Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
12 พฤษภาคม 2558
 
All Blogs
 
เปลี่ยนชีวิต พิชิตโรคร้ายโดยไม่ต้องพึ่งยา (น.พ.บุญชัย)






คุณหมอขจัดโรคร้ายได้ด้วยเวลาแค่ 4 เดือน ที่เคยป่วยถึง 6 โรค โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน อ้วน ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป ได้โดยไม่ต้องใช้ยา แค่ปรับเปลี่ยนชีวิตเท่านั้นเอง เป็นการรักษาทั้งทางกายและจิตใจไปพร้อมกัน



เปลี่ยนชีวิต พิชิตโรคร้ายโดยไม่ต้องพึ่งยา โดย น.พ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์

https://www.youtube.com/watch?v=FRDh1vaX1f0






สำหรับคนเป็นเบาหวานหายได้โดยไม่ต้องใช้ยา ปรับเปลี่ยนชีวิตนิดนึง เท่านั้น

ใครชอบทานของทอด อาหารที่ผัดด้วยความร้อนสูง ฟังทางนี้ !!!

ในบทความค่อนข้างยาวต่อไปนี้มีประโยคที่เป็นใจความสำคัญที่อยากเน้นให้จดจำ
“เมื่อไขมันผ่านความร้อน ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว ทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำเข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและดึงไขมันอิ่มตัวขึ้นมา ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้เรียกว่า Trans Fat มักอยู่ในของทอด โดยคนที่กินอาหารทอดมากๆ มักเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด”

จากหนุ่มใหญ่วัยใกล้เกษียณ นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลชื่อดัง ที่ถูกโรคร้ายรุมเร้าถึง 6 โรค ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป ซึ่งจากประสบการณ์ทางแพทย์ที่สั่งสมมา ทำให้เขารู้ว่า โรคร้ายเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ทำได้เพียงกินยาเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น

แต่เมื่อเขานำศาสตร์ในการดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากการค้นคว้าและทดลองปฏิบัติด้วยตัวเองมาใช้ ‘นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์’ กรรมการผู้จัดการโรงพยาบาลราชธานี โรงพยาบาลชื่อดังของจังหวัดอยุธยา และประธานกรรมการบริหารเวลเนสซิตี้ กรุ๊ป ก็ต้องพบกับความอัศจรรย์ว่า เขาสามารถขจัดโรคร้ายทั้ง 6 โรคได้ภายในระยะเวลาแค่ 4 เดือน

6 โรคร้ายรุมเร้าจนต้องลุกขึ้นมาหาวิธีปฏิวัติตัวเอง

คุณหมอบุญชัยเล่าว่า ด้วยการใช้ชีวิตแบบคนเมืองที่เต็มด้วยความเร่งรีบ ความเครียดที่เกิดจากการทำงานและการกินอาหารตามความเคยชิน ส่งผลให้สุขภาพของเขาเริ่มมีปัญหา และสั่งสมเรื่อยมาจนกลายเป็นโรคร้ายถึง 6 โรคด้วยกัน

น้ำหนักของเขาขึ้นไปถึง 113 กิโลกรัม ระดับน้ำตาลในเลือดสูงถึง 294 ขณะที่ความดัน ตัวบนอยู่ที่ 170 ตัวล่าง 110 อีกทั้งไขมันในเลือดยังผิดปกติ!!

แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แม้เขาจะเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนไข้มามากมาย แต่เขากลับไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ของตัวเองให้หายขาดได้
ในทางกลับกันโรคที่เป็นอยู่กำลังเป็นสะพานที่นำไปสู่โรคภัยที่ร้ายแรงขึ้น จุดนี้จึงเป็นแรงบันดาลใจให้คุณหมอหันมาศึกษาค้นคว้า เพื่อหาทางแก้ไขและลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเองอย่างจริงจัง

“ความจริงหลายๆโรคที่เป็นเนี่ยะ เราก็รู้มาก่อนอยู่แล้ว อย่างโรคอ้วน โรคเม็ดเลือดแดงมากเกินไป โรคตับอักเสบเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง แต่สาเหตุที่ทำให้ผมตัดสินใจลุกขึ้นมาเปลี่ยนชีวิตตัวเองก็คือ เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ปี 53 ผมตรวจร่างกาย พบว่า เป็นเบาหวานและน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งโรคเบาหวานมันเป็นต้นเหตุให้เกิดโรคต่างๆตามมาอีกเยอะ เช่น โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองตีบ ตาบอดเพราะเบาหวานขึ้นตา
โรคเบาหวานไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงรักษาตามอาการ กินยาเพื่อรักษาระดับน้ำตาล ซึ่งต้องกินยาตลอดชีวิต แต่การกินยามากๆ จะทำให้เกิดผลข้างเคียงคือ ทำให้ตับเสื่อมและไตวาย ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมมองหาวิธีการใหม่ที่จะมีโอกาสหายจากโรคเบาหวานหลากหลายวิธีการ

