<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
14 สิงหาคม 2550

ว่าด้วยเรื่องภาษาอังกฤษที่ใครๆ ก็ว่าง๊ายง่าย



*ลัวฝรั่ง กลัวฝรั่ง ... กลัวการได้พูดภาษาอังกฤษแล้วเค้าไม่เข้าใจ กลัวการถูกถาม เพราะถามแล้วจะอ้ำ ๆ อึ้งๆ เรียกว่ากลัวไปหมดจนเรียกว่าวิตกจริตล่ะค่ะ กลัว กลัว กลัว และกลัว สารพัดจะกลัว... ใครบ้างที่รู้สึกอย่างนี้ ยกมือขึ้น!!!

ถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นว่ามีคนยกมือกี่คน แต่ก็เอาเป็นว่ารู้สึกได้บ้างเหมือนกันค่ะว่า ความกลัวที่จะได้พูดภาษาอังกฤษนั้นมันต้องมีแน่ๆ เพราะฉันเองก็เป็น พูดแล้วเลยนึกถึงเมื่อก่อนนี้จริงๆ ค่ะ

เมื่อก่อนนี้แถวบ้านที่ฉันอยู่จะมี guesthouse เจ้าหนึ่งตั้งอยู่ ถึงแม้จะไม่ติดกันนักแต่ก็อยู่ในละแวกถนนเดียวกัน ฝรั่งเดินผ่านไปผ่านมาก็เป็นต้องได้เดินผ่านบ้านฉันเป็นประจำ ที่บ้านมีรั้วรอบขอบชิดแต่ก็ไม่ได้ปิดแบบทึบสนิทเพราะว่ารั้วเป็นลูกกรงและไม้เป็นซี่ๆ ธรรมดาที่เราเห็นกันทั่วไป ทีนี้ไม่รู้ด้วยเพราะบ้านดูแปลกตาหรือยังไง เวลาฝรั่งเดินผ่านไปมาชอบหยุดแล้วก็ชอบถ่ายรูป อาจจะเพราะช่วงก่อนหน้ามีต้นไม้แปลกๆ ลงไว้หน้าบ้านเอาไว้ กระถางสวยๆ ก็มีเรียงรายอยู่เต็ม เรียกว่าเหมือนสวนดอกไม้ย่อมๆ ( ซึ่งตอนนี้ไม่เหลือแล้วล่ะ ) ฝรั่งก็ชอบมอง



บ้างก็หยุดดูเฉยๆ แต่ว่าบ้างก็หยุดถ่ายรูป วันไหนถ้าพ่ออยู่ล่ะก็เป็นจะได้บังคับให้ฉันเสนอหน้าเข้าไปคุยทุกที โดยหารู้ไม่ว่าลูกสาวตัวดีนี่ล่ะกลัวมาก ไม่อยากไป อยากวิ่งหนีให้ไกลสุดกู่ แต่เหมือนยิ่งกลัวก็ยิ่งเจอเพราะฉันเองจะเจอบ่อยเลยประเภทที่อยู่ผิดที่ แล้วไอ้ผิดที่ที่ว่าก็จะเจอฝรั่งซะงั้น บางทีก็เข้ามาถามจะไปที่นี่ได้ยังไง ไปรถอะไร สารพัดคำถามจะมา แต่ถึงจะเจอแบบนี้บ่อยๆ ก็อย่าหวังว่าฉันจะชินนะ เพราะมันไม่ชินเลยค่ะ เพราะว่ายังไงก็กลัวเหมือนเดิมแหละ


จนเมื่อเข้าระดับอุดมศึกษามันก็ต้องมีการเรียนภาษาอังกฤษ 4 ตัว และทั้ง 4 ตัวนี่ก็จะเจออาจารย์ฝรั่งอีก ครูเองก็ไม่ได้สอนอะไรที่แตกต่างจากครูชั้นมัธยมเลย เพราะก็สอนเรื่อง Tense ที่ดูเหมือนว่าผันให้เข้ากับเหตุการณ์ทีไรก็เป็นทำให้ฉันปวดหัวทุกที มีเรื่องแอบขำกันในห้องเรียนเพราะฉันทำเด๋อมาแล้วด้วย ที่เจอการผันกริยา 3 ช่องธรรมดาๆ ของคำว่า understand เป็น understanded มาแล้วเลยคิดดู ... แต่ฉันยังพอถูไถเอารอดอยู่ แต่นั่นมันก็เฉพาะในห้องหรอกนะคะ แต่อย่างอื่นๆ นั้นไม่หรอกค่ะ ยังเหมือนเดิม คือ Keep-ภาษาได้ห่วยแตก



ครูสอนภาษาอังกฤษสงสัยล่ะว่าทำไมหนอคนไทย เรื่อง Tense นี่แน่นปึ๊กแต่ทำไมถึงไม่กล้าพูด แน่นอนค่ะว่าคนไทยเราอายกับการได้พูด แล้วยิ่งพูดผิดก็หัวเราะกันด้วย ตรงนี้ล่ะคะ เลยเป็นเหตุว่าทำไมถึงไม่ค่อยอยากพูดภาษาอังกฤษ เพราะอายกับการได้พูดผิดๆ นั่นเอง


สำหรับคนอื่นนั้นฉันไม่รู้ล่ะว่าเค้ามีหลักการอะไรในการหัดเรียน แต่ฉันน่ะชอบดูหนังเพราะฉะนั้นการเรียนภาษาอังกฤษที่ดีของฉันก็เลยได้หนังนี่ล่ะคะเป็นตัวช่วย ไม่รู้จะเรียกได้ว่าหนังอย่างเดียวหรือเปล่าเพราะว่าตั้งแต่เริ่มจะแอ็กการดูหนังฝรั่งให้มากขึ้น เพลงฝรั่งก็ชอบมากขึ้นด้วย เรียกว่าฟังมันทุกวัน ฟังมันเรื่อยๆ ลองหัดแปล หัดตีความ เอ้อ ก็ได้แบบงูๆ ปลาๆ ล่ะค่ะ แต่ก็ยังดีว่าเรายังสามารถก้าวหน้าได้กว่าเดิมไป ...


มาปัจจุบันนี้ก็ต้องบอกกันเลยค่ะว่าภาษาไม่ได้เก่งหรือว่าคล่องอะไรหรอกค่ะ แต่ถือว่าเรากล้าพูดมากขึ้น ไอ้พูดผิดนั่นเหรอแน่นอนว่ามีอยู่แล้วค่ะ เพราะมันไม่ได้เป็นภาษาพ่อ ภาษาแม่เราหนินา พูดไปเหอะค่ะ เพราะถือว่าผิดเป็นครูและถ้าผิดก็รอให้เจ้าของภาษาเค้าแก้ให้ตอนนั้นเลยดีกว่าเพราะยังไงมันจำได้ดีกว่าด้วยน่ะค่ะ (แก้ไขภาษาให้ถูกต้องนะค่ะ ไม่ใช่แก้ผ้า)











เมื่อวันก่อนตอนเย็นๆ ขับรถไปกับคนข้างๆ ... ตั้งใจจะไปทำธุระซื้อของเข้าบ้าน ขับออกมาจากบ้านไม่ทันไรก็เจอฝรั่งเก้ๆ กังๆ สองคนยืนถือหนังสือท่องเที่ยวอยู่ริมถนน แต่ตอนนั้นเราจอดรถไม่ได้เพราะว่าถนนมันแคบแล้วรถก็สวนมาจากอีกฝั่ง เราเลยขับผ่านเค้าไป แต่หันไปมองด้านหลัง เค้าก็กำลังถามคนแถวนั้นแต่รู้แน่ว่าคนถูกถามไม่รู้แน่ เพราะว่าเห็นเอามือเกาหัวแกรกๆ หน้างี้เบ้แล้วเบ้อีก และที่ทำให้รู้แน่ก็คือ ฉันรู้จักคนถูกฝรั่งถามด้วยสิ 555 ผลก็คือ คนข้างๆ ขับรถย้อนวนกลับมา แล้วก็บอกว่า อยากช่วยเค้าเต็มแก่ เพราะถือว่าช่วยกันแล้วได้บุญ และก็คิดว่า แล้วเผื่อเราไปเที่ยวที่ไหนสักที่ แล้วเราเกิดหลง แล้วเจอคนที่ช่วยเราได้ แนะนำเราได้นี่คงจะดีใจ ในกรณีนี้ก็เหมือนกันเมื่อช่วยได้ก็ต้องช่วยค่ะ น้ำใจ หาได้ไม่ยากนะค่ะ ในเมื่อเราช่วยได้ก็อย่าเพิกเฉยเลย ...

และที่จริงๆ อยากช่วยฝรั่งที่เค้าหลงทาง ไม่รู้ทางไป ก็เนื่องจากว่าฉันกับคนข้างๆ ชอบเที่ยว ไปมาก็หลายทิศ พูดได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็เอาค่ะสู้ๆ เพราะรู้อยู่ว่าหลงก็เป็นประสบการณ์ และหลงทางก็ได้คนดีๆ ช่วยเหลือ อันนี้ประทับใจ เลยคิดว่า ถ้าหากว่าเราได้ช่วยนักท่องเที่ยวอื่นๆ ได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือว่าเป็นน้ำใจอันดีงาม ส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ และก็ความสบายใจของตัวเองเป็นหลักค่ะ (เน๊าะๆๆๆ )


พอเราลงไปถามว่าจะไปไหน เค้าก็บอกเราถึงจุดหมายปลายทาง เราเห็นว่าเป็นวัดแล้วไม่ไกล ก็เลยเรียกเค้าขึ้นรถไปส่งเลย พอสองคนหนุ่มสาวนั่งรถ เค้าก็พูดกันด้วยภาษาดัตช์ว่า “ เอ่อ ดีจัง เจอคนใจดี” ... คนข้างๆ ได้ยิน ก็เลยตอบเป็นภาษาเดียวกันไปว่า “ก็เฉพาะกับคนดัตช์หรอกเน้อ” สองคนหนุ่มสาวก็เลยตกใจ แล้วก็อุทานออกมาว่า

“คนดัตช์หรอกเหรอ”


งานนี้เลยยาวเลยค่ะ เพราะว่าคนข้างๆ หลังจากพาเค้าไปส่งที่วัดแล้ว ก็ยืนรอให้เค้าเดินเที่ยวชมวัดให้เย็นใจ แล้วหลังจากนั้นก็เลยชวนกันไปบิ๊กซี ไปนั่งกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ดกัน

เหตุการณ์เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...เวลาเจอคนบ้านเดียวกันต่างบ้านต่างเมืองนี่เป็นเรื่องดีใจเรื่องหนึ่งได้เลย ยิ่งถ้ามีปัญหาเจอคนพูดภาษาด้วยกันเลยเย็นใจ แต่เอ ทำให้นึกถึงบางคนนะค่ะ พูดภาษาเดียวกับฉัน เป็นคนไทยแน่นอน ที่รู้แน่ๆว่าใช่เป็นคนไทยเพราะพึมพัมพูดไทยตอนจะซื้อของ แต่พอเราเอ่ยปากทักทายกลับพูดภาษาอังกฤษเข้าใส่ซะอีกแน่ะ ...เอ เพราะอะไร เค้ากลัวเราจะไปหลอกเค้าเหรอ หรือว่า

... “เค้าไม่อยากให้รู้ว่าเค้าเป็นคนไทย” ...








