ถ้าสู..ปลูกดอกฝ้าย สูได้ใส่เสื้อสวย - แต่ถ้าสู..อยากถูกหวยก่เสียใจด้วยคน!!


ยืนยันว่ายังเป็นกระทู้เกี่ยวกับ เศรษฐกิจ และหุ้นอยู่ครับ อิอิ..


บ้านบนดอย - จรัล มโนเพ็ชร

บ้านบนดอย : จรัล มโนเพชร


บ้านข้าอยู่บนดอย เมฆหมอกลอยเต็มฟ้า
อยู่กลางพนา อยู่ตามประสาคนดอย
ข้าบ่รวย บ่จน บ่เป็นคนสำออย
เกิดเป็นคนบนดอย บ่ต้องคอยง้อใคร

บ้านสูอยู่ในเมือง มุงกระเบื้องสีใส
บ้านข้าอยู่กลางไพร มุงด้วยใบตองตึง
สูซอบเพลงฝรั่ง ข้าซอบฟังเสียงซึง
เอ้า ตึงตึงต๊ะติดตึง ข้าดีดซึงก้องป่า

บ้านบนดอย บ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีน้ำประปา
บ่มีโฮงหนัง โฮงนวด คลับบาร์ บ่มีโคล่า แฟนต้า เป๊บซี่
บ่มีเนื้อสัน ผัดน้ำมันหอย คนบนดอย ซอบกินข้าวจี่
บ่มีน้ำหอม น้ำปรุงอย่างดี แต่หมู่เฮามี ฮึม มีน้ำใจ๋

ถ้าสูอยากกินข้าว สูต้องไปไถนา
ถ้าสูอยากกินปลา ก็ต้องไปหาในห้วย
ถ้าสูปลูกดอกฝ้าย สูได้ใส่เสื้อสวย
แต่ถ้าสูอยากถูกหวย ก็เสียใจด้วยคน




***************


บล็อกวันนี้ เป็นการรวมคอมเมน้ท์ ที่พันทิพ และที่บอร์ด ในสัปดาห์ที่ผ่านมาครับ

อาจจะไม่ได้มีเนื้อหาอะไรเป็นพิเศษนัก ไม่ได้มีอะไรเป็นขอใหม่ครับ




จากรุ่นพี่สาว(หรือป่าวหว่า? อิอิ)
ผู้สื่อข่าวเก่า ปัจจุบันเป็น บก. (แอบเอามาลงอย่าว่ากันน้าครับจานป้าสุดสวย ..อิอิ)

nothing IP ADDRESS : 124.120-----


6666.44 คือดัชนีดาวน์โจนส์เมื่อกี๊นี้ค่ะ
ลบไปเกือบ 200 อีกแล้ว

เพื่อนๆ รักษาเนื้อ รักษาตัวนะคะ



มาบอกแบบนี้บ่อยๆ โป้งกันป่าว

เค้ารักของเค้าน้า เลยต้องมาบอก



..........


วันก่อนฟังเบอร์นาเก้ testify ต่อพวกสว. สนุกมาก
ด่า AIG กระจายเลย ท่าทางแกจะโกรธจัดจริงๆ

ก็น่าอยู่หรอก...พี่เค้าล้มคนเดียววะเมื่อไหร่

นี่ล่ะกันค่อนโลกแล้ว...แสบมากนะตะเอง



60 ปีก่อน ถล่มโลกด้วยนิวเคลียร์
60 ปีให้หลัง โยนนิวเคลียร์ทางการเงินมาให้อีกลูก

ไหนบอกมาซิ ...พี่เป็นพระเอกตรงไหนคะพี่ขา




ส่วนข้างล่างนี้เป็นความเห็นผม
หลังๆ ผมฟังสื่อฝรั่ง ไม่เหมือนสมัยก่อน (ก่อนเล่นหุ้น)

สื่อฝรั่ง ก็เหมือนๆ สื่ออื่นๆ ทั่วโลก
อคติ ระแวง เห็นแต่ตัว กลัว ชี้นำ ชอบเล่นเกมส์ ฯลฯ
พูดง่ายๆ ว่า มันก็ปถุชนธรรมดา มิได้วิเศษวิโส

จริงๆ ผมว่า โดยเปรียบเทียบ ฝรั่งมันโง่กว่าเอเชียด้วย
เพียงแต่มันใหญ่ มันมีอำนาจ และมันมี "ระบบ"
..กว่าเอเชีย ..เท่านั้นเอง

รวมๆ ก็ฟังหูไว้หู ..เหมือนเรื่องอื่นๆ นั่นแหละ ..


