง คือไม่ได้ขาดทุน
แต่ "ได้ไม่ทันใจ" เท่านั้น

ได้ไม่ทันใจเพราะ 1. ลงทุนน้อยกว่าคราวที่เสีย
2. หุ้นเราขึ้นไม่เท่าตัวอื่นๆ หรือตลาด
3. ยังระแวงว่าตัวเองเลือกหุ้นผิด เข้า-ออกผิดจังหวะ

ข้อ 1. เป็นเรื่องของความโกรธ/ความกลัว(ไม่กล้า เพราะฝังใจความผิดพลาด)
ข้อ 2. เป็นเรื่องของความโลภ(อยากได้มากกว่านี้ หรือไปเทียบกับคนอื่น)
---สองข้อแรกเป็นเรื่องของใจล้วนๆ
ข้อ 3. เป็นเรื่องฝีมือ และการเรียนรู้
---ข้อนี้เป้นสิ่งที่ฝึก ที่เรียนได้ , ค่อยๆ มั่นใจข้อ 3. เมื่อไหร่เดี๋ยวข้อ 1-2 จะดีตามมาเอง

สรุปคือ ต้อง ฝึก ฝึก ฝึก และฝึกครับ





**********************










ส่วนอันสุดท้ายนี้เก็บมาจากกระทู้ของตัวเอง
(ที่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ค่อยได้ตั้งเท่าไหร่)

รู้เหมือนกัน ว่าความเห้นบางอย่าง อาจจะไปขัดกับสไตล์ของคนอื่นๆ บางคน


แต่สิ่งที่เตือนเสมอๆ โดยเฉพาะ
เรื่องการอย่าไปเล่นหุ้นปั่น
และการอย่าไปเล่นเดย์เทมรดนั้น

ไม่ใช่เตือนเพราะอยากไปบิดสไตล์ใคร
แต่เตือน เพราะเราผ่านมาแล้ว , และกล้าพูดว่า ผ่านมาอย่างเข้มข้นด้วย

สุดท้าย จึงได้ละเลิกการเล่นหุ้นปั่น และเดย์เทรดไป
เพราะเห็นว่า ทำไป เล่นไปแล้ว "มันทำให้เราโตไม่ได้"

อย่าลืมว่าเราเป็นรายย่อย
เราอยู่วงนอกของกลุ่มก้วนเจ้ามือ
เราอยู่วงนอกของข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ


อย่างเก่ง ทำได้เต็มที่คือ หาเลี้ยงตัวเองไปวันๆ หนึ่ง
หาค่ากับข้าว อาจจะหาเงินพอค่าผ่อนคอนโด
แต่รวมๆ แล้ว เหนื่อยแสนเหนื่อย เครียดแสนเครียด
ดิ้นรน แต่ได้ผลตอบแทนไม่ต่างอะไร กับคนทำงานออฟฟิต กินเงินเดือนน้อยนิด

รายย่อยๆ อย่างเราๆ เล่นหุ้นพวกนั้น(ปั่น) หรือ วิธีนั้น(เดย์เทรด)
มันทำให้เรารวยไม่ได้ครับ พอร์ตเราไม่โตจากการเล่นแบบนั้นหรอกครับ ยืนยันฟันธง!!



เห็นคนอื่นกำไร อย่าไปเปรียบเทียบนะครับ
เอาให้ดูเพื่อจะบอกว่า "เล่นหุ้นต้องถือ" นะครับ พอร์ตจึงจะโตได้


ประโยคข้างล่างนี้ เป็นประโยคที่เขียนเตือนตัวเองไว้

เล่นให้เป็นมืออาชีพหน่อย!!
รู้จักรอ รู้จักโอกาส เล่นตามเงื่อนไข เล่นตามระบบ ตลาดไม่หนีไปไหน(ร้อก).. "

จากกระทู้นี้..

//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9589324/I9589324.html

ผมเป็นพวกเล่นหุ้นเป็นรอบนะครับ
และจะมีทั้งมุมมอง แบบก่ะเล่นรอบเล็ก เล่นรอบขนาดกลาง
และเล่นรอบขนาดใหญ่..


