มุมมองตลาดหุ้นระยะกลางถึงยาว___________________แล้วทำไมค่าเงิน USDจึงแข็งค่าขึ้นช่วงนี้

บล็อกวันนี้ รวบรวมมาจากที่ไปตอบสินธรไว้

กระทู้แถวนั้นมันตกเร็ว
แล้วเราเองก็เป็นประเภทไม่ชอบพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ บ่อยๆ

รวบรวมมาจาก 2 กระทู้
แต่จริงๆ แล้ว เนื้อหามันเกี่ยงข้องกันอยู่สูงครับ ..ลองดูนะครับ

จากกระทู้..
//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I6967329/I6967329.html


"
เส้นแนวโน้มสวยดีครับ ตามเข้ามาส่งประกวดอีก 1 ชุด





2 ภาพนี้ แตกต่างกันนิดหน่อย
เป็นเรื่องของการกำหนดครับ

ตามปกติ ผมจะดูทั้ง 2 ทางไว้เลย

แต่จะเน้นทางแรกมากกว่า..



รูปแบบแรก จบเร็ว ปีหน้าเป้นขาขึ้น..(ผมให้น้ำหนักน้อย)


รูปแบบที่สอง ยืดเยื้อ (ผมให้น้ำหนักมากกว่า)

เหตุผล จากปัจจัยจากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงของโลก ที่จะยังซบเซาถดถอยไปอีก ราวๆ ปีหนึ่ง เป็นอย่างน้อย


แต่ทั้งหมดนั่งเทียนพรรษาล้วนๆ นะครับ 555
ตัวใครตัวเขา ..เราไม่ได้อะไร




********จบกระทู้แรกนะครับ
สำหรับกระทู้แรกนี้ แทบไม่ได้พูดอะไรเลย เน้นไปทางใช้ภาพแทนคำพูดมากกว่า

แล้วหากจะว่าไป ภาพเหล่านี้ ก็ไม่ได้มีอะไรใหม่สำหรับบล็อกนี้ครับ
เพราะเคยประเมิน พร้อมวิแคะเหตุและผล ที่มาที่ไปของมุมมองตามภาพเล่านี้ไปแล้ว
ในบล็อกก่อนๆ นี่เอง ..เพียงแต่เมื่อวันศุกร์ เห็นกระทู้น่าสนุก ก็เลยส่งมุมมองเราเข้าประกวด

ซึ่งก็ถือว่า เป็นการอัพเดทกราฟให้ทันสมัยขึ้นมา เพราะภาพก่อนหน้าที่เคยทำไว้ ก็ใช้มา 2-3 เดือนแล้ว(คุยซ่ะ555)


ส่วนกระทู้ถัดไป เป็นเรื่องค่อเงิน usd ครับ
ซึ่งเนื้อหา เป็นตัวหนังสือหมดเลย
..แล้วถ้าเอา 2 ส่วน มารวมกัน ก็จะเห็นเห็ตผลว่า ทำไม ผมจึงมองตลาดหุ้น
ว่าน่าจะซึมอีกอย่างน้อยเป็นปี ถัดจากนี้ ..

จริงๆ ก็ไม่ถึงกับซึม ..ถ้ามองภาพสุดท้ายเป็นหลัก
จะเห็นว่า ผมมีมมองมองว่า เร็วๆ นี้ อาจจะไตรมาส 4 ปีนี้
หรือไตรมาส 1 ปีหน้า ตลาดจะมีรีบาวน์ใหญ่ครับ..

โดยน่าจะสามารถรีบาวน์ขึ้นมาได้ 100 กว่า ถึง 200 จุด จากจุดต่ำสุดที่เค้าทำไว้
..เพียงแต่ ตอนนี้ เรายังไม่รู้ว่า จุดต่ำสุดเค้าจะจบลงที่ตรงไหน

สำหรับผมประเมินไว้แถวๆ 615 จุด และอีกที คือ 570+-10 จุด


ดังนั้น ในเร็วๆ นี้ หากตลาดลงมาในแนว 625-615 ผมว่า เป็นจุดที่น่าจะทะยอยซื้อได้อย่างที่ค่อนข้างเสี่ยงน้อย
..และจะมี cutloss ที่ 610-600 จุด กรณีที่เค้ายังลงไม่เลิก ก็ต้อง cut ไปก่อนเพื่อความปลอดภัย และรักษาเงินทุนไว้..
แล้วจึงไปรอจังหวะเข้าใหม่ ที่ 570+-10 จุด ครับ..

