ชัยชนะทางอุดมการณ์
ชัยชนะทางอุดมการณ์
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ์ 23 พฤษภาคม 2548
มีข่าวจากภาคใต้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ฝ่ายก่อความไม่สงบใช้สีเที่ยวพ่นตามที่สาธารณะ เช่นสะพาน,ป้ายจราจร,และรั้วโรงเรียน เป็นข้อความว่า "ฟื้นฟูอิสรภาพของปัตตานี" , "เพื่ออิสรภาพของปัตตานี" , และ "รัฐอิสระปัตตานี" การกระทำนี้เกิดในบางตำบลของนราธิวาสและยะลา
ฝ่ายทหาร(พ.อ.สมควร แสงภัทรเนตร) อธิบายว่า เพราะประชาชนหันมาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐมากขึ้น ฝ่ายตรงข้ามจึงเปิดการรุกเชิงอุดมการณ์ เพื่อรับกับการรุกเชิงอุดมการณ์ของฝ่ายรัฐ
ถ้ามองในแง่การสื่อสารในสงครามปฏิวัติ การกระทำของฝ่ายก่อความไม่สงบดูจะไร้ความหมายสิ้นดี แสดงให้เห็นความสิ้นไร้ไม้ตอกของขบวนการ หนังสือพิมพ์ฝรั่งเรียกข้อความที่เขียนบนกำแพงเหล่านี้ว่า Graffiti ชวนให้นึกถึงคำหรือภาพสัปดนมากกว่าอุดมการณ์ของสงครามปฏิวัติ
การสื่อสารกับ "มวลชน" มีความสำคัญอย่างไรในสงครามปฏิวัติ เข้าใจได้ง่ายโดยไม่ต้องอธิบายอะไรอยู่แล้ว ฝ่ายต่อต้านรัฐไทยสามารถสื่อสารกับประชาชนบางกลุ่มบางเหล่าได้ โดยวิธีใดวิธีหนึ่งซึ่งแน่ใจได้ว่ายังไม่กว้างขวางพอที่จะเรียกได้ว่า- "มวลชน" แม้แต่เชื่อสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงของรัฐโฆษณาเสมอมาว่า โรงเรียนปอเนาะและโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามบางแห่งเป็นแนวร่วมกับฝ่ายนั้น ก็ยังเป็นการสื่อสารที่ไม่สู้จะกว้างขวางนักอยู่นั่นเอง กล่าวคือสื่อสารได้เฉพาะกับนักเรียนในสถาบันการศึกษาเหล่านั้นเท่านั้น
คำถามที่ผุดขึ้นมาทันทีก็คือ ขบวนการรัฐปัตตานีไม่มีเครื่องมือในการสื่อสารมวลชนอื่นที่ได้ผลดีไปกว่าตัวหนังสือบนกำแพงหรอกหรือ ไม่มีที่ปิดลับเพียงพอจะพิมพ์ใบปลิวได้เป็นแสนๆ ฉบับ ไม่มีวิทยุเถื่อนที่สามารถเคลื่อนย้ายสถานที่ส่งกระจายเสียงให้ปลอดภัยได้ตลอดเวลา ไม่มีกำลังพอจะจัดชุมนุมประชาชนอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเครือข่ายในหมู่ "มวลชน" พอที่จะกระจายข่าวแบบปากต่อปาก ฯลฯ
ถ้าอย่างนั้น อย่าพูดถึงการปฏิวัติเพื่อสถาปนารัฐเอกราชขึ้นใหม่เลย แม้แต่ขายไก่ทอดหรือพิซซ่าแข่งกับเขายังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