ผมจึงเป็นคนดูดัชนีตลาด ผสมผสานกับดูตัวหุ้น..



คือจะไม่เน้นดูตัวหุ้นเป็นหลัก โดยไม่สนภาพรวมตลาดเลย


แต่หลักๆ จะเน้นดูตลาดก่อน
และจึงดูตัวหุ้น , แต่ถ้าเจอหุ้นเด็ดจริงๆ ในภาวะตลาดแย่ๆ ก็เล่นได้


หรือหากจะเล่นสวนภาวะตลาด(กรณีตลาดแย่)
ก็ต้องมั่นใจว่า ตัวหุ้นที่เราเล็งไว้ มีประเด็นให้เล่น

ถึงอย่างไร ก็จะมีแนวรุก แนวรับ แนวถอยไว้ตลอด


*****


มีหลักคิดหลายหลัก
ที่นึกออก 1-2 วันนี้

แล้วอยากเอามาลงไว้ตรงนี้ ก็อย่างเช่น..




"เล่นหุ้น อย่าพยายามเอาชนะเจ้ามือ"

และ/หรือ

"เล่นหุ้น อย่าพยายามฝืนตลาด"






คำว่า "เล่นหุ้น" ของผม จะมีความหมายกลางๆ นะครับ

จะไม่ใช่คำในแง่บวก หรือแง่ลบ
คือใช้ในแง่เป็นคำพูดที่เข้าใจกันได้โดยทั่วไป



*****


เล่นหุ้น "ห้ามหลอกตัวเอง"


คุณสมบัติ ของคนที่หลอกตัวเองเก่งๆ
จะประสบความสำเร็จในตลาดหุ้นได้ยากครับ




คือไม่หลอกตัวเอง ก็คือมองตามเป็นจริง

ถ้าเราตั้งใจเล่นเก็งกำไร (สั้นหรือยาวก็ได้)
หากมีสิ่งที่ผิดพลาด เพี้ยนไปจากที่ประเมินไว้ทีแรก
หรือเราประเมินบ่กพร่องไปเอง

ถึงแม้จะขาดทุน ก็ต้องยอมขาย




ในทางกลับกัน แม้เราจะขายไปแล้ว แล้วหุ้นขึ้นต่อ
หากเรา พบว่าเอาเองที่พลาดขายหมูไป

การซื้อคืนแพงกว่าเดิมนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายคอขาดบาดตาม
ขอเพียงให้เห็นโอกาสที่จะมีกำไรตามเงื่อนไขที่เราตั้งไว้ , พลาดก็แก้ไขได้ครับ


*****


จริงๆ เป็นหัวข้อที่ใหญ่ กว่าความเห็นข้างบน
เรื่อง "ห้ามหลอกตัวเอง"



ถ้าเอาแบบลึกๆ ตรงประเด็นแล้ว
เล่นหุ้น "ควรรู้จักตัวเอง" ครับ

ต้องรู้ว่าใจเรา ทำอะไรได้แค่ไหน
ต้องรู้ว่าเงินเรา พร้อมแค่ไหน

รู้ให้ได้ 2 อย่างนี้ก่อนครับ จึงจะมีโอกาสอยู่รอดในตลาดได้ระยะยาวๆ




เมื่อรู้ 2 อย่างนี้แล้ว
จึงจะมาสู่จุดที่เรา เราจะเลือกลงทุนแบบไหน สไตล์ไหน

แล้วก็พัฒนา การรู้การเข้าจังหวะซื้อขาย

ข้อนี้ เป็นเรื่องยาก ที่ใครๆ ก็อยากรู้ครับ
แต่ขอบอกไว้นะครับ ข้อที่ยากจริงๆ คือรู้จักตัวเองให้ดีก่อนครับ

รู้ใจตัวเองว่า เป็นคนประมาณไหน
เพราะเป็นเรื่องภายใน

เมื่อรู้ภายใน การเรียนรู้ทฤษฎีภายนอกจะไม่ยากครับ



*****


สำหรับมือใหม่(มือเก่ายกไว้)


"หุ้นปั่นอย่าเล่นครับ"
ห้ามเด็ดขาด ..