วิธีการที่ผมใช้เริ่มจากพื้นฐานความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์ และอาศัยความรู้หลายอย่างประกอบกัน ทั้งความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ โบราณคดี วิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ ความรู้เรื่องการเจริญของโลก ความรู้เรื่องมานุษยวิทยา ความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ทางจิต ซึ่งเราก็เอาหลายๆอย่างมาผสมผสานกัน เพื่อหารากเหง้าความเป็นมาว่า มนุษย์เรามีความเป็นมาอย่างไร คือคนในปัจจุบันไม่ได้ดำรงอยู่ตามธรรมชาติ เพราะเราสั่งสมวัฒนธรรมความรู้เพื่อจะทำให้เราดำรงชีวิตอย่างสะดวกสบาย ซึ่งการที่เราใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ เป็นสาเหตุที่ทำให้เราป่วย ดังนั้น การที่เราจะหายป่วยได้ เราก็ต้องไปหาว่า การใช้ชีวิตตามธรรมชาตินั้นเป็นอย่างไร” นพ.บุญชัย เล่าย้อนให้ฟังถึงสาเหตุที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง




ค้นพบศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' สลายโรคร้าย

จากการศึกษาวิเคราะห์ศาสตร์ต่างๆ ทำให้คุณหมอบุญชัยได้ข้อสรุปว่า อาหารที่คนเรานิยมบริโภคอยู่ในปัจจุบันนั้น ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติและความต้องการของร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุคือ ปรับเปลี่ยนวิธีการกินและการดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติของมนุษย์ จึงเกิดเป็นศาสตร์ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' ที่คุณหมอค้นพบด้วยตัวเอง
การค้นพบครั้งนี้ได้สร้างความอัศจรรย์ให้แก่วงการแพทย์อย่างยิ่ง เพราะหลังจากที่คุณหมอนำศาสตร์ดังกล่าวมาปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ปรากฏว่า โรคร้ายที่คุณหมอบุญชัยเป็นอยู่ถึง 6 โรคนั้นได้อันตรธานหายไปภายระยะเวลาแค่ 4 เดือนเท่านั้น

“จากการศึกษาทำให้เราพบว่า จริงๆแล้วมนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งอยู่ในตระกูลสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตระกูลเดียวกับลิง สมัยดึกดำบรรพ์เรากินผักและผลไม้เป็นหลัก ซึ่งผักผลไม้ที่เรากินจะเป็นพวกใบอ่อน ย่อยง่าย และก็กินพวกเนื้อสัตว์บ้าง กินไข่ กินดินโป่งเป็นอาหารเสริม แต่ปัจจุบันเราไม่ได้กินแบบนี้อีกแล้ว วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้อาหารการกินของเราเปลี่ยนไป กลายเป็นว่าเราบริโภคสิ่งที่ไม่เหมาะกับร่างกายของมนุษย์ ผมก็มานั่งคิดว่า ถ้าเราจะใช้ชีวิตตามธรรมชาติที่แท้จริงของมนุษย์ เราจะทำยังไง จะปรับได้ขนาดไหน
ผมจึงออกแบบชีวิตในปัจจุบันให้ปลอดภัยในระดับที่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตผิดธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้ชีวิตในการทำงานแบบคนเมืองได้ คือต้องสร้างสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตตามกฎธรรมชาติและการใช้ชีวิตแบบคนเมือง เราก็ใช้วิธีการทดลอง ดูจากตำรา ดูจากงานวิจัย และการทดลองปฏิบัติ ทำให้ได้ข้อสรุปของวิธีดำเนินชีวิตตามกฎธรรมชาติ




สรุปออกมาเป็นข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ และสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ 5 ข้อ ซึ่งเรียกสั้นๆว่า กฎห้าม 5 ต้อง 5” นพ.บุญชัย พูดถึงศาสตร์การคืนสู่วิถีธรรมชาติที่เขาค้นพบ
มหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ โรคร้ายหายเป็นปลิดทิ้ง
หลังจากที่คุณหมอบุญชัยปฏิบัติตามกฎ ‘ห้าม 5 ต้อง 5' เขาก็พบกับความมหัศจรรย์แห่งวิถีธรรมชาติ เพราะสุขภาพของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และโรคร้ายที่เป็นอยู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ผมเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตมาตั้งแต่ปี 2553 ถึงตอนนี้ก็ 2 ปีกว่าแล้ว ซึ่ง

หลังจากเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตแค่เดือนก็เห็นผลแล้ว พอถึงเดือนที่ 4ปราฎว่า 6 โรคที่เป็นหายหมดเลย ยกเว้นไขมันในหลอดเลือดยังลดลงไม่ถึงระดับ คือโรคอ้วนก็หาย จากเดิมน้ำหนัก 114 กก. ลดลงเหลือ 89 กก. น้ำหนักผมลดลงไป 25 กก.
ตอนนี้โรคต่างๆหายหมดแล้ว เบาหวานก็หาย น้ำตาลในเลือดที่เคยขึ้นไปถึง 294 ปัจจุบันเหลือ 90 มันลดลงเอง ไม่ต้องใช้ยาเลย ความดันผมลดลงจาก ตัวบน 170 เหลือ 105 ตัวล่างจาก 110 เหลือ 70 เส้นเลือดที่เคยแข็ง เส้นเลือดที่อุดตัน ก็เปลี่ยนเป็นเหนียว ยืดหยุ่นดี
คือมันเป็นวิธีที่ง่ายมากๆ เหมือนเส้นผมบังภูเขา แต่เรามองไม่ออก คือการใช้ยานอกจากจะแค่รักษาตามอาการ ไม่หายขาดแล้ว ยังมีผลข้างเคียงด้วย แล้วถ้าใช้ยาเราก็จะไม่เปลี่ยนวิธีใช้ชีวิต เพราะเราคิดว่ายาช่วยเราได้ คืออวัยวะที่มันเสื่อมไปเนี่ยะมันฟื้นไม่ได้

