สวัสดีครับ
ผู้ที่ทำงานเป็นลูกจ้างแน่นอนว่าจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่ง จริงๆแล้ว ประกันสังคมมีประโยชน์อยู่หลายอย่างที่พวกเราหลายๆ คนไม่รู้หรือมองข้ามไปบ้างก็ได้แต่สงสัยว่าเงินที่เราจ่ายไปทุกเดือนๆ นั้นมันหายไปไหนมีโอกาสจะได้คืนมาบ้างหรือไม่วันนี้ผมจึงขอนำเสนอสิทธิประโยชน์ที่ควรรู้จากกองทุนประกันสังคมครับแต่ก่อนที่จะไปดูกันว่าสิทธิประโยชน์ที่ว่านั้นได้แก่อะไรบ้างเรามาทำความเข้าใจกันก่อนสักนิดว่าประกันสังคมคืออะไร
เมื่อนายจ้างมีลูกจ้างตั้งแต่1 คนขึ้นไป ต้องมีหน้าที่ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนให้ครบทุกคนภายใน 30 วันและส่งเงินสมทบให้ครบถ้วนทั้งส่วนของนายจ้างและลูกจ้างซึ่งจะทำให้ลูกจ้างได้รับสิทธิ์ประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม ทั้งนี้การส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม จะคำนวณจากฐานค่าจ้างตั้งแต่ 1,650 บาทถึงสูงสุดที่ 15,000 บาท โดยลูกจ้างและนายจ้างจะต้องจ่ายสมทบในอัตราร้อยละ 5ของฐานรายได้ของลูกจ้าง และรัฐบาลสมทบให้เพิ่มในอัตราร้อยละ 2.75โดยมีรายละเอียดดังนี้
สิทธิประโยชน์ | เงินสมทบ (บาท) |
นายจ้าง | ลูกจ้าง | รัฐบาล |
1. การรักษาพยาบาล การบริการทางการแพทย์จนสิ้นสุดการรักษา รวมทั้งบำบัดทดแทนไต กรณีไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ปลูกถ่ายไขกระดูก เปลี่ยนกระจกตา อวัยวะ และอุปกรณ์ในการบำบัดรักษาโรค บริการด้านทันตกรรมและเงินทดแทนการขาดรายได้ | 225 (1.5%) | 225 (1.5%) | 225 (1.5%) |
2. ทุพพลภาพ - ค่ารักษาพยาบาล + เงินทดแทนรายได้ - ค่าใช้จ่ายในกระบวนการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการ จิตใจ และอาชีพ ไม่เกิน 40,000 บาท |
3. เสียชีวิต ค่าทำศพ 40,000 บาท + เงินสงเคราะห์ |
4. คลอดบุตร ค่าทำคลอด 13,000 บาทต่อครั้ง และเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร ไม่เกิน 2 ครั้ง |
5. สงเคราะห์บุตร บุตรอายุไม่เกิน 6 ปี สงเคราะห์ให้ 400 บาท/คน/เดือน สงเคราะห์สูงสุด 2 คน | 450 (3%) | 450 (3%) | 150 (1%) |
6. เกษียณอายุ - อายุครบ 55 ปี แต่สมทบไม่ครบ 180 เดือน ได้บำเหน็จ - อายุครบ 55 ปี สมทบครบ 180 เดือน (15 ปี) ได้บำนาญรายเดือนในอัตราร้อยละ 20 ของเงินเดือน (คิดสูงสุดที่เงินเดือน 15,000 บาท) ตลอดชีวิต และหากจ่ายสมทบเข้ากองทุนตั้งแต่ 16 ปีเป็นต้นไป จะได้บำนาญเพิ่ม 225 บาททุกๆ 1 ปีที่จ่ายสมทบเกิน 15 ปี เช่น เงินเดือน 15,000 จะได้บำนาญ 3,000 บาท แต่ถ้าจ่ายสมทบเป็นเวลา 16 ปี จะได้ 3,225 บาท ต่อเดือน หรือถ้าจ่ายสมทบเป็นเวลา 17 ปี จะได้ 3,450 บาทต่อเดือน |
