นั่งเทียน มองกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ (15 ก.พ. 53)


ก๊อปปี้มาจากที่บอร์ด..
พร่ามนั่งเทียนไว้ , เผอิญว่า วันนี้หัวมันเพลินๆ คิดได้เรื่อยๆ
เลยเอามาบันทึกลงเอาไว้ก่อน , วันไหนเกิดหัวทึบๆ คิดไม่ออกจะได้มาอ่านทวนความคิดตัวเองอีกที




---------------------------------------------





ตลาดลงรอบนี้(หากจงใกล้จบเมื่อไหร่)
bluechip กลุ่มธนาคารน่าเล่นนะครับ

ผมเองตั้งแต่ปีที่แล้ว ก็ลดการเก็งกำไรกลุ่มน้ำมันลง หันมาเก็งกำไรกลุ่มพาณิชย์มากขึ้นเหมือนกัน

ภาวะดอกเบี้ยก็ขาขึ้นด้วย..



----------------


เคาะ 5 แบงก์ปล่อยกู้ 9 หมื่นล. KTB งาบทุกสัญญาไทยเข้มแข็งลุ้นตั้งกองทุน
โครงสร้างพื้นฐาน
5 แบงก์คว้าเงินกู้ก้อนใหญ่ไทยเข้มแข็ง 9 หมื่นล้านบาท กรุงไทยไม่พลาด
งาบทุกสัญญา คลังลุ้นตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน คาดไม่เกินกลางปี
แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า การประมูลอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อมาลงทุน
ในโครงการไทยเข้มแข็งครั้งที่ 3 วงเงิน 9 หมื่นล้านบาท มีธนาคารจำนวน 5 แห่ง
ที่ชนะและได้ปล่อยกู้ โดยการกู้แบ่งออกเป็น 2 สัญญา สัญญาวงเงินละ 4.5 หมื่นล้านบาท
ดยในสัญญาที่ 1 หรือ 4.5 หมื่นล้านบาทแรกมีธนาคารกรุงไทย (KTB) และธนาคาร
กสิกรไทย ประมูลอัตราดอกเบี้ยชนะในอัตรา 1.465% ต่อปี ได้ปล่อยกู้ให้กับกระทรวงการคลัง



---------------


ไม่ได้เชียร์ตัวหุ้นนะครับ แต่ผมเองก็เน้นที่ตัวที่ว่านี้มาพักหนึ่งแล้ว
และก็ด้วยเหตุผลตามข่าวนี้อีกเหมือนกัน



ผมเล่นหุ้น ส่วนหนึ่ง ผมใช้เศรษฐกิจมหภาค เป็นตัวคัดหุ้นด้วยครับ
ผมว่ามันง่ายดีนะครับ..

ข่าวเชิงนโยบายจะออกมาก่อน
ตามมาด้วยข่าวภาคดำเนินการ
แล้วก็ตามมาด้วยผลการดำเนินงาน

เล่นตามมหภาค เล่นตามนโนยาบภาครัฐไม่ยาก


เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้คัดหุ้นบ่อยๆ ..




**********



คุยหุ้นกลุ่มธนาคารต่อ

ธนาคารใหญ่ เน้นผลดีเศรษฐกิจฟื้นตัว โครงการกระตุ้นภาครัฐ
ธนาคารขนาดกลางถึงใหญ่ เน้นเศรษฐกิจฟื้นตัว สินเชื่อsme เสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล
ธนาคารขนาดเล็ก เน้นสินเชื่อรถยนต์..



*****


นอกจากกลุ่มธนาคารแล้ว
กลุ่อสังหาฯ หลายๆ ตัว ผลประกอบการดี แต่ราคายังต่ำอยู่มาก

น่าสนใจเศรษฐกิจฟื้น ตลาดหุ้นฟื้นเมื่อไหร่ กลุ่มนี้ น่าจะมี gain ได้มากที่สุดกลุ่มหนึ่ง(เนื่องจากราคาวันนี้อยู่ต่ำมาก)


แต่โดยพื้นฐานอุตสาหกรรมแล้ว
จะได้ผลดีจากอานิสงค์เศรษฐกิจฟื้นเป็นหลัก

แต่น่าจะมีผลกระทบทางลบเป็นระยะๆ
จากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และการลดมาตราการช่วยกระตุ้นอสังหาภาครัฐ