...........


อันนี้เป็นความเห็นผมน่ะครับ บ่ได้ประมาท
แต่หลายอย่าง ก็พอจะเดาไว้แล้ว

ตอนนี้ข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งไทยกำลังออกมาใหญ่เลย
ว่าวิกฤตินี้ รุนแรงเกินคาด บ้างก็ว่า "ยังไม่รู้จุดต่ำสุดบ้าง" ฯลฯ

มันต้องเป็นอย่างงี้แหละ..


เศรษฐกิจไทย ก็โดนหลายฝ่าย ออกมาขู่
ตั้งแต่ทีมเศรษฐกิจเก่า ของค่ายเพื่อไทย
มาวันนี้ หอการค้าฯ ก็เพิ่งออกมาอีก

รวมๆ ไม่ได้แปลกใจ หรือเหนือไปกว่าความคาดหมายอะไร

ปี 40 เราก็เป็นอย่างนี้มาแล้วครับ..


ในแง่ของคนเล่นหุ้น
ผมยังคงมองว่า "นี่เป็นข่าวร้าย ละรอกท้ายๆ " แล้วครับ

หมดจากตัวเลขร้ายๆ ชุดนี้แล้ว
ให้สังเกตุดู ว่า "มีตัวเลขเสียวๆ " กว่านี้ออกมาอีกหรือเปล่า?

..ถ้าไม่มีตัวเลข "ให้เสียวขึ้นเรื่อย"
ก็สบายใจได้ครับ ..

เพราะมันใกล้จบแล้ว ..

หมายถึงว่า ข่าวร้ายจะ "เสียวสุด" ได้แค่แถวๆ นี้
จากนั้นก็จะ "ซึม..ข่าว" อีกสักพัก

พอทุกอย่างเริ่มนิ่งๆ
ก็จะเปลี่ยนมาเป็น "ระแวง..อนาคต"

พอเริ่มไม่มีอะไร ร้ายๆ ใหม่ , ภาพรวมๆ ทรงๆ ไม่ทรุดแล้ว
ก็จะ ว่าไม่ประมาท ด้วยการ "มองร้ายไว้ก่อน"


เหมือนเรื่องหุ้นแหละครับ..ภาวะที่คนไม่เชื่อมั่นที่สุด
ภาวะที่ร้ายที่สุด ได้ผ่านพ้นไปแล้ว



สรุป..คือ ออกมาอีกเยอะๆ
ออกมาให้หมดเลย เนื้อเน่าที่เป็นหนองอยู่ข้างใน เผยออกมาให้หมด
แล้วก็จะจบครับ..


เดี๋ยวนี้ ผมฟังข่าวฝรั่ง แบบ "ยักไหล่"
เหมือนหุ้นนั่นแหละ พอฝรั่งมันจะซื้อตัวไหน ก็บกว่า หุ้นไม่ดี เต็มมูลค่า
พออยากจะขาย ก็มาเชียร์ว่าหุ้นจะไปเท่านั้น เท่านี้..

ฝรั่งมันก็หลอกแด๊กเรามาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แระ..

แต่ฝรั่งนี่มัน แปลก
นอกจากมันจะชอบหลอกชาวบ้าน หลอกชาวโลกแล้ว
. . มั น ยั ง ช อ บ ห ล อ ก ตั ว เ อ ง ด้ ว ย


ติดตามดูครับ ..


