|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
หนัง(ผีเด็ก)กำพร้า
ผมมักจะรำคาญคราบไคลทั้งหลายตามร่างกายของผมอยู่บ่อยๆ มันทำให้ผมรู้สึกสกปรกและไม่มั่นใจในตัวเอง หนังกำพร้าเหล่านี้หลุดร่อนออกมาเป็นเซลล์จำนวนนับไม่ถ้วนต่อวัน มันเป็นสิ่งปฏิกูลที่ถูกระบบขับออกไปเพื่อให้เกิดสมดุลของร่างกาย คล้ายว่าจะไม่มีใครชื่นชอบหรือหาประโยชน์จากมันได้เลยสักนิด
ปกติแล้วผมก็ไม่ได้ดูหนังบ่อยนัก เฉลี่ยได้ไตรมาสละครั้ง ยิ่งเป็นหนังผียิ่งไม่อยากดูเข้าไปอีก ไม่ใช่ว่าผมกลัวผีจะหลอกจนขนหัวลุก แต่กลัวหนังหลอกมากกว่า เนื่องจากหนังเหล่านี้ชอบโปรโมทกันว่าไปดูแล้วจะได้อะไรมากกว่าที่คิด แต่พอออกจากโรงหนัง ผมก็ไม่เห็นว่าจะได้อะไรนอกจากกำไรที่หนังพวกนี้จะได้และความสนุกสนานของโครงเรื่องที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มเป็นสูตรสำเร็จกันไปเสียหมด เมื่อไม่นานมานี้หนังผีมักจะอยู่ควบคู่กับหนังตลกเหมือนปาท่องโก๋ ทว่าตอนหลังซบเซาลงเพราะคนดูคนชมรู้ แกว กันแล้ว ตอนหลังเลยเสิร์ฟขนมปังร้อนๆเป็นหนังผีไม่ผสมอะไรทั้งสิ้น โดยมีสังขยาหอมหวานอย่างดาราสุดหล่อ ซุปเปอร์สตาร์สาวแสนสวย หรือฝีมือกำกับร่วมของผู้กำกับชื่อดังมาเป็นตัวล่อให้คนไปบริโภค แต่ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกเรื่องไป และส่วนใหญ่หนังที่ประสบความสำเร็จก็เป็นแค่ความสำเร็จที่สร้างความสะพรึงกลัวอย่างมากเท่านั้น ไม่ค่อยจะมีมุมมองแง่คิดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ชมสักเท่าไหร่ หนังผีในปัจจุบันก็คงเป็นเหมือนคราบขี้ไคลที่ถูกขัดออกอย่างตั้งใจ เพราะไม่มีใครเห็นสารประโยชน์ใดๆจากหนังจำพวกนี้เลย
ผมได้มีโอกาสชมหนังสัญชาติสเปนแดนกระทิงดุเรื่อง The Orphanage ในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ที่จัดโดยคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนังเรื่องนี้สร้างความระทึกขวัญให้กับผู้ชมอย่างมาก ระทึกขวัญมากจนบางครั้งคนนิ่งๆอย่างผมก็แอบรู้สึกรำคาญเสียงกรี๊ดจากหญิงชายทั้งหลายที่อยู่แวดล้อม แต่นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่า ความสำเร็จ ของหนังเรื่องนี้ กระนั้นก็มิใช่ความสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังมีอีกหลายประเด็นที่เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินว่าหนังสั่นประสาทเรื่องนี้ประสบความสำเร็จจริงหรือไม่ และยิ่งไปกว่านั้นผู้ชมได้รับอะไรจากหนังเรื่องนี้บ้างนอกจากความบันเทิง ... หนังเรื่องนี้จะเหมือนกับหนังผีเรื่องอื่นๆที่หลุดร่อนไปตามกาลเวลาโดยที่ไม่มีใครสนใจในคุณค่าของมันเลยหรือเปล่า?