หุ้นปั่น สำหรับผม ก็ดูกันตรงที่ไม่มีพื้นฐาน
นึกอยากจะมาก็มา นึกอยากจะไปก็ไป

นอกจากเจ้ามือ และกลุ่มก้วน
ผมยังไม่เห็นรายย่อยที่ไหนรวยได้จากหุ้นพวกนี้จริงๆ สักคน

คุณอาจจะกำไรจากการเล่นครั้งหนึ่ง
แต่กำไรที่เปรียบเสมือนเงินร้อนนี้
จะทำให้คุณฮึกเฮิม และเล่นเกินตัว และเล่นอย่างประมาทในครั้งต่อไป

ผลสุดท้าย คุณจะคือกำไร พร้อมกลับจะขาดทุนกลับมาให้เจ็บใจ



คุณอาจจะชนะบ้าง แพ้บาง
นั่นทำให้คุณอยากพิสูจน์ ว่าคุณมีฝีมือ

แต่ผลสุดท้าย ก็เข้าทำนองเดิม
คือกำไร 3 ครั้ง อาจจะไม่เท่ากับขาดทุนครับเดียว



เพราะฉะนั้น มือใหม่ จงอย่าเล่นหุ้นปั่นครับ



*****


สำหรับมือใหม่ (มือเก่ายกไว้)



"เดย์เทรดห้ามเล่น"

คนที่เล่นเดย์เทรดแล้ว รวย ผมก็ยังไม่เจอกับตัวสักที
(เห็นแต่เล่าๆ กัน ไม่เคยเจอตัวจริงสักคน)



เล่นเดย์เทรด เพราะเราไม่มีเงินสำรอง สำหรับซื้อจริงๆ
ซื้อเช้าต้องขายเย็น

นอกจากจะต้องสู้กับเจ้ามือและกลุ่มก้วนเค้า
ที่รู้ทันเราแล้ว , เรายังต้องสู้กับรายย่อยมืออาชีพคนอื่นๆ อีก


ในเกมส์นี้ ก็บอกได้ว่า อย่างเก่ง ทำได้แค่หาค่ากับข้าวไปวันๆ
แต่ทำให้รวยไม่ได้ ทำให้พอร์ตโตไม่ได้

พอร์ตจะโต และยืนnewhigh ได้
ต้องเล่นถือครับ , จะถือสั้น หรือกลาง หรือยาว ก็ว่ากันไป
(แล้วแต่ความถนัดและความพอใจ)

แต่แบบที่ซื้เช้า ขายเย็น
ไม่มีวันทำให้พอร์ตโตได้ครับ



อีกอย่าง การที่เราเดย์เทรด
เรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีเงินจ่ายค่าหุ้นนั้นๆ
มันจะทำให้เรา เสียวิจารณญาณที่ดี ในการเทรดด้วยครับ


*****


เรื่องที่คุณ tuxpower ว่าไว้ก็เป็นสไตล์หนึ่งครับ


ในตลาดหุ้น ใครเล่นหุ้นสไตไหนแล้วกำไร เป็นที่พอใจ
ก็ถือได้ว่า ดีสำหรับคนนั้นๆ แหละเนอะ


มันจึงไม่มีหลักตายตัวว่าแบบไหนทำแล้วดีที่สุด
เพราะดีของคนหนึ่ง อาจจะไม่ดีสำหรับอีกคน


จะมีก็แต่หลักที่ว่า แบบไหนไม่ควรทำอย่างยิ่งเท่านั้นเอง..


*****





บล็อกวันนี้ ก็ขอสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ครับ
*************260853 --- 2341*************







Create Date : 26 สิงหาคม 2553
Last Update : 27 สิงหาคม 2553 0:04:49 น. 18 comments
Counter : 995 Pageviews.

 
มาทักทายครับ ไม่เจอนานเลย คิดฮอดครับ


โดย: ทองดี IP: 58.8.175.78 วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:22:46:51 น.  