อย่างเช่นโรคเบาหวาน เกิดขึ้นเพราะตับอ่อนเสื่อมจึงผลิตอินซูลินได้ไม่ดี แต่ร่างกายต้องใช้อินซูลินในการควบคุมน้ำตาล เมื่อผลิตอินซูลินได้น้อยน้ำตาลในเลือดก็ขึ้น พอเราปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ร่างกายดีขึ้น ตับอ่อนฟื้นตัวขึ้นก็ผลิตอินซูลินได้ดี เมื่อมีอินซูลินมาควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด น้ำตาลในเลือดก็ลดลงโดยไม่ต้องใช้ยาเลย” นพ.บุญชัย กล่าวถึงชีวิตใหม่ที่เขาได้รับหลังจากกลับมาสู่วิถีธรรมชาติ




เดินหน้าเผยแพร่แนวคิดพิชิตโรค
เมื่อค้นพบวิธีที่สามารถทำให้หายจากโรคร้าย ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งนอกจากจะเป็นวิธีที่ง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังเห็นผลอย่างรวดเร็ว
ด้วยจิตวิญญาณของความเป็นหมอที่อยากเห็นคนไข้หายป่วยและกลับมามีสุขภาพที่ดี คุณหมอบุญชัยจึงตั้งใจที่จะเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวให้แก่คนไข้และบุคคลทั่วไป ทั้งโดยการบรรยายให้แก่หน่วยงานและโรงพยาบาลต่างๆ และการเขียนหนังสือเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้แบบง่ายให้ผู้ที่สนใจนำไปปฏิบัติ
“ปกติผมจะมีคอร์สบรรยายเรื่องการรักษาโรคโดยไม่ต้องใช้ยา แต่ใช้วิธีปรับการใช้ชีวิต ผมจัดเป็นหลักสูตร แล้วก็เอาหลักสูตรที่ได้มาเขียนลงหนังสือ เอาความรู้ที่ได้มาสอนคนอื่นต่อ ก็มีองค์กรใหญ่ๆติดต่อเข้ามาเยอะ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารออมสิน การประปานครหลวง บริษัทปูนซิเมนไทย บริษัทการบินไทย ผมอบรมไปเกือบหมื่นคนแล้ว ผมไปบรรยายตามโรงพยาบาลที่ต้องการให้จำนวนคนไข้ลดลง เช่น ที่โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลศูนย์สระบุรี โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี
คนไข้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของผมแล้วมีเยอะมาก คือถ้าปฏิบัติจริงจังต้องเห็นผลทุกราย จากสถิติคนที่ผ่านการอบรมในคอร์สของผมเนี่ย สามารถปฏิบัติอย่างจริงจังและได้ผลเต็มที่ประมาณ 30 % ปฏิบัติได้พอประมาณและได้ผลดี ประมาณ 40% ส่วนที่เหลืออีก 30% ก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม เลยไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร คือหลักสูตรของผมนั้นไม่ใช่ว่าเอายาลูกกลอนไปกิน 10 หม้อแล้วหาย แต่มันคือหลักสูตรการเปลี่ยนชีวิตคน” นพ.บุญชัยกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

ขอเพียงมีศรัทธาต่อชีวิต โรคร้ายก็หายได้
คุณหมอบุญชัยยังได้กล่าวตบท้ายให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยทุกคนว่า ขอเพียงมีศรัทธาก็สามารถหายจากโรคร้ายและกลับมามีชีวิตใหม่ได้แน่นอน




“ถ้าไม่เป็นโรค เราก็ไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ผมโชคดีที่ผมเป็นโรคที่เราวัดได้ว่าเปลี่ยนแปลงตัวเอง 10 ข้อแล้วเห็นผล มันก็เกิดกำลังใจ เกิดการเรียนรู้ เกิดการค้นคว้าจนได้คำตอบ
ผมจึงอยากให้ผู้ป่วยทุกคนมีศรัทธาต่อชีวิต มีความหวัง โรคทุกโรคเนี่ยะถ้าเรามีความเชื่อว่าเราจะหาย มีพลัง มีความมุ่งมั่น เราก็มีโอกาสหาย และถ้าเราปฏิบัติตามวิธีที่ถูกต้องเราก็สามารถหายได้
เพราะว่าร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งประดิษฐ์ทางธรรมชาติที่วิเศษที่สุด เพราะมันฟื้นฟูตัวเองได้ มันแก้ไขอาการเจ็บป่วยได้ด้วยตัวเอง ขอเพียงแต่อย่าเอาจิตเราไปขวางมัน เราเพียงแต่เติมเต็มสิ่งที่จะเสริมสร้างร่างกายเรา เช่น อาหาร น้ำ อากาศ อย่างถูกต้อง พวกนี้ก็จะเป็นวัตถุดิบที่จะไปสร้างร่างกายเรา ขบวนการซ่อมตัวเองจะเกิดขึ้น”





