หวิว หวิว . .

.


เมื่อค่ำวาน จนถึงดึก จนถึงนอน
จนกระทั่งวันนี้ทั้งวัน..

ผมมีเรื่องหนึ่งให้ครุ่นคิดอยู่ในใจตลอดทั้งวัน


เรื่องที่ครุ่นคิดนี้ ไม่ขอเล่า ณ ที่นี้
และมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับหุ้นโดยตรงด้วย

เพียงแต่มีบางแง่มุมของมัน ที่คล้ายๆ เรื่องหุ้นอยู่ในทีเหมือนกัน
เพราะเปรียบไป เรื่องที่ว่า มันก็คล้ายๆ กับการลงทุน หรือการเก็งกำไรในรูปแบบหนึ่ง


ครุ่นคิดถึงมัน ก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นอกมั่นใจนัก
..ความรู้สึกที่ไม่ค่อยมั่นใจมากนักนี้ ผมเองก็ยังแยกแยะมันไม่ออก
ว่ามันมาจากส่วนใด หรือมีสาเหตุประเด็นอะไรเป็นหลัก ของความรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจนี้

ความเป็นไปได้ของสาเหตุมัน มีเยอะแยะมากเลย..

แต่ผมเองก็สอบทานตัวเองตลอด ว่าตัวเองคิด พิจารณา กึ่งตัดสินใจบางประเด็นไปแล้ว อย่างมีสติ?
คือกำหนดจิตตัวเองอยู่ ว่า ทำไปอย่างมีสติ ไม่ประมาทนะ
ไม่ใช่ ทำไปเพราะใจเรากระโจนอยากไปตามแรงยั่วยุที่ไร้สัมปชัญญะ




ความรู้สึกรวมๆ นี้ ..อาจจะรวมเรียกได้ว่า “ความรู้สึก หวิว หวิว . . ”
..ผมรู้สึกว่า มันคล้ายกับช่วงที่เรารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในตลาดหุ้น

ผมเชื่อว่า คนเล่นหุ้น ทุกคนล้วนต้องเคยเจอความรู้สึก หวิว หวิว นี้กันทุกคน
ขณะที่ผมนึกถึงประเด็นนี้ในตอนอาบน้ำ

ผมก็คิดได้ว่า ถ้าเป็นหุ้น ผมจะใช้การ “ปรับพอร์ต” เป็นตัวช่วยประทั่ง
และสอบทานความรู้สึก หรืออารมณ์ลึกๆ ในใจตัวเองอีกที

ผมมักให้คำแนะนำ ประมาณว่า ใช้สูตร 50/50 สิ..
หากเรามีหุ้นมากเกินไป แล้วเรารู้สึกไม่มั่นใจว่าทิศทางตลาด หรือตัวหุ้นที่เราถืออยู่
มันจะวิ่งต่อไปได้.. , เรากลัวว่า ราคามันจะลง..

เราก็อาศัยการปรับพอร์ตลดหุ้นที่มีอยู่ลงซ่ะ ผมมักจะให้คำแนะนำว่า สักครึ่งหนึ่ง
มี 100 ก็ขายออกไป สัก 50 , แบบนี้เราจะสบายใจมากขึ้น
และจะเริ่มมีสติ.. และสตางค์.. , ..ก็จะกลับมาอยู่กับเรามากขึ้น

ถ้าเรากลัวหุ้นลง แต่มีหุ้นอยู่มาก ก็ลดพอร์ตลงซ่ะหน่อย
ถ้าเรามีหุ้นอยู่น้อย แต่เกรงว่าหุ้นจะขึ้น เราก็เพิ่มพอร์ตตัวเองให้มากขึ้นหน่อย

จริงๆ แล้ว มันจะมีขบวนการ ที่จะนำเราไปสู่จุดที่เราสบายใจ..