 

หวัดดีครับคุณทองดี
มาเร็ว จนต๊กกะใจเลยผม 555
ดีใจๆๆ


โดย: บุญทับ วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:22:56:43 น.  

 
อ่านด้วยความขอบคุณ

มือใหม่หัดขับ ยังมะรู้ว่ามะไหร่จะได้ใบขับขี่ซักกะที
ขับมา ปี ครึ่ง ระค่ะ

เริ่มดูป้าย ห้ามขับเกิน200 นะนะ
จากกราฟเป็นบ้างแล้ว งูๆๆปลาๆๆ

คงต้องแตะเบรก อะแบบมะต้องเปลี่ยนคลัช ก้อเกียร์ออโต้นี่นา

เพราะเล่นทั้งหุ้นปั่นและเดย์เทรดค่ะ
ขับ200 มาตลอด จึงไม่ได้ใบขับขี่ซักกะที

มุมมองที่อ่านมาตั้งกะบรรทัดแรก...
ใช่เราท้างน้านนนนนนน

ตาวิเศษเห็นนะ เห็นนะ

ขอบคุณมากค่ะเป็นการเตือนที่จะน้อมรับและนำไปปรับปรุงตนเองซักที



โดย: ผัดหมี่ (ThePhenix ) วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:8:15:01 น.  

 
^_^ เขียนได้ดีจริงๆ ครับ


ขออนุญาติ เซฟเก็บไว้ เพราะมีเพื่อนชอบบอกให้สอนเล่นหุ้น (นึกในใจว่า กรูยังเอาตัวไม่ค่อยรอด....ฮา)

จะได้เอาไปให้มันดู



ขอบคุณมากครับ


โดย: TheWorldOfArt วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:10:46:18 น.  

 

หวัดดีคุณ ผัดหมี่ ThePhenix
หวัดดีคุณ Art
ด้วยนะครับ


อันนี้ฝากมิตรรักแฟนเพลงครับ :P:P
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=m-ms&month=07-2005&date=12&group=3&gblog=3


โดย: หนมเม็ด IP: 124.122.57.161 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:0:51:36 น.  

 
เข้ามารอชมคุณบุญทับอัพเดท SET ฮ่ะ


โดย: ทองดี IP: 58.8.177.4 วันที่: 2 กันยายน 2553 เวลา:22:09:45 น.  

 

คุณทองดี ตามลิงไปหรือยังครับ..
มีคำตอบต่อคำถามที่คุณทองดี ถามไว้เมื่อบล็อกก่อนหน้านี้ด้วยครับ


โดย: บุญทับ วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:12:39:39 น.  

 

"
อยากถามความเห็นให้ช่วยชี้แนะค่ะ ว่า ...
เราตั้งใจศึกษาเทคนิคแล้ว เอาเข้าจริง กลับกำไรสู้คนที่เค้าเล่นตามข่าวไม่ได้ บางทีหุ้นที่เราดูและมั่นใจ มันก็ช้าจิงๆ สงสัยว่า
1.การดูช่วงเวลาที่หุ้นจะขึ้นหลังเกิดสัญญาญ แล้วค่อยเข้าซื้อ หรือ
2.เข้าซื้อตามแนวรับเมื่อเกิดไดเวอเจนเลย เอาในราคาที่ถูกตรงนั้นเลย แล้วรอ
3. ดูไว้ ไม่ต้องซื้อเลยรอข่าวแล้วค่อยเข้าซื้อ
4. หรือว่ามีการดูคำนวณช่วงเวลาที่หุ้นน่าจะขึ้นหรือลงได้ ( เคยได้ยินบางคนบอกว่าตัวนั้นตัวนี้ น่าจะอีกสามวัน อะไรประมาณนั้น)
เพราะที่ผ่านสามสามเดือนชักหงุดหงิดค่ะว่าเราเข้าหุ้นที่ดูแล้ว แต่คนที่ไม่ต้องดูอะไรเลยเอาตามที่เค้าบอกๆกันนี่กำไรเยอะกว่าเราเร็วกว่า เลยคิดว่า สงสัยเราจะผิดทางเสียแล้วค่ะ
คิดตั้งนานว่าจะถามใครดี ที่สุดนึกได้ค่ะ เลยมาขอคำแนะนำค่ะ
"




โดย: บุญทับ วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:2:05:52 น.  