ข้อห้ามปฏิบัติ 5 ข้อ

1. ห้ามจินตนาการเชิงลบ เนื่องจากจิตใต้สำนึกเป็นตัวควบคุมพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ดังนั้น ไม่ว่าคิดบวกหรือคิดลบก็ล้วนมีผลต่อร่างกายทั้งสิ้น ดังนั้น หากเราจินตนาการเชิงลบจะก่อให้เกิดความเครียด อารมณ์ร้าย ซึ่งจะเป็นผลลบต่อร่างกาย

2. ห้ามอ้วน เนื่องจากความอ้วนเป็นบ่อเกิดแห่งโรค ซึ่งเราจะพบว่า คนสมัยก่อนนั้นใช้ชีวิตตามป่าเขา หากินตามวิถีธรรมชาติ มีโอกาสได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงไม่อ้วนเหมือนผู้คนในปัจจุบัน ทำให้คนสมัยก่อนไม่ค่อยเป็นโรค

3. ห้ามรับประทานน้ำตาล รวมถึงขนมและอาหารที่ใส่น้ำตาล เนื่องจากความจริงแล้วอาหารที่เราได้จากธรรมชาตินั้นมีแป้งและน้ำตาลอยู่แล้ว ซึ่งน้ำตาลตามธรรมชาตินั้นมีสัดส่วนที่พอดีและเหมาะกับร่างกาย แต่ปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่ติดหวาน เพราะเคยชินกับการเติมน้ำตาลในอาหารมาก จึงทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลมากกว่าที่ควรจะเป็น และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆตามมา

4. ห้ามรับประทาน Trans Fat หรือไขมันที่ผ่านความร้อน เพราะเมื่อไขมันผ่านความร้อน ไอน้ำในอากาศจะแตกตัว ทำให้ไฮโดรเจนในโมเลกุลของไอน้ำเข้าไปฝังตัวอยู่ในคาร์บอนของไขมันชนิดที่ไม่อิ่มตัวและดึงไขมันอิ่มตัวขึ้นมา ซึ่งไขมันอิ่มตัวนี้เรียกว่า Trans Fat มักอยู่ในของทอด โดยคนที่กินอาหารทอดมากๆ มักเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด

5. ห้ามรับประทานสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หมู วัว แพะ แกะ ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ เนื่องจากหากศึกษาจากโครงสร้างจะพบว่ามนุษย์เป็นสัตว์กินพืช โดยฟันของมนุษย์เป็นฟันแบบตัดซึ่งเหมาะกับการบดเคี้ยวพืช แต่เนื้อสัตว์ใหญ่จะมีลักษณะเหนียวเกินกว่าฟันมนุษย์จะบดเคี้ยวได้

นอกจากนั้น ลำไส้ของมนุษย์ยังมีลักษณะยาวมาก ทำให้เนื้อที่เหนียวและต้องใช้เวลาย่อยหลายวันไปเน่าอยู่ในลำไส้ จึงเกิดเชื้อแบคทีเรียและสารพิษตามมา




ข้อควรปฏิบัติ 5 ข้อ

1. เน้นการกินพืชผักผลไม้ ซึ่งเป็นอาหารตามวิถีดั่งเดิมของมนุษย์ ในปริมาณครึ่งหนึ่งในแต่ละมื้ออาหาร โดยเน้นผักผลไม้ที่ไม่หวานจัด และไม่ผ่านความร้อนหรือการปรุงสุก เนื่องความร้อนจะไปทำลายวิตามิน เอนไซม์ และสารต่างๆที่มีลักษณะเป็นยา หากทำได้ทุกมื้อก็จะเป็นเหมือนยาอายุวัฒนะ

2. กินข้าวที่ไม่ผ่านการขัดสีและยังมีจมูกข้าวเหลืออยู่ เพราะจะทำให้ได้สารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดปริมาณข้าวและคาร์โบไฮเดตลงตามลำดับ เนื่องจากจริงๆข้าวและคาร์โบไฮเดตไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ แต่วิวัฒนาการทางวัฒนธรรมทำให้เราหันมาบริโภคข้าวและคาร์โบไฮเดตจนเกิดความเคยชิน และกลายเป็นการบริโภคเกินความจำเป็น

3. ออกกำลังกายวันละครึ่งชั่วโมง โดยออกกำลังกายในระดับที่เหงื่อออก หัวใจเต้นแรง ได้หอบหายใจ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายขับพิษออกหลายๆทาง ระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองจะทำงาน ซึ่งระบบหมุนเวียนน้ำเหลืองนั้นเป็นระบบป้องกันโรคที่สำคัญของมนุษย์
นอกจากนั้น ขณะที่หอบหายใจนั้น ร่างกายจะเอาอากาศออกจากปอดได้ทั้งหมด ทำให้อากาศที่อยู่ในปอดสะอาดและมีปริมาณออกซิเจนสูง

4. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงการนอนหลับที่ดีที่สุดคือช่วง 22.00-02.00 น. เนื่องจากช่วงดังกล่าวร่างกายจะผลิตเมลาโพนินฮอร์โมนออกมา ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เราง่วง พอหลับสนิทร่างกายก็จะหลั่งโกรทฮอร์โมนออกมาอีกตัวหนึ่ง ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโต ถ้าเป็นผู้ใหญ่จะทำให้เกิดการซ่อมสร้างในเวลาที่รวดเร็ว