ซึ่งหลังจากตลาดจบใน 2 แนวนี้(ตามมุมมองของผม)
หลังจากนั้น ตลาดหุ้นจะมีรีบาวน์ดใหญ่ครับ
..ซึ่งอย่างที่ว่า น่าจะรีบาวน์ขึ้นมาได้ ไม่น้อยกว่า 100กว่าๆ ไปจนถึง 200 จุด
การรีบาวน์นี้อาจจะกินเวลา ราวๆ 1 ไตรมาส +- เล็กน้อย

หลังจากนั้น ตลาดก็จะเจอกับขาลงอีกครั้งหนึ่งครับ(ตามมุมมองของผม)
ซึ่งครั้งนี้ จะมีลักษณะซึมลง ..พร้อมกับข่าวคราว ภาวะการณ์เศรษกิขซบเซา ถอถอยทั่วโลก
ซึ่งยังคาดการณ์ระยะเวลาไม่ได้ว่า จะยืดเยื้อขนาดไหนครับ อาจจะแค่ปีเดียว หรือมากกว่านั้น ก็สุดจะเดาได้
คงได้แต่ติดตามไปด้วยกันนี่แหละครับ..


ข้างล่างนี้เป็นอีกกระทู้ ที่ว่านั้นครับ (ทำไมค่าเงิน usd จึงแข็ง?)
มีพิมพ์ผิดนิดหน่อยนะครับ ไม่มาก เดากันได้ อย่าถือสาคนตาไม่ค่อยดี(มันขี้เกียจแก้น่ะ อิอิ)

//www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I6972567/I6972567.html


เชื่อมั้ยครับ เหตุผล "ที่เ ค้ า ว่ า . ."
..น่าตลกชะมัด(ฟังแล้วจะรู้สึกแปลกๆ)


จากวิกฤติซับไพรม์ทีอเมริกา มีผลกระทบภาคการเงิน
จนกระเทือนไปถึงภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ของอเมริกา
..ดังจะเห็นว่า ในช่วงต้นนั้น ค่าเงิน usd อ่อนลงมา จากราวๆ 11x jpy ต่อ 1 usd
ลงมาถึง 100 เยนต้น ต่อ 1 ดอลล่าร์


จากปีที่แล้วมาปีนี้ เศรษฐกิจอเมริกายังไม่ดีขึ้น มีแต่ทรงกับทรุด


วันนี้ " ข้ อ อ้ า ง " ที่เค้าว่า ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์แข็งก็คือ


ผลจากเศรษฐกิจอเมริกาถดถอย
ล่ามสู่เขตเศรษฐกิจยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น (มันลามตั้งแต่ต้นแล้วหล่ะ)

กำลังกระเทือน ประเทศเหล่านี้
เป็นผลทำให้มีการลดการถือครองสินทรัพย์ ในรูปเงินสกุลอื่น
อย่าง ยูโร เยน ปอนด์ ....กลับมาสู่ดอลล่าร์!!

จึงเป้นผลทำให้ค่าเงินดอลล่าร์กลับแช็งค่าขึ้นมา...



ฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ มั้ยครับ??
แต่นี่ เ ป็ น เ ห ตุ ผ ล ที่นักวิเคราะห์ และสื่อฝรั่งเอาออกมาอ้างจริงๆ




น่างงมั้ย หนีจากประเทศต้นตอวิกฤติไปแล้ว

พอวิกฤติลาม ก็หนีจากตลาดอื่น เข้าตลาดอเมริกาใหม่

.

.

