● พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ● ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ● VIDEOTEXT
● ๐๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ● AUDIO TEXT ● ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙ ● VIDEOTEXT
งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปีเครือข่ายกาญจนาภิเษก๖๐ ล้านความดีถวายในหลวง
เผยแพร่แนวทรงงานมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช

● เรา ในหลวง ● We The King ● หนังสือพิมพ์ “ข่าวโลก” ออนไลน์ ● The “World News” Newspaper Online. ● เกาะติดสถานการณ์ ประชาธิปไตยที่ถูกฆ่า ● HaWii CluB : www.hawiiclub.com ●

Zebu Zigouiller
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zebu Zigouiller's blog to your web]
Links
 

 

เกาะติดสถานการณ์ “เลือกตั้ง ส.ส. ๒๕๔๙ : สามัคคีประเทศไทย”



เว็บไซต์ รายงานสด การเลือกตั้ง



























สถานีโทรทัศน์ ออนไลน์ ชมสถานการณ์สด













ปล.ต้องมีโปรแกรม Windows Media Player
Powered by : True World
Special Thanks : ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 7 โมเดิร์นไนน์ทีวี. ช่อง 11 ไอทีวี. เนชั่นแชนแนล




 

Create Date : 02 เมษายน 2549    
Last Update : 2 เมษายน 2549 16:23:56 น.
Counter : 997 Pageviews.  

"พล.อ.เปรม" ย้ำให้ "ทุกฝ่าย" ร่วมหาทางออก-ยุติขัดแย้ง



พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

(ภาพ : สำนักข่าวไทย)

ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับ สถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ร่วมกันคิดหาทางออกที่ดีที่สุดแก่ประเทศชาติ โดยความผาสุก และความไม่แตกแยกของประชาชนเป็นหลัก

พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวกับสื่อมวลชน ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ว่า ทุกฝ่ายควรจะต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในสถานการณ์นี้ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่นั้น เป็นผู้มีความรู้ ล้วนแต่เป็นผู้ที่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง เพราะฉะนั้นจึงใคร่ขอร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์นี้ ควรจะคิดและทำตามที่คิดในสิ่งที่ดีที่สุดแก่ประเทศชาติ และประชาชน

พร้อมขอร้องให้สื่อมวลชนช่วยเผยแพร่ข่าวการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ไปยังผู้ที่มีส่วนทำให้สถานการณ์บ้านเมืองดีขึ้น โดยยึดถึงความสงบเรียบร้อยของชาติบ้านเมือง ความผาสุกของประชาชน ความไม่แตกแยกในบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง และนำไปคิดว่าจะดำเนินการอย่างไรให้สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ยุติลงได้ ทั้งนี้หวังว่าทุกคนจะคิดได้และทำได้.

ที่มา : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์




 

Create Date : 15 มีนาคม 2549    
Last Update : 15 มีนาคม 2549 22:57:33 น.
Counter : 423 Pageviews.  

พล.อ.เปรมย้ำ"ไม่แบ่งฝ่าย"-เตือน"สนธิ"อดีตน่าจะสอนอะไรบ้าง-กรณี"จำลอง-สุจินดา"เป็นบทเรียน



พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา คณะผู้บริหาร บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) โดย นายขรรค์ชัย บุนปาน ประธานกรรมการบริษัท ได้เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่อขออนุญาตจัดพิมพ์ หนังสือประวัติและผลงาน ของ พล.อ.เปรม ที่จะมีการชำระ และเพิ่มเติมข้อมูลใหม่

ทั้งนี้ ภายหลังการหารือดังกล่าว คณะผู้บริหาร บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้ขออนุญาตสอบถามความเห็นของ พล.อ.เปรม กรณีที่ กลุ่มผู้ชุมนุมในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ที่นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะยื่นถวายฎีกา แด่องค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผ่าน พล.อ.เปรม