เรื่องเศรษฐกิจโลก
ไม่ต้องไตรมาสสุดท้าย แต่ไตรมาส 3 นี่แหละ จะเริ่มมีสัญญาณดีออกบ้างแล้ว
แต่สัญญาณจะเริ่ม "มีเรื่อยๆ" ในปลายปีนี้ ถึงต้นปีหน้า

แต่สำหรับอเมริกา-ยุโรป อาจจะต้องรอไปก่อน
คงจะต้องเป็นปีหน้าขึ้นไป จะซึมนาน และฟื้นช้า กว่าเอเชีย
จากที่ผมนั่งเทียนเอา ยุโรปจะฟื้นหลังสุดครับ (เคยคุยไว้แล้ว)





(ถ้าอยากฟังมุมมองกราฟระยะกลาง ก็ดูที่บล็อกก่อนหน้านะครับ)



Create Date : 06 มีนาคม 2552
Last Update : 6 มีนาคม 2552 12:20:19 น. 5 comments
Counter : 785 Pageviews.

 

ความเห็นเกี่ยวกับการเล่นหุ้นปั่น
หรือหุ้นที่มีลักษณะไปในเชิง "ไร้เหตุผล"



************


เป็นมาตั้งนานแล้วหล่ะ..


แต่ก็ยังมีคนชอบเล่นอยู่

หุ้นไม่มีประวัติอะไรเลย
บิรษัทอะไรก็ไม่รู้จัก ประวัติความเป็นมาของบริษัท นิสัยใจของของผู้บริหาร

แต่งตัวเข้าตลาดให้ดูดีๆ แล้วก็เป็นอย่างนี้บ่อยๆ


แต่อย่างว่า คนก็ยังเล่นกัน
หุ้นบางตัว ก็เน่าๆ เอาเข้าตลาดใหม่ๆ ก็ปั่นขึ้นฟ้าก็มี

แต่ก่อน หรือคนที่มีประสบการณ์ เค้าจะดูว่า บริษัทไหนเอาเข้าตลาด?
มีกลุ่มกว้นไหนดูแลอยู่ จึงค่อยเล่น..



ก็พอด่าตลาดได้อยู่ เพราะตลาดไม่ค่อยสกีนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ชอบเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ


แต่ก็ต้องโทษตัวเองด้วยในด้านหนึ่ง เพระเราอยากได้ของเขา
เราจึงเข้าไปเล่นหุ้นที่ไม่มีหัวนอน....ไม่ใช่หรือ
เพราะเราเป็นคนกดซื้อ กดขาย ไม่ได้มีใครบังคับเรา


หุ้นเล่นเป็นการลงทุนก็ได้
เล่นเป็นการพนันก็ได้
..อันนี้ก็อยู่ที่เราเหมือนกันนะครับ


เห็นใจ เข้าใจ แต่ไม่ค่อยสงสารนะครับ..




........


เดี๋ยวมันเด้งเมื่อไหร่ อารมณ์คนก็จะเปลี่ยนอีก

จะมีคนที่เก่ง รู้จังหวะ มาโพสโชว์ว่า ฉันไปซื้อมาได้ราคาต่ำๆ (ตอนนี้กำไรแล้ว)

แล้วก็ไปกระตุ้นให้คนที่คิดจะไม่เล่นหุ้นหลักษณะนี้(แต่จิตยังไม่นิ่ง)
ไปมั่ว ไปเข้าไปเล่นซ้ำ (และแล้วก็มักจะขาดทุน)


หุ้นประเภทนี้(หมายรวมถึงหุ้นปั่น ที่ไร้เหตุผลทั้งหลาย)
ไม่ใช่คนทุกคนจะเล่นแล้วกำไรนะครับ

จะมีแค่คนเก่งๆ หรือที่เค้าถนัดทางนี้ที่เค้าจะเล่นได้ประจำสม่ำเสมอ

คนทั่วๆ ไปเล่น..
ถ้าโชคดี ก็กำไรบ้าง-ขาดทุนบ้าง สลับๆ กันไป (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นถ้าเล่น)
ถ้าโชคดี ก็แค่เสียเวลา เครียด แต่ไม่เสียเงิน
ถ้าโชคไม่ดี ห้ามตัวเองไม่ได้ พวกนี้ เล่นหุ้นปั่นไป ขาดทุน 3 ใน 4 ครั้ง
ขาดทุนแล้วไม่จำ ยังเลิกไม่ได้ อันนี้เสี่ยงกับอนาคตการลงทุนและเงินในกระเป๋า


บอกก่อนว่า ไม่ได้ว่า คนเก่งๆ คนไหนนะครับ
"คนเราเชี่ยวไม่เหมือนกัน"

เค้าเล่นได้กำไร ไม่ใช่ว่าเราจะเล่นได้
หาหุ้นแบบที่เราจะเล่นแล้วกำไร แล้วยึดแนวทางนั้นไว้ดีกว่า

ไม่ต้องไปโลภ ไปอิจฉา ความสามารถของคนอื่นครับ..
ทำในส่วนของเรา กำไรแบบที่ฝีมือเราทำได้สม่ำเสมอพอแล้วครับ




โดย: บุญทับ วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:10:43:22 น.  