Create Date : 14 สิงหาคม 2550
Last Update : 14 สิงหาคม 2550 8:12:18 น. 83 comments
Counter : 1554 Pageviews.  

 
ขอเป็นคนแรกก่อนอ่านค่ะ


โดย: NSY วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:26:23 น.  

 


ดี.มาส่งความสุขยามเช้าค่ะ
ดี.ไม่ค่อยอายนะ

(อ่านทีละนิดนะคะ แว๊บบบบก่อน)

---------->>






โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:28:02 น.  

 


จุ๊บๆ คิดถึงคุณนิดค่ะ อิอิ



...


โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:32:33 น.  

 
สมัยเรียน หนิงเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในวิชาภาษาอังกฤษค่ะ แต่เป็นโรงเรียนบ้านนอกนะคะ ด้วยความที่หนิงเป็นคนค่อนข้างที่จะแสดงออก ต่างจากเด็กบ้านนอกทั่วๆไปที่เหนียมอาย นี่คงเป็นเหตุให้คะแนนในวิชานี้หนิงจะได้ดีกว่าเพื่อนในชั้น ทั้งๆที่ไม่ได้เก่งมากอะไร

แต่พอเอาเข้าจริงๆ มาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เริ่มแรกหนิงมาเรียน ก็มั่นใจตัวเองเสียเหลือเกิน ว่าฉันต้องคุยกับเพื่อนต่างชาติหรือเข้ากับเพื่อนได้เป็นอย่างดี เพราะฉันเก่งภาษาอังกฤษ

แต่เปล่าเลยค่ะคุณนิดรู้ไหม เก่งของหนิงเนี่ยเก่งแบบสำเนียงคนไทยค่ะ คือสำเนียงฝรั่งจะฟังไม่รู้เรื่องนั่นเอง ต้องขอเข้าเรียนคอร์สภาษาอังกฤษเสริมทุกปีการศึกษาเลยเชียวแหละค่ะ

แต่พอหลังจากเรียนจบแต่งงาน สวิสไม่พูดอังกฤษ หนิงก็พูดกับแฟนเป็นภาษาฝรั่งเศสตลอด วันดีคืนดี มีต่างชาติพูดอังกฤษหลงทางมาถามทาง หนิงพูดมั่วเลยค่ะ อังกฤษปนฝรั่งเศสแถมมีไทยด้วย ฮ่วย ไม่รู้ว่าพวกเค้าจะไปถูกทางตามที่บอกไหม อิอิ
การที่เราไม่ได้ใช้ภาษานั้นๆ นานๆก็ทำให้ลืมได้เหมือนกันแฮะ

ปล . คุณนิดถ่ายภาพสวยจังเลยค่ะ เคยชมไปแล้ว แต่ก็ขอชมอีกค่ะ


โดย: NSY วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:37:15 น.  

 


ฝรั่งก็คน คนไทยก็คน
เป็นเพื่อนกันแล้วก็ม่วนแต๊ๆ


โดย: rebel วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:40:06 น.  

 
ไม่อายพูด แต่ตอนมาใหม่ๆๆ ไม่รู้จะพูดไงนะสิ เพราะพูดไม่ได้สักคำเลยพี่..
แต่ทุกวันนี้มาโหลดบ่หย่านเลย ไม่รู้เรื่องก็เดาเอา อิอิ ว่ากันไป อิอิ..
ไม่รู้เรื่องก็บอกมันไปเลย ไอบ่รู้เรื่อง 555555555+

แต่ฝรั่งก็บ้าดีนะ ไปเมืองไทยพูดไทยไม่ได้ แต่ก็ยังคุยกันรู้เรื่อง
เขายังไม่อายและกล้าทีจะถามจะพูด
แล้วคนไทยเราจะอายทำไมกันละค่ะ ว่าไหม..?
เว้าบ่ได้ ก็ใช้ภาษามือเอา ฝรั่งมันเข้าใจง่าย อิอิ

ไม่ว่าใคร ก็คนเหมือนกัน คนไทยก็นคน ฝรั่งก็คน ..

แต่เจอฝรั่งคนหนึ่งพูดไทยได้ เล่นเอาหนูตกกะใจเลย ..
เกือบนิทาเขาไปแล้ว ถ้านินทาเขาไป
คงอายหน้าแตก หมอไม่รับเย็บเลยล่ะค่ะ อิอิ

แวะมาทักทายพี่นิดค่ะ
โม้มากแล้ว ไปล่ะค่ะ อิอิ





โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:48:19 น.  

 
ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว
(แต่ยากเยอะ)..5555+++
สำหรับคนที่ชอบภาษาอังกฤษอยู่แล้ว
ก็คงไม่มีปัญหาเท่าไรนะคะ
แต่คนที่ไม่ชอบและกลัวที่จะพูด
นี่คงยากมาก..จนบางคนอาจเสีย
ความมั่นใจที่จะพูดเลยก็ได้
แต่ถ้าได้ฝึก ได้ใช้อยู่บ่อย ๆ
มินว่ามันไม่มีอะไรซับซ้อนเท่าภาษาไทย
ของเราด้วยซ้ำ..พยัญชนะก็แค่ 26 ตัว
ขยันท่องศัพท์ให้มากเท่านั้นเอง
มินเองก็เคยเจอนะคะ..คนที่เป็นคนไทย
ไปอยู่ที่โน่นแล้วไม่ยอมพูดไทยกับเรา
ที่ไปใหม่ ๆ เลย..แบ่งกลุ่ม..แบ่งพวก
เราเป็นตัวของเราเองหน่ะดีที่สุดค่ะ..


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:53:37 น.  

 
สวัสดีครับ...เป็นอย่างไรบ้าง...คงสบายดีนะครับ

เรื่องแรก..สำหรับเรื่องภาษาอังกฤษเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า ต้องขยันใช้ ขยันฟัง ขยันอ่าน และที่สำคัญทีสุดคือต้องขยันพูด นี่ล่ะ และต้องเป็นประจำ รับรองเก่งแน่ครับ ผมเห็นมาหลายคนแล้ว (นั่นหมายถึงไม่ใช่ตัวผม )

คงเหมือนกันทุกภาษาครับ ..ตอนผมฝึกภาษาฝรั่งเศส ก็ประมาณนี้คือไม่ค่อยพูดกลัวจะผิด...ส่วนเรื่องหลักไวยากรณ์แน่น คะแนนซัก 20 ก็ต้องได้ 18 ล่ะ ส่วนพูดทำพ้น 10 มาได้ก็เต็มที่แล้ว...

แต่ที่สังเกตคนที่รู้จักกัน สาวๆ ที่เรียนภาษามักจะไปได้ดีกว่า อาจจะมาจากที่บรรดาสาวๆ มักจะช่างพูดช่างเจรจา และที่สำคัญเพื่อนๆ เค้าก็อยากคุยด้วย ตรงนี้ผู้ชายเสียเปรียบเล็กน้อยนะ..ไม่รู้เป็นการโดยทั่วไปหรือป่าว

ทั้งนี้ทั้งนั้น ภาษาต้องใช้ ต้องขยันพูด ขยันฟัง ขยันๆๆ รับรอง...(น่าจะ)ดี

เรื่องที่ 2 ดีมากเลยครับ ที่มีความตั้งใจในการช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ด้วยกัน...ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ก็พยายามทำให้ได้มากที่สุดล่ะครับ ยิ่งถ้าตอนอยู่เมืองไทย ถ้าได้ช่วยนักท่องเที่ยวก็เหมือนกับได้ช่วยเหลือประเทศชาติไปด้วยในตัว..คนไทยทุกคนต้องอย่าลืมว่ารายได้หลักของประเทศเราก็มาจากการท่องเที่ยวด้วยนะครับ...ดังนั้นมีโอกาสก็ช่วยๆกันนะครับ ดูแลนักท่องเที่ยว

ผมมีประสบการณ์ประทับใจ ตอนไปสวิสฯ...ตอนนั้นไปกับเพื่อน 2 คน เราก็อยากให้คนมาถ่ายรูปคู่ให้เรา ก็ยืนเก้ๆกังๆอยู่ ก็มีคุณป้าท่านหนึ่งเป็นคนสวิสมาอาสาช่วยถ่ายรูปให้...เสร็จเรียบร้อย ผมและเพื่อนก็ขอบคุณ คุณป้าชาวสวิสฯท่านนั้น...คำตอบที่ป้าตอบกลับมาคือ "ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว" ประเทศสวิสฯ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมากเช่นกัน...ผมต้องการจะบอกว่า ดีมากครับที่คนเค้าคิดเช่นนั้นต่อนักท่องเที่ยว ผมประทับใจมากเลยครับ...

Comment ยาวเลยนะครับ...พอดีเรื่องถูกใจครับผม...โอกาสหน้ามาใหม่นะครับ


โดย: pompier วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:01:16 น.  

 
บล็อกนี้ดอกไม้เพียบเลยแฮะ อิอิ แต่มันโหลดช้าไปนิดนะครับ แต่ก้อสวยดี

ภาษาอังกษเรียนไม่ยากอ่ะครับ เพราะจำได้เวลานั่งเรียนแล้วง่ายๆ อาจารย์ถามว่าไม่เข้าใจตรงไหน ก้อนั่งเงียบกันทั้งห้องแสดงว่าเข้าใจ..