 

ไหนๆ คิดว่าพอมีเวลา ยังไม่ง่วง เลยมาลองๆ ตอบดูนะครับ

ขอออกตัวก่อนว่า
ที่ตอบนี้เป็นทัศนะส่วนตัวนะครับ
ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีข้อตายตัวแล้วแต่คนมากกว่านะครับ


1. สำหรับผม เมื่อเห็นสัญญาณซื้อเกิดขึ้น จะซื้อเลยหรือไม่??
คงแล้วแต่ตัวหุ้น และภาวะการณ์ตลาดครับ

ถ้าภาวะตลาดดดี หรือผมทำนายว่าน่าจะดี

หากเป็นหุ้นที่คุ้นเคยดีอยู่แล้วมักซื้อเลย
เพราะเคยชินกับรูปแบบการทำราคาของเจ้ามือ
และจะแบ่งซื้อเป็นไม้ๆ แบบเนียนๆ (เพราะชินกับตัวหุ้น)

ถ้าเป็นตัวหุ้นที่ไม่คุ้นเคย บางทีกระโดดเข้าไปเลย บ่อยครั้งหุ้นชะงักครับ
เพราะถ้าอยู่ในช่วงสะสม เจ้ามือจะจับได้ว่า เป็นหน้าใหม่มาเล่นด้วย(แย่งหุ้น)
(แบบนี้มักจะติดหุ้นสักพัก หรือรูปแบบราคาเปลี่ยนในระยะสั้นได้ครับ)

ดังนั้น วิธีการที่ดี คือค่อยๆ แหย่ซื้อไปครับ
เช่นถ้าเราอยากจะซื้อสัก แสนหุ้น
ถ้าเราไม่รีบ ตลาดไม่ถึงกับดีมาก กลัวหุ้นวิ่งหนี
อาจจะซื้อทีละไม้ ไม้ละ 5000-10000 หุ้น
ค่อยๆ เก็บสะสมไปครับ อย่างให้เจ้ามือไหวตัวได้

ขณะเดียวกันก็ดูว่า พอเราซื้อแล้ว เค้าทุบขู่ หรือลากหนีด้วย

ค่อยๆ ซื้อครับ อย่างซื้อทีเดียว ถ้าเราตูมเดียว เจ้ามือจับได้แน่นอน
แล้วทีนี้ ก็ต้องมาเจอกับ 1. เกมส์กดราคา
หรือ 2. เกมส์ไล่ราคาหนี (ข้อ 2. เราคงไม่กลัว)



หากภาวะการณ์ตลาดไม่ดี
หุ้นกราฟหุ้นดูสวย ผมจะรีรอไปก่อนครับ
..เพราะผมเป็นคนเล่นหุ้นที่อาศัย เกาะกระแสตลาดเป็นหลักครับ


โดย: บุญทับ วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:2:20:55 น.  

 

2. ไดเวอร์เจนซี่ ควรต้องดูประกอบกับทฤษฎีคลื่นครับ
ไดเวอร์เจนซี่ ที่น่าเชื่อถือ ควรมากับคลื่นที่ 5 ครับ

ถ้าเราไม่แม่นคลื่น การเล่นด้วยไดเวอร์เจนซี่ อาจจะกลายเป็นดาบสองคมได้ครับ


สรุปคือ
การซื้อด้วยไดเวอร์เจนซี่ และการซื้อตามทฤษฎีคลื่น
คือ "การซื้อดัก" , การซื้อดัก คือการคาดหมายอนาคต มีโอกาสที่จะผิด หรือถุกไปเลย