ซึ่งประธานองคมนตรีได้กล่าวว่า "หากพูดไป คล้ายๆ ว่า เป็นผู้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่ เพราะมาพบปะเรื่องอื่น"

อย่างไรก็ตาม คณะผู้บริหาร บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งว่า อยากจะได้หลักคิด เพื่อไม่ให้ เหตุการณ์ 4 กุมภาพันธ์ บานปลาย เป็นผลเสียแก่ประเทศ

พล.อ.เปรม จึงกล่าวว่า "ผมไม่ค่อยมีข้อมูลที่จะมาประกอบในการคิดอะไร เพราะไม่ได้ตามว่า คุณทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ทำอะไร คุณสนธิ ทำอะไร แต่ผมคิดว่า อดีตน่าจะสอนเขาบ้างว่า ที่ทำมา ดีหรือไม่ดีอย่างไร ตั้งแต่ 14 ตุลาฯ (เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516) ซึ่งไม่ต้องพูด เพราะเป็นเรื่องที่เขามีเหตุมีผล แต่ กรณี คุณจำลอง (พล.ต.จำลอง ศรีเมือง) กับ คุณสุจินดา (พล.อ.สุจินดา คราประยูร) นี่ เป็นบทเรียนที่ดีว่า เราจะทำอย่างนั้นอีกไหม"

เมื่อคณะผู้บริหาร บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ขออนุญาตนำคำกล่าวนี้ไปเผยแพร่ พล.อ.เปรม ตอบว่า "ถ้าจะเอาไปลงหนังสือพิมพ์ละก็ ขอเพียงแต่บอกว่า ทำอย่างไรให้รู้ว่า ไม่ได้แบ่งฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายคุณทักษิณ หรือคุณสนธิ"

เมื่อถามว่า วันที่ 4 กุมภาพันธ์ จะอยู่บ้านพักหรือไม่ พล.อ.เปรม กล่าวว่า "คอยดูว่าผมจะอยู่หรือไม่ จริงๆ ผมไม่เกี่ยวข้อง คุณสนธิก็พูดเอาเองว่า จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ฟังบ้าง อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง และผมไม่รู้ว่า คุณสนธิจะเสนออะไรบ้าง".

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ปีที่ 29 ฉบับที่ 10191 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549




 

Create Date : 14 มีนาคม 2549    
Last Update : 14 มีนาคม 2549 23:04:11 น.
Counter : 517 Pageviews.  

“กาลามสูตร” มีรายละเอียดและความเป็นมาอย่างไร

คำถาม

จะมีหลักในการบริหารจัดการตนเองอย่างไรในท่ามกลางข้อมูลข่าวสารท่วมท้นทุกวันนี้ ที่บางทีเราก็ไม่รู้จะว่าจะเชื่อใคร หรือไม่เชื่อใคร เคยได้ยินผู้รู้พูดถึง “กาลามสูตร” มีรายละเอียดและความเป็นมาอย่างไรครับ