แต่พอเดินออกนอกห้องแล้วก้อลืม ยิ่งเจอฝรั่งเดินมาถามยิ่ง งง ใหญ่ แทบจะวิ่งหนีเลยอ่ะ

พูดได้แต่ yes no okay แค่นี้แหละครับ อายจังเลย


โดย: <- RYUKENDEN -> วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:14:20 น.  

 
ตุ้งว่าที่บ้านเราพูดไม่ค่อยจะได้ก็อย่างที่พี่นิดว่าหล่ะค่ะ คืออายที่จะพูด พูดไปแล้วผิดเค้าจะหัวเราะมั๊ย เค้าจะเข้าใจเรามั๊ย....

สมัยตุ้งเรียนก็เป็นประมาณนี้ค่ะ ไม่ค่อยกล้าพูด แล้วก็เห็นเพื่อนคนนึงที่จู่ๆ ก็พูดภาษาอังกฤษฉะฉานขึ้น พอรู้ว่าเค้าไปเรียนเพิ่ม เลยลองไปบ้าง แล้วก็ได้ผลค่ะ คือพอไปเรียน โดนบังคับให้พูดหน้าชั้นบ่อยๆ ทุกครั้ง ให้พูดกันเอง ความอายมันก็น้อยลงเรื่อยๆ จะถูกจะผิดช่างมัน เอาให้พอเข้าใจไว้ก่อน...

เวลาไปเจอคนไทยที่ต่างเมือง ก็รู้สึกดีเหมือนกันค่ะ ถึงบางครั้งเค้าไม่ได้เข้ามาพูดกับเรา แค่พูดกันเองห่างๆ (เพราะเราก็ไม่กล้าเข้าไปทัก) ก็ยังรู้สึกว่า เออ...มีคนไทยอยู่ตรงนี้ด้วยแฮะ..

ว่าแต่หนุ่มสาวคู่นั้นถือว่าโชคดีจังค่ะ ตุ้งว่าเค้าคงดีใจที่ได้เจอพี่นิดกับ 'คนข้างๆ' นะคะ...


โดย: กวางตุ้งหวาน วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:24:38 น.  

 
555 มาร่วมสมัยว่าเมื่อก่อนก็กลัวค่ะที่จะต้องพูด

แต่พอความจำเป็นบังคับให้ต้องเอามใช้ทำมาหากิน

ก็ต้องเลิกกลัวไปโดยปริยาย

การสอนภาษาบ้านเราคงผิดที่เน้นแต่แกรมม่า

ไม่ค่อยสอนบทสนทนา ทำให้ภาษาของเด็กๆเราไม่ไปไหนเลย

มีความสุขกับทุกวันนะคะ


โดย: เพียงแค่เหงา วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:32:12 น.  

 
ตอนนู้น..เมื่อยังสาว.. น้องเรียนภาษาเก่งมั่ก ๆ..

แบบว่าท้อปตลอด..

พอโต ๆ ขึ้นเริ่มทิ้ง เพราะด้วยความที่เราคิดว่าเราเก่ง

พอนาน ๆ เข้า..จากที่เก่ง ก็กลายเป็นโง่งมไปเลยค่ะ

ว่าจะหาสามีฝรั่ง... แต่ถ้าหาได้คงไม่ต้องใช้ภาษาพูด..

เป๊าะแว่..น้องจะใช้ภาษากายอย่างเดียว อิอิ




โดย: TsuTaYa วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:8:33:18 น.  

 
ดีจังเลยค่ะ ตั้งใจแค่ช่วยเหลือแต่กลับได้เพื่อนเพิ่มอีกสองคนเน๊อะ
เรื่องภาษาอังกฤษเนี่ย ขอยกมือด้วยคนนะคะว่า กลัวค่ะ
แต่หลังจากไปเรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษามาได้ 2- 3 คอร์ส
ก็ไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่แล้ว เพราะอาจารย์เคยบอกว่า
เวลาที่เราเรียนภาษาอื่นก็เหมือนเราเป็นเด็กเพิ่งหัดพูดนั่นหละ
เด็กหัดพูดมันก็ต้องมีพูดผิดบ้างถูกบ้างเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น
ไม่ต้องกลัวและไม่ต้องอายที่จะพูดผิด สำหรับพี่คิดอีกอย่างนึงนะคะว่า
ผิดเป็นครู ถ้าเราไม่ผิดเลย ก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขตรงไหน
เดี๋ยวนี้ก็เลยไม่ค่อยกลัวฝรั่งแล้วค่ะ แต่ก่อนไม่กล้ามองหน้าเลยนะ
กลัวเขาชวนคุย แต่เดี๋ยวนี้เวลาเห็นฝรั่งกล้ามอง กล้ายิ้มให้เขาแล้ว
..................
ยินดีที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการค่ะ
พี่รู้จักคุณพู่จากปากพี่ติ๊กนานแล้วหละ ตั้งแต่พี่ติ๊กเริ่มเล่นบล็อกใหม่ๆ
เขาคุยเรื่องคุณพู่ให้พี่ฟังบ่อยๆ แต่ที่ไม่ได้แสดงตัวก็เพราะ
กลัวว่าจะกลายเป็นการตีสนิทอ่ะค่ะ ค่อยๆพูดค่อยๆคุยกันไปเรื่อยๆ
ส่วนคอมเม้นท์ที่ถูกแบนพี่จัดการให้แล้วนะคะ พอดีพี่ตั้งแบนคำไว้
ถ้าพิมพ์ชื่อเล่นลงไปมันจะแบนค่ะ เอาเป็นว่าดีใจและยินดีมากค่ะ
ที่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง


โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:31:50 น.  

 
อิอิ มาอ่าน สองคนนั้นต้องประทับใจไปนานเลยแหละ


โดย: ดา ดา วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:50:40 น.  

 
เอิ๊กกก อ่านแล้วนึกถึงพ่อเฮาอ้ะพี่นิด
พ่อพูดภาษาอังกฤษไม่ได้
แต่ชอบเก็บนักทอ่งเที่ยวหลงทางกลับบ้าน 55 เอามาให้เราช่วยคุยด้วย


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:10:50:54 น.  

 
จุดใต้ตำตอดีเนอะพู่ ... แต่ดีที่ฝรั่งสองคนนั้นเค้าพูดชมเชยพู่กับคุณคนข้าง ๆ
ถ้าเกิดเป็นพวกปากเปราะ (ถึงแม้จะได้รับการช่วยเหลือก็เหอะ)
แล้วพูดอะไรไม่ค่อยน่ารักออกมา ก็คงจะไปอีกอารมณ์นึงเลยนะนั่นน่ะ

ตรงที่บอกว่า พอเจอคนพูดภาษาเดียวกันแล้วก็อยากจะคุยด้วยแบบไม่อยากจบง่าย ๆ เนี่ย
อันนี้พี่โตสก็เข้าใจนะ เพราะโตมัสก็เป็นเหมือนกันแหละจ๊ะ
จำได้ว่า ตอนนั้นไปเที่ยวอังกอร์วัดกัน แล้วเค้าเจอคนสเปน .. โหย .. พี่แกคุยกับเค้าอย่างกับเป็นเพื่อนเก่ากันงั้นแหละ
ส่วนคนไทยที่อายในความเป็นไทย ... อันนี้พี่โตสว่ามีเยอะนะ ... แต่ไม่ขอพูดถึงดีกว่า .. กลัวของขึ้นน่ะพู่ ..

พี่โตสเป็นคนนึงนะพู่ ที่ตั้งแต่จำความได้ จะเป็นอะไรที่ชอบเข้าหาฝรั่งมาก ....
เป็นมาตั้งแต่ชั้นประถมต้นแล้วแหละ .. จำได้ว่า พอเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ก็แบบว่ารักวิชานี้มาก ๆ เลย
แล้วก็กลายเป็นอะไรที่อยากพูดภาษาอังกฤษเก่ง ๆ มาก ๆ เร็ว ๆ ..
จำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ เวลาเห็นฝรั่งที่ดูเหมือนนักท่องเที่ยวเมื่อไหร่ จะเสนอหน้ามาก ๆ
จะอยากมาก ๆ ให้เค้าเข้ามาถามทาง .. ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นก็เพิ่งจะเริ่มเรียนอังกฤษได้แค่ปีสองปีเองนะ

ส่วนการฝึกฝนของพี่โตส ก็คงจะคล้าย ๆ กับหลาย ๆ คน รวมทั้งพู่ด้วยแหละจ๊ะ
ส่วนเรื่องการฝึกพูด พี่โตสก็จะใช้วิธีร้องตามเพลง แล้วก็จะอ่านออกเสียงน่ะ
จำได้ว่า .. เคยฝึกอ่านออกเสียง ทำเหมือนกับว่าตัวเองเป็นผู้ประกาศข่าวฝรั่งอยู่แหละ
แต่ที่คิดว่าแปลกออกมาจากคนอื่นหน่อย ก็คงจะเป็นอ่านดิกชันนารีนี่แหละ ..
พี่โตสจะซื้อดิกชันนารีที่มีประโยคตัวอย่างด้วย แล้วก็จะอ่านไอ้พวกประโยคตัวอย่างพวกนั้นนั่นแหละ

แต่ขอบอกก่อนว่า .. ไม่เคยเล๊ย.......ในชีวิตนี้ ที่คิดหรือหวังที่จะมีสามีเป็นฝรั่ง
เพราะจะเป็นอะไรที่รู้สึกว่า ตัวเองไม่ใช่สเป๊กของฝรั่งเอาซะเลย ... เตี้ย ๆ อวบ ๆ ขาว ๆ ห้าวอีกต่างหาก
แต่ก็อ่ะนะ ... และแล้ว ... พี่โตสก็รู้แล้วว่า ... ทำไมถึงได้หลงไหลภาษานี้นักหนา ... เพราะดวงมันจะได้ใช้ในอนาคตนี่เอง .. อิอิ


โดย: Chini วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:17:39 น.  

 
ง่ายนิดเดียว ยากเยอะ
อิอิ
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:23:22 น.  

 
ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียวครับ

.............

............................

...........................................

.....................................................

แต่ยากเยอะครับ

ฮิฮิ


โดย: เราหล่อมาก วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:24:00 น.  

 
ไม่ต้องกลัวหรอกคะ ผิดถูกไม่เป็นไรคะ ถือว่าเราได้พยายามพูดแล้ว ประสบการณ์จะสอนให้แกร่งขึ้นคะ


โดย: mintny_n วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:37:40 น.  

