สวัสดีครับเพื่อนผู้อ่าน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา K-Expert ได้นำเสนอแนวทางการเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในรายการThe Expert ปรากฏการณ์ปลุกฝัน ผ่านภารกิจตามติดชีวิตของ บอล คนต้นฝัน หนุ่มนักศึกษาชาวลำปางที่มีร้านขายเสื้อผ้าเป็นของตัวเองเพื่อหารายได้จ่ายค่าเทอมและค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยมี K-Expert คอยให้คำแนะนำ วันนี้จึงอยากนำทิปมาสรุปให้เพื่อนผู้อ่านได้นำไปปรับใช้ให้กิจการรุ่งเรืองครับ
ก่อนอื่น การจะทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จอย่างมั่นคงเราต้องท่องไว้ในใจเสมอว่า การหยุดอยู่กับที่ก็เท่ากับการก้าวถอยหลังแล้ว เพราะโลกธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันสูงและตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วถ้าเราก้าวตามไม่ทันก็อาจจะแพ้คู่แข่งได้ในพริบตาดังนั้นสิ่งที่ควรทำเพื่อรับมือกับการแข่งขันก็คือ ต้องรู้เขารู้เราด้วยการวิเคราห์จุดแข็งจุดอ่อนทั้งของสินค้าของเราเองและของคู่แข่งในตลาดหรือที่เรียกกันภาษาการตลาดว่า SWOT Analysis ซึ่งประกอบไปด้วย
S หมายถึงStrength หรือ จุดแข็งของสินค้า เช่น คุณสมบัติและสรรพคุณที่สินค้าเรามีเหนือคู่แข่งรวมถึงรูปลักษณ์ คุณภาพวัสดุที่ใช้ ความทนทาน ความหลากหลายของสินค้า (สีและขนาด) และช่องทางการขายที่สะดวก
W หมายถึงWeakness หรือ จุดอ่อนของสินค้าที่ทำให้สินค้าเราด้อยกว่าคู่แข่ง
O หมายถึงOpportunity หรือ โอกาสทางธุรกิจที่ส่งผลดีต่อสินค้า เช่นโครงการบ้านหลังแรกของรัฐบาล ช่วยผลักดันให้บ้านขายดี ดังนั้นโครงการดังกล่าวจึงนับเป็นโอกาสของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ หรือในกรณีของการเติบโตของโลกSocial Network ที่ทำให้เราสามารถขยายช่องทางการประชาสัมพันธ์และจำหน่ายสินค้าได้ทั่วโลกโดยไม่ต้องมีต้นทุนในการเช่าร้านและค่าแรงคนงานซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่ใช้ Facebook, Twitter และ Instagram เป็นร้านค้าออนไลน์ครับ
T หมายถึงThreat หรือ สิ่งคุกคามต่อธุรกิจ เช่น เกิดสงครามในอิหร่านทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งของเราสูงขึ้นหรือยุโรปเพิ่มมาตรการกีดกันสินค้าไทย ทำให้เราส่งสินค้าออกไปขายได้น้อยลง หรือในกรณีของแคมเปญรณรงค์การทานอาหารเพื่อสุขภาพของหน่วยงานต่างๆก็นับเป็นสิ่งคุกคามต่อธุรกิจ fast foods และอาหารแช่แข็งนั่นเองครับ
โดยใน 4ตัวนี้จะมีปัจจัยที่เราควบคุมได้อยู่ 2 อย่างคือ S และ W ส่วน Oและ T เป็นปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้สิ่งที่เราทำได้คือติดตามสถานการณ์เพื่อเตรียมคว้าโอกาส เข้าทำนอง น้ำขึ้นให้รีบตัก และเตรียมรับมือเมื่อเกิดวิกฤติเพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ทั้งนี้ ผู้บริหารของบริษัทขนส่งทางเรือท่านหนึ่งที่เคยให้แนวคิดการกับทีมงานK-Expert ไว้ซึ่งเป็นประโยชน์และนำไปใช้ได้จริง จึงอยากนำมาแชร์กับเพื่อนผู้อ่านครับโดยแบ่งได้เป็น 7 ข้อคิด ดังนี้ครับ
- การทำธุรกิจต้องมีกำไร คือ ถ้าคิดจะทำธุรกิจ เมื่อบวกลบต้นทุนแล้วต้องได้กำไร ถ้าขาดทุนก็อย่าทำ
- ปรับปรุงการทำงานอย่างต่อเนื่อง คือ ต้องไม่หยุดพัฒนา เพราะการพัฒนาจะช่วยให้เราทำสิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น ลดขั้นตอนการทำงานจาก 10 ขั้นลงมาเหลือ 6 ขั้น ทำให้ประหยัดต้นทุนและเวลาได้
- มีความโปร่งใส คือ ต้องดำเนินธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา ไม่ปิดบังหรือบิดเบือนข้อมูล จริงใจต่อผู้บริโภคและพนักงาน
- ต้องลงมือทำเอง คือ การจะเป็นเจ้าของธุรกิจต้องรู้ทุกอย่างและรู้ลึกในรายละเอียด ตั้งแต่เรื่องของวัตถุดิบ การออกแบบ การผลิต ต้นทุนต่างๆ จนไปถึงเรื่องของรายงานประจำปี แผนการขายและแผนการตลาด ทั้งนี้เพื่อให้สามารถตีโจทย์และพัฒนาสินค้าได้อย่างต่อเนื่องและทันโลก
- เป็นผู้ฟังที่ดี คือ ต้องรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ทั้งลูกน้องและลูกค้า
- จัดสรรงานให้ถูกคน คือ ควรรู้ว่าในทีมหรือบริษัท คนไหนชำนาญเรื่องใด เพื่อที่จะได้จัดสรรงานให้ทำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงควรมีการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความรู้ความสามารถทันโลก
- ต่อยอดธุรกิจ คือ หากต้องการเติบโต ควรต่อยอดธุรกิจเดิมเพื่อขยายตลาดและเสริมยอดขาย
นอกจากนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้และนับเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในการทำธุรกิจนั่นก็คือการบริหารจัดการทางการเงิน นั่นเองครับผู้ประกอบการที่ขายสินค้าได้มากจะไม่มีทางร่ำรวยอย่างมั่นคงหากไม่มีการบริหารจัดการเงินที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพครับทั้งในเรื่องของการเดินบัญชี การควบคุมต้นทุน การบริหารหนี้ที่เกิดจากการขยายธุรกิจรวมถึงการบริหารกระแสเงินสดซึ่งเป็นเหมือนเม็ดเลือดแดงที่หล่อเลี้ยงธุรกิจของเราครับ
ท้ายนี้หากใครมีข้อสงสัยทุกเรื่องการเงิน สามารถปรึกษากับ K-Expert ได้ตามช่องทางนี้ครับ
Email ปรึกษาทุกเรื่องการเงินอย่างเป็นส่วนตัว: k-expert@kasikornbank.com
Website รวมบทความและเครื่องมือคำนวณทางการเงิน: www.askkbank.com/k-expert
Twitter @KBank_Expert: //twitter.com/KBank_Expert
credit: ภาพประกอบจาก Gaebler.com