คนห่างวัด 8 ก.พ. 47


คำตอบ
เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะต้องยึดหลักกาลามสูตร พระพุทธเจ้าสอนไว้ไม่ผิดหรอก
“กาลามสูตร” หรือ “เกสปุตตสูตร” คือ ข้อมิให้เชื่อถือโดยอาการ 10 อย่าง
ประกอบไปด้วย.....
1. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการได้ยินได้ฟังตามกันมา
2. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการนับถือตามถ้อยคำสืบ ๆ กันมา
3. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการตื่นข่าวลือ
4. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการอ้างตำรา
5. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการนึกเดาเอาเอง
6. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการคาดคะเน
7. อย่าเพิ่งเชื่อถือด้วยการคิดตรองอาการที่ปรากฏ
8. อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะเข้ากับความเห็นของตน
9. อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะผู้พูดมีรูปลักษณะน่าเชื่อถือ
10. อย่าเพิ่งเชื่อถือเพราะเห็นว่าสมณะนี้หรือผู้นี้เป็นครูของเรา
พระสูตรนี้มีที่มาดังนี้ครับ.....
ครั้งหนึ่ง องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จไปในโกศลชนบท พร้อมด้วยพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จไปถึงนิคมของพวกกาลามะชื่อว่าเกสปุตตะ ชาวกาลามะนี้ได้เคยทราบข่าวถึงกิตติศัพท์อันงามของพระพุทธเจ้าว่าเป็นผู้ไกลจากกิเลส เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้ควรไหว้ควรบูชา เป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยวิชชาจรณะ เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี เป็นผู้รู้แจ้งโลก เป็นผู้ฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้โดยไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นครูผู้สอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้จำแนกแจกธรรม เป็นผู้มีคุณอันดีในเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด เป็นผู้ประกาศพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์บริบูรณ์โดยสิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถและพยัญชนะ การได้เห็นพระอรหันต์ทั้งหลายดังพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นย่อมเป็นคุณความดี ดังนี้ จึงได้พากันไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคจ้า ณ ที่ประทับ
เมื่อชาวกาลามะต่างกราบนมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วก็นั่ง ณ ที่อันควรส่วนหนึ่ง แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ มีสมณพราหมณ์พวกหนึ่งมายังเกสปุตตนิคม สมณพราหมณ์พวกนั้นพูดประกาศแต่เฉพาะธรรมคำสอนของตัวเองเท่านั้น ส่วนธรรมคำสอนของผู้อื่นจะช่วยกันกระทบกระเทียบ ดูหมิ่น ทำให้ไม่น่าเชื่อถือ พระเจ้าข้า พวกข้าพระองค์เคลือบแคลงสงสัยในสมณพราหมณ์เหล่านั้นว่า ท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ใครพูดจริง ใครพูดเท็จ
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสว่า ดูก่อนกาลามชนทั้งหลาย ก็ควรแล้วที่ท่านทั้งหลายจะเคลือบแคลงสงสัย มาเถิดกาลามชนทั้งหลาย เรากล่าวว่า....
เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้ติเตียน ธรรมเหล่านี้ใครนำไปปฏิบัติตามแล้วเป็นไปเพื่อสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เป็นไปเพื่อความทุกข์ ท่านทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสีย
เมื่อใดท่านทั้งหลายรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผุ้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครนำไปปฏิบัติตามแล้วเป็นไปเพื่อประโยชน์ เป็นไปเพื่อความสุข เมื่อนั้นท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ถ้าเรายึดหลักกาลามสูตรให้มั่น ก็ไม่ต้องกลัวตกเป็นเครื่องมือใคร ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมี hidden agenda หรือไม่

พายัพ วนาสุวรรณ 8 ก.พ. 47

(ที่มา : คอลัมน์ คุณถาม พายัพตอบ ผู้จัดการ ออนไลน์)




 

Create Date : 04 มีนาคม 2549    
Last Update : 4 มีนาคม 2549 18:52:49 น.
Counter : 692 Pageviews.  