สมมติว่าเรา เทียบว่า มีหุ้นอยู่ 100% , กลัวว่าหุ้นจะตก
เราก็ควรเลือกที่จะทยอยลดพอร์ตตัวเองลง , อาจจะ สักทีละ 10-20% ก็ได้
..ทุกๆ ครั้งที่เราเริ่มปรับพอร์ต เราจะเริ่มมีความรู้สึกใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ
มันแทบจะผุดขึ้นมาในนาทีนั้นๆ เลยก็ว่าได้ ,
จะเรียกว่า “สติ กับ สัมปชัญญะ” มันค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น
แล้วตัวอารมณ์ ตัวหลง ตัวความกลัว ตัวความโกรธ ตัวความไม่แน่ใจต่างๆ นานา มันจะเริ่มลดน้อยลง

การค่อยๆ เริ่มปรับพอร์ตทีละนิดๆ , จากภาวะที่ใจเราหวิวๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ใจเราจะเริ่มเป็นกลางมากยิ่งขึ้น เริ่มมองเห็นสภาพตลาดตามความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น

เมื่อเราค่อยๆ เริ่มปรับพอร์ตไปถึงจุดๆ หนึ่ง (ไม่ควรใช้การโยนซื้อ หรือขาย ไม้เดียว 100% นะ)
เราจะเริ่มรู้สึกได้ ว่าเรากำลังมาถูกทางแล้ว..
ยิ่งลดพอร์ต เรายิ่งสบายใจ , บางครั้ง เราอาจจะจบที่พอร์ต เหลือหุ้น 50% ตามแผนก็ได้
บางครั้ง ยิ่งเราขาย เรายิ่งมั่นใจว่าทำได้ถูกต้อง.. , บางที มันก็จบด้วยการล้างพอร์ต
หรือล้างหุ้นตัวนั้นๆ ออกจากพอร์ตเราไปเลย..

..และก็มีเหมือนกัน ทีบางครั้ง เราขายไปแล้วสักพัก เราเริ่มรู้สึกว่า “เรากำลังทำผิด” อยู่
เมื่อเราเริ่มตระหนักรู้อย่างนี้.. โดยธรรมชาติ เราก็จะหยุดขายไปเองโดยปริยาย
บางครั้ง เราก็อาจจะต้องยอมเสียค่านายหน้า หรือเสียส่วนต่างสักเล็กน้อย เพื่อซื้อหุ้นกลับก็ได้

นี่คือข้อดี ของการใช้การปรับพอร์ตสู้ตลาดหุ้น
สู้กับภาวะจิตใจ หวิว หวิว . . ของเรา..



เล่นหุ้นจำเป็นต้องมีสติ..
สติแตกเล่นหุ้นไม่ได้นะครับ (สติแตก=เล่นมั่ว)

เมื่อไหร่ ที่เราเริ่มรู้ตัวว่า สติเราเริ่มแตก
เราก็ต้องรีบเรียกสติให้กลับคืนมา.. , เดี๋ยวนี้ผมมีวิธีเรียกสติตัวเองเก่งขึ้น
..แต่ในตลาดหุ้น การปรับพอร์ต ก็ช่วยทำให้คนที่ยังไม่ค่อยได้ฝึกสติตัวเอง ได้กลับมามีสติมากขึ้น




ส่วนผมตอนนี้ เดี๋ยวก็ต้องไปถามสติ ไปเรียกสติตัวเอง สอบทานจิตใจตัวเองต่อเหมือนกัน
กับเรื่องที่ยังรู้สึก หวิว หวิว . . อยู่.. , ไปถามหน่อย..
ว่าใจ.. ว่าจิต.. ว่าสติ.. ว่าสัมปชัญญะ .. จะมีความคิดเห็น และจะให้คำตอบกับเราว่ายังไง??
(ในเรื่องที่ใจเรายัง หวิว หวิว . . อยู่นี้.. – นาทีนี้เริ่มดีขึ้น , จากการได้เขียน)


เดี๋ยวนี้ ผมมีเครื่องมือดี ..
อย่าลืมว่า.. “ความมีสติ คือความไม่ประมาท..”




