รวมคอมเม้นท์สัปดาห์ก่อน..

..ม่ะมีไหรหรอกครับ
แค่หาเรื่องอัพบล็อก ยังนึกมุกไม่ออกเลยเอาคอมเม้นท์ ที่เคยบ่นๆ มารวมลงไว้


- ไปเรียนวิเคราะห์หุ้นทางเทคนิคดีมั้ย (วันที่ 17 ก.ย.)
จาก //www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7009195/I7009195.html

ตอบคุณเจ้าของกระทู้
1. ค่าเรียนแพงมั้ย ถ้าหลัก 2-3 พัน ก็ไปเรียนไว้เล่นๆ เอาพอฟังว่าเค้าจะคุยอะไร
แต่สิ่งที่คุณได้เรียน คงเอากลับมาใช้ทันทีไม่ได้ครับ

2. ในความเห็นส่วนตัว มองว่า กราฟเทคนิคนั้นใช้ได้ กับบางคน อาจจะไม่เหมาะกับคนบางคน
เราจขะเป็นส่วนไหน ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเอง

3. กราฟเทคนิค และวิชาการทางเทคนิค ผมมองว่า โดยตัววิชานั้น กับประสบการณ์ในการอ่านกราฟมานานๆ มีคุณค่าไม่แพ้กัน
นั่นหมายถึงว่า คุณศึกษาหลักการแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณจะใช้ได้เลยทันที
แต่คุณต้องมีประสบการณ์การอ่านกราฟมามากๆ พอสมควรด้วย จึงจะใช้กราฟได้ดียิ่งขึ้น

หนังสือ และคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้กราฟมีตั้งเยอะแยะ ที่ฟรี และเสียเงินซื้อหา
แต่คนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่ทนอ่านมันจนจบ ครบถ้วน และฝึกใช้จนได้ประโยชน์จริง


4. โปรแกรมเมต้าสต๊อก ขอออกตัวก่อน ว่า ผมใช้ไม่เป็น
(คือลงโปรแกรมมาหลายครั้งแล้วยังไม่สำเร็จ-อันนี้เป็นความบื้อส่วนตัวเอง)
..เอาเป็นว่า ผมไม่ได้ใช้โปรแกรมเมต้าสต๊อก แต่ก็เคยศึกษามาบ้าง

มีมุมมองเกี่ยวกับโปรแกรมเล่นหุ้นต่างๆ ดังนี้
..มันเหมือนเครื่องคิดเลขครับ
คือมันช่วยให้ประหยัดเวลา สำหรับคนที่ รู้จักการ บวก-ลบ-คูร-หาร เป็นอยู่แล้ว
มันเป็นเครื่องทุ่นแรง เป็นเครื่องทุ่นเวลาครับ..

มันไม่ใช่โปรแกรมวิเศษ ที่จะทำให้คุณเล่นหุ้นกำไร
..เพราะที่คุณต้องมีก่อนการใช้เครื่องคิดเลข คือคุณต้องคิดเลขเองเป็นเสียก่อน
ต้องรู้จัก บวก-ลบ-คูณ-หาร เองเสียก่อน ..หลังจากนั้นจึงค่อยใช้เครื่องทุ่นเวลา
เพราะฉะนั้นโปรแกรมเมต้าสต๊อก จะไม่ช่วยคุณ หากคุณยังไม่รู้จักหลักการทางเทคนิคดีตามสมควร



คอมเม้นท์หลักๆ คงจะแค่นี้
แต่ขอฝากเอาไว้หน่อยครับ สำหรับพวกที่เค้าเปิดสอนโปรแกรม หรือเทคนิคกราฟ

คนที่เค้าเป็นเซียนเทคนิคจริงๆ ใช้งานเป้นจริงๆ
เค้าจะไม่มาหาเงินจากการสอนเทคนิคกราฟคนอื่นครับ
เพราะเค้าสามารถหาเงินโดยตรงจากการดูกราฟ เล่นหุ้นได้ง่ายกว่า การที่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้คน

คนที่เก่งเทคนิค และพร้อมจะแนะนำคนอื่นๆ ให้รู้จักเรียนรู฿จริงๆ
จะเป็นการทำด้วยใจรัก และออกแนวทำเพราะจิตเผื่อแผ่
คนเล่านี้จะให้ความรู้กันฟรีๆ อย่างเวปลุงโฉลก หรืออย่างพี่เล่าปี่ เป็นต้น
(พี่เล่าปี่คิดค่าซีดี เป็นค่ครูเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความรู้ที่เค้าให้แบบไม่มีกำหนดเวลา)