ถ้าถูกจังหวะ เราก็มักจะซื้อได้เกือบ low , ขายได้เกือบ high
แต่ถ้าผิดจังหวะก็อาจจะผิดไปเลยครับ (ตกรถ-ขายหมูไปเลย)


แต่ถ้าเราคิดว่า ที่เราอ่านเอาไว้ค่อนข้างชัวร์
หรือมั่นใจมากๆ ซื้อเลย แล้วรอไปได้เลยครับ

แต่ผมก็ยังอยากจะแนะนำให้ใช้การ
"แบ่งซื้อ แล้วค่อยๆ ดู"

ใช้หลักเกณฑ์เดียวกับข้อ 1
ในกรณีนี้ อาจจะซื้อไม้แรกๆ ให้หนักมือหน่อย
รอให้มันเด้งก่อนจริงๆ แล้วค่อยๆ ซื้อเพิ่ม

บ่อยครั้ง(ถ้าผมมั่นใจตัวหุ้นและตลาด)
ผมจะซื้อที่คลื่น 5 สัก 4-5 ส่วน
follow เมื่อเด้งไปคลื่น 1 สัก 2-3 ส่วน
ถ้ามันวิ่งหนีแรง ก็ซื้อเพิ่มอีก 2-3 ส่วน
หรือ หากจบคลื่น 1 แล้วย่อ ก็ให้มั่นใจว่า เป็นคลื่น 2 (จุดต่ำสุดยกสูง เริ่มเด้งรอบใหม่)
จึงค่อยซื้อเพิ่ม อีก 2-3 ส่วน

บางที ผมก็เล่นที่คลื่น 5 กับคลื่น 2 ไปเลย
(ไม่follow ที่คลื่น 1 ด้วยซ้ำ)


สรุป คือ ยังคงใช้กลยุทธ แบ่งซื้ออยู่ครับ


โดย: บุญทับ วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:2:33:27 น.  

 

3. เราต้องยอมรับ ว่ามีคนที่เค้าเก่งเล่นตามข่าวครับ

อันนี้คุณตันตา ต้องถามตัวเอง
หรือทดลองเอาเองว่า "หากเราเล่นตามข่าวบ้าง ผลจะเป็นยังไง??"

ถ้ายังไม่เคย ก็แนะนำให้ลองๆ เลียนแบบวิธีการที่คนอื่นใช้ดูครับ




แต่อย่างผม เคยแล้ว รู้ว่า การเล่นตามข่าว ไม่สอดคล้องกับใจตัวเองครับ
..อันนี้ จึงเป็นเรื่อง ที่ผมไม่ค่อยห่วง


อีกอย่าง ผมอยากแนะนำว่า ..
---เราอย่าไปเทียบกับคนอื่นเลยครับ
..เราเอาเป้าหมายเราเป็นตัวตั้ง ถ้าทำได้ตามเป้าแล้ว จงพอใจ
และยืดอกได้เลยครับ , ว่าเรามีแผน เรามีเป้าหมาย
และเราทำได้ตามแผน และทำได้ตามเป้าหมาย


อันนี้ผมใช้กับตัวเองประจำครับ
บางทีคนบางคน เอากำไรมาโชว์ หรือมาคุยให้ฟังว่าได้เท่านั้นเท่านี้ เล่นอย่างนั้นอย่างนี้
มันทำให้เราไข้วเขว , เราอยากไปไบ้วเขวครับ
(จริงๆ เค้าไม่เจตนาหรอก ที่จะทำให้ใครไข้วเขว
แต่คนอ่านเจอ แทบทุกคนไข้วเขวครับ จะสับสน อยากได้ อยากมีอย่างคนอื่นเค้าบ้าง)

อันนี้ ในระหว่างที่ผมหาแนวทางของตัวเองอยู่
ยังลองผิดลองถูก อยู่ด้วยวิธีหลากหลาย
เวลาเจกระทู้ คนที่เอากำไรมาโชว์นี่ จะไข้วเขวมากๆ ครับ
อยากลองเปลี่ยนไปเล่นแบบเค้า วิธีการอื่นๆ ที่ดูดีกว่าที่เราใช้อยู่

แต่ถ้ามันไม่ใช่แนวทางของเรา มันก็ไม่ใช่แนวทางของเราครับ
อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นให้ตัวเองไข้วเขวดีที่สุด

และถ้าเรา เล่นหุ้นโดยมีเป้าหมายแล้ว
ยึดหลักนั้น และแข่งกับตัวเองดีที่สุดครับ
(ท้าทาย ได้ฝึกจิตใจดีจริงๆ ครับ-ดีกว่าไปแข่งความสับสนกับคนอื่นครับ)


โดย: บุญทับ วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:2:42:20 น.  