 

ลิงค์อันบน
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7594818/I7594818.html



ความเห็นเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นผ่านสื่อสาธารณะ(อินเตอนเนทนี่แหละ)



**************


จริงๆ ผมเป็นคนที่ชอบเชียร์ หรือสนับสนุน
ให้คนที่กำลังศึกษาหัดเทคนิคกราฟ

โพสความเห็นในที่สาธารณะนะครับ

เพราะว่า การที่เราจะพูดอะไรออกไป
มันจะเป็นนายเรา

ถ้าเราวิเคราะห์กราฟอย่างดี จริงจัง และลดอคติให้ได้มากที่สุด
การที่เราวิเคราะห์ ออกสู่ที่สาธารณะ

มันจะช่วยให้เราฝึกพิจารณา กราฟให้ละเอียดรอบคอบขึ้น

..เพราะคำพูดมันจะกลับมาเป็นนายเรานั่นเอง



แต่ถ้าเราไม่ได้จริงจังกับกราฟ
บางที ผมว่า เราไม่ควรจะชี้นำให้มาก

..เราอาจจะรู้ตัวว่าเรารู้แค่ไหน
แต่คนอื่นๆ เค้าคงจะไม่ได้รู้ ว่าเรารู้แค่ไหน

ต้องระวังว่าบางทีเจอคนหัวอ่อนมาอ่าน
เป็นมือใหม่มากๆ อาจจะเป็นการทำร้ายเค้าได้โดยที่เราไม่รู้ตัว



ขอโทษนะ ถ้าที่พูด(พิมพ์)มานี้ อาจจะไม่ค่อยถูกใจ
จริงๆ กระทู้นี้ไม่ได้มีอะไรหรอก ผมเชื่อว่าเจ้าของกระทู้ไม่ได้ประสงค์ร้าย
และ ผมเชื่อว่าคนอ่านก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร คือรู้ว่าสนุกๆ

แต่อาจจะมีบางกระทู้ หรือบางคนที่เค้าจริงจังมากในการชี้นำ
คนที่บริสุทธิ์ใจ-กับคนที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ..ก็เป็นระดับหนึ่ง ที่คนอ่านต้องระมัดระวัง

แต่ก็จะมีอีกบ้าง ที่บริสุทธิ์ใจ แต่อาจจะยังไม่รอบครอบพอ หรืออาจจะยังมือใหม่
ถ้าไปชี้นำมากๆ , บางทีไปเจอคนอ่าน ที่เค้าก็ใหม่เหมือนกัน
ใหม่กับใหม่ เจอกัน อาจจะพากันหลงทางได้


อย่างไรก็ตามสนับสนุน ให้คนที่ฝึกหัดกราฟจริงจังแสดงความเห็นนะครับ
แต่พิจารณาให้เยอะๆ , ดูให้รอบด้าน และ อธิบายมากหน่อยก็ได้

ไม่ต้องเร่งรีบ "ฟันธง" ครับ..


จากคนที่มีธงหักๆ อยู่หลายคันรถ 555



...........เฟี้ยวววว



........



ถ้าจะให้คอมเหม็นเพิ่มนะ..