เมื่อเทียบกับพวกเปิดอบรม ครั้งละ 3-4 พัน
มีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ สอนกัน 2-4 ชั่วโมง แล้วจบ..
..พวกนี้ ในความเห็นส่วนตัวของผม ถือว่า ไม่ได้เก่งจริงในด้านการใช้งานครับ
อาจจะมีหนังสือ ตำราเยอะ แต่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จโดยการลงทุนทางตรงด้วยตนเอง
..เพราะถ้าเค้าสำเร็จ จะไม่หากินด้วยการเปิดสอนครับ ..เพราะเค้าจะสอนกันฟรีๆ เพราะจิตเมตตา หรือเค้าถูกโฉลกกับเรามากกว่า




- คัทหุ้นขาดทุนดีมั้ย?(วันที่ 17 ก.ย.)
จาก //www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7009439/I7009439.html

การคัทไม่ต่างกับการซื้อครับ
คือไม่ต้องซื้อทีเต็มพอร์ต ทะยอยซื้อก็ได้

ตอนขาย หรือตอนคัท ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องคัท 100%
ทะยอยคัท ทะยอยขายก็ได้ครับ


ที่สำคัญ เราต้องรู้ตัวว่า เราเสี่ยงได้แค่ไหน
ถือเงินสดสักกี่มากน้อยดี ในแต่ละภาวะ


บางครั้งเราถือเงินสดน้อยๆ เราไม่สบายใจ
มาดูดาวน์โจนส เชียร์ให้ดาวขึ้น

บางครั้งเราถือเงินสดสมากๆ เราไม่สบายใจ
มาดูดาวน์โจนส เชียร์ให้ดาวตก 555


เพราะฉะนั้น ก็เอาที่ตัวเองสบายใจครับ
..แต่ฝากนิดหนึ่ง ถือเงินสด ผิดพลาด ก็แก้ตัวได้ หาโอกาสครั้งใหม่
แต่ติดหุ้น 100% นี่แก้ตัวยากครับ ถ้าโชคร้ายอาจจะไม่มีโอกาสแก้ตัว




เรื่อง เลห์แมน บาร์เธอร์
จริงๆ มีคอมเหม็น ที่เคยเอามาลงไว้เรื่องสถานการการเงินโลก ในบล็อกติดๆ กันก่อนหน้านี้แหละ
อันนั้นก็เยอะ แต่อันนี้เป็นอีกอัน ที่เพิ่มเติม แต่ลงในเวปบอร์ดส่วนตัว ไม่ใช่สาธารณะ

เน้นไปทางเรื่องเลืแมน มากหน่อย วันนั้น คนยังต๊กกะใจกันอยู่..
//www.bbznet.com/scripts2/view.php?p=2&board=1&user=m_ms&id=1365&c=1&order=numtopic


(16 ก.ย.)
ข้างบนเป็นความเห็นที่ไปตอบในพันทิพ สักสัปดาห์กว่าที่ผ่านมาแล้วครับ
คงไม่ต้องกับประเด็น เรื่องเลแมนซ่ะทีเดียว

แต่รวมๆ พูดง่ายๆ
ก็คือ เหมือนๆ ไทย ที่เกิดในปี 2540 นั่นแหละครับ
ที่สถาบันการเงินล้ม

เพียงแต่ขนาดของเค้าใหญ่มากๆๆ
และกระทบต่อทั่วโลกหนักมากๆ
..แต่ขณะเดียวกัน การร่วมมือกัน ในการแก้ปัญหาก็รวดเร็ว แล้วกว้างขว้างด้วย

ขอเค้านี่เหตุเกิดวันศุกร์ หาทางแก้ เสาร์-อาทิตย์
เอกชนแก้กันเอวงไม่ได้ วันจันทร์ ประกาศมาตราการจากภาครัฐเลย


ส่วนของไทยเรา ปี 40 นั่น
ปัญหาเกิดแล้ว ก็ยังแกล้งมองไม่เห็น
เห็นปัญหาแล้วก็เลี่ยงความรับผิดชอบ ปัดความรับผิดชอบ และโทษกันไปโทษกันมา(นิสัยคนไทยจริงๆ)



(17 กย.)
ข้อมูลเพิ่มเติทให้น้องอายาโกะ


ธนาคารกลางอเมริกา ประกาศอุ้ม aig แล้วเมื่อวานนี้ครับ
เล่นว่า จะอัดเงินให้ 75000-85000 ล้าน usd.
ข้อมูลไม่แม่น ได้ยินข่าวจากทีวี ว่าอุ้มแล้ว


ธนาคารแห่งประเทศไทย
ประกาศ จับตามดู aia และควบคุมเงินหาก aia จะส่งเงินกลับบริษัทแม่ จ้องมีการแจ้งธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน
พูดง่ายๆ ว่าไม่ให้มีการถอนเงินกลับ aig โดยอิสระ