 

การคำนวนเป้าหมายเชิงเวลา(timing)เป็นสิ่งที่คำนวนได้ยากครับ
และผมเองก็ยังทำไม่ได้เหมือนกัน

เราต้องลองไปดู ว่าคนที่เค้าทำนายได้ ทายถูกสักเท่าไหร่??

ถ้าเป็นตัวหุ้น ผมว่ายากมากๆ
(ยกเว้นอยู่ในก้วนเจ้ามือ ที่เค้ารู้แผนล่วงหน้า)



แต่การทำนาย ไทม์มิ่งแบบกว้างๆ
ผสมกับ มองตามข้อเท็จจริง เชิงมหาภาค
แบบนี้ ผมก็มีการเคาเดาเช่นกัน

ถ้าเป็นหุ้นที่มี W หรือข่าวต่างๆ อยู่
ก็ต้องอ่านเกมส์ของเจ้ามือ ว่าเค้าน่าจะทำอะไร
กับเงื่อนไขผูกพันเช่น วันแปลง , วัน xd , วันประชุมผู้ถือหุ้น(จะมีข่าว)
วันประชุมคณะกรรมการบริษัท ไปจนถึงวันที่เงินปันผลเข้าบัญชี

ผมถามเล่นๆ หากเงินปันผล จะเข้าในวันที่ 13
หุ้น vi หลายๆ ตัว จะมีแรงซื้อ ตั้งแต่วันที่ 11-12และ 13

vi หลายๆ คน ได้ปันผลมาซื้อหุ้นเพิ่ม
แต่เงินปันผลเข้าบัญชีวันที่ 13 , แต่ถ้าเค้าแม่น และมั่นใจว่าจะไม่มีตกหล่น
บางคนซื้อเก็ยเพิ่มตั้งแต่ 11-12 และ เพราะเงื่อนไข t+3

อันนี้เป็นการยกตัวอย่างไทม์มิ่งอันหนึ่ง



แต่ถ้าใช้กราฟระยะสั้นๆ 15-60 นาที
แล้วมาทำทายว่า อีก 2-3 วัน หุ้นจะขึ้น หรือลง เท่านั้น เท่านี้
ผมว่ามันยากมากๆ , บางครั้งรูปแบบราคา อาจจะพอบอกได้
แต่โอกาสที่จะถูกต้องชัวร์ๆ นั้นยากมากๆ


ดังนั้น ไทม์มิ่ง หากผมจะเดา ผมมักจะเอาเรื่องของมหภาคมาคาดเดาร่วมด้วย
(รวมไปถึง เรื่องเกมส์อื่นๆ ที่เราพอจะเดาได้ เช่น window dressing , วันประกาศปันผล(ต้องหาข้อมูลย้อนหลัง เป็นต้น)




โดย: บุญทับ วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:2:52:55 น.  

 

---เราจะผิดทางหรือเปล่า??
อันนี้ ผมว่า ควรต้องดูกับผลงานที่เราทำได้ และสภาพตลาดโดยรวมครับ

อย่างที่ตอบใน ข้อ 3. น่ะครับ
ถ้ายังไม่เคยลอง จะลองก็ไม่ผิดอะไร(อาจจะดีก็ได้ หรืออาจจะไม่ดีก็ได้)


อย่าลืมว่า ตลาดช่วงที่ผ่านมานี้ มันกระทิง
พวกบทวิเคราะห์โบรค ที่ชี้ชวนไปในทิศทางเดียวกัน
ว่ากลุ่มนั้น หรือตัวนั้น ตัวนี้จะมา , มันจึงใช้ชี้นำตลาดได้