ผมว่า น่าจะลงรายละเอียด การวิเคราะหฺมากกว่านี้หน่อยครับ
คือให้เห็น ว่าทำไมเราจึงมองอย่างนั้น

เอาที่เราเห็นจุดสำคัญสัก 2-3 จุดก็ยังดี



แต่ไม่ควร "เอาสรุปมาลง"


การเอาเนื้อหามุมมองมาลง
ทำให้เราได้รีเช็คความคิดตัวเองครับ
ผมหวังดี ประสงค์ดีครับ ชอบเห็นคนฝึกกราฟเทคนิค และอ่านกราฟเทคนิค

จริงๆ ผมเองเป็นพวกชอบขโมยวิชาคนอื่น
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยขโมยแล้ว เพราะว่า "มีแบบ" ของตัวเองแล้ว

แต่ก็ยังฝึกพัฒนาอยู่เรื่อย


ข้อเสียของการลงแต่สรุปรวบยอด
เราไม่ได้แสดงกระบวนการคิดของเราให้ทั้งตัวเองและผู้อื่นพิจารณาตาม

การสรุปรวบยอด แล้วเอามาลง
บางทีมันจะมีลักษณะ "ฟันธง"

เรื่องการฟันธงมันแล้วแต่คนนิยม
แต่ผมไม่นิยม เพราะการฟันธงในตลาดหุ้น มันมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ถ้าเราฟันบ่อยๆ หากคนอื่นมาเห็นคล้อยตาม..

ถ้าเราถูก เราก็เสมอตัว
ถ้าเราผิด เจอคนใจแคบด่าได้ ว่าทำเค้าเสียหาย

ผมจึงไม่นิยมฟันธง แต่ชอบเขียน ทางที่ "มันจะไปได้"
2-3 ทาง ให้คนอ่าน ไปพิจารณาเองอีกที

แต่ผมไม่ได้บอกว่า ต้องเหมือนผมจึงจะถูก..


ผมแค่แนะนำด้วยความหวังดี ในฐานะของที่คนเรียนรู้เรื่องนี้มาก่อน
ถ้าจะวิเคราะห์ออกสาธารณะ

ควรจะลงเนื้อหา กระบวนการคิดของเรา
ว่าทำไมเรามองอย่างนั้นนี้..
..นั่นเพื่อประโยชน์แก่ตัวเราเอง เป็นเบื้องต้น และสำคัญสุด
และมันจะเป็นผลดี ต่อคนที่เค้าเข้ามาอ่านต่อๆ ด้วย

คนที่เค้าไม่รู้จะได้ถามเราได้
คนที่เค้าเห็นต่างจะได้ชี้จุด ให้ช่วยกันคิดต่อได้


.....


บางทีคนที่เค้าโพสมานานๆ แล้วมันก็ตันครับ
หรือบางทีบางคน เป็นที่รู้จัก คนก็ไม่ค่อยกล้าแย้ง เพราะเกรงใจ

ทั้งๆ ที่คนอ่านกราฟ มานานแค่ไหน
เก่งแค่ไหน มันก็ไม่ได้ถูกไปเสมอ

แต่ความเห็นที่จะได้เมื่อคนคุณโพสกราฟไปนานๆ
คือมีแต่คนมาขอบคุณ ..แต่คุณจะไม่ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จากผู้อื่น




ขอให้โชคดีครับ..





โดย: บุญทับ วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:10:46:11 น.  

 
ว้า..ลืมอีกแล้ว
ลิงค์กระทู้บน

//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7594848/I7594848.html


จากกระทู้
เมกะโปรเจ๊กเท่านั้น ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวได้..
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I7585865/I7585865.html


**********


อะไรก็ได้ ขอให้เป็นโครงการขนาดใหญ่
รถไฟฟ้า
รถไฟรางคู่
หรือระบบชลประทาน

อันที่จริง มันควรจะต้องรวมๆ กัน กระจายๆ กันไป
เพราะในด้านหนึ่ง มันคือการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจด้วย
มันคือการกระจายรายได้ด้วย

เป็นการกระจายผ่านการกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาครัฐ(G)
เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ
และจะฟื้นความเชื่อมั่นในการบริโภคระยะกลาง-ยาวได้




การแจกเงินเป็นเพียงนโยบายระยะสั้นๆ
และค่อนข้างเป็นการตำน้ำพริก..

จำเป็นในระดับหนึ่ง เหมือนคนกำลังช็อก
ก็ต้องเอาผ้ามาห่อ เอาน้ำให้ดื่ม เอาเกลือแร่ให้ทาน


แค่ช่วยไม่ให้ช็อก สลบแล้วตายไป
..หากแต่ฟื้นขึ้นมาแล้ว คนป่วยก็ยังคงเป็นคนป่วย

ไม่ได้หายป่วยแต่อย่างใด..