 
ไม่ค่อยกลัวฝรั่งเท่าไหร่
แต่เมื่อก่อนพี่มะค่อยอยากพูดกลัวคนจะว่ากระแดะ
เรียนภาษากะอาจารย์ฝรั่งมาตั้งแต่ ม.ปลาย
แต่ไม่ค่อยอยากพูด อายสำเนียงตัวเอง
ตอนนี้ พูดมาก พูดๆๆๆๆไม่หยุด
พาสามีไปเมืองไทย เค้านึกว่าพี่เป็นไกด์ทุกที
แบบว่าใส่แว่นหนาเตอะ ความงามไม่มี ใส่ผ้าใบ(เป็นโรคส้นสึก)
แต่ตัวซกมกอีกต่างหาก (ปิดพุง)
คราวก่อนตอนบินกลับ จนท ที่สุวรรณภูมิคงนึกว่าพี่เป็นฟิลิปปินส์หรือไม่ก็เขมร
ยังไม่อ้าปากพูด ทุกคนจะทักพี่เป็นภาษาอังกฤษไว้ก่อนเลย



โดย: เพลงเสือโคร่ง วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:11:40:59 น.  

 
ปลาเป็นคนนึงเลยล่ะค่ะ ที่ต่อมภาษาไม่ทำงานอ่ะ
เด็กๆ ก็เกรดดีอยู่หรอกนะ แต่ทำไมพอโตขึ้นแล้วเหมือนมันโง่ลง โง่ลงก็ไม่รู้

ทุกวันนี้เปิดทีวีดูรายการคริส เดลิเวอร์รี่ ดูเสร็จก็สนุกสนานน่าดู
พอวันรุ่งขึ้นลืมหมดเลยว่า มะวานเค้าสอนอะไรบ้าง 5555555
ความจำปลาทองมากเลยอ่ะค่ะ



โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:12:23:28 น.  

 
แอนนะภาษาอังกฤษไม่กระดิกเลยค่ะ ฟังพอรู้เรื่องนะ แต่พอจะตอบมันตอบไม่ออกอ่ะคุณพู่ เผลอตอบญี่ปุ่นอยู่เรื่อยเลยอ่ะ


โดย: thattron วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:13:42:22 น.  

 
ใจดีมากเลยนะเนี่ย แถมยังโชคดีได้เจอคนบ้านเดียวกันอีก ก็เลยต่างคนต่างเป็นเพื่อนคุยช่วยแก้เหงาให้กันและกันได้เป็นอย่างดี


หัดพูดภาษาอังกฤษจากการดูหนังน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วล่ะมั้งครับ เพราะได้หัดพูดคำหรือประโยคที่เขาใช้ไปพร้อมๆ กับการเห็นสถานการณ์จริง


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:21:16 น.  

 
สารภาพว่ากลัวๆเหมือนกันค่ะ
แต่ถ้าไปเที่ยวนี่ได้เลย พูดไปเหอะ รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง จะเที่ยวอะ


โดย: juriojung วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:45:53 น.  

 
Just read kha. ^^ Can not pim Thai now.


โดย: ostojska วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:01:18 น.  

 
อ่า เค้าเรียกว่าจุดใต้ตำตอป่าว แต่แฟนคุณนิดมีนำ้ใจมากเลยคะ ฮ่าๆ เหมือนเจอเพื่อนกันเลยเนอะ ชวนกันไปไหน ก้อไป พาเค้าไปทานเค้าอีก น่ารักกกกกกก อ่า พูดถึงเรื่องภาษาเหรอคะ เหอๆ ไม่อยากเล่าถ้าเล่าเดี๋ยวเล่ายาว ก๊าก สมัยตอนทำงานเป็นบีเอนะ (งานห้างอะนะ) มีอยู่วันนึงพอประชุมเสร็จ ซุบบอกจะย้ายเราไปอยู่แถวสีลม ปาด! ภาษาฉันไม่เป็นเลย อย่านะๆ สรุปถูกย้ายให้ไปอยู่ชัวคราวที่ห้าง อิเซตัน ฮ่าๆ ภาษาพี่ยุ่นก้อไม่ได้ อังกิดก้อไม่เป็น โห จดๆคะโพย ถามเพื่อนๆ ว่าพูดค้าขายกันแบบไหน เหอๆ พอจดได้ดีท่องๆ พอลูกค้าต่างชาติเดินเข้า ก๊าก เอาล่ะตรู จะขายได้ป่าวน๊อ พอลูกค้าต่างชาติเดินเข้ามา(ฉีกยิ้ม)ถามว่านำหอมไซน์ไหนราคาเท่าไร ขอดมกลิ่นก่อนได้ไม๊ อ่า ผู้ขายทำหน้าที ที่ดีคะ ช่วงเวลานั้น ขำคะ บอกรอ แป๊ปนะ ดึงโพยที่อยู่ในเสื้อสูทออกมาเลยคะ ฮ่าๆ เล่นกันแบบนี้เลย ถ้าไม่ทำแบบนี้ นางบีเอข้างๆมันเอาลูกค้าไปแหลกคะ สรุปวันนั้นขายนำหอมไปหลายขวด ฮ่าๆ ป่าวหรอกคะลูกค้าเค้าก้อมีโพยมาเหมือนกัน ก๊าก ทางบ้านสั่งมาคะ เอิ๊ก


ฮ่าๆบอกแล้วเล่ายาว แต่ต้องมั่นใจมากๆคะ ต้องพูดต้องคุย เราเมื่อก่อนเรียนมาก้อจริง แต่ไม่ได้ใช้เลย แต่พอทำงานปุ๊ปก้อยังไม่ได้ใช้อีกนั้นแระ แต่โดนย้ายมาอยู่แถวที่มีลูกค้าต่างชาติเยอะๆ น่านเระถึงกล้าพูดคุย ไม่งั้นเคาเตอร์ข้างๆมันเอาไปแหลกหมด เราว่านะภาษาไหนๆถ้ากล้าพูดแล้ว จะเก่งเร็วคะ เราก้อชอบดูหนังภาคปะกิดนะคะ ดีออกเนอะ



เหอๆไม่ค่อยได้ดูฮีโร่เลยอะ คุณนิดดูเรื่องอะไรอยู่คะเนี้ย ไปล่ะวันนี้อากาศเน่ามากเลย


โดย: bagarbu วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:03:37 น.  

 
แล้วคนดัทซ์สองคนนั่นไม่งงเหรอพู่......โอ้ว เน ไม่เคยเจอแบบนี้ที่ฮอลแลนด์ แต่อย่างว่านะเวลาอยู่ในประเทศเดียวกันก็จะเฉยๆ แต่พอเจอกันผลัดถิ่นก็มักจะพูดคุย ช่วยเหลือกันกว่าปกติ เหมือนเวลาไปเที่ยวที่อื่น เจอคนชาติเดียวกันมาก็อยากจะทัก แต่ก็แปลกจริงๆที่บางที ยิ้มให้คนไทย"บางคน"ที่นี่ โดนด่ากลับมาซะงั้น...ว่ายิ้มทำไม(วะ) จำจนตายเลย

เรื่องภาษาปกติเป็นคนไม่ช่างเจรจาน่ะ (55 จริงจริ๊ง อย่าเพิ่งยกมือค้าน) ไม่ค่อยคุยกับคนแปลกหน้า เพราะฉันนั้นฝรั่ง จีน ไทย ดัทซ์ ถ้านั่งเฉยๆเราก็เฉยๆ ไม่ได้กลัว เว้นแต่คลิกได้แล้วก็น้ำไหลไฟดับ ลืมแกรมม่าร์ ลืมว่าพูดภาษาอะไร เพราะฉอดๆๆอย่างเดียว

อ้อ อีกอย่าง เพราะหน้าตารับแขกมากกกกของเรา แล้วใครจะเข้ามาถามทางล่ะพู่


โดย: KOok_k วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:06:09 น.  

 
จี้ปล่อยไก่ใส่ฝรั่งประจำละค่า ไม่เห็นเป็นไร เค้าก็หวังให้เราพูดผิดบ้างอยู่แล้วล่ะ ก็เราเป็นคนต่างชาติ ทีเค้ายังพรืดไทยไม่ถืกเลย จริงปะ

แต่เรื่องคนไทยที่ไม่อยากให้ใครรู้ คงเป็นเพราะเค้ามีปัญหาบางอย่างมังคะ


โดย: angy_11 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:16:54 น.  

 
มานั่งฟังเรื่องภาษาปะกิตไปด้วย แล้วก็ชมดอกไม้สวยๆ ไปด้วยคะ


โดย: มรรคณิชา วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:15:38:19 น.  

 


โดย: Jannyfer วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:16:13 น.  

 
ผมเจอคนอังกฤาก็หลบเหมือนกันครับแม้จะพอพูดได้
กระดากลิ้น อายอะ


โดย: REX-REX วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:28:37 น.  

 
พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งเหมือนกันค่ะ

อาศัยมือไม้ประกอบการพูด

ถ้าครั้งไหนที่เขาเข้าใจละก็ .. ปลื้มค่ะปลื้ม


โดย: random-4 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:37:05 น.  

 
กลัวการพูดภาษาปะกิดเหมือนกาน

แต่ดัน...ยิ่งเกลียดยิ่งเจอ...ได้ทำงานมีเจ้านายพูดภาษาปะกิดซ่ะนี่

....


โดย: jetmom3425 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:39:38 น.  

 
คิดว่าเหมือนคุณพู่นะคะ คือไม่ได้เก่งแต่ไม่กลัว ชอบหัดๆ จำๆ จากในหนังเหมือนกัน บางครั้งจำมาพูดกับเพื่อนชาวมะกัน เขาหัวเราะ บอกว่า "สำนวนยู โบราณมาก" (ประมาณเอากลอนมาพูด)

อิอิ..พูดถึงบิ๊กซีเกือบจะเป็นแลนด์มาร์กหนึ่งของลำปางอยู่แล้วนะ เพราะมันใหญ่มากๆ เลยอะ เวลาขับตามๆ กับเพื่อนมา ก็จะแวะจอดรอกันที่นี่ ไม่มีหลง


โดย: LuckyMoby วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:16:44:13 น.  