5. การมีจินตนาการเชิงบวก คือการจะให้ร่างการมีสุขภาพดี เราจะต้องมีจินตนาการเชิงบวกต่อสุขภาพ ทำให้ชีวิตเรามีความสุข สุขภาพดี แข็งแรง ร่างกายจะเป็นไปตามที่เราคิด ถ้าเราเครียดร่างกายเราก็จะอ่อนแอ จิตใต้สำนึกมันส่งผลต่อร่างกาย


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 148 เมษายน 2556 โดย กฤตสอร)
//www.manager.co.th/Dhamma/ViewNews.aspx?NewsID=9560000039388



นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ เอาชนะ 6 โรคร้าย โดยไม่ต้องพึ่งยา ด้วยวิถีธรรมชาติ หลัก 5 ห้าม 5 ต้อง

นมถั่วขาว+แก่นตะวัน ปั่นเป็นนมดีมาก ดีช่วยบล็อค ช่วยลดความอ้วน
นมอัลมอลต์ดีมาก นมข้าวโพดก็ดี
ควรทานถั่วหลายๆชนิดมาปั่นด้วยกัน
ข้าวไรซ์เบอรี่ดีสุด
กินอาหารประเภทผักผลไม้ ทำให้ไตฟื้น เพราะมีเอนไซต์อยู่ เซลย์ตายไปแล้วฟื้นเลย ค่าไตดีขึ้น พวกไตวายกินเดือนเดียวเห็นผล


https://www.youtube.com/watch?v=PEM9byafde0





ตัวอย่างอาหาร

//topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/03/D11795784/D11795784.html




ในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีผู้คนส่งต่อกันมากมายจนเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เป็นเรื่องของคุณหมอท่านหนึ่ง ที่ท่านป่วยเป็นโรคร้ายแรง 6 โรค จากนั้นท่านก็ทำการค้นคว้าด้วยหลักวิทยศาสตร์ ด้วยความรู้ต่างๆ แล้วก็ค้นพบว่า คนเราสามารถหายป่วยจากโรคร้ายนี้ได้ด้วยวิธีการที่เป็นธรรมชาติ โดยไม่ได้ใช้ยาเลย เพียงแต่ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตเท่านั้น

คุณหมอท่านนี้ คือ นายแพทย์บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ที่ก่อนหน้านี้ต้องเผชิญกับโรคร้ายรุมเร้าถึง 6 โรค ทั้งเบาหวาน ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง โรคอ้วน โรคตับอักเสบเรื้อรัง และโรคเม็ดเลือดแดงมากผิดปกติ ซึ่งฟังดูแล้วหากเป็นคนทั่วๆ ไป ก็จะไปพบแพทย์ จากนั้นแพทย์ก็จะเริ่มวิธีการรักษาด้วยการให้ยา ฉีดยา ผ่าตัด หรือแล้วแต่วิธีการรักษาโรคนั้นๆ

แต่ด้วยประสบการณ์ทางการแพทย์ที่สั่งสมมา ทำให้เขารู้ว่าวิธีรักษาด้วยการแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่สามารถรักษาโรคเหล่านี้ได้หายขาด จะทำได้ก็เพียงบรรเทาอาการเท่านั้น





การดูแลตัวเองด้วยวิธีธรรมชาติจึงถูกนำมาใช้ โดยคุณหมอเริ่มตั้งแต่การปรับเปลี่ยนอาหารการกิน ที่เปลี่ยนไปเลือกทานแบบไม่ฝืนธรรมชาติของมนุษย์ รวมไปถึงการดูแลสภาพจิตใจให้มีความสุข จนคุณหมอสามารถขจัดโรคทั้ง 6 ได้ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือนอย่างน่าอัศจรรย์ โดยคุณหมอยังได้ให้คำแนะนำที่น่าสนใจ ที่สรุปได้ดังนี้

1.กินผักสด ผลไม้สด ให้ได้ครึ่งหนึ่งของความอิ่มในแต่ละมื้อ ซึ่งการกินพืชผักผลไม้ ที่ไม่ผ่านการปรุงสุกด้วยวิธีการใดๆ เป็นไปตามวิถีการกินแบบดังเดิมของมนุษย์ โดยกินให้ได้ครึ่งหนึ่งของมื้ออาหาร และเคี้ยวให้ละเอียด เพื่อให้ร่างกายได้รับเอ็นไซม์ที่มีประโยชน์ เปรียบได้กับการกินยาทุกมื้อ

2.ลดการบริโภคน้ำตาล โดยพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ มีน้ำตาลอยู่ในเลือดเพียงครึ่งช้อนชา และร่างกายก็สามารถผลิตน้ำตาลในปริมาณที่เพียงพอได้อยู่แล้ว หากได้รับเข้าไปเพิ่มอีกในปริมาณมากกว่าที่ควรจะเป็น ก็เปรียบได้กับการกระตุ้นให้ร่างกายทำงานหนัก จนเกิดโรคตามมา

3.กินข้าวกล้อง ให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ โดยผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรลดการบริโภคข้าวใน 1 มื้อลงตามลำดับ โดยอายุ 30 ปีขึ้นไป ตักข้าว 2 ทัพพี อายุ 40 ปีขึ้นไป ตักข้าว 1 ทัพพีครึ่ง อายุ 50 ปีขึ้นไป ตักข้าว 1 ทัพพี และอายุ 60 ปีขึ้นไป ตักข้าวเพียงครึ่งทัพพีก็เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายแล้ว