การคาดหวังจากการส่งออก กว่าจะฟื้นได้ อาจจะต้องรออีก 2-3 ปี
คือต้องรอเศรษฐกิจดลกฟื้นตัว จึงจะหวังเพิ่ง การส่งออก(x) ได้



ตอนนี้ นโยบายการคลัง ต้องเน้น
กระตุ้นเมกะโปรเจ๊กเป็นหลักครับ เพื่อเน้นกระตุ้น การลงทุน (I)


ตอนนี้ การกระตุ้น การบริโภค ภายใน (C) นั้นถือว่าเต็มที่แล้ว
ไม่ควรทำมากกว่านี้ เพราะผลได้มันน้อยมาก ..
..ใส่ไป 1 อาจจะออกมาแค่ 0.3-0.4


จอนนี้รัฐบาล ต้องขยับมาพูดเรื่องการกระตุ้นระยะกลาง-ยาวได้แล้ว
พูดๆๆ และ ทำๆๆ


มาตราการระยะ 6 เดือน ..พอได้แล้ว ปล่อยให้มันทำงาน

ตอนนี้ต้องพูดถึงมาตราการระดับ 1-3 ปี และ 5-10 ปี ขึ้นไป
โชววิสัยทัศน์หน่อย ..แล้วกระตุ้นให้คนมีความฮึกเหิม


มาตราการภายในระยะสั้น เรื่อง แจกเงิน ต้องจบแล้ว
สิ่งที่พอทำได้ คือ "เรียกความเชื่อมั่น"

และส่งเสริมให้คน นิยมสินค้าไทยให้มากขึ้น
และ ทำให้การท่องเทียวภายในประเทศ สะดวก ปลอดภัย และประหยัดขึ้น
..เรื่องการท่องเที่ยว เป็นทรัพยากร วิเศษสุด

ต้นทุนน้อย มาร์จิ้นล้วนๆ และอยู่ในเมืองไทยเกือย 100%





แต่ตอนนี้ รับต้องเน้นพูดและทำ
เมกะโปรเจ๊กๆๆๆ

สิ่งนี้จึงจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจได้จริงๆ จังๆ
..อย่าช้า




ปล. ที่เหนื่อยคือ การเมืองเท่านั้น ถ้าการเมืองเลิกกัดกันเมื่อไหร่ เมกะโปรเจ๊ก ก็จะไหลลื่นขึ้นแน่นอน
การเมืองไม่นิ่ง รัฐบาล คิดจะอยูได้สั้น ก็กระตุ้นแต่สั้น ..แต่สุดท้าย มันจะละลายหายไป
ถ้าไม่กระตุ้นนโยบาย ระยะกลาง-ยาว ให้เป็นรูปธรรม ในเร็ววัน




สวัสดี คนบ่น..



..............


แถม ต้องว่างมาตราการ
ปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ

จากเดิม ที่ การส่งออกเป็น สัดส่วน 70% ของ GDP
ต้องลดส่วนนี้ลง ตอนนี้เราถูกบังคับให้ลดลง

แต่ต่อไป เราต้องเพื่มสัดส่วน ในส่วนอื่นขึ้นมา ให้เป็นฐานระยะยาว


สำหรับบ้านเรา ควรปรับ
"การท่องเที่ยว ให้ขึ้นมาเป็นปัจจัยหนึ่ง ในโมเดล GDP มาตราฐานเลย"

ทำได้ ถ้าผู้ดูแลมีวิสัยทัศน์เพียงพอ


สร้าง โมเดล GDP ของประเทศไทย
ให้ตรงกับวิสัยทัศน์ของประเทศ

"วิสัยทัศน์ของประเทศ" น่ะ


เด็กเรียนหนังสือยังต้องมีเลย คนทำงานดูแลประเทศมีมั้ย??



.............





.

การกู้ไม่ใช่เรื่องผิดครับ
ทั่วโลกเค้าก็กู้กันไปกันมาอยู่แล้ว



"ประเด็นคือ กู้เพื่ออะไร" ต่างหาก ..