วันนั้นคุยกับพี่อะคลู
มองว่า คนที่มีแลนด์แบงค์เยอะ มีฮิตเด้นแอสเสสเยอะๆ ราคาหุ้นจะวิ่งได้ยาวไกล



*********




กลุ่มปูน วัสดุ ก็คงจะดีตามภาวะเศรษฐกิจ(ไทย) ที่จะฟื้น
แต่น่าจะค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้ก้าวกระโดด


กลุ่มเหล็ก ผมยังคง เน้นที่โครงการขนาดใหญ่ โครงสร้างพื้นฐาน
ภาวะเศรษฐกิจโลก และราคาเหล็กโลก



กลุ่มเคมี ผมไม่ค่อยมีความรู้ และไม่ค่อยได้ติดตามราคาเคมีภันฑ์ เลยไม่ค่อยรู้พื้นฐานตัวธุรกิจ
แต่ก็มองว่า ยังไง ก็น่าจะดี ตามภาวะเศรษฐกิจโลก (เน้นกว่าเศรษฐกิจไทย)



กลุ่อาหาร เกษตร ใครๆ ก็คงพอรู้อยู่แล้ว
ได้ผลดีจากช่วยนี้ น่าจะอีกนานต่อไปด้วย
ตามภาวะอากาศแปรปวนทั่วโลก ทำให้ผลติผลทืงการเกษตรที่ผลติได้ทั่วโลกน้อยลง
ราคาผลติผลทางการเกษตรทั่วโลกสูงขึ้น

ไทยถึงจะมีอากาศแปรปวนบ้าง แต่ก็ถือว่า ภูมิภาคที่เราอยู่นี้
ได้รับผลลบน้อยกว่าภูมิภาคอื่นๆ ที่อยู่ ตอนบน หรือตอนล่างของเส้นศูนย์สูตร




***********




กลุ่มเทคโนโลยี
จริงๆ แล้วผมมีความรู้น้อย

ที่เล่นๆ อยู่ เพราะเน้นเล่นตามกระแสนโยบายภาครัฐเป็นหลัก
แต่ก็มองว่า องค์กรธุรกิจเดี๋ยวนี้ หลีกเลี่ยงการใช้เทคโนโลยีไม่ได้
ถ้าเศรษฐกิจฟื้น การลงทุนเพิ่มขึ้น กลุ่มเทคดนโลยี ยังไงก็ต้องติดตามมาแน่ๆ
(แต่ประเมินขนาด และระยะเวลาไม่ค่อยเป็น)


กลุ่มผู้ให้บริการมือถือ ผมยังเฉยๆ
คืดมองว่า ลุ้นเรื่อง 3g เป็นหลัก..
..อย่างวันก่อน ที่มีข่าว advanc ประกาศปันผล , เค้าก็ยังบอกเองว่า ตลาดผู้ใช้มือถืออิ่มตัวแล้ว
ก็จนกว่าเทคโนโลยีใหม่เรื่อง 3g จะสต๊ารจริงๆ จังๆ , กลุ่มนี้จึงจะมีประเด็นเล่น
แต่กว่า ที่ผลได้ผลดีจะสะท้อนออกมาที่ผลดำเน้นงาน คิดว่า ยังต้องอีก 2-3 ปีขึ้นไป
(สมมติว่า 3g เริ่มได้ในปีนี้)



กลุ่มคนขขายมือถือ ผมก็เฉยๆ นะครับ
เพราะส่วนใหญ่ที่อยู฿ในตลาด เป็นพวกขายโทรศัพท์ยุคเก่า คือยังเน้น 2g กันอยู่
ถ้าค่ายไหนเริ่มเน้น พวกสมาท์โฟน พวก3gโฟน , ก็จะน่าสนใจกว่า



กลุ่มอิเล้กทรอนิก ผมว่าก็น่าสนใจ ตามภาวะเศรษกิจโลก
คงจะเน้นว่า บริษัทไหน ผลิตอะไร สินค้าในหมวดไหน และส่งออกไปที่ไหนเป็นหลักด้วย

แต่โดยรวม มองว่า กลุ่มนี้ดี ตามเศรษฐกิจโลก
และเรื่อเขตการค้าเสรีอาเซียนด้วย




***********




คงเขียนเท่าที่นึกถึงกลุ่อุตสาหกรรมออก..