จุดนี้ชี้ 2 อย่าง

1. เงินมันไม่มีที่ไปครับ และเค่าเงิน usd ยังคงเป็นเงินสกุลหลักของโลก
ถ้าเทียบดูจากปีที่แล้ว ค่าเงิน usd อ่อนค่าลง เกินกว่า 10% เมื่อเทียบกับสกุลอื่นๆ

วันนี้เงินusd กำลังกลับมาแข็งค่า (ตอนนี้อยู่ราวๆ 109-110 เยนต่อ ดอลล่าร์)

วันนี้ถ้ามองในแง่ดี มันก็คือ การปรับตัว หาสมดุล (มองในแง่ดีนะ)


หรือ ..หากมองในแง่ไม่ดี


2. คือวิกฤติครั้งนี้ มันไม่มีทางไปจริงๆ จากภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงอเมริกา
ล่ามเข้าสู่ยุโรป และประเทศหลักอื่นๆ อย่างญึ่ปุ่น (จะไต้หวั่น ฮ่องกง จีด้วยหรือเปล่า ข่าวยังไม่ค่อยเอามาลง)

ลามจากต้นตอของปัญหา ไปประเทศอื่นๆ ..แทนที่จะรอต้นตอปัญหาให้คลี่คลายจึงจะกลับเข้าไป
แต่วันนี้ เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย แต่กลับจำเป็นต้องกลับเข้าไป(ค่าเงินแข็ง)

หมายความว่า เงินไม่มีที่ไป ไม่มีทางลงจริงๆ
..มองลึกลงไปกว่านั้น นั่นก็คือ วิกฤติซับไพรม์นี้ กำลังขบายวง จากวิกฤติอเมริกา เป็นวิกฤติยุโรป และกำงจะเป็นวิกฤติระดับโลก


ไม่ได้พูดให้ตกใจ แต่วิกฤติอันนี้เป็นวิกฤตระดับโลกจริงๆ
แต่ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง มันจะช้ากว่า ภารการเงินเท่านั้นเอง


ถามว่ามันจะน่ากลัวกว่านี้มั้ย ในระดับโลก
ต้องบอกว่ามันจะน่ากลัวกว่านี้ในแง่เศรษฐกิจที่แท้จริงครับ

คือการค้าขายในระดับโลกคงจะซบเซาลงต่อเนื่อง จากนี้ไปอีกสัก 1-2 ปี



แภคการเงินจะน่ากลัวกว่านี้มั้ย ..ก็ตอบว่า คงใช่ แต่ไม่มาก..




ยกตัวอย่างบ้านเรานี่แหละ เป็นโมเดลที่ดี..


คือวิกฤติต้มยำกุ้ง..


จะเห็นว่า..
ตลาดหุ้นบ้านเรา หักพังลงมา ในช่วงปี 2538-2539-2541

จะหักพังในภาคการเงินก่อนครับ
แล้วภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง จึงค่อยๆ กระเทือน มีการปิดตัว ปิดบริษัท ล้มละลาย คนตกงาน
..มาหนักๆ ในช่วงปี 2541-2543

ก่อนที่จะค่อยๆ ซึมอีกหลายปี จึงค่อยฟื้นตัว ขึ้นมาในช่วงปี 2545 เป็นต้นมา


ตอนนี้วิกฤติระดับดลก ก็จะเป็นไปในรูปแบบเดียวกันครับ



คือวิกฤติภาคการเงินนั้น คงจะลงใกล้สุดแล้ว..
ตอนนี้มันกำลังจะล่ามไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง
หลังจากนั้น จึงค่อยซึม อีกหลายปีก่อนจะฟื้นตัวครับ..

ผมเองก็ไม่รู้ ไม่กล้าเดาเหมือนกัน ว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวเมื่อไหร่
พูดไปก็เดาทั้งนั้นครับ ต้มยำกุ้งใช้เป็นโมเดลได้
แต่ขนาดของวิกฤติที่เริ่มจากอเมริกานี้ มันต่างกัน
แล้วมันก็กระเทือนกับโลกต่างกันด้วย..

กระเทือนกับโลกมากกว่า..

..แต่มองอีกด้านหนึ่ง การแก้ไขวิกฤตินี้ ก็เกิดอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพมากกว่า
และเกิดจากทั้งฝ่ายอเมริกา ยุโรป และญุ่ปุ่นด้วย พูดง่ายๆ คือ ราวมแรงร่วมใจกันแก้วิกฤติ

เพราะว่า ผลประโยชน์นั้นมีร่วมกันอยู่ครับ..





สรุปรวมๆ ผมว่า วันนี้ที่ค่าเงิน ดอลล่าร์แข็งขึ้นมา..