สวัสดีครับ ..




Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2553 23:46:46 น. 15 comments
Counter : 377 Pageviews.

 
แถม..

..สำหรับตลาดหุ้น



"ความมีสติ คือความมีสตางค์" ..
นะครับ ..





โดย: บุญทับ วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:50:31 น.  

 





มีรูปดำมืดอยู่ พิมพ์ คอมเมนท์ ยากครับ ต้องเลือกอักษรมาลงตรงที่คีย์ ขาวๆๆ
วันศุกร์ ที่ผ่านมา รู้สึกเช่นนี้ จึงปรับพอร์ต ลดลงไปราว50%
รู้สึกสบายใจขึ้นจริงๆๆ เพราะมันต้องหยุดอีกสองวันด้วย ดาวฟิวที่ลบมากมาก และดอลล่าร์ที่ พุ่งขึ้นไปทำนิวไฮ 81 กว่า ดูมันผิดปกติมากๆๆ
แม้ว่าตลาดไทยจะยัง เขียวไปได้ตามคาดการณ์
วันจันทร์ ก็ยังทำอะไรได้ถ้ามันจะขึ้นต่อไปอีกครั้ง หรือถ้ามันลง ก้ปลอดภัยไครึ่งหนึ่ง
ใช่ครับ สติ ทำให้เกิด ปัญญา ได้จริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า


โดย: หมอสัจจะ IP: 117.47.80.190 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:5:42:44 น.  

 

ขอบคุณคุณหมอสัจจะมากครับ
เดี๋ยวจะไปทักทายที่บล็อกนะครับ
:D:D


โดย: หนมเม็ด IP: 203.144.144.164 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:03:16 น.  

 
ขอยกยอดมาตลอบสำหรับอันนี้นะครับ


----------------------------------------------------------------------




ขอบคุณมากครับ

ขอถามนิดนึงครับพี่ เราจะรู้ได้อย่างไรครับว่ามันจบ C แล้ว? เพราะถึงตอนนั้นสัญญาณพวก trend follower ต่างๆ คงเป็นบวกหมด (MACD>signal, MA เส้นเวลาสั้น> MA เส้นเวลายาว)



โดย: TheWorldOfArt วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:16:48 น.



--------------------------------------------------------------------



ถูกต้องแล้วครับ เครื่องมือบางอย่าง มันไปด้วยกันไม่ได้ครับ

โดยเฉพาะเรื่องคลื่น กับเรื่องเส้นค่าเฉลี่ย
แทบจะเป็นเครื่องมือ ที่เอามาวิเคราะห์พร้อมๆ กันไม่ได้เลยครับ


สองเครื่องมือนี้ จึงต้องมองแยกจากกันครับ

เรื่องคลื่น ผมเรียกว่า เป็นวิธีการ "เล่นดัก" ตลาดล่วงหน้า อ่านทางกันล่วงหน้าแล้วเทคแอ็กชั่นครับ

ส่วนเรื่องเส้นค่าเฉลี่ย ผมเรียกว่า วิธีการ "เล่นตาม" ตลาด
เป็นเครื่องมือในการเล่นตามแนวโน้ม ไม่ใช่เครื่องมือในการทำนายอนาคตครับ


2 เครื่องมืนนี้ จะให้มันยืนยันพร้อมกันไม่ได้ครับ
เพราะในขณะที่เครื่องมือหนึ่ง สั่งซื้อ อีกเครื่องมือ จะสั่งขาย
มักจะเป็นอย่างนี้ครับ..

แต่ผมก็ใช้ทั้ง 2 เครื่องมือนี้ ในการเล่นครับ

แต่ใช้แยก และขึ้นอยู่กับโอกาสที่ใช้
ผมใช้ทั้ง 2 เครื่องมือนี้มากไม่แพ้กันเลยครับ


โดย: บุญทับ วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:09:45 น.  