กลุ่มนิคม มองว่า ก็น่าจะดี ตามกระแสดฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก
รวมไปถึง กระแสเปิดเสรีอาเชียนด้วย..

คือภาพรวมระยะกลาง-ยาว มองค่อนข้างดี
แต่ระยะสั้น ห่วงการเมืองกดดันอยู่ ก็คงต้องให้การเมืองคลีคลายไปก่อน สักพักหนึ่ง

กลุ่มนี้ มองว่า จังหวะนิ่งก็จะนิ่งไปเลย(เพราะเรื่องความเชื่อมั่น)
แต่จังหวะมา มักจะมาแบบก้าวกระโดด เพราะรูปแบบตัวธุรกิจมันเป็นอย่างนั้นเอง (เล็กๆ ไม่)




กลุ่มรับเหมา ช่วงนี้ ผมเห้นข่าวเงียบๆ ไปหน่อย
ทั้งๆ ที่โครงการรถไฟฟ้า ค่อยๆ คืบหน้า เดินหน้าไปได้

รัฐบาลนี้ เท่าที่มอง ก็ไม่ใช่ไม่สนใจการผลักดันรถไฟฟ้านะครับ
แต่ไม่ค่อยเห็นเค้าพูดเท่าไหร่ , แต่เท่าที่เห้น ตัวเนื้องาน ก็ค่อยๆ เดินหน้า มีข้อสรุป ข้อยุติ เพื่อการเดินหน้าได้เรื่อยๆ



กลุ่มค้าปลีก ก็คงจะเรื่อยๆ
กลุ่มนี้ ได้รับผลกระทบทางธุรกิจในในภาวะซบเซา
แต่เมื่อภาวะเศรษฐกิจดี การดำเนินงานก็จะดีขึ้นตามเนื้อหาภารรวม
แต่ไม่ได้ก้าวกระโดดแต่อย่างใด..

มองว่าเป็นกลุ่มที่ถอยน้อย แต่ก็ก้าวช้า..




**********




กลุ่มโรงแรม..
มองว่าขึ้นกับบรรยากาศทางการเมือง
และภาวะความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจโลก

แต่ผมว่าประเทศไทยเรา ยังไงเรื่องท่องเที่ยว ถึงจะแป๊กบ้างช่วงสั้น แต่ก็ไม่ล้มหายตายจาก

เพราะทรัพยาการท่องเที่ยวเรา มีหลายหลาย ครอบคลุมให้ประชากรทั่วทุกภูมิภาคของโลก

คือมองว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทวีปไหนของโลก ประเทศไทยเราก็จะมีของดึงดูดเค้า
คนอยู่หนาว ชอบมาหาร้อนในเมืองไทย
คนอยู่ร้อน ชอมมาหาอากาศดีๆ อาหารดีๆ ในเมืองไทย

แล้ว นักท่องเที่ยว เดี๋ยวนี้ ในภามิภาคเอเชียเอง ก็เป็นกลุ่มที่มีกำลังจ่ายมากขึ้น
จากแต่ก่อนที่ ต้องเน้นที่นักท่องเที่ยวยุโรป กับญุ่ปุ่น

สรุปว่า ยุคนี้ ถึงหัวทองจะชะลอไปตามภาวะความเชื่อมั่นและเศรษฐกิจโลก
แต่หัวดำญาติๆ เรา ก็มีกำลังซื้อมาขึ้น และแสวงหาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

กลุ่มโรงแรม มีตระกร้า ทั้งฝรั่ง แขก เอเชีย
..ธุรกิจนี้ เมืองไทยตายยาก
ห่วงก้แค่เรื่องการเมือง และภัยภิบัติที่ยากเกินควบคุม

แต่ภาวะอากาศแปรปวนทั่วโลก น่าจะช่วยทำให้นักท่องเที่ยว สนใจท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคของเรามากขึ้น





กลุ่มโรงพยาบาล มองว่ารัฐบาลนี้ ให้ความสำคัญน้อยไปหน่อย
ทั้งๆ ที่สมัยหน้าเหลี่ยม พยายามผลักดันให้เราเป็นฮัพทางการแพทย์ของภูมิภาคนี้

และจะว่าไปแล้ว เรามัศักยภาพเต็มที่ทีเดียวในธุกิจนี้
..แต่รัฐบาลนี้ ดูจะเห้นความสำคัญเรื่องนี้น้อยมากๆ

อีกส่วน คงเป็นผลมาจากทางการเมือง..