4.ไม่บริโภคไขมัน Transfat หรือไขมันที่ผ่านความร้อนแล้ว ซึ่งเป็นอันตรายกับร่างกาย ให้หันไปบริโภคไขมันดิบ เช่น น้ำมันมะกอกดิบ หรือน้ำมันมะพร้าวดิบ

5.กินสัตว์น้ำจำพวกปลา หอย กุ้ง แทนหมู เนื้อ เพราะหมูหรือวัวมักได้รับการฉีดสารเร่งโต หรือสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งยังคงมีสารตกค้างมาสู่ผู้บริโภค

6.ดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัว นมถั่วเหลืองเป็นทางเลือกที่ดี ที่ทำให้ร่างกายได้รับโปรตีนที่ได้จากธัญพืช แทนที่นมวัวที่ได้จากสัตว์ ที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ด้วย

7.ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพียงวันละครึ่งชั่วโมง จะทำให้ร่างกายได้ขับของเสียออกมากับเหงื่อ ลดการทำงานของไตได้

8.การนอนพักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการนอนคือ 22.00 - 02.00 น. ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโตนินออกมา เพื่อบังคับให้เราง่วงนอน เมื่อเราหลับร่างกายจะหลั่งโกรทฮอร์โมนที่ช่วยในการซ่อมแซมร่างกายด้วย

9.บริหารจิตใจ การคิดบวกหรือคิดลบ ต่างส่งผลต่อร่างกายของเราทั้งสิ้น ถ้าหากเราควบคุมไม่ให้จิตปรุงแต่งไปในทางด้านไม่ดี ไม่จินตนาการไปในเชิงลบ ร่างกายก็จะได้รับผลดีตามไปด้วย


BUGABOO NEWS




พิชิตโรคร้ายโดยไม่ใช้ยา นายแพทย์ บุญชัย อิศราพิสิษฐ์

https://www.youtube.com/watch?v=-ET4VxQDBGc







อาหารเปลี่ยนชีวิต !

โรคภัยไข้เจ็บของเราทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น โรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน หัวใจ หลอดเลือด โรคไต โรคอ้วน โรคตับ ฯลฯ ล้วนเกิดจากการใช้ชีวิต และอาหารการกินของเราทั้งสิ้น ดังคำกล่าวที่ว่า "You are what you eat" เมื่อการกินทำให้เกิดโรคได้ การกินก็ต้องรักษาโรคได้เช่นกัน #การกินอาหารให้ถูกต้องเปรียบเสมือนการกินยาจากธรรมชาติที่ดีที่สุดนั่นเอง!

คนมากมายที่ป่วยสารพัดโรคฮิต แต่หายป่วยได้โดยไม่ต้องผ่าตัดหรือใช้ยาเลย ทั้งยังกลับมามีสุขภาพที่แข็งแรง ด้วยการปฎิวัติรูปแบบการใช้ชีวิตและอาหารการกิน คือใช้โภชนาบำบัดและธรรมชาติบำบัดรักษาทุกโรค ยกตัวอย่างเช่น

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ หมอโรคหัวใจ ผ่าตัดหัวใจคนไข้มามากกว่า 2,000 ราย แต่มาป่วยเป็นโรคหัวใจเอง ปัจจุบันทำงานเฉพาะด้านเวชศาสตร์ครอบครัว มีหน้าที่สอนให้คนไข้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้ห่างไกลโรค

นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ หมอที่เคยถูกโรคร้ายรุมเร้าถึง 6 โรค ทั้งโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ตับอักเสบรุนแรง และปริมาณเม็ดเลือดแดงมากเกินไป ปัจจุบันเป็นเจ้าของเมืองสุขภาวะดี (Wellness City) ที่อยุธยา สถานที่ฟื้นฟูสุขภาพและที่พักวัยเกษียณคุณภาพระดับโลก

นพ.นิพันธ์พงศ์ พานิช (หมอต้น) เคยมีปัญหากระดูกสันหลัง หมอแนะนำให้ผ่าตัด มิฉะนั้นจะเป็นอัมพาต ปัจจุบันเป็นแพทย์ทางเลือก สอนการรักษาโรคด้วยสมุนไพรวิถีไทย

อ.ไพโรจน์ อรรคสีวร เคยป่วยทั้งตัว ร้อยกว่าอาการ ได้แก่ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย เบาหวาน โรคไตเสื่อม สมองเสื่อม กระดูกพุ ไวรัสตับบี ฯลฯ ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนธรรมชาติบำบัด และเขียนหนังสือ “กิน-อยู่ เพื่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่า”




องค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนว่า คนเราเกิดโรคจาก
(1) รูปแบบการดำรงชีวิตที่ไม่เหมาะสม
(2) กินอาหารที่ไม่สมดุล



อาหารที่เรากินนั้น หากจะถามว่า เรากินอาหารเพื่ออะไร? คำตอบที่ได้ คือ...