ผมเอง ก็ไม่ได้รักอะไร aia นะครับ
(จริงๆ ก่ะไปขึ้นกระทู้ที่พันทิพด้วยว่า นี่น่าจะเป้นโอกาสของ บริษัทประกันสายเลือดไทย ในการทำแคมแปน
แต่คิดไปคิดมา ก็ไม่ได้ไปขึ้นกระทู้ เพราะคิดว่าไม่ควรเท่าไร่)

เรื่อง aia ถ้าล้ม บอกเลยว่ากระทบคนไทยมากแน่ๆ
ตัวแทนประกันชีวิตของ aia เคยเห็นลงหนังสือพิมพ์ว่า มีนับแสน หรือหลายแสนคน
กรมมธรรณ(สะกดไงหว่า) มีอีกนับล้าน
..ถ้าล้มขึ้นมา หรือปริษัทแม่เรียกเงินคืน อันนี้น่ากลัวมากๆ

เพราะจะกระเทือนชนชั้นกลางหนักมาก


***********

เรื่อง aig นี่ต้องยอมรับว่า เราต้องเอาใจช่วยเค้า

ผลกระทบต่อตลาดหุ้น อย่างมากก็เร็ว และสั้น


แต่ถ้ากระทบคนขายประกัน คนทำประกัน อันนี้ผมว่าโกลาหนะครับ
เงินออมคนไทยตั้งมากมาย เป็นเงินเบี้ยประกันอยู่

อยู่ดีๆ หายวูบไปไม่ได้ งานนี้ ผมเห็นว่า ธปท. นี่เร็ว ที่ประกาศควบคุมเงิน aia กลายๆ อยู่ในตอนนี้


***********


เรื่องอเมริกาอัดฉีด ถ้าสุดท้ายเค้าไม่ล้มก็ไม่มีปัญหา เท่าที่ฟังข่าวเหมือนจะช่วยเต็มที่

ถ้าไม่ถึงกับล้มละลาย

บริษัทวาณิชธนากิจ สถาบันการเงินต่างๆ ของ อเมริกา แบะประเทศอื่นๆ ที่มีปัญหา


สุดท้ายจะเป็นเหมือนสถาบันการเงินในบ้านเราเมื่อปี 40
นั่นคือ
1. พวกที่จะต้องล้มละลาย ล้มหายตายจากไป
2. พวกที่ต้องเพิ่มทุนอีกหลายละรอก อย่างพวก ธนาคารของไทยทุกธนาคาร
แต่ก่อน bbl kbank bay พวกนี้ เป็นของคนไทย ทั้งโดยสัญชาติ และเงินทุน

พอวิกฤติปี 40 ต้องเพิ่มทุนหลายต่อหลายละรอก
วันนี้ ธนาคารพวกนี้ เป็นของไทยเพียงแค่สัญชาติ แต่เงินทุนส่วนใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นใหญ่ กลับเป็นของเมืองนอกไปแล้ว


สถาบันการเงินในอเมริกา ก็จะเป็นเหมือนอย่างนี้ครับ

และถ้าถามว่า รอบนี้ ใครจะฮุบอเมริกา??
..ผมว่าเป็นพวกอาหรับ แขกขายน้ำมัน ที่วันนี้มีเงินท้วมภูเขา จะมาช็อปปิ้งสถาบันการเงินถูกๆ จากฝั่งอเมริกา


อันนี้ผมนั่งเทียนเองนะ แต่คอยติดตาม ..เรื่องพวกนี้ มันเห็นๆ อยู่
สมบัติผลัดกันชมครับ..


**************


อันนี้เสนอไอเดียอีกนิด(เสียดายผมไม่ใช่ผู้บริหารนะ)
ถ้าใครรู้จักใคร ที่เป็นผู้บริหาร บริษัทประกัน ลองเอาไปเสนอดูนะครับ

(ผมจะโพสลงพันทิพกลัวคนจะต๊กกะใจ)



คือตอนนี้ ถ้าบริษัทประกันไหนมีจินตนาการบ้าง
หรือถ้าผมเป็นผู้บริหาร

ผมจะให้ลูกน้องไปคิด แคมแปน
"รับประกันต่อเนื่อง , รับโอนประกัน , รับปรับโครงสร้างประกัน "
คืออะไรที่คล้ายๆ รีไฟแนนซ์นั่นแหละ

คือให้เครื่องมือตัวใหม่ๆ
กรมธัรรณตัวใหม่ๆ ที่เป็นการรับประกันต่อเนื่อง
จากผู้มีประกันชีวิตบริษัทอื่น ที่มีความไม่มั่นใจ อยากย้ายกรมธรรณ์
เช่น อยากย้ายประกันจาก aia มาทำกับ ไทยประกันชีวิตแทน เป็นต้น

