สวัสดีครับ
ปัจจุบันรถยนต์ถือเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความสำคัญเป็นรองจากบ้านเลยนะครับบางคนก็ใช้รถเพื่อประกอบอาชีพบางคนก็ใช้รถเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงฐานะทางการเงินและสถานะทางสังคม อย่างไรก็ตามการซื้อรถถือเป็นการลงทุนที่ใช้เงินจำนวนไม่น้อย ดังนั้น เราไม่ควรมองข้ามการวางแผนการเงินสำหรับการซื้อรถนะครับและวันนี้ผมก็จะนำเสนอคำแนะนำสำหรับการวางแผนซื้อรถครับ
ประการแรก เลือกซื้อตามความจำเป็น
ถ้ามองในแง่ของความคุ้มค่าของเงินเรียกได้ว่าการซื้อรถยนต์เป็นการลงทุนที่ขาดทุนมากที่สุดเลยนะครับเพราะโดยทั่วไปแล้ว เมื่อนำไปขายต่อเป็นรถมือสอง ราคาจะลดลงเยอะมาก คิดคร่าวๆคือค่าเสื่อมราคาในปีแรกโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 30 - 40% และ 10 20% ในปีถัดไป พูดง่ายๆว่าราคาจะตกลงเหลือเพียงครึ่งเดียวภายในเวลาไม่เกิน 5 ปีครับ
ดังนั้นหากจำเป็นต้องซื้อรถสักคัน ก็ขอแนะนำให้เลือกตามความจะเป็นและพอเหมาะกับเงินที่เราจะลงทุน คือดูว่าเหมาะกับจุดประสงค์การใช้งานของเราจริงๆ หรือเปล่า นั่นคือ ดูยี่ห้อรถขนาดรถ ขนาดเครื่องยนต์ ให้เหมาะกับการใช้งานและกำลังซื้อของเรารวมทั้งการตกแต่งเพิ่มเติม หากมีเงินเหลือและไม่กระทบต่อสภาพคล่องก็สามารถแต่งรถได้ตามความชอบครับ
ประการที่สอง ซื้อเงินผ่อนดีกว่า
ในข้อนี้ ผมมีเหตุผลง่ายๆ คือ เงินที่เราจะนำไปซื้อรถหนึ่งคันอย่างน้อยๆ ก็ประมาณ 400,000 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยนะครับแต่เวลาผ่านไปเพียงปีเดียว มูลค่าจริงของรถก็จะลดลงถึง 30% หรือคิดเป็นค่าเสื่อมถึง120,000 บาท ดังนั้น ถ้าเราจ่ายเงินสดไปทั้งก้อน มูลค่าการ ลงทุน ของเราก็ลดลงอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น หากจำเป็นต้องซื้อรถก็ขอแนะนำทางเลือกที่ดีกว่าในเชิงการเงินนั่นก็คือการใช้บริการสินเชื่อเพื่อรถยนต์ที่เรียกว่า การเช่าซื้อ(Hire Purchase)ซึ่งปัจจุบันค่ายรถและสถาบันการเงินต่างก็แข่งขันกันอย่างเข้มข้น ทำให้ดอกเบี้ยต่ำโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.5% ต่อปี ดังนั้นแทนที่จะจ่ายเงินก้อนไปกับการซื้อรถ ขอแนะนำให้นำเงินก้อนไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงยซึ่งโดยทั่วไปแล้วการลงทุนในหุ้น ทอง กองทุน หรือสินทรัพย์อื่นๆส่วนใหญ่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่า 2.5% อยู่แล้วหรือแม้กระทั่งการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำอย่าง ตั๋วเงินคลัง หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นก็ให้ผลตอบแทนประมาณ 2% อยู่แล้วซึ่งวิธีนี้จะให้ผลคุ้มค่ามากกว่าการซื้อด้วยเงินสดทั้งก้อนครับ หรือจะให้พูดง่ายๆก็คือ แทนที่จะละลายเงินแสนในเวลาไม่เกิน 3 ปีสู้ว่าเอาเงินแสนนั้นไปลงทุนให้งอกเงยดีกว่านะครับ
ประการสุดท้าย ซื้อยี่ห้อหรือรุ่นที่ได้รับความนิยมในตลาด
หากเราเลือกซื้อรถยี่ห้อหรือรุ่นที่เป็นที่นิยมในตลาด เวลาขายต่อเราก็จะได้ราคาที่สูงกว่ายี่ห้อ/รุ่นอื่นๆ ครับ
ทั้งสามข้อที่กล่าวมาเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถเพื่อใช้ส่วนตัวนะครับ ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อรถในนามนิติบุคคลเพื่อไว้ใช้งานบริษัทวิธีที่เป็นประโยชน์มากที่สุดคือการใช้บริการลีสซิ่ง (Leasing) เพราะในเชิงภาษีแล้ววิธีการลงบัญชีจะต่างกัน นั่นคือการนำรถมาใช้ด้วยวิธีลีสซิ่งนั้นถือว่ามีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าเช่าสามารถนำยอดมาหักลดหย่อนภาษีได้ครับ ยกตัวอย่างเช่น
สมมติว่ารถราคา 1 ล้านบาท หากบริษัทซื้อด้วยเงินสดจะหักค่าเสื่อมได้ 5 ปี ปีละเท่าๆ กัน ในกรณีนี้คือปีละ 200,000 บาท หรือเดือนละ16,667 บาท แต่หากบริษัททำลีสซิ่งก็จะสามารถนำค่าเช่ารายเดือนมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 36,000 บาทต่อเดือน ซึ่งมากกว่าค่าเสื่อมเป็นสองเท่า แปลว่าสามารถประหยัดภาษีได้มากกว่าครับ
โดยสรุปแล้วแนะนำว่าบุคคลธรรมดาควรซื้อด้วยวิธีเช่าซื้อเพราะดอกเบี้ยถูกกว่าผลกำไรจากการลงทุน ส่วนนิติบุคคลให้ซื้อด้วยการลีสซิ่งเพราะว่าหักภาษีได้มากกว่าการเช่าซื้อครับ
และนี่ก็คือคำแนะนำการซื้อรถที่นำมาฝากกันในวันนี้นะครับหากใครอ่านแล้วสนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือใครที่กำลังวางแผนซื้อรถ ก็สามารถส่งอีเมล์มาปรึกษาเราได้ครับที่ k-expert@kasikornbank.com หรือเข้าไปอ่านสาระดีๆ ได้ที่ www.askkbank.com/k-expert หรือผู้ที่สนใจรับข้อมูลทาง Twitter สามารถ follow@KBank_Expert เพื่อรับข่าวสารและเกร็ดการเงินการลงทุนจากทีม K-Expertทุกวันครับ
ก่อนจากกันวันนี้ผมขอฝากโปรแกรมดีๆ อย่าง Tax Buddy สำหรับคุณหมอที่จะช่วยให้การกรอกแบบ ภ.ง.ด. 94 กลายเป็นเรื่องง่ายๆครอบคลุมที่งแบบคณะบุคคลและบุคคลธรรมดา ดาวน์โหลดฟรีได้แล้ววันนี้ www.askkbank.com/k-expert ครับ
Credit:ภาพประกอบจาก www.thaicarpost.com