 
อือม พอจะเห็นภาพแล้วครับพี่


ขอบคุณหลายๆ ครับ



โดย: art (TheWorldOfArt ) วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:26:54 น.  

 
กราฟยังเป็นมุมมองเดิมที่วิแคะอยู่เปล่าครับ..


โดย: ทองดี IP: 122.154.25.100 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:46:32 น.  

 

ใช่แล้วครับคุณทองดี


ขึ้นมาก็ทะยอยขาย ผมเองขายที่L ไว้เกือบหมดแล้ว
เป็น stock futures นะ ไม่ใช่ s50

แล้วก็เปิด S กับ บางตัวด้วย..


แต่ถ้าไม่มั่นใจ ลดพอร์ตแล้ว ก็อยู่เฉยๆ ก่อนก็ได้นะครับ
รอให้ฝรั่งมันเผยไต๋มากกว่านี้อีกหน่อยก็ได้
(ผมอาจจะเดาอะไรผิดอยุ่ก็ได้)


แต่ไล่มา 2 วันนี้ เข้าทางกราฟที่แคะไว้เลยครับ
ผมก็เลยเล่นตามแผนไป เพราะยังไม่เห้นจะมีมุมมองอะไรเปลี่ยนแปลง

ถ้าฝรั่งยังไล่ซื้อเรื่อยๆ ผ่านเหตุการเมือง แล้วก็ยัง
ไล่ซื้ออยุ่ อาจจะมีการปรับมุมมองอีกทีก็ได้



ต้องพูดเผื่อเอาไว้แหละนะ สไตล์ผม จะไม่มองทางเดียวสุดโต่ง
จะปรับตัวตามสถานการณ์ที่เห็นจริงอีกที..



โดย: หนมเม็ด IP: 203.144.144.164 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:01:46 น.  

 

ไหนๆ ก็ไหนๆ ..
เอามาลงซ้ำอีกที (เผอิญว่า ช่วงนี้ กรุปบล็อกนี้ อัพเดทบ่อย)



กราฟล่าสุดที่ลงไว้ที่บล็อกนี้นะครับ (แต้งแต่ สัปดาห์ก่อนขึ้นไป)







ส่วนใหญ่แล้ว ถ้าไม่มีมุมมองอะไรสำคัญใหม่ๆ
ผมก็จะไม่ได้เอามาอัพเดทอ่ะนะครับ (ขี้เกียจป

อีกอย่างพูดบ่อย ก็ผิดบ่อยครับ

เอาแต่มุมมองเนื้อๆ มาลง ที่มีนัยยะ
(มุมมองรายวัน บางที อ่านมา จะงงมากน่ะครับ)


โดย: บุญทับ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:08:17 น.  

 


ข้างล่างนี้ เป็นภาพล่าสุด ที่ทำเมื่อปิดครึ่งเช้าวันนี้ครับ..



(คอมเม้นท์เมื่อช่วงเที่ยงครับ)



เมื่อ 23/02/2010 , 12:35:47 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------





กราฟตลาด ช่วงนาทีท้ายขึ้นมาถึงแนวแก๊ปจนได้ในที่สุด
อย่าลืมว่า แก๊ปนี้จะปิดหรือไม่ก็ได้
..แต่เท่าที่เห้น ทั้งอารมณ์ตลาด ทั้งกราฟแล้ว น่าจะไปต่อได้ น่าจะปิดแก๊ปได้นะครับ


.


.


ไปพักเที่ยงก่อนครับ




โดย: บุญทับ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:12:35 น.  

 

ภาพ..

เมื่อ 23/02/2010 , 12:35:47 » Edit
--------------------------------------------------------------------------------








กราฟตลาด ช่วงนาทีท้ายขึ้นมาถึงแนวแก๊ปจนได้ในที่สุด
อย่าลืมว่า แก๊ปนี้จะปิดหรือไม่ก็ได้
..แต่เท่าที่เห้น ทั้งอารมณ์ตลาด ทั้งกราฟแล้ว น่าจะไปต่อได้ น่าจะปิดแก๊ปได้นะครับ




โดย: บุญทับ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:13:57 น.  