(1) เพื่อการมีชีวิตอยู่
(2) เพื่อป้องกันโรค
(3) เพื่อรักษาโรค

การดำรงชีวิตในปัจจุบันนี้ อาหารที่ขายกันอยู่ในท้องตลาด เกือบทั้งหมดเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และนำพาโรคภัยไข้เจ็บมาสู่ผู้บริโภค เราจึงสะสมสิ่งที่เป็นโทษและอันตรายต่อร่างกายมาตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ตัว

เมื่อยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่ร่างกายยังแข็งแรงอยู่ เพราะยังมีสารอาหารสะสมอยู่ในกระดูกและกล้ามเนื้อ การกินอาหารที่เป็นโทษอาจยังไม่ส่งผลต่อสุขภาพทันที เพราะร่างกายจะปรับสมดุลเองโดยอัตโนมัติ โดยการไปดึงสารอาหารมาจากกระดูกและกล้ามเนื้อตามลำดับ

แต่เมื่อใดที่สารอาหารเหล่านั้นถูกใช้หมดไป ร่างกายไม่สามารถปรับสมดุลได้แล้ว โรคภัยไข้เจ็บต่างๆจึงเริ่มทยอยปรากฏให้เห็น จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นกับว่า เราได้กินมันมายาวนานและมากมายแค่ไหนนั่นเอง

เลยไม่ต้องสงสัยแล้วว่า ทำไมทุกวันนี้ โรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคฮิตต่างๆเหล่านี้ จึงทยอยปรากฏขึ้นกับคนมากมาย รวมทั้งคนรอบๆตัวเรา จนแทบจะกลายเป็นความเคยชิน





อาหารที่เป็นต้นเหตุของโรค หากหลีกเลี่ยงได้ จะไม่มีโอกาสเป็นโรคยอดฮิตเหล่านี้เลย คือ

1 ไขมันทรานส์ (Trans fat) เป็นกรดไขมันจากการแปรรูปไขมันไม่อิ่มตัว ได้แก่ น้ำมันพืชผ่านกรรมวิธี มาการีน เนยเทียม ไขมันเทียม ครีมเทียม ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคอ้วน หัวใจ หลอดเลือด ความดัน อัมพฤกษ์ อัมพาต มะเร็ง ฯลฯ
ควรเปลี่ยนมาบริโภคน้ำมันชนิดอิ่มตัวแทน เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันหมู น้ำมันไก่ เป็นต้น

2 น้ำตาลทรายขาว (Refined sugar) รวมถึงสารให้รสหวานที่ผ่านกรรมวิธี เช่น น้ำตาลทรายสีน้ำตาล ไซรัป น้ำตาลเทียม ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคเบาหวาน โรคอ้วน ความดัน โรคไต มะเร็ง ฯลฯ

ควรเปลี่ยนมาบริโภคน้ำตาลจากธรรมชาติแทน เช่น น้ำตาลทรายแดง (โอ๊วทึ้ง) น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลโตนด เป็นต้น

3 แป้งขัดขาว (Refined carbohydrate) ได้แก่ ข้าวขาว แป้งขาว ก๋วยเตี๋ยวเส้นขาว ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคไต ฯลฯ

ควรเปลี่ยนมาบริโภคข้าวและแป้งที่ไม่ผ่านการขัดสีและฟอกขาวแทน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวแดง ข้าวหอมนิล เส้นก๋วยเตี๋ยวข้าวกล้อง เป็นต้น

4 สารปรุงแต่งสังเคราะห์ (Food additives) ได้แก่ ผงชูรส ผงฟู สารกันบูด วัตถุกันเสีย สีสังเคราะห์ ฯลฯ
ต้นเหตุ : โรคไต โรคตับ มะเร็ง ฯลฯ

ควรเปลี่ยนมาบริโภคสารปรุงแต่งที่ผลิตจากธรรมชาติแทน เช่น เกลือสมุทร (เกลือแกง) เป็นต้น

5 สารเคมีและยาฆ่าแมลง (Pesticides) ได้แก่ สารอันตรายที่ปนเปื้อนอยู่ในผัก ผลไม้ และอาหาร ต้องล้างให้สะอาด หรือกินผักปลอดสารพิษ หรือผักออแกนิกส์แทน
ต้นเหตุ : โรคมะเร็ง โรคตับ โรคไต ฯลฯ



การบริโภคอาหารก่อโรคทั้ง 5 ประเภทนี้ ทั้งการบริโภคโดยตรง หรือบริโภคผ่านอาหารสำเร็จรูปที่ผลิตจากอาหารดังกล่าว ได้แก่ ฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน เบเกอรี่ น้ำอัดลม น้ำผลไม้กระป๋อง ฯลฯ
ล้วนเป็นสาเหตุของโรคฮิตต่างๆ เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไต อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคตับ เป็นต้น




ร่างกายที่แข็งแรงต้องมีสภาวะกรดด่างที่สมดุล คือเลือดมีค่า pH ในช่วง 7.35-7.45 (เป็นด่างเล็กน้อย) หากมีการเปลี่ยนแปลง pH ในเลือดเพียงเล็กน้อย จะมีผลต่อการทำงานและอาการที่ผิดปกติของร่างกาย ทั้งนี้เชื้อโรคและเซลล์มะเร็งจะเจริญเติบโตได้ดีมากในสภาวะเลือดที่เป็นกรด (pH ต่ำกว่า 7) เมื่อใดที่เลือดเป็นกรดนานเกินกว่า 21 วัน ร่างกายจะมีอาการป่วยเกิดขึ้น ในสภาวะที่ร่างกายแข็งแรงและสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายในจำนวนที่ไม่มากจนเกินไป ร่างกายจะสามารถปรับสมดุลและขับของเสียได้เองโดยอัตโนมัติ