แต่การชี้นำตลาดโดยโบรคเก้อ ไม่ใช่ของที่ยั่งยืน

แต่หลักการที่เราใช้ต่างหากที่หยั่งยืน
ถ้าหลักการเราดีแล้ว พิสูจน์ตัวมันเองแล้ว ตอบสนองเป้าหมายเราได้แล้ว
ก็ขอให้พอใจในสิ่งที่เราเป็น เราทำได้ดีกว่าครับ






คงตอบได้เท่านี้นะครับ
ไม่รู้จะช่วยอะไรได้หรือเปล่า??

ยังไงก็ขอให้โชคดีนะครับผม สู้ๆๆ รวยๆๆ


โดย: บุญทับ วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:2:58:20 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำชี้แนะ
ที่เว้นว่างจากเวปบอร์ดสินธรก็มานั่งฝึกและลองวิชาเทคนิค เพราะอยากที่จะทำให้การเทรดหุ้นเป็นเหมือนอาชีพที่เราต้องเรียนรู้พัฒนาตนไปเรื่อยๆ ไม่ใช่การพนันที่เอามันส์เฮตามเป้าหมายที่เฝ้าตามอย่างไม่รู้ว่ามันมาจากไหน
โดยลองดูว่าเอาแต่เทคนิคล้วนๆเราทำได้ไหม
เอาเข้าจิง ก็เหมือนเราวนเวียนเพราะมาดูผลงานมันยังไม่เข้าเป้า ก็เลยชักลังเลว่า เออ ถูกมั้ยนี่
หรือยังขาดอะไรไปที่เราต้องเอามาช่วยดู

สงสัย งานหนักแบบเดิม เออ.. ใครๆอยากเล่นหุ้นเพราะมองว่าเราหาเงินได้สบาย หารู้ไม่ งานหนักเอาการ เรายังต้องอดทนทำงานนี้ต่อไปเพื่อพัฒนาผลงานอยู่ตลอดเวลา คงต้องลดจำนวนตัวหุ้นลงค่ะ
ขอบคุณที่ตอบข้อสงสัยค่ะ


โดย: ต้นตา IP: 124.122.92.8 วันที่: 19 กันยายน 2553 เวลา:14:23:41 น.  

 
(เรายังวนเวียนอยู่ในนี้นะ...ฟังดูน่ากัวจัง ;-)

ดีจังที่มีบ้านพูดคุยเรื่องเทคนิค

วันก่อนเราเข้าไปอ่านในคลังกระทู้เจอชื่อคุณโดยบังเอิญ เห็นคุณแนะนำให้ไป load TA e-book จาก taladhoon

เล่มพื้นฐาน (1) เรามีแล้ว แต่เล่มที่สรุปรวม (2) ดันไม่ได้ print
นี่เพิ่งจัดการเรียบร้อย เข้าใจง่ายกว่าเล่ม1 อีกนะ เราว่า

ถ้าเรามีอะไรสงสัย เราจะมาคุยด้วยนะ
เราไปคุยใน board แล้วรู้สึกว่า noise มันเยอะมากเลย ทำเอาเราเป๋ไปเหมือนกัน


โดย: รูบี้ IP: 115.87.146.79 วันที่: 25 กันยายน 2553 เวลา:10:15:26 น.  

 
เข้ามาทักทายครับ..


โดย: ทองดี IP: 61.90.18.225 วันที่: 28 กันยายน 2553 เวลา:21:45:57 น.  

 

หวัดดีคุณตันตา
คุณรูบี้
คุณทองดีครับ

ยินดีครับ ถ้าเห็น และตอบได้จะตอบให้ครับ


โดย: หนมเม็ด IP: 124.121.165.4 วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:17:44:22 น.  

 
เซทพันกว่าๆ มีวิแคะเพิ่มเปล่าครับ


โดย: ทองดี IP: 58.8.177.129 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:49:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
26 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.