แนะคนเป็นหนี้ ทำให้มาก ใช้ให้น้อย : พระพยอม กลฺยาโณ


แนะคนเป็นหนี้
ทำให้มาก ใช้ให้น้อย


เป็นหนี้ ถ้าไม่ใช้ แล้วคิดอะไรต่อมิอะไร เพื่อจะใช้ล้างหนี้ ถึงอย่างไรหนี้มันก็ไม่หมด เพราะมันเป็นหนี้กรรม ที่จะจองเวรจองกรรมไปทุกภพทุกชาติ ถ้าคิดจะเป็นหนี้ ควรจะคำนึงว่า หนี้นั้นไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ต้องคำนวณว่า จะมีปัญญาใช้เขาหรือไม่ หรือถ้าจะเป็นหนี้ ก็ควรจะเป็นหนี้ที่มีมูลค่าเพิ่ม
คนเราเกิดมา มีอยู่อีกเรื่องเหมือนกัน ที่ควรต้องวาง แผนชีวิตให้ดี มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำว่า “หนี้” ไม่ว่าจะเป็นหนี้กรรม หนี้เวร หรือหนี้สิน ที่ไปกู้ยืมมาก็ตาม
หนี้กรรม หนี้เวร นี่ ยังไงมันก็ไม่อาจจะหลบหลีกได้ บางคนก่อกรรมก่ออะไรไว้ บางครั้ง มันอาจคาดไม่ถึงว่า ผลลัพธ์ที่ได้กลับมา แบบชนิดที่เรียกว่า มันมาเก็บทั้งดอก เก็บทั้งต้นคืน อย่างชนิดที่เจ็บปวดทรมานเป็นที่สุด
หลายคน คงจะเคยได้ยินข่าวว่า คนที่ชอบก่อกรรมทำเวรอะไรแล้ว กรรมตามทันตาเห็น เขาถึงได้เรียกว่า จะ หนีอะไรก็หนีได้ แต่จะหนีหนี้กรรมหนี้เวรที่ก่อไว้ อย่างไรมันก็หนีไม่ได้ หนีไม่พ้น
สิ่งเลวร้าย ที่มันเกิดกับคนที่เป็นเจ้าหนี้ หรือไม่ก็เกิดกับลูกหนี้ มันมีให้เห็นกันมาก ทั้งที่เห็นเองก็มี เห็นในหนังสือพิมพ์ก็มี เช่น
บางคนเป็นหนี้ แล้วคิดจะหนีหนี้ ก็เลยเล่นฆ่าเจ้าหนี้ หรือถ้าเป็นฝ่ายเจ้าหนี้ ทวงหนี้แล้วไม่ได้ ก็จะใช้วิธีการ ทำร้ายลูกหนี้บ้าง พังบ้าน เผาบ้านเขาบ้าง หรือถ้ารู้ว่า ไม่ได้คืนแน่ๆ ก็ฆ่าลูกหนี้ทิ้งซะเลย
“พระพุทธเจ้า” พระองค์ทรงเตือนว่า “อย่าเป็นหนี้เขา เพราะเราจะเป็นทุกข์ การกู้หนี้ยืมสิน เป็นทุกข์ในโลก”
เพราะฉะนั้น อย่าไปถลำตัวเป็นหนี้ โดยไม่ได้ดูว่า ตัวเลขรายได้ของเรา แข็งแรงหรือไม่ ถ้าเป็นหนี้แล้ว จะหามาใช้คืนเขา ได้ด้วยดีหรือไม่ ถ้าเราหาใช้คืนเขาไม่ได้ แล้วมันยังจะพาให้ไป เพิ่มต้น เพิ่มดอก แต่ตัวเลขรายรับ รายได้ของเรา อ่อนแอลง มีแต่ดอกที่เข้มแข็งขึ้น ต้นทุนแข็งแรงขึ้น สิ่งเหล่านี้มันจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเราเป็นอย่างยิ่ง ขอให้คำนึงถึงตรงนี้ด้วย