จริงๆ ผมรู้ว่ากระทู้นี้ต้องถูกอิงการเมืองแน่ๆ
ผมเองวันนี้คงไม่มีเวลามาตอบนัก

แต่อยากจะบอกว่า "การกู้ไม่ใช่เรื่องผิด"

อเมริกาก็ขอกู้เงินไปทั่วโลกเห็นมั้ย
เป็นลูกหนี้รายใหญ่ที่สุดในโลก

ช่วงนี้เอง ประเทศยุโรปหลายๆ ประเทศก็ขอกู้เงิน imf
อยู่


แล้วอย่าง การที่ อยากจะผลักดันอาเชียนให้เป็นประชาคม
ก็จะมีประเด็นเรื่องกองทุนอาเซียน เป็นหัวใจช่วยในเกิดวิกฤติด้วย


แต่ช่วงนี้ "การกู้" ถูกพูดให้ดูเป็นเรื่องผิด ซึ่งที่จริงไม่ใช่




เรื่องกู้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ครับ
การกู้แล้วแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ต่างหากที่ใหญ่กว่า

การเมืองมันเน่าครับ ถึงได้ทำลายได้แม้แต่ประเทศตัวเอง


ผมเองไม่ได้ชอบ ปชป.
ถ้าตอนนี้ สมัคร บยริหารอยู่ ผมก็จะขึ้นกระทู้แบบนี้เหมือนกัน



ขอร้องคนไทยเลย
อย่าเอาการเมืองให้มันมาใหญ่ กว่าประเทศชาติ

พวกนักการเมืองทำร้ายทำลายประเทศชาติมามากแล้ว
ถ้าคนไทย ไปคล้อยตามการเมือง จนเห็นประเทศเล็กกว่าการเมือง

เมืองไทยก็ไปไม่รอดครับ


อะไรก็ได้ ที่จะช่วยกันคิด ให้กระตุ้นให้ประเทศไทย เดินไปสู่ทางที่ควร
อย่าบ้าการเมืองให้มากนักเลย

นักการเมืองทำอะไรให้เราน้อยกว่าที่เราคิดครับ
มันเอาเปรียบเรามากกว่าที่เราคิด

เพียงแต่ระบบประชาธิปไตแบบตัวแทน
ยังไงก็ต้องให้มันบริหารประเทศ เราคนไทยต้องช่วยกัน

ให้เสียคนไทยใหญ่กว่าพวกนักการเมืองครับ



........






กระทู้นั้เขียนเมื่อต้นปีที่แล้วนะครับ
ผมก็งงๆ เพราะเอาเนิ้อหาจาก 2 กระทู้ 2 ที่ มาลง 555







ชักรู้สึกว่า ไม่ค่อยตรงประเด็นเท่าไหร่
ถ้าจำไม่ผิด ช่วงต้นปีที่แล้ว จะมีการพูดถึง การใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ย

และถ้าจำไม่ผิดอีก ช่วงนั้น สมัคร หรือใครสักคน ที่มีส่วนในการกำหนดนโยบายอัตราแลกเปลี่ย
บอกว่า มีแนวคิดจะกลับไปใช้ระบบ ค่าเงิน ควบคุมแบบมีการยืดหยุด


หลายคนช่วงนี้ บอกว่าถอยหลังเข้าคลอง

แต่ผมตอนนั้นมองว่า ไม่เสียหา ถ้าคิดดีแล้ว มีแผนดีๆ ที่จะทำ
ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องถอยหลังเข้าคลอง



.........



เหมือนกับเรื่อง "กู้เงิน" ในช่วงนี้นี่แหละ
ถ้ามันดีและช่วยแก้ปัญหาประเทศได้ "ทำไมไม่ทำ"


ประเด็นมันอยู่ที่ว่า "จะทำยังไง??"



ถ้าดูอันนี้จะเห็นว่า ผมให้น้ำหนักกับการเมืองน้อยกว่าประเทศชาติครับ
(เพราะตอนนั้น แม้ผมไม่ชอบให้สมัครเป็นนายกฯ แต่ถ้ามีวิธีเด็ดๆ จะแก้ปัญหาได้ ผมก็เชียร์)






(จริงๆ ก่ะพูด สนับสนุน เมกะโปรเจ๊ก ว่าเป็นทางเดีว
ที่จะฟื้นเศรษฐกินรอบนี้ได้..และควรเร่งทำตี้งแต่ตอนนี้)


.........