ผมมองว่า ไม่มีอะไรมากไปกว่า..

1. เงินสกุลดอลล่าร์ ยังเป็นที่ยอมรับในระดับโลก (ทีแรกคิดว่าค่าเงินนี้จะแย่แล้ว
ถ้าค่าเงินนี้ล้ม ก็ล้มทั่วโลก เพราะทั่วโลกใช้เงินสกุลนี้เป็นหลักในการค้ำประกันค่าเงินตัวเองอยู่)
..สรุปว่า ค่าเงินนี้ยังไม่ล้ม

2. เพราะเงินมันไม่มีที่ไป วิกฟติมันเป็นไปทั่วทั้งโลก
เงินมันหาทางไปไม่ได้ มันก็โยกไปโยกมาอย่างนี้แหละ เพราะกระแสเงินมันไม่นิ่ง และคนก็กลัว
ก็มีการลดความเสี่ยง เคลื่อยย้าย จากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง (คงจะเห็นกระแสเงินโลกแปรปวนแบบนี้ไปอีกพักใหญ่)




สำหรับบ้านเรา
หรือนักลงทุนบ้านเรา ก็ไม่มีอะไรต้องตื่นตระหนกมากนักครับ


มองให้ออก หรือจะมองว่ามันเป็นเกมส์ก็ได้(จริงๆ ไม่ค่อยอยากใช้คำนี้ แต่ก็ใกล้เครียงสุดน่ะนะ)


คือมองว่ามันเป็นเกมสการเงินระดับโลกไป..


.


ลอง..เชื่อในทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดสิครับ

เหมือนตลาดหุ้นบ้านเรา มีคนดูแลอยู่
อาจจะไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง..
แต่เป็นหลายๆ กลุ่ม สมรู้ร่วมคิดกันอยู่ครับ ..วางแนวทาง ประคับประคองอยู่


กระแสเงินโลก มันก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
วันนี้เท่าที่เราได้ยินได้ฟังกัน
กระแสเงินโลก เวียนเล่นเก็งกำไร ปั่นราคากันอยู่ใน 3 กลุ่ม
คือ 1. ตลาดหุ้น 2. ตลาดเงิน และ 3. ตลาด คอมโมดิตี้
เงินส่วนใหญ จะเวียนว่ายตายเกิดอยู่ใน 3 กลุ่มนี้ครับ

ช่วงที่ไม่มั่นใจที่สุด ต้องกลับไปหารายได้ในรูปดอกเบี้ย จากสกุลเงินที่น่าหรือคิดว่าน่าวางใจที่สุด

อีกส่วนหนึ่งฝากมอง..
(อันนี้อาจารย์ผมแนะนำมา จนผมแทบจะคิดว่าตัวเองคิดเองแระ 555)

มองดาวน์โจนส์ เป็น ptt ของบ้านเรา
มอง ตลาดหุ้นอังกฤษ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตลาดหุ้นฮ่องกง
เป็น pttep เป็น bbl เป็น scc advanc มองไปในทำนองนี้

มองไปทำนองนี้ แล้วเราจะเห้นการประคองตลาดหุ้นทั่วโลก
บางทีจำเป็นต้องดันหุ้นใหญ่ เพื่อออกตัวเล็ก
ประคองหุ้นใหญ่เพื่อออกหุ้นปั่น

..บ้านเราคิดว่าจะเป็นหุ้นอย่างอะไร ลองจิตนาการเอาเอง


บางช่วงบ้านเราอาจจะเป็นหุ้นปั่น
บางช่วงบ้านเราอาจจะเป็นหุ้น trunaround บางช่วงบ้านเราอาจจะเป็นหุ้นเติบโตสูง


ก็คิดๆ กันไป ตามแต่ช่วงเวลาและจิตนาการของแต่ละคน..



รวมๆ ผมก็นั่งเทียนพรรษาน่ะนะ ถือว่าอ่านขำๆ แล้วกัน..


.


...สุดท้าย ขอโยงเรื่องมาหน่อย
ถ้าอยากให้เศรษฐกิจบ้านเรา รวมถึงตลาดหุ้นบ้านเราเข้มแข็ง
ในหลวงเรา ทรงประทาน แนวคิดที่เจ๋งๆ มาให้แล้ว
นั่นคือเศรษฐกิจพอเพียง..