ถ้าจะให้ดี การที่เราจะไปกู้หนี้ยืมสินใครเขามา เราควรจะต้องดูว่า หนี้ที่เรากำลังจะเอาเข้ามา มันสามารถเอาไปเป็นมูลค่าเพิ่มให้กับเราหรือไม่ ถ้ากู้หนี้เขามาซื้อที่ซื้อทาง มันก็อาจจะงอกเงยเป็นเงินกลับมาได้บ้าง แต่ถ้ากู้หนี้เขามาซื้อรถ มันก็อาจจะลดลงตามชื่อของมันเลยก็ได้ เพราะมันไม่ค่อยจะเพิ่ม ฉะนั้น ก็ต้องคำนึงว่า หนี้ที่เราก่อขึ้นมา มันจะสร้างมูลค่าเพิ่ม ก่อให้เกิดรายได้บ้างหรือเปล่า ถ้าเรามีตัวเลขรายได้ รายรับ แข็งแรง พร้อมที่จะใช้หนี้เขาได้ มันก็ไม่มีความหมายเท่าไร ที่จะทำให้เป็นทุกข์ เพราะว่าเรามีใช้เขาอยู่แล้ว แต่ถ้า ตัวเลขรายรับ ยังอ่อนแออยู่ ขยันก็ไม่ขยัน หางานหาเงินก็ไม่ค่อยหา มันก็ต้องเป็นทุกข์ เพราะว่าไม่มีอะไรไปจ่ายเขา
อาตมาก็อยากจะแนะนำว่า เวลาเป็นหนี้ จะต้องทำงานให้มากๆ กินอยู่ใช้จ่ายแต่น้อย เจียดเงินเอาไปใช้หนี้เขาเรื่อยๆ ไม่นานเท่าไรมันก็หมด
อาตมาเอง ก็เคยเป็นหนี้อยู่ช่วงหนึ่ง ร้อยกว่าล้าน เดี๋ยวนี้เหลืออยู่ ยี่สิบล้าน ใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว ดีไม่ดีอาจจะใช้เขาหมด ภายในปี 2549 นี่แหละ เพราะช่วงที่เป็นหนี้ ก็ได้พยายามอย่างมาก ช่วงที่เป็นหนี้ อาตมาต้องรับงานเทศน์ วันหนึ่ง 3 งาน 4 งาน 5 งาน 6 งาน รับหลาย Job เพื่อที่จะได้ใช้หนี้เขาให้หมด
คำว่า หนี้ ถึงอย่างไร มันก็มีโอกาสใช้เขาได้หมด ถ้าเรารู้ตัวว่า เราเป็นหนี้เขา เราก็เพียงแต่ อย่ากินมาก อย่าใช้มาก แล้วอย่าขี้เกียจ อย่าห่วงแต่นอน เราต้องลุกขึ้นมา แสดงศักยภาพ ความสามารถในการใช้หนี้ เมื่อใช้เขาหมดแล้ว มันก็ภูมิใจ เพราะว่า เราสามารถปลดหนี้ ด้วยความ ขยัน อดทน และ ความพยายาม
ใครที่เป็นหนี้ ก็อย่าคิดหนี อย่าคิดหลบ อย่าคิดฆ่าเจ้าหนี้ เพื่อล้างหนี้ เพราะมันจะไปเพิ่มหนี้กรรม อาจจะดูเหมือนว่า หมดหนี้เงินหนี้ทอง แต่มันจะเป็นหนี้กรรม หนี้เวร จะตามจองเวรกันไป อีกหลายภพหลายชาติ
คนที่มีหนี้แล้ว ไม่ยอมเอามาชดใช้เขา มันจะมีกรรม มีเวรอย่างหนึ่ง ที่คอยตามจองเวรจองกรรม เวลาเราจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มันก็ไม่ได้ บางคนหาเงินมาได้เท่าไร ก็ไม่สามารถเก็บอยู่ มีอันต้องไฟไหม้ ถูกหลอก ถูกลืม ถูกโกง สิ่งเหล่านี้มันจะเกิดบ่อย กับพวกที่ชอบโกงเขามา
เราอย่าไปทำร้ายเจ้าหนี้ อย่าไปคิดฆ่าเจ้าหนี้ แต่ขอให้ จงฆ่ากิเลสที่มันอยู่ในใจของเรา ที่อยากโง่ไปเป็นหนี้ ขอให้ฆ่าความเลวร้ายของเรา ถ้ามีหนี้ ก็ให้พยายามผ่อน หนี้กันไป ไม่นานเท่าไร ก็จะหมดหนี้เงินหนี้ทอง แล้วเราก็ไม่ต้องมาก่อหนี้เวรหนี้กรรมกัน

เจริญพร
พระพยอม กลฺยาโณ

(ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ รายวัน วันพุธที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙)




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2549 16:30:23 น.
Counter : 589 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.