กลุ่มนี้ คงต้องรอเศรษฐกิจโลกฟื้นเป็นหลัก..






มีกลุ่มไหนอีกบ้างหว่า...





**********






กลุ่มพลังงาน ..
ผมว่า ยังไงก็ไม่ตาย
จะน้ำมันหรือถ่านหิน โดยส่วนตัว เชื่อว่า
ร้ายสุด ราคาเชื้อเพลิง ก็จะทรงตัวอยู่ไม่ต่ำกว่าราคาวันนี้มากนัก

แต่ผมคิดว่า เศรษฐกิจฟื้นเมื่อไหร่
ราคาเชื้อเพลิง รวมไปถึง สินแร่ต่างๆ ก็น่าจะปรับตัวขึ้นตามกระแสเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้

แต่ถึงกับจะวิ่งขึ้นแรงๆ หรือเปล่า??
ก็อาจจะไม่ , ด้วยเหตุที่ว่า ตลาดที่ดูทรัพยากรโลกหลัก คือจีน กำลังลดความร้อนแรงเศรษฐกิจของตัวเองอยู่

ซึ่งน่าจะทำให้เศรษฐกิจการใช้ทรัพยากรโลก ชะลอตัวลงไม่ร้อนแรงเหมือนที่ผ่านมาก

แต่เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว น่าจะชดเชยส่วนนี้ได้ส่วนหนึ่ง
..แต่ก็มองว่า ยุคแย่งทรัพยากรกัน ปันราคาทรัพยากร น่าจะหยุดพักลงระยะกลาง อาจจะยาว 3-5 ปี

สรุปมองว่า เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวจะช่วยกระตุ้นราคาทรัพยกรต่างๆ ไม่ให้ตกลงจากที่เป็นอยู่วันนี้
แต่ขณะเดียวกัน ผู้บริโภครายใหญ่อย่างจีน ก็น่าจะลดความร้อนแรงจากการใช้ทรัพยากรจำนวนมากด้วยเช่นกัน

ทำให้มุมมองภาพรวม กลุ่มพลังงาน รวมถึงสินแร่โภคภันฑ์
ราคาไม่น่าจะปรับลงจากวันนี้ น่าจะมีเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
แล้วจะทรงตัว ไม่น่าขึ้นร้อนแรงอย่างที่เกิดในรอบ 5-6 ปีที่ผ่านมาอีก




*********






ยานยนต์ ชิ้นส่วน ก็น่าจะฟื้นตัวได้ดี ตามภาวะเศรษฐกิจโลก
ส่วนของบ้านเรา จะได้ประโยชน์จากการเปิดเสรีอาเซียนเป็นพิเศษด้วย

กลุ่มนี้มองว่าผูกพันกับเศรษฐกิจโลก มากกว่าเศรษฐกิจไทย
และจะเพิ่มความผูกพันกับเศรษฐกิจในภูมิภาคมากยิ่งๆ ขึ้นด้วย

กลุ่มนี้มองระยะกลาง-ยาวว่าค่อนข้างดี
กระแสอาเซียน+3 จะช่วยหนุ่นทั้งตลาด และเงินทุน รวมไปถึงเทคโนโลยี


แต่ช่วงที่ผ่านมา จากประเด็นเรื่องโตโยต้าเรียกคืนรถที่อเมริกา และยุโรป
ผมว่า น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางโคงสร้างอะไรสักอย่างในอุตสาหกรรมนี้ด้วย(ในระดับโลก)
..แต่ยังเดาไม่ออกว่า มันจะเป็นยังไง

อุตสาหกรรมรถยนต์ ช่วงวิกฤติซับไพรม์ ก็มีการล้ม+ควบรวมกันเยอะในฝั่งอเมริกา และยุโรป

มองภาพรวมธุรกิจนี้ น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างอะไรสักอย่างแน่ๆ แต่ยังเดาไม่ออก

ส่วนของไทยเรา น่าจะได้ผลดีมากกว่าผลเสียในระยะยาว





ส่วนกลุ่มขนส่ง
ผมเอง มองว่า เราน่าจะได้ประโยชน์มากกว่านี้ จากการเปิดเสรีอาเซียน
หากก่อนหน้านี้เราเตรียมความพร้อมไว้ก่อน..