ดังนั้น เราควรเลือกกินอาหารที่เป็นด่างให้ได้ในสัดส่วน 70-80% เพื่อให้ได้ความเป็นด่างมากกว่ากรด และได้รับสารอาหารที่ครบ 5 หมู่ อาหารจากธรรมชาติแทบทั้งหมดจะมีสภาวะเป็นด่าง ส่วนอาหารก่อโรคที่ผ่านกรรมวิธีแปรรูปตามที่กล่าวมาข้างต้น มีสภาวะเป็นกรดทั้งสิ้น

ข้อมูลอ้างอิงจาก :
นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ หมอโรคหัวใจ ผ่าตัดหัวใจ
นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ เป็นเจ้าของเมืองสุขภาวะดี (Wellness City) ที่อยุธยา
นพ.นิพันธ์พงศ์ พานิช (หมอต้น) ปัจจุบันเป็นแพทย์ทางเลือก
อ.ไพโรจน์ อรรคสีวร เป็นอาจารย์สอนธรรมชาติบำบัด
นพ.เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์ ผู้เชี่ยวชาญโภชนาการเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย
นพ.มงคล แก้วสุทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
อ.สาทิส ปั้นชีวิตใหม่ด้วยชีวจิต นสพ.ไทยรัฐ
คุณชัย ปฐมรัตน์ “คุณก็สมดุลได้” กรดด่างในเลือด //www.siamdara.com
//www.trans4mind.com

//pantip.com/topic/32813552




พิชิตโรคร้ายโดยไม่ใช้ยากับ นพ บุญชัย อิศราพิสิษฐ์


https://www.youtube.com/watch?v=Bq8KX4mic9Y









Create Date : 12 พฤษภาคม 2558
Last Update : 12 พฤษภาคม 2558 13:47:32 น. 0 comments
Counter : 6850 Pageviews.

ใจรัก Jairuk Channel
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 91 คน [?]








ติดตามดูต่อที่YouTube

ใจรักJairukChannel



ติดตามดูต่อที่Facebook

ใจรักJairukChannel



แนะนำให้ชม

บัวหิมะ
บัวหิมะ
วิธีเลี้ยงบัวหิมะ
เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
ติดอันดับTOP Page Views
อาหารและการดูแลสุขภาพ ผู้ป่วยมะเร็งและคนทั่วไป
เที่ยวขอนแก่น
Michael Jackson
คอนเสิร์ตบอย Peacemaker
คลิปเจ้าขุน
การกลับมาของX Japan

ท่องเที่ยว

UFOที่เคยเห็น
บั้งไฟพญานาคที่ไปดูมา
หาดใหญ่และปัตตานี
ไข่มุกอันดามัน
อะ พีพี
เกนติ้ง
กัวลาลัมเปอร์
หาลิงเข้าถ้ำทะเลภูเขาเลยจ้า นอนดูหมอกที่ปราจีนบุรี
เที่ยวปราจีนบุรีต่อ
เลยจะถึงไหมละนี่
พักค้างแรมที่เลย
เลยจนเกือบถึงลาว
ขุดกรุเขื่อนป่าสัก
บึงแก่นนคร ขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
เดินทางไปลพบุรี
กินข้าวอิงภูชัยภูมิ
ลาว เวียงจันทร์
ลาว2
ปิดทริปเที่ยวลาว
ล่องเรือเจ้าพระยา
รถไฟลอยฟ้า ฟ้า ไทย
รถไฟใต้ดินไทย
ทะเลน้ำจืดหาดวังโกขอนแก่น บ้านปราสาทโคราช
วังน้ำเขียวโคราช
ชอปปิ้งหนองคาย
ตัวเมืองขอนแก่น
น้ำผุดทับลาว ชัยภูมิ
สนามหลวง2
ไปดูงานศิลป
สายน้ำกับปลาที่ไปปล่อย
งานExpro
เขื่อนอุบลรัตน์
เที่ยวป่าวัดพรไพรวัลย์
ล่องแพอ่างเก็บน้ำห้วยไร่
ทะเลหมอกภูพานน้อย
วัดเจดีย์ชัยมงคล
ครั้งหนึ่งที่เคยโบกรถ
น้ำหนาว,เพชรบูรณ์
พระพุทธชินราช,พระธาตุลำปางหลวง
น้ำพุร้อน,วัดร่องขุ่น
มหาลัยแม่ฟ้าหลวง,น้ำตกก้างปลา
เวียงแก่น,ภูชี้ฟ้า
ดอยแม่สลอง
อุทยานฯขุนแจ
สวนโลกราชพฤกษ์
วัดเจดีย์7ยอด,วัดเจดีย์หลวง
ดอยสุเทพ,ทุ่งสแลงหลวง
โครงการครูบ้านนอก
วัดหลวงพ่อโตใหญ่ที่สุดในโลก
ที่พักปากช่อง
เลย-ลาว-ท่าลี่
ถึงระยองแล้วจ้า
ทะเลตอนเช้า
งานเที่ยวภาคใต้






Friends' blogs
[Add ใจรัก Jairuk Channel's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.