คำโฆษณาถึงรัฐอิสระใหม่ที่ชื่อปัตตานีไร้ความหมายแก่คนส่วนใหญ่ เพราะรัฐอิสระที่หวังว่าจะเกิดขึ้นใหม่นั้นขาดเนื้อหา ไม่มีใครรู้ว่าความเป็นรัฐอิสลามที่ฝ่ายต่อต้านรัฐไทยโฆษณาหมายถึงอะไรแน่ ถ้าจะมีการยึดทรัพย์ของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม จะยึดให้แก่ใคร(ดังปรากฏว่ามีป้ายแขวนตามบ้านของบางบุคคลว่า "บ้านนี้กูจอง") การฆ่าฟันและลงโทษประชาชนจะยุติลงเมื่อไร ทุกคนที่เคยทำมาหากินเลี้ยงชีวิตโดยเกี่ยวข้องกับรัฐไทยมาก่อนจะถูกลงโทษหมดหรือไม่ กำนันผู้ใหญ่บ้านตลอดจนโต๊ะอิหม่ามซึ่งถึงอย่างไรก็ต้องเคยเกี่ยวข้องกับอำนาจของรัฐไทยมาบ้าง จะถูกลงโทษทุกคนหรือไม่ รัฐที่เกิดจากการใช้ความรุนแรงอย่างไม่เลือกหน้านี้จะนำชีวิตปกติสุขกลับมาแก่ประชาชนได้อย่างไร ฯลฯ
มีแต่คำถามมากมายที่ประชาชนไม่เคยได้รับคำตอบ หากจะมีการเผยแพร่อุดมการณ์ของฝ่ายต่อต้านรัฐ โดยไม่มีความกระจ่างในเรื่องเหล่านี้ จะมี "มวลชน" ที่ไหนเข้าร่วมด้วย
ฝ่ายต่อต้านรัฐอาจมีอุดมการณ์ แต่ไม่ใช่อุดมการณ์สำหรับ "มวลชน" ฉะนั้นการจัดองค์กรของขบวนการจึงเป็นการจัดองค์กรที่สามารถวางระเบิด,ลอบยิง,และเผาโรงเรียน หรือทำกิจกรรมที่ท้าทายอำนาจรัฐเท่านั้น ไม่สามารถเคลื่อน "มวลชน" ออกมาเป็นฐานเคลื่อนไหวของตัวได้
อาจเป็นได้ว่า มีการเรียนรู้การจัดองค์กรเช่นนี้มาจากกลุ่มปฏิบัติการด้วยความรุนแรงอื่นๆ ซึ่งมีบทบาทในตะวันออกกลาง แต่ยังไม่เคยปรากฏในที่ใดว่า องค์กรที่มีเครื่องมืออยู่อย่างเดียวคือความรุนแรง(ซึ่งมักเรียกกันว่าการก่อการร้าย) จะประสบความสำเร็จในการตั้งรัฐของตนขึ้นได้โดยอิสระ
เช่นเดียวกับขบวนการสถาปนารัฐอิสระปัตตานี มองอย่างไรก็ไม่มีความเป็นไปได้ที่จะประสบความสำเร็จตามเจตนาของตน หากยังมีเครื่องมืออยู่อย่างเดียว ซ้ำยังนำมาใช้อย่างขาดความระมัดระวังดังที่ผ่านมาแล้วเสียอีก จริงอยู่รัฐไทยอาจได้รับความลำบาก และไม่มีสมรรถภาพทั้งทางทหารและการเมืองที่จะสลายองค์กรนี้ลงได้อย่างสิ้นเชิง แต่นั่นก็ไม่ใช่หนทางไปสู่การมีรัฐอิสระที่ชื่อปาตานีขึ้นได้เช่นกัน
ภาคอุดมการณ์จึงเป็นอีกภาคหนึ่งที่อ่อนแอที่สุดของขบวนการต่อต้านรัฐไทยในครั้งนี้ และนี่คือเหตุผลที่ต้องอ้างคำสอนทางศาสนาอยู่ตลอดเวลา แม้การอ้างเหล่านั้นจะถูกผู้รู้โต้แย้งอยู่เสมอก็ตาม
รัฐไทยสามารถใช้ประโยชน์จากความอ่อนแอในภาคนี้ได้มาก ปัญหาอยู่ที่ว่าเราใช้มากน้อยเพียงใด
ถ้าจะพูดว่ารัฐไทยได้ทำการรุกด้านอุดมการณ์ ก็ยังมองไม่ค่อยเห็นว่า รัฐทำอะไรที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นการรุกด้านอุดมการณ์ นอกจากการปรับนโยบายของรัฐให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น แต่นโยบายนี้ก็ยังมองไม่ค่อยเห็นผลเป็นรูปธรรมมากไปกว่าการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติขึ้น