เรื่องค่าเงินมันไม่อินเทรนนะครับ

แต่ไหนๆ ลงแล้ว ก็ลงให้จบๆ เดี๋ยวคนอ่านจะงง ว่ามันครึ่งๆ กลางๆ ..






..........

วันนี้ อยากคุยเมกะโปรเจ๊ก แต่จำผิด หาไม่เจอ
เจออันคุยเรื่องค่าเงิน

แต่โดบไอเดียคือ
อะไร ที่ประเทศได้ประโยชน์ก็ทำ


คนไทยวันนี้ ช่วยลดอารมณ์การเมืองกันลงหน่อย มาช่วยประเทศ
ชอบใครชังใคร ก็ไม่เป็นไร ..

บททะเลาะการเมืองทะเลาะ


แต่บทจะพูดเรื่องประเทศชาติต้องเป้นเนื้อเดียวกันให้ได้

ญี่ปุ่นฟื้นจากสงครามโลกได้ก็ด้วย การร่วมแรงร่วมใจกัน
สิงคโปร์เป็นนายหน้าใหญ่ของเอเชียก็เพราะคนสิงคโปรร่วมแรงกัน
เกาหลี จากที่เป็นตัวรองบ่อนของญี่ปุ่น วันนี้ผงาดโลก ตามญี่ปุ่นติดๆ แล้ว


การเมืองในเกาหลี ญี่ปุ่นเองก็เน่า(แต่อาจจะไม่เท่าไทยอ่ะนะ)

แต่บทพูดถึงประเทศชาต เค้าร่วมแรงร่วมใจกันครับ



คนไทย อยากจะไปแข่งกับพม่า หรืออยากจะแข่งกับ ไต้หวั่น เกาหลีกันหล่ะ??





วันนี้ เราต้องเน้นรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจครับ

มีสเถียรภาพแล้ว ค่อเร่งการเติบโตใหม่






จบแค่นี้แล้วกันนะครับ
อันที่จริงมีต่ออีกหน่อย แต่พอแระ เพราะรู้สึกเรื่องไม่ตรงปรเด็นกับหัวกระทูที่ขึ้นไว้เท่าไหร่



ไปแระ...


***************


โดย: บุญทับ วันที่: 6 มีนาคม 2552 เวลา:11:01:00 น.  

 
ชอบเพลงครับ และชอบข้อมูลของพี่มากครับ
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ


โดย: wicgon69 (wicgon69 ) วันที่: 8 มีนาคม 2552 เวลา:17:37:27 น.  

 
บ้านข้าอยู่บนดอย เมฆหมอกลอยเต็มฟ้า
อยู่กลางพนา อยู่ตามประสาคนดอย
ข้าบ่รวย บ่จน บ่เป็นคนสำออย
เกิดเป็นคนบนดอย บ่ต้องคอยง้อใคร

บ้านสูอยู่ในเมือง มุงกระเบื้องสีใส
บ้านข้าอยู่กลางไพร มุงด้วยใบตองตึง
สูซอบเพลงฝรั่ง ข้าซอบฟังเสียงซึง
เอ้า ตึงตึงต๊ะติดตึง ข้าดีดซึงก้องป่า

บ้านบนดอย บ่มีแสงสี บ่มีทีวี บ่มีน้ำประปา
บ่มีโฮงหนัง โฮงนวด คลับบาร์ บ่มีโคล่า แฟนต้า เป๊บซี่
บ่มีเนื้อสัน ผัดน้ำมันหอย คนบนดอย ซอบกินข้าวจี่
บ่มีน้ำหอม น้ำปรุงอย่างดี แต่หมู่เฮามี ฮึม มีน้ำใจ๋

ถ้าสูอยากกินข้าว สูต้องไปไถนา
ถ้าสูอยากกินปลา ก็ต้องไปหาในห้วย
ถ้าสูปลูกดอกฝ้าย สูได้ใส่เสื้อสวย
แต่ถ้าสูอยากถูกหวย ก็เสียใจด้วยคน


โดย: คน IP: 58.136.94.15 วันที่: 3 สิงหาคม 2552 เวลา:19:48:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.