 

คอมเหม็นท้ายตลาดวันนี้ครับ...




ภาพโดยรวม ยังถือว่า ลุ้นต่อได้นะครับ จะลุ้นยาวๆ ไปหาเส้นแดงก็ยังได้เลย
แต่ผมเอง ของมองแบบกลางๆ ดีกว่า

ขอให้ผ่านสถานการณการเมือง ไปก่อน
ตลาดเรา ตลาดชาวโลกจะเป็นยังไง ถึงตอนนั้น ค่อยตัดสินใจวางกลยุทธ์เล่นในขั้นต่อไป


พรุ่งนี้วันพุธด้วย
ดูหนังราคาถูก ถ้าตลาดดูมันชวนให้สับสน ชวนรให้เราเสียวินัย อาจจะหนีไปดูหนังสัก 2 เรื่องก็ได้ 555



วันนี้ไปก่อนนะครับผม สวัสดีครับ :D:D:D:D:D




โดย: บุญทับ วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:23:44 น.  

 
สอบถามครับ...เราจะรู้อย่างไรว่าคลื่นC จบแล้ว พร้อมเริ่มขา3ลงเต็มตัวครับ เช่น ออกมาในลักษณะของอินดี้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือวอลุ่มเพิ่มขึ้นมากพร้อมราคาลงอย่างรวดเร็ว เป็นต้นครับ


ขอบคุณครับ


โดย: ทองดี IP: 58.8.242.99 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:07:04 น.  

 
ตอบคุณทองดีนะครับ..

“
เราจะรู้อย่างไรว่าคลื่นC จบแล้ว พร้อมเริ่มขา3ลงเต็มตัวครับ”

วิธีตรวจสอบคลื่นมีหลาวิธีครับ แล้วแต่วิธีใช้แต่ละคนไม่เหมือนกัน
และไม่ว่าเก่งยังไง เชื่อว่าคนที่นิยมโต้คลื่นก็มักจะใช้การตรวจสอบย้อนไปย้อนมาในหลายทิศทาง
..ถึงกระนั้นก็ตาม การกำหนดคลื่นล็อกไว้ตายตัว แน่นอน 100% ก็ยังคงเป้นสิ่งที่ทำไม่ได้อยู่ดีครับ

“คลื่นจะกำหนดชัดเจนได้ ก็ต่อเมื่อมันผ่านพ้นไปแล้วครับ..”
แต่สำหรับคนที่ยังศึกษาเรื่องคลื่นมาไม่มากพอ เมื่อเค้าใช้ตรรกะพบข้อสรุปได้ประมาณนี้
ก็อาจจะทำให้เค้าล้มเลิก ยกเลิกการพยายามฝึกใช้เครื่องมือนี้.. (ซึ่งน่าเสียดายมาก)


สิ่งที่ทฤษฎีคลื่นบอกกับเรา คือ..
“ความน่าจะเป็นที่มีเป้าหมาย” ..ซึ่งความสามารถ กำหนดเป้าหมายคราวๆ ของเค้านี่แหละ
ที่เป็นคุณประโยชน์ที่สำคัญของตัวทฤษฎีนี้..