อะไรเทือกนี้
..ถ้าตอนนี้ใครคิดแคมแปนนี้ออกมาได้นะ
ผมว่าลูกค้าไหลมาเพียบเลยแน่นอน

แล้วดีกับทุกฝ่ายด้วย
1. (ตัวอย่าง) ไทยประกันชีวิตได้ลูกค้าใหม่
2. ลูกค้าที่ย้ายประกัน เกิดความมั่นใจในสถานภาพของตัวเอง
3. aia สามารถตกลงเงื่อนไขการจ่ายเงิน แบบใจเค้าใจเรากับ ไทยประกันชีวิตได้
(เพราะถ้าคนตกใจมาแห่ถอนออกเนี่ย มีปัญหาแน่นอน
แต่ถ้าตกลงกับบริษัทด้วยกัน อาจจะมีความเข้าใจความเป้นจริงมากกว่าชาวบ้านร้านตลาด)



เมื่อวานว่าจะตั้งกระทู้ประมาณนี้ที่พันทิพ
แต่เดี๋ยว คนจะตีความผิด หาว่าเราโจมตี aia เลยเก็บไอเดียไว้ก่อน


***************


เรื่องโอนข้ามไป ผมไม่แน่ใจว่ามีหรือเปล่านะครับ ปัจจุบัน
อาจจะไม่มีด้วยซ้ำ การเลิกส่งของเก่า ไปเริ่มส่งที่อื่นใหม่
มันก็คือทำใหม่นั่นเอง..

แต่ที่พูดนี่จะหมายถึงโอนจริงๆ คือ
จ่ายเจ้าเก่ามาเท่าไหร่ ก็จ่ายเจ้าใหม่ต่อเนื่องไปเลย


เรื่องยอมไม่ยอม
ถ้าเป็นภาวะการณ์ปกติ ผมว่าไม่มีใครยอมหรอกครับ
หรือถ้ายอมเงื่อนไข ก็คงเอาเปรียบผู้หบิโภคสุดๆ



แต่นี่เป็นการคิดแบบแก้ปัญหาน่ะ
ก็ต้องคิดว่า เราต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมา กรณีที่ไม่มีของเดิมอยู่นะ

อย่างที่บอกว่า มองโดยการคิดเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย โดยเฉพาะคนซื้อประกัน


ด้านประโยชน์ ของบริษัทใหม่ที่จะได้ลูกค้า
และลูกค้าบริษัทเก่า อันนั้นเห็นประโยชน์กันอยู่แล้ว

แต่บริษัทที่จะเสียลูกค้าจะได้อะไร
สิ่งที่จะได้ นี่คือ หากครั้งนี้มันวิกฤตจริงๆ
และเกิดการแพนนิกขึ้นมา คนแห่ไปยกเลิกถอนเงินออกมา
จาก 2-3 พัน เป็น 2-3 หมื่น ลามไปเป็น แสนกรมธรรม
..แบนี้ บริษัทเจ๊งได้ง่ายๆ ครับ

ถ้าวิกฤติถึงขั้นนี้ จำเป็นต้องยอมตัดอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต
นั่นก็คืออาจจะต้องยอม ให้มีการโอนสิทธิ์ต่างๆ และมีการพูดจากับผู้รับช่วง เพื่อวางแนวทางที่จะได้ประโยชน์ทุกฝ่ายครับ






****************จบจ๊ะ****************





Create Date : 23 กันยายน 2551
Last Update : 23 กันยายน 2551 15:34:43 น. 3 comments
Counter : 417 Pageviews.

 


ตัวหนังสือเยอะ ปอขออนุญาตผ่านไปก่อนนะคะ อิอิ
เอากาแฟมาฝากพี่บยุญทับค่ะ
หวังว่าพี่คงสบายดีเหมือนเช่นเคยนะคะ งุงิ


โดย: Butterflyblog วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:17:21:46 น.  

 
5555555555555555555
บ่นแบบเนี้ย หนูขอเรียกคุณตาแทนดีก่ามั้งค้า

มีคนเรียกหนูคุณยายเหมือนกานค้า
แม้ โม้นิด โม้หน่อย มาเรียกเค้าคุณยาย 55555555


โดย: มือใหม่เล่นหุ้น วันที่: 25 กันยายน 2551 เวลา:23:40:59 น.  

 

มาชวน 2 สาวไปดูหนังจ้า..

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=m-ms&month=27-09-2008&group=6&gblog=26

ตามลิงค์ไปจ้า..


โดย: บุญทับ วันที่: 27 กันยายน 2551 เวลา:23:26:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
23 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.