 
ผมถนัดภาษาใบ้มากกว่านะ ใบ้กินตลอด อิ อิ



ผมเองก็ไม่มีเลนส์มาโครครับ ก็ใช้เลนส์คิท Zuiko 14 - 45
กับ Sigma 55 - 200 อยู่แค่ 2 ตัวนี่แหละครับ อาศัยแสงแรงๆ
กับขาตั้งเวลาถ่ายดอกไม้นะครับ แต่ตอนนี้ได้อุปกรณ์ใหม่มา
เป็น Close up filter ของ Hoya ครับ เอามาใช้ถ่ายแก้ขัดแทน
เลนส์มาโครไปก่อน ภาพชุด "แมวหมู่" กับ "ดอกเก๋งจีน" ก็ใช้
ฟิลเตอร์ที่ว่านี่ละครับ แต่ยังใช้ได้ไม่ดีเท่าไหร่ เอาไว้เดี๋ยวภาพ
ชุดใหม่ของบล็อก "ต้นไม้ของแม่" กับ "บันทึกจากโลกใบเล็ก"
จะเอารูปที่ใช้เจ้าฟิลเตอร์ตัวนี้แบบ "สวยๆ" มาให้ชมครับ อดใจรอ
นิดนึงนะครับ


คุณพู่เองถ้ายังไม่มีโครงการจะซื้อเลนส์มาโครในเร็วๆนี้จะลอง
หามาเล่นก็ได้นะครับ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องลงมากรุงเทพฯ
หรือไม่ก็สั่งทางเน็ตเอาละมั๊งครับ ผมซื้อที่มาบุญครองช่วงนั้น
ของเข้าพอดี ทั้งเซ็ตจะมีเลนส์ 3 ชิ้นเพิ่มกำลังขยาย +1 +2
และ +4 เอาไว้ใส่เข้าไปที่หน้าเลนส์ครับ ราคาก็ไม่แพงนัก
1400 เองครับ แต่ข้อจำกัดในการใช้งานก็จะเยอะกว่าเลนส์
มาโครแท้ๆนะครับ แต่ก็ช่วยดับกิเลสลงไปได้ไม่น้อยเลยครับ

อันนี้คือตัวที่ผมใช้อยู่ครับ

//www.fotofile.net/news/hoya/03.jpg

ส่วนอันนี้เป็นฟลิเตอร์ IR ที่ใช้ถ่ายรูปในบล็อก "ความอ้างว้างสีชมพู"

//www.fotofile.net/news/hoya/02.jpg

ราคาก็ประาณนี้ครับ แต่จะมีของรึเปล่าไม่ทราบนะครับ

//www.fotofile.net/news/hoya/04.jpg

ยังไงก็ลองหาดูที่ร้านแถวบ้านก่อนก็ได้ครับ ได้ข่าวว่าที่เชียงใหม่
มีสาขาของ "เมืองกล้อง" ไปเปิดแล้วร้านนี้อาจจะมีก็ได้มั๊งครับ


อ้อ ถ้ามีแว่นขยายอยู่ลองเอามาใช้แทนก็ได้นะครับ ใช้ได้เหมือนกัน


โดย: ST.Exsodus วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:17:55:33 น.  

 
ยกมือสารภาพค่ะ ว่าวันนี้ภาษาอังกฤษก็ยังเป็นยาขมสำหรับณ มนอยู่ดี


โดย: ณ มน วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:18:01:12 น.  

 
อ้อ คุณติ๊กส่งเมล์รูปอาหารที่ทำมาให้ดูด้วยละ เห็นแล้วน้ำลายสอเลย หุ หุ


โดย: ST.Exsodus วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:18:03:28 น.  

 
สบายดีมั้ยคะ เมื่อวานแกงผักกาด คิดถึงคุณ jewnid เลย ทำมั่วๆ แต่อร่อยจัง

เราเป็นพวกเก่งแต่ในบ้านจ้า อยู่เมืองไทย ชอบคุยกับฝรั่ง รู้เรื่องมั่ง ไม่รู้มั่ง สนุกดี แต่พอมาอยู่ในดงฝรั่ง พูดไม่ออก ฟังไม่รู้เรื่อง ความมั่นใจหายหมดเลย 2 ปีแล้วยัง Lost in transation อยู่เลย

แถมคนไทยก็ไม่มีให้คุยด้วย จาเป็นใบ้แล้วเนี่ย





โดย: ตา (Febie ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:19:19:22 น.  

 
อ่านแล้วเพลินดีค่ะ อิอิ แต่ก่อนกลัวเหมือนกันค่ะ
ออกจะอายซะมากกว่า ฮี่ๆๆ ไม่มั่นใจในตัวเอง
แต่ตอนนี้รู้่สึกว่าฝรั่งก็คน เราก็คน จะัอายมันทำไม อิอิ


โดย: Complicatedgirl วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:19:20:25 น.  

 
หะ หะ กัวเหมือนกันหละ
ที่จริงเห็นคุณพู่ตอบ comment ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
แต่เก็บเอาไว้มากบอกวันนี้ที่ blog ใหม่ดีก่า


รูปนี้ขี่รถไปกับคนข้างๆ (ไม่ช่ายขับรถนะ) อิอิ


โดย: หอมกร วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:20:04:40 น.  

 
อ่านแต่ต้นจนจบ เข้าตำราเดียวกันเลยค่ะ อ่านเขียนแตกฉาน

พอสอบพูด สนทนา ตกไม่เป็นท่า ..

นุชว่าเป็นที่การศึกษาไทยสอนผิดธรรมชาติมนุษย์นะ

เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนเขียนอ่านเป็นก่อนพูดเลย

ถ้าจะเริ่มกันเรื่องภาษาต้องสอนสนทนาก่อนค่อยไปเขียน

มันถึงจะเวิร์คว่ามั้ยคะ ..?


เรื่องเจอคนบ้านเดียวกันเนี่ย โอย ดีใจสุดๆ ถ้าไปเจออย่างคุณนิดว่า

คงเซ็งเหมือนกัน โลกตั้งกว้างอุตส่าห์มาเจอกันยังไม่รับโอกาสนั้นอิกเนอะ


โดย: between us วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:20:06:15 น.  

 
เรื่องภาษา อย่างที่คุณนิดว่า ต้องใช้อย่างเดียวเลย ถึงจะได้ สมัยสอนหนังสือ บอกลูกศิษย์ว่า จะพูดภาษาอังกฤษให้ฝรั่งเข้าใจต้องกระแดะ เพราะทำนองเสียงเขามันไม่เหมือนของเรา การลงเสียงหนักเบาก็ไม่เหมือนภาษาไทยเลยสักนิด เพราะฉะนั้นต้องฝืน อย่าอายที่จะใส่สำเนียง กับอีกอย่างก็คือต้องพูดเสียงดัง คือถ้ามัวแต่ทำอาย พูดงึมๆงำๆ ใครก็ฟังไม่รู้เรื่องทั้งนั้นแหละ อย่าว่าแต่ฝรั่งเลย

เรื่องเจอคนไทยที่เมืองนอกแล้วเขาไม่พูดภาษาไทยด้วยนี่ไม่เคยเจออ่ะค่ะ เพราะว่าที่ๆอยู่ไม่มีคนไทย ฮ่าๆ แต่เวลาไปร้านของชำของคนม้งทีไรจะดีใจมากเพราะได้พูดภาษาไทยกับเขา ในร้านก็เปิดละครไทยด้วย ไม่เคยเช่าดูหรอกค่ะ แต่ชอบมากที่ได้ยินภาษาไทย


โดย: Thai Wahine วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:20:29:40 น.  

 
ภาษาอังกิด ง่ายนิดเดียว แต่ยากมากค่ะ
เป็นคนไม่ชอบภาษาอังกิดเลยค่ะ แต่ต้องมาใช้ชีวิตประจำวันอยู่กับภาษาอังกิด
อยู่ยี่ปุ่นเจอคนไทย ไม่พูดภาษาไทยก็มีค่ะ แต่คนไทยพูดยี่ปุ่นสำเนียงไม่ให้เลยค่ะ


โดย: whitelady วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:20:56:37 น.  

 
เคยไปเดินสวนจตุจักรกับคุณเปอร์ แล้วไปเจอร้านกระเป๋าเดินทาง ก็เลยซื้อมาเลย ใบยักษ์ แล้วคุณเปอร์ก็เดินลากตามเรา ไปซื้อของต่อ ระหว่างรออิชั้น
เจรจาต่อรอง ซื้อของอยู่ คุณเปอร์ก็อิงกระเป๋ายักษ์รอหน้าร้าน ทันใดนั้น มีฝาหรั่งสองคนเดินมา พูดภาษาสวีดิชอย่างดังเลยว่า ดูผุ้ชายคนนั้นซิ สงสัยเขาต้องกะมาซื้อของเยอะแน่ๆเลย ถีงขนาดลากกระเป๋าใบใหญ่แบบนั้น

เพื่อนเขาอีกคนก็บอกว่า แต่ใบใหญ่ๆ แบบนี้ เขาอยากได้เหมือนกันนะ ไม่รู้จะซื้อได้ที่ไหน

คุณเปอร์ก็ทำหน้าเบื่อๆ แล้วก็พูดสวีดิชกลับไปว่า นี่ไงเดินไปอีกแยกหน้าก็เห็นร้านแล้ว ไซส์นี้ราคา 1300 นะ อย่าให้เขาหลอกได้ อ้อ แล้วอย่าคิดว่า ทั้งจตุจักรนี้มีคุณสองคนเป็นสวีดิชล่ะ ฉันก็ด้วย

สองคนนั้นก็บอกขอบ-อก ขอบใจกันใหญ่ อิชั้นนี่ฮาข้างๆ คุณเปอร์แบบกลั้นไม่อยู่จริงๆ ตอนเห็นหน้าเขาที่เปอร์พูดสวีดิชตอบออกไป หน้าพี่ทั้งสอง ทั้งทึ่งตะลึงงัน เลยจริงๆ ฮาสุดๆ


โดย: gothenburger วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:21:28:14 น.  

 
สำหรับนู๋ ไม่กัวฝรั่ง แต่ไม่รู้จะคุยอาไรอ่ะค่ะ


โดย: CC (ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:21:43:11 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณนิด

เอ..ทำไมเราไปบล็อกคุณปรายแล้วดันไม่เจอหว่า เดี๋ยวต้องไปอีกรอบค่ะ แหะๆ

อ่า..เมื่อก่อนเราก็กลัวค่ะฝรั่ง แต่หลังๆ ไม่ค่อยกลัวแล้ว จะผิดจะถูกก็พูดไปก่อน แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:21:52:12 น.  