ผมกล้าพูดได้เลยว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังกำพร้าของวงการหนังอย่างแน่นอน ไม่เท่านั้น หนังเรื่องนี้ทำให้ผู้ชมอย่างผมเห็นคุณค่าของหนังกำพร้า ... ไม่ใช่หนังกำพร้าที่ร่างกายขับออกตามธรรมชาติ ... แต่เป็นหนังกำพร้าที่สังคมขับออกตามความรู้สึก
The Orphanage (El Orfanato) เป็นผลงานการกำกับการแสดงของ Juan Antonio Bayond ผู้กำกับหน้าใหม่ ซึ่งต้องขอบคุณ Guillermo Del Toro ผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย เพราะถ้า ไม่ใจกว้างพอที่จะให้เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง Bayond ลองทำงานกำกับแล้ว วงการหนังก็คงไม่มีตัวอย่างหนังผีคุณภาพอย่างแน่นอน โดยการันตีความยอดเยี่ยมของหนังได้จากรางวัล Goya Awards 2008 ซึ่งได้รับถึง 7 รางวัล จาก 14 สาขา
หนังเรื่องนี้กล่าวถึง Laura และครอบครัวได้เข้าไปอาศัยในบ้านเด็กกำพร้าที่เธอเคยอยู่เมื่อยังเด็ก สถานที่นี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรมที่ไม่มีใครคาดคิด โดยเป็นสถานที่ที่ Simon ลูกชายบุญธรรมของเธอก็ได้หายตัวไป แน่นอนว่าเป็นฝีมือของ Thomas วิญญาณเด็กกำพร้าเพื่อนของ Laura ที่มีใบหน้าอัปลักษณ์ ซึ่งมีจิตอาฆาต เพราะถูกฆ่าตายโดยเพื่อนทิ้งเขาไว้ในถ้าในทะเลและไม่นานแม่ของเขาก็ฆ่าเพื่อนๆของเขาตายทั้งหมดโดย Thomas ลวง Simon ไปห้องลับในบ้าน การตามหา Simon เป็นไปด้วยความยากลำบากและปริศนาที่ต้องตามแก้ ความอัปลักษณ์ของ Thomas นำเสนอออกมาด้วยการแต่งหน้าที่ให้รายละเอียดสมจริง เห็นแล้วสยองทันที การดำเนินเรื่องนี้มีแสง สี และเสียงประกอบซึ่งล้วนเป็นส่วนผสมที่สร้างจากความพิถีพิถันบรรจงจนสามารถดึงอารมณ์ของผู้ชมเข้ามาร่วมในหนังได้อย่างมาก แม้ว่าผมจะเป็นคนเก็บอารมณ์ความหวาดกลัวเก่งเพียงใด ก็ต้องยอมรับว่าหนังเรื่องนี้เป็นเพียงไม่กี่เรื่องที่ทำให้ผมแอบสะดุ้งเล็กๆออกมา หัวใจของผมเต้นเร็วแรงผิดปกติด้วยความลุ้นระทึกติดตาม องค์ประกอบที่ลงตัวเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกว่าผมอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วยและกำลังแอบเฝ้าดูการกระทำของตัวละครเอกอย่างหวาดหวั่น เพราะเกรงว่าจะมีเด็กตัวเล็กๆมาสะกิดหลังผมแล้วชวนไปเล่นด้วยกัน
ในช่วงท้ายเรื่องมีการคลายปมปัญหาที่ผมดูไปสลดใจไป เพราะแท้จริงแล้ว Laura เองที่เป็นคนขังลูกไว้โดยไม่ตั้งใจเอง ซึ่งการตัดต่อและลำดับภาพเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆตลอดทั้งเรื่องได้ดี การนำภาพที่ผู้ชมมองผ่านข้ามไปมาซ้ำอีกหลังจากที่ Simon ตายแล้ว ทำให้รู้สาเหตุที่นำมาซึ่งความเศร้าขมขื่นทรมาน และฉากชีวิตของ Laura ก็จบลงด้วยการกินยาฆ่าตัวตายตามลูกชายของเธอไป ชีวิตหลังความตายของเธอดูจะมีความสุขมากเพราะเธอได้ไปอยู่กับลูกและเพื่อนๆรวมทั้ง Thomas ด้วย เธอได้เล่านิทาน ได้สนุกเหมือนตอนเด็กๆตลอดไป