การใช้ทฤษฎีคลื่นให้เกิดประโยชน์..
เราต้องใช้มันในแง่ของ “ความเป็นไปได้ ที่มีข้อกำหนด”
แม้ความเป็นไปได้จะมีอยู่ทุกทิศทาง (ขึ้น-ลง-แก่วงตัว) ทว่าแต่ละทิศทาง หากมันเกิดขึ้น
มันจะเกิดขึ้นในรูปแบบ และเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป (รู้สึกว่าอธิบายยากจัง)


เอาเป็นว่า วิธีใช้คลื่น ไม่ให้ติดกับดักของคลื่น
คือ ในระหว่างที่คลื่นกำลังฟอร์มตัวอยู่ เราห้ามชี้ขาด หรือยึดกำหนดคลื่นตายตัว
แต่เราความมองทางเลือกไว้ ตามความน่าจะเป็นที่เราเห็น
ใช้มันเป็นแผนที่ในการติดตามตลาด และตั้งข้อสังเกตุ เพื่อวางกลยุทธ์ที่เหมาะสม (ปรับพอร์ตตาม)




เล่ามาทั้งหมดนี้ ยังไม่ได้ตอบคำถามเลย 555
เข้าสู่คำถามดีกว่า..
“
เราจะรู้อย่างไรว่าคลื่นC จบแล้ว พร้อมเริ่มขา3ลงเต็มตัวครับ”

วิธีตรวจสอบ อย่างที่ว่า มีอยู่หลายวิธี อาทิ..

1. ตรวจสอบตัวคลื่นย่อย ของ C นั้นเอง ว่า สำเร็จสมบูรณ์แล้ว
(กรณีคลื่นCนั้น ตามทฤษฎี เราจะรู้ว่าต้องประกอบด้วย 5 คลื่นย่อยเสมอ)

2. ตรวจสอบด้วยการเช็คควบคู่กับคลื่น A-B-C
ซึงโดยปกติแล้ว คลื่น C ไม่ควรสั้นกว่าคลื่น A , หรือเลวสุดก็คลื่นB
แต่ตามปกติแล้ว คลื่นC ควรจะได้ 100% , 138% หรือ 162% ของคลื่นA

3. ตรวจสอบด้วยการเช็คกับคลื่นหลักก่อนหน้านั้น..
ในกรณีคราวนี้ สมมติผมกำหนดให้ คลื่น A-B-C=2 (ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดก็ได้)
เราก็ต้องไปเช็คว่า การทำคลื่น C จบ 2 นี้เข้าเงื่อนไขมั้ย?
ซึ่งโดยปกติแล้ว คลื่น2 นั้น ไม่ควรน้อยกว่า 38% (บางสำนัก กำหนดไว้ เพียงแค่ 23%)
และมักไม่เกินกว่า 61% ของคลื่น 1
(**สำหรับผม ไม่ค่อยยึดติดกฎข้อนี้ เพราะจากประสบการณ์
เห็นว่า คลื่น 2 กำหนดได้ยาก บางสั้น บางยาว ไม่แน่นอนสม่ำเสมอ**)

4. ยืนยันการเข้าสู่คลื่น3 , เมื่อตลาดทำ new low ต่ำกว่าคลื่น 1
อันนี้ตามตัวทฤษฎี มักจะพูดถึงกฎข้อนี้ไว้ , ซึ่งมันย่อมเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!!
เพราะเมื่อราคาลงมาต่ำกว่า คลื่น 1 (หลังจากรีบาวน์ 2 แล้ว) มันก็ย่อมจะต้องนับ 3 นั่นเอง

ดังนั้น การรอการยืนยันจากตัวนี้ จึงมักจะ “ช้า” เกินไปหน่อย..

แต่ถ้าจะบอกว่า ช้าเกินไปมากมั้ย?? ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น ซ่ะทีเดียว..