 
แวะมาอ่านค่ะ คุณพู่ ใช่ๆๆ เห็นด้วยเลยคนส่วนใหญ่จะกลัวพวกฝรั่ง เมื่อก่อนแอนทำงานอยู่ใกล้ สี่แยก SAB เจอฝรั่งเพียบ เพื่อนเห็นเค้าถามทาง หันมาหาแอนตลอด แอนก้อพูดไม่เก่งหรอก แต่จับใจความได้ ก้อช่วยๆ กันไป คิดถึงตัวเราเองไปเที่ยวต่างแดน เราเองยังต้องถามพวกเค้าตลอด เค้าก้อช่วยเหลือเราเป็นอย่างดีเลย.........แถมยิ้มแย้มตลอดเราเองยังอดชื่นชมเค้าไม่ได้ .....เมื่อเค้ามาบ้านเรา เราก้อช่วยเขา.เขาก้อต้องรู้สึกว่าคนไทยมีน้ำใจเหมือนกันเนอะ คิดแล้วรู้สึกดีนะค่ะ


โดย: ann_269 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:22:20:36 น.  

 
เขียนได้ยาววววววว เพราะใช้เทคโนโลยีช่วยอ่ะค่ะ


โดย: rebel วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:22:33:45 น.  

 
ใหญ่ไปจริงๆด้วยค่ะ
เอาเป็นว่าลบข้อความข้างบนก็ได้นะ

ขอโทษน้า~


โดย: BeBby (หนูหลงทางมา ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:22:37:37 น.  

 
มายกมือกลัวฝรั่งด้วยคนค่ะ เหอ เหอ เหอ

แต่เรื่องถามทางนี่ไม่รู้เป็นอะไรนะคะ ไอ้เราก็ผมดำหน้าเหลือง ฝรั่งก็แวะเวียนมาถามกันอยู่ได้ ทั้งๆ ที่เราก็ไม่น่าจะรู้จักทาง สงสัยเพราะคนเอเชียท่าทางใจดี

ขำเรื่องคนดัชท์ที่คุณนิดกับคนข้างตัวไปส่ง เค๊าคงตกใจมากเลยที่เจอคนดัชท์ด้วยกัน หลังจากนั้นก็คงเปลี่ยนเป็นดีใจมากๆ ...คุณนิดก็ใจดีจริงๆ นี่คะ


โดย: the Vicky วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:22:38:56 น.  

 
น้องนิดจ๋า
ฝา หรั่ง ใหญ่ จริง ๆ ด้วยคะ อิอิ

พี่หนี่ฯ ขอ " สุขสันต์วันแม่ย้อนหลังนะคะ "
เลิฟ เลิฟ เสมอ คะ จุ๊บ จุ๊บ


แอบบบบ กระซิบ
ไม่อยากบอกเรย ยัง ขำ ขำ
ฝา หรั่งอยู่เรยคะเนี่ย อิอิ




โดย: หนี่หนีหนี (แพรวขวัญ ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:23:08:47 น.  

 




สวัสดีตอนหัวค่ำของ เนเธอร์แลนด์ นะจ้า


ยังห่วงใยเธอเสมอ
แม้ว่าเธอจะอยู่หนไหน

ขอแค่เธอได้รับรู้ไว้
ว่ามีใครคนนี้...คิดถึง เธอ



** ขอให้มีความสุขและสุขภาพแข็งแรงนะจ้า **

ปล ..อย่าลืมไปใช้เสียงลงประชามติ ในวันที่ 19 ส.ค 07 กันนะจ้า



เข้ามาครั้งแรกตกจายคิดว่า น้องนิคซื้อที่เพิ่มอะนะ ..

ที่แท้ ฝรั่งนี้เอง ... ว่าด้วยเรื่องภาษาE เนี่ยสมัยก่อนเรียนไม่ได้เรื่องเลยอานะ ได้เกรด 1-2 เท่านั้นเอง
ไม่น่าเชื่อว่า พอรู้จักกับแฟนคนที่เสียไป ขยันเรียนมากกว่าเดิม วิชาที่เอาคืนครูไป ขนกลับมาหมดเลย 555
แต่ทุกวันนี้เหรอ ..เห้นฝรั่ง ..เป็นวิ่งไส่ เพราะอยากคุยกับฝรั่ง ..เอิ๊กๆๆ..

ตอนสมัยที่เรียนภาษาE เพิ่มเติม เนี่ยครูบอกว่า อยากเก่งภาษา E ต้องหัด ดัดจริต ( เขียนถูกป่าวอะเนี่ยเรา ) ...
แต่เห็นเพื่อนๆๆคุยกันเป็นภาษาE พี่จอมแก่นเดินหนีเลย แอบมานั่งแซทไอซีคิว กับฝรั่งดีกว่า ..5555..

คุยตั้งนาน น้องนิคสบายดีนะจ้า ..อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆๆรักษาสุขภาพด้วยนะจ้า


โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:23:22:19 น.  

 
เมื่อก่อนทอยก็เป็นค่ะ แต่พอต้องมาพูดมาใช้บ่อยๆ มันก็ชินไปเอง อยู่เมืองไทยไม่ได้ใชอ่ะค่ะ เหมือนเครื่องยนต์ไม่ได้หยอดน้ำมัน มันก็จะสนิมขึ้น อิอิ

นับว่าสองคนนั้นโชคดีมากๆ เลยค่ะที่มาเจอพี่นิืดกับฮับบี้ แถมเป็นคนบ้านเดียวกันอีกเนอะ

ส่วนเรื่องคนไทยต่างแดน ไม่ขอคอมเม้นท์ค่ะ เพราะยาวแน่ๆ อิอิ


โดย: ToY (tiny ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:23:53:10 น.  

 
คุณนิด

กลับบ้านมาแล้วค่ะ เห็นไปเจิมบล็อกต้าร์ ที่ พาดพิงถึงเพื่อนคุณนิดแต่เช้าเลย ฮิฮิ คนโดนพาดพิงเค้าแวะไปก๊ากแล้วค่ะ เค้าคงว่าเออหนอ

เรื่องภาษาอังกฤษเนี่ยแต่ก่อนต้าร์ ก็หวาดผวาเหมือนกันค่ะ ต้าร์เรียนภาษาอังกฤษกับครูคนไทยมาตลอดเลยจนจบมัธยม รู้สึกเรื่องสำเนียงการออกเสียงนี่ไม่ได้อย่างถูกๆ มาซักเท่าไหร่ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังเป็นครูคนไทยอยู่ดี แต่มีครูฝรั่งสอนวิชาอื่นที่ไม่ใช่อังกฤษ เอ๊ะยังไง จริงๆ แล้วต้าร์มาหัดฝึกฝนพูดภาษาอังกฤษเยอะหน่อยก็ช่วงตอนทำงาน แต่ก็นะไม้แก่ดัดยากเหมือนกัน ทำงานกับฝรั่งครั้งแรก งงมาก มันพูดอะไรหว่า ตูไม่รู้เรื่องเลย ที่บริษัทเค้าก็เลยเอาครูฝรั่งมาสอนภาษาอังกฤษให้ เคล็ดลับต้าร์ก็ดูหนังฟังเพลงเหมือนกันค่ะ กับใช้เน็ตแชทกับคนต่่างชาติ เพราะต้าร์เป็นคนไม่กล้าไปแบบเดินๆ หาเพื่อนฝรั่ง หรือคุยกับฝรั่งตัวแต่ตัวอะไรเงี้ย เขินค่ะ แล้วกลัวมันคิดเป็นอย่างอืื่น เรายิ่งสวย(ซะไม่มี)อยู่ด้วย อุอุ ตอนนี้นะทำงานก็ไม่ได้พูดภาษาไทยเล้ย เจอแต่ภาษาอังกฤษสำเนียงหลายสัญชาติมาก สัญชาติดัชก็มีนะคะ ฮิิฮิ

คุณผู้ชายที่บ้านคุณนิดไ้ด้เจอชาติเดียวกัน เลยอู้คำดัชกันสนุกเลยซิคะ

tot straks ค่ะ

อุ้ยตาย ฝรั่งข้างบนตัวใหญ่มาก ขำก๊ากๆๆๆ เข้าใจเอามาฝากจังค่ะ


โดย: Dublina วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:1:15:14 น.  

 
นึกถึงตอนสมัยเรียนหนังสืออ่ะน้องนิด วิชาภาษาอังกฤษ
มีอาจารย์ฝรั่งมาสอน บางครั้งยืนคุยกับอาจารย์พี่ยังเกรงๆ
กล้าๆกลัว..นึกถึงตัวพี่ตอนนั้นแล้วอดอมยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้เลย..
..ที่สำคัญก็เรื่องถามทางเหมือนกันน้องนิด..
บางครั้งพอพูดไปแล้ว เพิ่งนึกได้ว่า อ้าวว..ผิดพลาดเล็กน้อย..

พูดถึงตอนเรียนอีก..พวกแกรมม่า บางครั้งนั่งฟังคุณครูแ้ล้วเกิดอาการ
่ง่วงหลายครั้งเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะลักษณะวิธีการสอนของอาจารย์ด้วยน่ะค่ะ..


โดย: tiktoth วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:3:20:47 น.  

 
ลืมบอกน้องนิดมาอีกแล้ว..อิอิ..
ตอนมาอยู่แคนาดา บางครั้งพูดกับแม่ๆเพื่อนๆแคนาเดี้ยนแล้วอดขำสำเนียงตัวเองไม่ได้อ่ะน้องนิด...


โดย: tiktoth วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:3:26:04 น.  

 
แอนดรูว์ดำให้คำปรึกษาได้ อุอุอุ


โดย: ดำรงเฮฮา วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:3:30:22 น.  