แต่ต้องยอมรับว่า ระบบโลจิสติกของเรา ยังไม่สมประกอบมากนัก

แต่เชื่อว่า ในอนาคต คือระยะยาวไปแล้ว (5-10ปีนั่นแหละ)
เมื่อระบบรางของเราพัฒนาไปได้มากกว่านี้
การเชื่อมโยง ระบบโลจิสติก ระหว่างทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ
โดยศักยภาพ ในทำเลของเรา ธุรกิจกลุ่มขนส่งของไทยเรายังโตได้อีกมาก


ส่วนระยะสั้น หุ้นในกลุ่มขนส่งของเรา
ก็เน้นไปที่เรือเป็นหลัก คงต้องรออนิสงค์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว

การบินไทย ก็รอเรื่องการท่องเที่ยว เศราฐกิจโลก

เห็นมีหุ้น ใหม่ ชื่อ kiat หรือป่าว ที่ดูจะเป็นขนส่งทางบกตัวเดียวที่มีอยู่ในตลาดหุ้นไทย


มองภาพรวมกลุ่มนี้ คงเล่นตามเศรษฐกิจโลก
แต่หากมองไปข้างหน้า ธุรกิจนี้ ของไทยเรามีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมหาศาล




**********






สรุปภาพรวม กลุ่มอุตสาหกรรมที่ผมว่าน่าสนใจในรอกการลงทุนรอบหน้า


1. เก็งกำไรรอบสั้นๆ ตามตลาด กลุ่ม bluechip ผมคงเน้นที่กลุ่มธนาคาร-พลังงาน

2. กลุ่มที่น่าสนใจ มองหาเพื่อถือยาวๆ มองที่ อสังหาฯ ทั้งกลุ่ม
ไม่ว่าจะบ้าน นิคม รับเหมา.. , คงขึ้นกับราคา และภาพรวมทางเศรษฐกิจ

3. กลุ่มส่งออก ชิ้นส่วนอิเล้กทรอนิค ชิ้นส่วนยานยนต์ ไฟฟ้า , ก็มองว่าน่าสนใจ
แต่วันนี้ หุ้นกลุ่มนี้ หลายตัวราคาขึ้นมามากแล้ว และทำท่าว่าจะไม่ตกในระยะสั้นๆ นี้
ทำให้ความน่าสนใจในตัวหุ้นกลุ่มนี้ลดน้อยลง



รอบหน้า ผมคงเน้นหุ้นที่จะได้รับผลดี จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นหลัก
ตามมาด้วย หุ้นกลุ่มที่จะได้รับผลดีจากการลงทุนอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว
และเราจะได้รับผลดีซ้อน จากการเปิดเขตการค้าเสรีอาเชียนด้วย

ปัจจัยเสี่ยงหลัก ในเรื่องการลงทุน คือเรื่องการเมือง..

..ส่วนเรื่องมาบตาพุด เห็นด้วย ว่าบันทอนความน่าลงทุนระยะสั้น
และรัฐบาลนี้ก็แก้ไขช้า ถูกว่าว่าให้ความสนใจแก้ปํญหาน้อยไป อันนี้เห็นด้วย
..แต่ถึงอย่างไร เรื่องมาบตพุดนี้ ก็มองว่า อยู่ในกระบวนการแก้ไขแล้ว สุดท้ายก็จะผ่านไปได้ (แต่จะถูกใจหรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง)

เรื่องมาบตาพุดจึงมองว่า สุดท้ายก็จะผ่านไปได้
แต่เรื่องการเมือง จนถึงวันนี้ ยังไม่รู้ว่าปลายทางอยู่ที่ไหน และเมื่อไหร่

ถ้าการเมืองมีข้อยุติด้วยดี
การเปิดเสรีอาเชียน เชื่อว่า จะทำให้ไทย ยังคงเป็นสมรภูมิที่น่าลงทุน กว่าประเทศเพื่อนบ้านอยู่ดี