เพราะสำหรับ คนที่นิยมอ่านคลื่นเมื่อมีความชัดเจนสูงแล้ว
เมื่อเค้าเห็นว่า คลื่นเข้าสู่คลื่น 3 หลักแล้ว (ให้แน่ใจนะว่า ไม่ใช้คลื่น 5 ย่อยของ1)
เค้าสามารถเล่นfollow ตามได้ , เนื่องจาก ว่า “คลื่น 3 จะเป็นคลื่นที่ยาวที่สุด”
..ดังนั้น เมื่อเรามองว่านั่นเป็นคลื่น 3 และเมื่อตลาดลงหลุดคลื่น 1
เป็นการยืนยัน การเข้าสู่คลื่น 3 เต็มตัวแล้ว ยิ่งมี new low เราต้องยิ่งเล่นทางลง
...ในทางกลับกัน ในขาขึ้น เมื่อมีnew high ยิ่งต้องเล่นทางขึ้น ,
(จากกฎของคลื่น 3 นี้ เป็นที่มาของประโยคทองที่ว่า
“ตลาดยิ่งขึ้น ยิ่งต้องซื้อ - ตลาดยิ่งลง ยิ่งต้องขาย” ประโยคนี้ มาจากกฎคลื่น 3 ข้อนี้ นี่เอง)




ดังนั้น จากคำถามที่ว่า..
“
เราจะรู้อย่างไรว่าคลื่นC จบแล้ว พร้อมเริ่มขา3ลงเต็มตัวครับ”

คำตอบจะอยู่ที่ข้อ 4. นี้เป็นหลักครับ , ..เพราะมันแสดงถึงการเข้าสู่ ขา3 เต็มตัวนั้นเอง..

แต่ถ้าถามว่า จะรู้ได้ยังไงว่ากำลังจะจบคลื่น C แล้ว? ..ต้องไปดูที่ ข้อ 1-3 ครับ
บางคนอาจจะนิยมเน้นบางข้อ , แต่ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราจะมีวิธีสอบทานตัวเอง
หรือตรวจสอบตัวคลื่นได้หลากหลายวิธี เราก็รีเช็คมันย้อนไปย้อนมาดู
(ผมเองก็มักจะตรวจสอบทั้ง 3 ข้อ เพื่อเพิ่มน้ำหนัก”ความน่าจะเป็น” ในมุมมอง )




*** ย้ำเน้นอีกที..
เรื่องคลื่นนั่น เป็นการทำนายอนาคตอย่างคราวๆ , ซึ่งไม่มีใครทำนายอนาคตได้ถูกต้องแน่นอน
..แต่ข้อดีของคลื่นคือ มันทำให้เราเห็นทางเลือกที่ตลาดน่าจะไป
และความน่าจะเป็นในแต่ละทางเลือก รวมไปถึงเป้าหมาย ในแต่ละทางเลือกคราวๆ

การใช้คลื่นเราจึงจำเป็นต้องเตือนตัวเองว่า เราอ่านอนาคตไม่ได้
เราทำได้แต่เพียงการมองโอกาส และความน่าจะเป็นที่มันน่าจะเกิด
แล้วใช้มันในการติดตามตลาด ปรับกลยุทธ ปรับพอร์ต ให้สอดคล้องกับความน่าจะเป็นนั้นๆ

พยายาม อย่าหลงไปฟันธง หรือกำหนดคลื่นตายตัว เมื่อทางเลือกที่จะไป มันยังเป็นไปได้อยู่หลายทาง
เพราะเรื่องคลื่น มันส่งเสริมให้เรายึดติดกับมุมมองที่เราเห็น มักจะทำให้เรามั่นใจเกินกว่าเหตุ

ถ้าเรามองคลื่นอย่างไม่รอบด้าน ไปยึดติดมากๆ กับทางใดทางหนึ่ง
ผิดพลาดมาจะเสียหายหนักมาก เพราะกว่าจะรู้ตัวว่าเราผิด มักจะถล่ำลึกไปแล้ว
อันนี้พูดจากประสบการณ์ตรงเลยนะ พลาดกับเรื่องคลื่นนี่คุณเอย เข็ดขยาดกันเลยเชียว***





โชคดีครับ..




โดย: หนมเม็ด IP: 203.144.144.165 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:20:17 น.  

 
ขอบคุณครับ


โดย: ทองดี IP: 58.8.177.82 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:16:40 น.  

 

25 กพ. 53
1035



โดย: บุญทับ วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:35:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
20 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.