 
คุณนิดกับคนข้างตัว น่ารักมากค่ะที่อุตสาห์ขับรถกลับไปช่วยเหลือและพาฝรั่งไปส่งถึงที่ ... แถมกลายเป็นคนบ้านเดียวกันอีก

เรื่องภาษาอังกฤษนี่ คนไทยเราเรียนภาษาอังกฤษกันตั้งหลายปีตั้งแต่ชั้นประถม แต่ก็ยังพูดกันไม่ค่อยได้อีก น่าพิจารณาระบบการเรียนการสอนภาษาในบ้านเราเนอะ อีกอย่าง สภาพแวดล้อมบ้านเราใช้ภาษาไทยเป็นหลักด้วย ก็เลยไม่ค่อยเอื้อให้ฝึกฝน

อยากจะบอกว่า พวกเราพูดๆกันไปเถอะไม่ต้องกลัวฝรั่งหรอก เพราะถึงยังไง เขาก็รู้ว่าไม่ใช่ภาษาของเรา เขาจะพยายามฟังและทำความเข้าใจกับเราอยู่แล้ว


โดย: VA_Dolphin วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:4:22:07 น.  

 
สวัสดีจ้า...
เวลาคุยกับฝรั่ง..
ถ้าสนิทกันหน่อยก็คุยได้
ถ้าถ้าไม่รู้จักก็ไม่อยากคุยเหมือนกันจ้ะ
จะSORRYที่ก็อ้ำๆอึ้งๆ
มันก็ไม่ค่อยกล้าพูด
กลัวสำเนียงเพี้ยนเหมือน"นาตาลี"ในความคิดคนไทย
เน๊อะ....
(ในความคิดฝาหรั่งอ่าน้า...เราหัวเราะเวลาฝรั่งพูดTHAIไม่ชัด..แต่เวลาเราพูดENGLISHเพี้ยน..เค้าก็คงขำเราอยู่แหละน้า~)





แก้ไขให้คุณเบ๊บก่อนนะคะ เพราะว่ารูปฝรั่งอันเก่าที่แปะมันบั๊กเอ๊ก
จริงๆ เจอฝรั่งใหญ่ๆ แบบนี้หนีดีกว่าค่ะ เพราะว่ากินอิ่มไปเป็นเดือน

(แซวเล่นค่ะ) ... จิ๋วนิด


โดย: JewNid วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:8:27:42 น.  

 
emoemoถึงที่ทำงานแล้ว...จ้า..

ไม่ค่อยอายอ่ะพี่นิด..แต่พูดไม่ค่อยถูกซะทีเวลาตื่นเต้นอ่ะ

ต้องหาคนต่างชาติมาคุยทุกวันซะแล้วอิอิอิ

ฟิ้วๆๆๆ..emoemoไปทำงานก่องน๊า


โดย: ^^Ken-Ju***Pu-Jung^^ วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:8:40:24 น.  

 
ไอ้อ่านประสบการณ์กลัวฝรั่งของป้าจิ๋วแระก้อ นึกถึงตัวเอง ไม่ถึงกะกลัวเท่าไหร่ แต่ก้อไม่อยากเสวนาด้วยเหมือนกัน (มันต่างกันตรงไหนฟระ) แต่งานแต่ละที่มันก้อมีอันต้องข้องเกี่ยวกันโดยตรงเสมอๆ อะ ตอนนี้ก้อพอกล้อมแกล้มต้องพูด ต้องเขียนอะ แต่บางหนที่ต้องติดต่อไปเมืองที่เค้าไม่พูดปะกิตกัน เอ๋ออกจะแตกตาย แค่พูดกะเจ้าของภาษาเค้ายังเกาหัวแกร๊กๆ แล้วนี่ไปคุยกะพวกอ่อนภาษาทั้งคู่คิดดูจิป้า ว่ามันจะออกมาแนวไหน ทุกครั้งที่วางหู ก้อจะทึ้งหัวตัวเองหนึ่งที แล้วก้อประมาณว่า เค้าจะฟังตรูรู้เรื่องป่าวฟระ

แต่ตอนนี้เริ่มฉลาด ขอคุณเมวมาหมดเรย เอาการเขียนดีกว่า เข้าใจกันง่าย มีเวลาที่จะแปล และสื่อสารกัน


โดย: err_or วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:8:52:16 น.  

 
ภาพด้านบนบล็อกสวยมากเลยหล่ะจ๊ะ
ฟื้นขึ้นมาจากหลุม แต่ก็ยังไอไม่หยุดหย่อน
มีงี้ด้วยหรอจ๊ะคนไทย ไม่ยอมพูดภาษาไทยกันอ่า



โดย: คุณย่า วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:9:47:48 น.  

 
เห็นด้วยเรื่องการเรียนภาษาจากภาพยนตร์ เวลาเดินทางไปที่ใหม่ ๆ ที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษ หนังทางเคเบิ้ลช่วยได้จริง ๆ


โดย: ostojska วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:11:13:53 น.  

 


เป้นอีกคนที่ต้องยกมือสูงๆค่ะ
คุณพู่เห็นมั๊ยคะ ..อิอิ..
พื้นฐานไม่ดีมาตั้งแต่เด็กๆ ขาดความมั่นใจ
แต่เนื่องจากตัวเองเป็นคนชอบไปเที่ยวเหมือนกัน
ถ้าช่วยได้ก้อจะช่วยชี้โบ้ชี้เบ้ไปค่ะ
อาศัยภาษามือและท่าทางเป้นตัวช่วย
แค่เห็นเค๊ายิ้มรับทักทายก้อสุขใจแล้วค่ะ

เคยไปผจญภัยแบบไม่ซื้อทัวร์ที่สิงคโปร์ ต้องช่วยตัวเองทุกอย่าง
ไปขอความช่วยเหลือจากคนรายทาง รู้เรื่องมั่งเดาๆเอามั่ง
ก้อบอกเค๊าไปตามตรงว่าเป็นคนไทย เค๊าก้อยิรดีช่วยเหลือค่ะ
งานนี้แฮปปี้และราบรื่นสมใจค่ะ


โดย: ดาวทะเล วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:12:24:05 น.  

 
คุณนิด
แวะมาทักทายคะ
ยังอ่านได้ไม่เท่าไหร่แต่ต้องเตรียมตัวไปรับลูกชายแล้ว
ไว้ค่อยมาอ่านใหม่อีกรอบคะ
คิดถึงนะคะ


โดย: miz u so much วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:14:21:44 น.  

 
ชอบช่วยเหมือนกันค่ะ แต่มักจะละล้าละลังอยู่บ่อย


โดย: renton_renton วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:14:26:10 น.  

 
เอ๋า แปลกจังเลยค่ะคุณพู่
มีงี้ด้วยเหรอนี่ไม่ยอมพูดไทยกับคนไทย
ไม่รู้เค้าคิดอะไรของเค้าแฮะ =_="

คุณพู่กับคนข้างกายใจดีจังเลยค่ะ
น้ำใจงามมั๊กๆ


โดย: Hobbit (Hobbit ) วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:14:42:52 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณนิด

ตามมาจากบล็อกน้องต้าร์ค่ะ เข้ามาอ่านแล้วก็นึกถึงตัวเองสมัยก่อนตอนยังเรียนอยู่น่ะค่ะ ภาษาอังกฤษเรียนเป็นวิชาโท แกรมม่าพอไปวัดไปวาได้ แต่เรื่องพูดไม่เคยกลัวใครนะคะ พูดผิดพูดถูก พูดมันตลอด คิดว่าถ้าเค้าเข้าใจเป็นใช้ได้ค่ะ พวกที่สอบแล้วได้ 4 หลายคนสู้เราตอนพูดไม่ได้หรอกค่ะ หลาย ๆ คนแกรมม่าเจ๋งมาก แต่ไม่กล้าพูดเหมือนคุณนิดว่านี่แหละค่ะ ส่วนเราแกรมม่าห่วยแต่ชอบพูดมั่ว ๆ เจอพวกทัวริส ช่วยเหลือตลอดค่ะ แต่ไม่มั่วนะคะ บางทีก็พาเค้าไปเลยก็มีเหมือนกันค่ะถ้าไม่ไกลมากจนเกินไป

ส่วนตอนนี้ที่กลัวมาก ๆ เวลามีคนมาถามทางแล้วเค้าถามเป็นภาษาเยอรมันค่ะ ภาษาเยอรมันนี่ก็พอพูดได้ แต่ถ้าให้อธิบายเรื่องทางความสามารถมันสั้นจู๋ค่ะพูดแล้วคนฟังวกวน ขนาดแฟนยังงงเลย เวลาเขียนแผนที่ให้แฟนดูเค้ายังขำทุกทีเลย แล้วไม่รู้เป็นอะไรทุกวันนี้ยังโดนถามบ่อย ๆ ไม่รู้ว่าพวกที่เราบอกทางไปตอนนี้หาทางกลับบ้านถูกละยังก็ไม่รู้

สงสารคนที่มาถามค่ะ คงงงน่าดูกับคำตอบของเรา

นอกเรื่องไปหน่อยนะคะ


โดย: edelweiss วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:14:52:49 น.  

 

ภาพประกอบสวยเหมือนเดิม ชอบๆ ฮี่ๆๆ

กับเรื่องภาษา เราว่าไม่ว่าทฤษฎีจะแน่นปึ๊กขนาดไหน แต่ถ้าไม่นำมาใช้เลยมันก็เหมือนมีค่าเท่ากับศูนย์ อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงที่เจอมากับตัวน่ะจ้ะ
แต่สมัยก่อนเราก็ทำแบบพู่เหมือนกันนะที่จะหัดฟังจากการดูหนังฟังเพลงซะส่วนใหญ่ และจากนั้นมาก็ไม่ชอบดูหนังที่พากษ์ไทยทับอีกเลย ดูแล้วมันไม่ได้อารมณ์เท่ากับหนังซาวด์แทรคจริงๆ

พู่กับคนข้างๆมีน้ำใจดีจัง ถือว่านักท่องเที่ยวสองคนนั้นโชคดีมาก และยิ่งโชคดีไปอีกที่มาเจอคนบ้านเดียวกันด้วย งานนี้นอกจากสองคนนั่นจะไม่หลงทางแล้ว แฟนพู่ยังหายเหงาที่แม้จะี่มาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่างนี้ ยังบังเอิญมีโอกาสได้พบได้คุยกับคนบ้านเดียวกันอีกต่างหาก



โดย: ~ Cerulean Blue ~ วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:17:49:39 น.  

 

เย้้! เม้นท์ได้แล้วหลังจากพยายามตั้งหลายรอบมาตั้งแต่เมื่อวาน


โดย: ~ Cerulean Blue ~ วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:17:51:49 น.  