และในอนาคต อาจจะไกลหน่อย การเชื่อโยงภูภาคยี้ให้ใกล้ชิดกัน ไทยก็ยังคงได้เปรียบในการเป็นจุดศูนย์กลาง
และการมีความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดในอนุภูมิภาคนี้

การลงทุนในประเทศไทย ยังโตได้อีกเยอะ (เพียงขอให้การเมืองยุติให้ได้ก่อนแล้วกัน)





ทั้งหมดนี้ มองข้ามล่วงหน้าไปสักครึ่งปีนะครับ
รอให้ตลาดปรับตัวพักฐานให้เรียบร้อยก่อน ก็จะเอาความคิดพวกนี้มาใช้งานจริง
(ระหว่างนี้ ก็เก็บข้อมูลหาหุ้นน่าสนใจเข้าลิสต์)


แต่ถ้าโชคร้าย เศรษฐกิจโลก หากมีแป๊กติดหล่มรอบใหม่ ก็อาจจะต้องถอยกันไปยาวกว่านั้น..







แค่นี้ครับผม..


ปล. พิมพ์ผิดเยอะ ไว้กอาจจะค่อยแก้ทีหลังครับผม (ถตอนลงบล็อก-ถ้าไม่ขี้เกียจนะครับ)









เริ่มเขียน 10 โมงเศษ เขียนไปคุยไป เสร็จเที่ยงเศษ



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 12:21:58 น. 5 comments
Counter : 467 Pageviews.

 

พฤหัสที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553
1201 น.


คอมเมินท์ล่าสุดครับ(สดๆ ร้อนๆ จากเตา)


ลุ้นกันบ่ายนี้..


จังหวะจบ ก่อนวันที่ 26 เล้กน้อย
สอดคล้องกันดี..


จะใกล้เคียงแค่ไหน ก็ติดตามกันดู..


..ยังไงก็อย่าลืมว่า c นี้ ยังแปรผันได้อีกเยอะนะครับ

แม้ผมจะคิดว่า มันคงจะไม่แปรผันจากที่ผมมองมากนักก็เหอะ
(แต่เราจะไม่ตั้งอยู่ในความประมาทนั่นเอง )


โดย: บุญทับ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:05:28 น.  

 

อ้อ.. ลืมไป
gap นี้อาจจะปิดหรือไม่ปิดก็ได้นะครับ
(เรื่องแก๊ป ย้อนไปอ่านของเก่าสักหน่อยนะ)

ถ้าแค่ดันตลาดขึ้นมาชนแก๊ป แต่แล้วไม่ปิด กลับลงต่อแรงๆ
จะยืนยัน ภาพขาลงจะค่อนข้างชัดมากๆ เลยครับ




โดย: บุญทับ วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:07:58 น.  

 
อัพเดท เย็นวันศุกร์เพิ่มเติมเล็กน้อย..


จริงๆ แล้ว ก็แทบไม่จำเป็นจะต้องมาอัพเด?เลยครับ
เพราะมุมมอง เมื่อครึ่งเช้าเมื่อวาน กับเย็นวันนี้ แทบจะไม่แตกต่างกันเลย


โดย: บุญทับ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:29:33 น.  

 

คอมเหม็นก็ดูของเมื่อวานนั้นแหละ..


..แถมอีกนิด

โดยหลักๆ ยังอยากจะลุ้น ให้ไปทดสอบ gap อยู่นะครับ

แต่.. ก็ต้องระวัง กรณีที่ c สั้น อาจจะไปไม่ถึง แก๊ป แล้วลงต่อก็ได้


ส่วนภาพที่ทำไว้
เป็น c มาตราฐาน กลางๆ คือไม่สั้น ไม่ยาวครับ



ไปแระ


โดย: บุญทับ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:29:54 น.  

 
ขอบคุณมากครับ

ขอถามนิดนึงครับพี่ เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่ามันจบ C แล้ว? เพราะถึงตอนนั้นสัญญาณพวก trend follower ต่างๆ คงเป็นบวกหมด (MACD>signal, MA เส้นเวลาสั้น> MA เส้นเวลายาว)


โดย: TheWorldOfArt วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:16:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
15 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.