7. ว่างงาน คำนวณเงินทดแทนให้จากฐานเงินเดือนสูงสุด 15,000 บาท - เลิกจ้าง : ได้เงินทดแทน 50% ของค่าจ้างปีละไม่เกิน 180 วัน - ลาออก : ได้เงินทดแทน 30% ของค่าจ้าง ปีละไม่เกิน 90 วัน | 75 (0.5%) | 75 (0.5%) | 37.5 (0.25%) |
รวม | 750 (5%) | 750 (5%) | 412.5 (2.75%) |
ทั้งนี้ มักจะมีข้อสงสัยว่าหากเราไม่เคยใช้สิทธิ์จากกองทุนประกันสังคมเลย เงินที่เราจ่ายสมทบไปนั้นไปไหนและเราจะมีโอกาสได้คืนหรือไม่ซึ่งในส่วนนี้ต้องบอกว่าเงินที่เราจ่ายสมทบเข้ากองทุนฯ ไปนั้นจะนำไปบริหารโดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนครับ คือ
- เงินสมทบกองทุนกลาง เงินสมทบของทุกคนที่จ่ายเข้ากองทุน ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปเป็นกองทุนกลางเพื่อใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหรือจ่ายทดแทนรายได้ให้แก่เพื่อนสมาชิกคนอื่นๆ ที่ใช้สิทธิ์ ตามหลักเฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุข
- เงินสมทบกรณีชราภาพ เงินส่วนนี้เราจะได้คืนครับ โดยจะคืนให้เมื่อเราอายุครบ 55 ปี ในกรณีที่เราจ่ายสมทบไม่ครบ 180 เดือน ก็จะได้คืนเป็นเงินก้อน เรียกว่า เงินบำเหน็จชราภาพ แต่ในกรณีที่เราจ่ายสมทบครบ 180 เดือน ก็จะได้เงินคืนเป็นรายเดือน เรียกว่า เงินบำนาญชราภาพ
ดังนั้นหากมองอีกมุมก็จะเห็นว่าเงินที่เราจ่ายสมทบไปถึงจะไม่ได้ใช้สิทธิ์ในการรักษาพยาบาล ก็ไม่ได้จ่ายไปสูญเปล่าครับอย่างน้อยก็เป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนสมาชิกที่อาจไม่มีกำลังมากพอจะรับมือกับค่ารักษาพยาบาลและอีกส่วนก็เพื่อเป็นเงินให้เราไว้ใช้จ่ายยามเกษียณนั่นเองครับ นอกจากนี้เงินที่เราจ่ายสมทบเข้ากองทุนยังสามารถนำมาหักภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000บาทต่อปี แต่สำหรับปี 2555 นี้จะได้สูงสุดไม่เกิน 6,300 บาทนะครับ เพราะรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปีที่แล้วด้วยการลดอัตราการสมทบเงินเข้ากองทุนฯจากร้อยละ 5 กลายเป็นร้อยละ 3 ในช่วงครึ่งปีแรก และร้อยละ 4 ในช่วงครึ่งปีหลังครับดังนั้น ปีนี้เราก็จะจ่ายเงนสมทบสูงสุดที่ 6,300 บาทนั่นเอง
และนี่ก็คือสาระดีๆเกี่ยวกับกองทุนประกันสังคมที่นำมาฝากกันในวันนี้นะครับ หากใครมีข้อสงสัยสามารถอีเมล์มาปรึกษาทีมผู้เชี่ยวชาญ K-Expert ได้ทุกเรื่องการเงินที่ K-Expert@kasikornbank.com หรือเข้าไปอ่านสาระดีๆ เกี่ยวกับการบริหารจัดการและวางแผนการเงินได้ที่ www.askKBank.com/K-Expert และสำหรับผู้ที่ชอบรับข้อมูลทาง Twitterก็สามารถไป follow @KBank_Expert เพื่อรับข่าวสารและเกร็ดการเงินการลงทุนได้ทุกวันครับ
Credit: ภาพประกอบจาก Voicelabour.org