อันที่จริงสันติสุขเป็นอุดมการณ์ที่มีพลัง โดยเฉพาะเมื่อนำมาใช้แข่งขันกับขบวนการที่ใช้แต่ความรุนแรงอย่างไม่เลือกหน้าเช่นนี้ แต่สันติสุขต้องมีความหมายกว้างกว่าเพียงการไม่ยิง,ไม่อุ้ม,ไม่ระเบิด,ไม่เผา ฯลฯ หรือกว้างกว่าการใช้ความรุนแรงทางกายภาพ หากต้องรวมถึงการยุติความรุนแรงเชิงโครงสร้างลงด้วย
และความรุนแรงเชิงโครงสร้างในสังคมไทยนั้นมีมากโดยทั่วไปอยู่แล้ว ในสามจังหวัดภาคใต้อาจมีมากกว่า เพราะความระแวงและความรู้สึกถึงความไม่ใช่พวกเดียวกัน
ในเชิงรูปธรรม นอกจากรัฐต้องปฏิรูปการบริหารจัดการในพื้นที่ภาคใต้อย่างเร่งด่วนแล้ว สิ่งที่อาจกระทำได้ง่ายและทำได้ก่อนคือการแก้ไขความไม่ยุติธรรมทั้งหลายที่กระทบไปถึงประชาชนในพื้นที่ เช่น การชดเชยค่าเสียหายแก่บุคคลที่ถูกฝ่ายรัฐละเมิด ผู้ต้องหาในคดีใดที่แน่ชัดว่าเกิดจากความสะเพร่า หรือความฉ้อฉล หรือลุแก่อำนาจบ้านเมือง ของเจ้าหน้าที่ ควรยุติคดีเสียโดยเร็ว ปลดปล่อยผู้ต้องหาให้กลับไปสู่ชีวิตปกติ ซึ่งก็คือสันติสุขที่ทุกคนสามารถจับต้องได้ รวมไปถึงการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่บุคคลและทายาทซึ่งได้รับภัยพิบัติจากเหตุการณ์ความไม่สงบทุกฝ่ายอย่างรีบด่วน
ก่อนที่จะคิดถึงการปราบผู้ร้าย ต้องคิดถึงการปกป้องคนดีก่อน ภารกิจหลักในช่วงนี้ของกองกำลังของฝ่ายรัฐที่ทุ่มกันลงไปในพื้นที่จำนวนมากนั้น ยังไม่ใช่การปราบปราม เท่ากับการคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และด้วยเหตุดังนั้นกฎอัยการศึก หรือกฎหมายพิเศษอื่นใด จึงไม่จำเป็น เพราะกองกำลังที่ไม่มีอำนาจอันไม่อาจตรวจสอบได้กลับจะเป็นที่รักของประชาชนมากกว่า ไม่ว่าประชาชนจะตัดสินใจอยู่เฉยๆ ไม่ร่วมมือกับฝ่ายใด หรือกระตือรือร้นที่จะร่วมมือกับฝ่ายรัฐ เขาต้องได้รับความปลอดภัยอย่างเต็มที่เท่าที่รัฐจะสามารถอำนวยให้ได้
ในขณะเดียวกัน รัฐควรเร่งกระจายอำนาจไปยังท้องถิ่นตามข้อกำหนดของรัฐธรรมนูญ ประชาชนจะมีปากมีเสียงมากขึ้นในการบริหารจัดการท้องถิ่นของตนเอง รวมทั้งมีอำนาจตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นมากขึ้น รวมทั้งการบริหารจัดการบริการของรัฐหรือทรัพยากรที่รัฐจัดสรรให้ได้เอง
เหล่านี้จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การขจัดความรุนแรงเชิงโครงสร้าง และนำมาซึ่ง "สันติสุข" อย่างแท้จริง เป็นการรุกทางอุดมการณ์ที่มีความหมายแก่ประชาชน ซ้ำเป็นอุดมการณ์ที่มีความหมายต่อ "มวลชน" ด้วย
หากทำได้ตามนี้ ข้อความที่พ่นสีไว้บนกำแพงยิ่งไร้ความหมายแก่ประชาชนเสียกว่าภาพสัปดน
ที่มา //www-unix.oit.umass.edu/~pokpongj/Interest/interest_nithi_a06.htm
Create Date : 03 กรกฎาคม 2550 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2550 16:15:24 น. |
|
0 comments
|
Counter : 659 Pageviews. |
|
|
|
|
|