ความทุกข์และจุดจบของ Laura คงมิใช่สารหลักที่ผู้เขียนบทต้องการสื่อให้ผู้ชมเห็น แต่เขามีอะไรที่ต้องการสื่อมากกว่านั้นแต่เป็นการสื่อออกมาอย่างแยบยลจนบางครั้งก็ทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นรองๆไปเสีย ถือว่าผู้กำกับพลาดเรื่องการเสนอความคิดไปนิดหน่อย นั่นก็คือ เรื่องของ เด็กกำพร้า ซึ่งสอดคล้องกับชื่อเรื่อง The Orphanage คนสร้างหนังคงไม่ใช้ชื่อเรื่องนี้เพียงเพราะเป็นฉากหลักของเรื่อง ประเด็นที่น่าสนใจก็อยู่ที่สังคมทุกวันนี้ เราทอดทิ้งพวกเด็กกำพร้าและไม่เอาใจใส่พวกเขาใช่หรือไม่? ซ้ำร้ายเด็กกำพร้าที่มีลักษณะผิดแปลกไปจากคนอื่นย่อมถูก ลืม และ เลือน ไปจากสังคมใช่หรือไม่? มองในภาพรวม คงไม่ใช่แค่เด็กกำพร้าเท่านั้นที่ถูกทอดทิ้ง ยังมีกลุ่มคนอีกหลายกลุ่มที่ไม่รับความสนใจจากสังคม หรือมีความแปลกแยกจากสังคมจนมองเป็นบุคคล ชายขอบ พวกเขาถูกมองเป็นเหมือนหนังกำพร้าที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย และมันจะอันตรายขนาดไหนถ้ากลุ่มคนเหล่านี้มีจิตอาฆาตเหมือน Thomas และร่วมกันทำร้ายสังคมจนบอบช้ำ ... และก็อย่ามาถามรึกันว่าใครจะรับผิดชอบ
สังคมของเรานับวันจะยิ่งเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญต่อคนทุกกลุ่มทุกประเภทอย่างเท่าเทียม มีการแบ่งชนชั้นวรรณะกันกลายๆ ทำให้พวกเขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสแสดงศักยภาพที่มีอยู่ช่วยเหลือสังคมส่วนรวม และเราเองก็ปล่อยปละละเลยต่อบทบาทหน้าที่ที่พึงกระทำ ผมเองเริ่มกลับมาทบทวนประเด็นนี้อีกครั้ง จึงเกิดความสงสัยว่าหากคนกลุ่มนั้นทำหน้าที่ของตนเองและทำงานเพื่อสังคมอย่างเต็มที่ที่สุด ขณะเดียวกันคนที่สมบูรณ์พร้อมทุกอย่างเราๆกลับนิ่งเฉยเป็นหุ่นปั้นไร้สมอง ... ใครกันแน่ที่เป็นหนังกำพร้าของสังคม?
เราจะยอมให้ใครหาว่าเราเป็นหนังกำพร้าที่ไร้ประโยชน์ของสังคมกระนั้นหรือ?
ผมคนหนึ่งแหละ ... ที่ไม่ยอม!
Create Date : 04 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2551 13:07:48 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1225 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Madame Kp วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:1:44:04 น. |
|
โดย: CrackyDong วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:2:22:41 น. |
|
โดย: yyswim วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:16:44:48 น. |
|
โดย: Madame Kp วันที่: 6 ตุลาคม 2551 เวลา:2:35:19 น. |
|
โดย: Madame Kp วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:1:52:21 น. |
|
โดย: noitpituk วันที่: 20 ตุลาคม 2551 เวลา:23:18:33 น. |
|
โดย: haiku วันที่: 21 ตุลาคม 2551 เวลา:16:02:49 น. |
|
| |
|
ดนย์ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|