แนวคิดนี้ ถ้าลงรากลึกในประเทศไทย ต่อไปประเทศไทยก็จะสามารถเป็น defensive stock ของโลกได้ครับ




****************จบจ๊ะ******************










Create Date : 07 กันยายน 2551
Last Update : 7 กันยายน 2551 16:03:15 น. 4 comments
Counter : 812 Pageviews.

 

วันนี้ตลาดน่าสนใจนะครับ
โดยเฉะพกับเพื่อนบ้านเอเชียเนี่ย มีสัญญาณที่น่าใส่ใจทีเดียว


ไม่แน่คืนนี้ ถ้าว่างๆ ไม่ขี้เกียจ อาจจะมาอัพเดทมุมมอง

จริงๆ เป็นการขายามุมมองตามภาพล่างมากกว่า(ภาพล่างโพสที่พันทิพตั้งแต่ ช่วงเช้าแล้วครับง)



โดย: บุญทับ วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:18:02:29 น.  

 

ทำเลยแล้วกัน..
..แต่ขอลงแต่มุมมองระยะสั้นๆ นะครับ


***********************


1.

ผมใส่เส้นมาเยอะไปป่าวครับเนี่ย..

แต่ตั้งใจจะให้เห็นภาพรวมๆ ข้างบนนั้นมีแต่แนวต้านเต็มไปหมด


2.

แนวต้านพรุ่งนี้ คือช่วงแก๊ปที่เค้าเคยเปิดไว้ครับ..

668 , 675 และ 680 ครับ


3.

มุมในแง่ดี แง่ที่มองว่าตลาดจบรอบขาลงแล้ว
จุดสักเกตุคือแนวแก๊ปครับ


ถ้าจะเป็นขาขึ้นจริง เค้าจะทำลายแนวโน้มขาลง
แล้วค่อยๆ สร้างแนวโน้มขาขึ้นชุดใหม่

ผมลงข้ามช็อตไปเป็นสีขาวด้วย


..แต่ที่ควรให้ความสำคัญ คือมองระยะสั้นๆ สีเขียวก่อนก็พอครับ
ดดยใช้แก๊ปเป็นจุดสังเกตุ และคอยดูว่า แรงซื้อจะแน่นแค่ไหน



4.

มุมมองเดิม คือมุมในแง่ที่ไม่ค่อยดี
ที่มองเป้าจบรอบที่ 615 ครับ

จุดสังเกตุก็คือแก๊ป กับแนวโน้มขาลง ที่เค้าจะทำลายไม่ได้
ชนแนวต้านขาลง แล้วก็นิ่ง ไม่มีใครอยากไล่ราคาต่อ

ถ้าแบบนี้ ที่เล่นสั้นๆ อยู่ช่วงนี้ ก็ตีหัวไปเรื่อยๆ ก่อนครับ



สำหรับผมตอนนี้งไม่กล้าเดาเหมือนกันครับ ว่าbottom out จบรอบขาลงไปหรือยัง
กราฟมันยังน่าข้องใจอยู่ครับ..

..แต่จุดที่มองแล้วดูดีจริงๆ คือเอเชียวันนี้ครับ เป็นสัญาณที่ให้ไปทางกลับทิศสูง



วันนี้ตาลายแล้วครับผม..
ขอตัวก่อนครับผม ....สวัสดีครับ


โดย: บุญทับ วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:18:16:29 น.  

 

รออีกสักสัปดาห์ อาจจะเอามุมมองระยะกลางยาว อีกเงื่อนไขหนึ่งมาลง(ขอดูตลาดอีกหน่อย)

เป็นอีกทางหนึ่ง ที่ไม่อยู่ในหัวบล็อกอันนี้..
..ถ้าวันนั้นเอามาลง จะเทียบให้ดูครับ




โดย: บุญทับ วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:18:22:35 น.  

 


หิวป่าวคะ เอาแกแฟมาเสริฟค่ะ

อื้อหือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ สีมือๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณค่า


โดย: มือใหม่เล่นหุ้น วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:12:41:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
7 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.