 
แวะมาเยี่ยมคุณนิดครับ ผมคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับคนบ้านเดียวกันในต่างประเทศนี่เป็นเรื่องซับซ้อนเหมือนกันนะ คือตัวเองไม่เคยไปอยู่เมืองนอก แต่สงสัยเหมือนกันว่าถ้าคนไทยเจอกันจะต้องทักกันทุกรายหรือเปล่า แต่ได้อ่านก็คิดว่า คนไทยที่โน้นก็มีการแบ่งพรรคพวก ชนชั้นเหมือนกันนะ


โดย: Johann sebastian Bach วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:20:26:10 น.  

 
อ้อก็มีดีแต่เรื่องภาษาเนี่ยหล่ะจ่ะ แต่ตอนมาเรียนแรกๆ ใบ้ไปเหมือนกัน ความมั่นใจตกไปพักใหญ่ ก็อาศัยคบเพื่อนฝรั่งเยอะๆ คุยกันไปเรื่อยๆ แล้ววันหนึ่งมันก็หายเครียดเรื่องพูดภาษาอังกฤษไปเอง พูดผิดเพื่อนก็แก้ให้ พูดไม่ถูกก็ถาม ตอนนี้ใช้ฟังข่าวตอนเช้าๆจ่ะ เพิ่มคำศัพท์


โดย: แม่ลูกแฝด วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:20:29:24 น.  

 
มายกมือขึ้นทันทีว่า...เป็นคนหนึ่งที่กลัวจะพูดภาษาฝรั่งอ่าคุณนิด แฮ่
เคยคิดอยากพุดให้เก่ง แต่ตอนนี้ไม่ไหวเลยอ่า สมองไม่ให้
พูดกับฝรั่งทีไร เมื่อยมือทุกทีเชียวล่ะ


คิดถึงจ้า


โดย: fonrin วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:20:43:54 น.  

 
วันนี้แวะมาชวนพี่นิดไปดูหนังค่ะ

Contract Lover by Richie Jen


โดย: กวางตุ้งหวาน วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:20:52:47 น.  

 
เมื่อ 5-6 ปีก่อน เรามีหัวหน้าเป็นฝรั่งจ้ะ ดังนั้นมันคือ ไฟลท์บังคับที่จะต้องพูดภาษาเค้าให้ได้ ไม่งั้นก๊อทำงานไม่ได้

แต่ดีใจที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษบ่อย ๆ มากมากเลยจ้ะ ช่วงนั้น

แต่หลังจากนั้น บริษัทเราเริ่มไม่ต้องการฝรั่งแล้ว ก็เลยมีแต่คนไทย ก็เลยแทบไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสนทนาเลย

แต่เขียน อ่าน ยังมีเย๊อะ

อิ อิ แต่เรามะกลัวฝรั่งน๊ะคะ


โดย: ปุ๊กกี้&คิตตี้ (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:21:42:12 น.  

 
อิอิ เห็นก้อนเหลืองๆแล้วได้กลิ่นเลยค่ะ 555555
แฟนคุณนิดใจดีจังค่ะ หรือว่าคิดถึงบ้านอ่ะค่ะ


โดย: ตองเจ็ด วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:22:23:58 น.  

 
อะโหล - อะโหล

ยังจำกันได้มั้ยเนี่ย หายหน้าหายตาไปนาน เลยเรา

เป็นไงบ้างจ๊ะ สบายดีป่าว


โดย: LaZyDaizY วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:23:27:00 น.  

 
อ่านจบแล้ว เห็นด้วยว่าคนส่วนใหญ่จะกลัวหรืออายในการพูด
เท่าที่ถามคนต่างชาติเค้าอยากให้พูด ผิดก็ไม่เป็นไรค่ะ

แต่ว่าในกรณีของเราไม่อายจะพูดฝรั่ง อยากฝึกภาษามากกว่า

ตอนอยู่ไทยจึงคบเพื่อนคนต่างชาติหลายชาติ แต่ภาษาไม่เก่งเหมือนกัน
สิ่งหนึ่งที่ได้คือการกล้าพูด จึงจะพูดผิดก็พูดไปก่อน จะช่วยให้พัฒนาได้เร็วขี้น

พอเวลาเขียนงานด้วยภาษอังกฤษก้ได้เพื่อนๆช่วยตรวจงานให้ พอจะสอบภาษาอังกษก้ไดเพื่อนช่วยสอนให้ฟรีด้วยค่ะ

แต่ถ้าคนไทยไม่อยากพูดไทยเพราะกลัวว่าจะรู้ว่าเป็นนไทย อันนี้ก็เคยเจอเหมือนกัน แต่เราว่าเป็นเรื่องความคิดส่วนบุคคล เพราะบางคนอาจจะมีเหตุผลส่วนตัว

สำหรับตัวเอง กล้าบอกเสมอว่าเป็นคนไทยและภูมิใจในความเป็นคนไทยค่ะ







โดย: law of nature วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:23:42:04 น.  

 
ปลาใช้ภาษาอังกิดอยู่ทุกวันก็ยังไม่ค่อยกระดิกเลยพี่นิด เรียกว่าใช้ดำรงชีพไปวันๆ ฮาๆๆๆๆ

พูดถึงเรื่องภาษา ปลาอิจฉาชาวฟิลิปปินส์น่ะ ว่าเค้าโชคดีกัน ไม่สงสัยทำไมจำนวนประชากรที่เมกาเยอะ จนแถบหาคนไทยไม่เจอ แถมที่นี่ให้ทักกันปลาก็ไม่กล้า เพราะกลายเป็นทักผิดเค้าเป็นฟิลิปปินส์ไปหน้าเหมือนกันมากกก จะสังเกตุได้ก็แต่ชื่อแหละ พวกเค้าโชคดีน่ะ ภาษาอังกิดก็ได้ สเปนิชก็ดี ผสมภาษาตน ตากาล๊อกอีก ดีจัง อยู่เมกาทำอะไรก็สบายเนอะๆๆ

แต่ว่าไปพวกเค้าก็อิจฉาคนไทยน่ะ เพราะเรามีของกินอร่อยกว่าพวกเค้า อิๆๆ ข้อดีข้อเสียเนอะ


โดย: Special Ed. วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:2:37:58 น.  

 
เพิ่งเจอมากะตัวเลยค่ะ ไปสถานทูตอเมริกา หัวดำๆ เหมือนกันเด๊ะ ตัวดำๆ เหมือนกันเด๊ะ ดั้งก้ะไม่มีเหมือนกันเด๊ะ เราก้ะคอยจ้องมองกะว่าคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์ พอเค้ามองมากุ้งส่งยิ้มไปจังเบอเร่อ โหยยยยยยย มองผ่านค่ะ กรี๊ดดดดดดดดด แว่บนึงมองโลกในแง่ดี เค้าคงไม่ใช่คนไทย แต่พอเค้าพูดกับเจ้าหน้าที่ก็ได้ยินว่าเค้าพูดประมาณว่าจะมาขอเลื่อนกำหนดการเข้าอเมริกาเพราะจะไปเมืองไทย 5555555 สดๆ ร้อนๆ เลยค่ะคุณนิด


โดย: KungGuenter วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:3:27:22 น.  

 
คล้ายๆ กับที่เคยเจอมาเหมือนกันคะ
พาคนนั่นไปล่องเจ้าพระยา ก้อบอกว่า
เราขึ้นรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีตากสิน
แล้วลงเรือด่วนเจ้าพระยาดีไหม
เราจะไปวัดพระแก้วกัน
ขานั่นก้อเออออห่อหมก เอาซิๆ ท่าทางจะสนุก

พอขึ้นไปสถานีรถไฟฟ้าก้อเจอฝรั่งหนุ่มสาวคู่นึง
กำลังถกเถียงหน้าดำหน้าแดง ได้ยินเสียงหนุ่ม
พูดปะกิตแว่วว่าจะไปลงเรือที่สถานีตากสิน
ไปวัดพระแก้วเหมือนเรา

คุณคนนั้นได้ที ส่งพี่เข้าไปคุยแล้วก้อบอกทางเสร็จสรรพ
พอถึงสถานีสยามเราสองคนก้อคอยมองหาสองคนนี้
และเห็นว่าหนุ่มสาวคู่นี้กำลังจะหลงทาง
ก้อเลยต้องตะโกนเรียกให้มาขึ้นรถไฟไปกะเราสองคน
ฝ่ายหนุ่มดีอกดีใจว่าข้าไม่หลงทางแล้วเฟ่ย
แต่คุณสาวท่าทางไม่ค่อยอยากจะไปเที่ยวซักเท่าไหร่

แต่ยังไงฝ่ายหนุ่มก้อแทงกิ้วเราสองคน
ก่อนลงรถไฟฟ้าก้อยังหันมาแทงกิ้วอีกหน


โดย: นู๋ส้มจุก วันที่: 16 สิงหาคม 2550 เวลา:8:46:57 น.  

 
ผมเป็นคนเก่งอังกฤษมาตั้งแต่เล็กๆ ครับ
สงสัยเพราะอย่างนี้ก็เลยทำให้ผมขยันใฝ่รู้ไปด้วย จะได้สมกับที่ผู้ใหญ่ชมว่าเก่ง

พอโตสักหน่อย ได้คุยกับฝรั่งครั้งแรก อึ้งเลยครับ
ไม่นึกว่าที่เราเรียนมาตั้งเยอะมันจะทำให้สื่อสารไม่ได้ขนาดนี้
หลังจากนั้นก็ต้องพยายามหัดพูดหัดฟังบ่อยๆ
UBC เป็นตัวการสำคัญเลยที่ทำให้ผมคุ้นกับฝรั่งพูด
ได้จับสำเนียงต่างๆ รู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง

ปัจจุบันก็ไม่ได้เก่งแบบพูดภาษาอังกฤษเป็นไฟหรอกครับ
น่าจะพอสื่อสารได้และน่าจะไม่อดตายถ้าโดนเอาไปปล่อยเมืองนอก



โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:1:38:45 น.  

 
อ่านตอนแรกรู้สึกดีจัง
แต่ตอนท้าย รู้สึกใจแป้ว..
สู้ ๆ ค้ะ ทำดีไม่ต้องเกรงใจกัน


โดย: pumorg วันที่: 22 มกราคม 2551 เวลา:23:27:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

JewNid
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 48 คน [?]




[Add JewNid's blog to your web]