● พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ● ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๓๕ ● VIDEOTEXT
● ๐๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ● AUDIO TEXT ● ๒๕ เมษายน ๒๕๔๙ ● VIDEOTEXT
งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปีเครือข่ายกาญจนาภิเษก๖๐ ล้านความดีถวายในหลวง
เผยแพร่แนวทรงงานมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช

● เรา ในหลวง ● We The King ● หนังสือพิมพ์ “ข่าวโลก” ออนไลน์ ● The “World News” Newspaper Online. ● เกาะติดสถานการณ์ ประชาธิปไตยที่ถูกฆ่า ● HaWii CluB : www.hawiiclub.com ●

Zebu Zigouiller
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Zebu Zigouiller's blog to your web]
Links
 

 

คนสองคนทะเลาะกันพระเตือนก็ถูกหางเลข : พระพยอม กลฺยาโณ


คนสองคนทะเลาะกัน
พระเตือนก็ถูกหางเลข


เรื่องทะเลาะกัน ระหว่าง “สนธิ” กับ “นายกฯ ทักษิณ” คนไทยหลายคน รวมทั้งพระต้องกระเทือน ถึงขั้นเดือดร้อน เพราะว่าใครชอบสนธิก็ไปเชียร์สนธิ ใครชอบ นายกฯ ทักษิณ ก็เชียร์ นายกฯ ทักษิณ จนกระทั่งฝ่ายเชียร์จะตีกันเอง แม้กระทั่งพระพูดเตือนเป็นกลาง ยังถูกตีความว่าลำเอียง
การทะเลาะกันระหว่าง “สนธิ” กับ “นายกฯ ทักษิณ” ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงที่การทะเลาะของสองคนนี้เท่านั้น มันอยู่ที่ คนที่ไปถือหางใคร ชอบใคร หรือไม่ชอบใคร ไปเข้าข้างคนโน้น เข้าข้างคนนี้
เมื่อไม่กี่วันก่อน การถือหางที่ว่านี้ ก็ทำให้เกิดเรื่องเกิดราว ถึงขั้นฆ่ากันตายมาแล้ว เพราะคนที่ชอบ “นายกฯ ทักษิณ” กับคนที่ชอบ “สนธิ” ดันมากินเหล้าวงเดียวกัน เมาแล้วก็เถียงกัน ต่างคนต่างก็ถือหางคนที่ตัวเองเชียร์ สุดท้าย ฝ่ายคนที่เชียร์สนธิ ก็เลยแทงคนที่ชอบนายกฯ ทักษิณ ดับ
หรืออีกเรื่อง เป็นเรื่องของญาติโยมคนหนึ่ง เขามาเล่าให้อาตมาฟังที่วัด เขาบอกว่า เขาพยายามจะชวนเพื่อนของเขาให้มาทำบุญที่วัด ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะได้ร่วมฟังเทศน์ ฟังธรรม ฟังบรรยาย แต่เพื่อนเขาก็แย้งว่า ไม่ไป ไปเชียร์ “สนธิ” ดีกว่า ก็เลยเถียงกัน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เพื่อนต้องมาทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเรื่องของคนอื่นที่ทะเลาะกัน
จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไร มันเป็นเพราะความเห็นไม่ตรงกัน แต่อันที่จริง ความเห็นไม่ตรงกันก็ไม่เป็นไร ไม่สามารถจะทำให้คนทะเลาะกันได้ ถ้าไม่เบียดเบียนกันซะอย่าง แต่นี่ไม่ใช่ พอความเห็นไม่ตรงกัน ก็ต้องเบียดเบียนกัน ก่อการวิวาทกัน
การทะเลาะกัน ระหว่าง คุณสนธิ กับ นายกฯ ส่งผลมาถึงอาตมาที่วัด โดนหางเลขไปกับเขาด้วย
อาตมาเคยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เกี่ยวกับเรื่องม็อบของคุณสนธิเหมือนกัน แต่คำพูดของอาตมา อาจจะไปสะกิดใจฝ่ายคนที่เชียร์คุณสนธิเข้า ตอนที่ให้สัมภาษณ์ อาตมาบอกไปว่า “พวกเรานี้น่ะ ถ้าใครไปร่วมม็อบก็ไป แต่อย่าไปติดลมบน ผู้นำม็อบเขากลับไปนอนแล้ว ตีหนึ่งแล้ว ยังมีพวกติดลมบนบางคน มาวิ่งพล่านเข้าไปในทำเนียบ ทำอะไรต่ออะไรวุ่นวาย ผู้นำเขาเอาแค่ไหน ผู้ชุมนุมก็น่าจะเอาแค่นั้น ไม่ใช่เลยเถิดเตลิดไปไหนก็ไม่รู้”

อาตมาก็พูดให้สัมภาษณ์ไปแบบนั้น ก็มีโยม โทร.มาที่วัดหลายราย บอกว่า ทำไมพระพยอมไม่เข้าข้าง “สนธิ” แต่กลับไปเข้าข้าง “นายกฯ ทักษิณ” ทำไม?
ไหน อาตมาเข้าข้างตรงไหน? มีแต่บอกเตือนไป อย่างที่บอก ใครจะรักคุณสนธิก็อย่ารักจนหัวปักหัวปำ นึกถึงคนที่เกลียดคุณสนธิก็มี คนที่เกลียด นายกฯ ทักษิณ ก็อย่าได้เกลียดจนเต็มที่ เพราะคนรัก นายกฯ ทักษิณ ก็ยังมี ที่อาตมาพูดไป มันเป็นเรื่องที่เตือนว่า คนเรามันก็มีทั้งรักทั้งเกลียด
อีกอย่าง เขาสองคนทะเลาะกัน เราเองอยู่เฉยๆ ไม่ได้หรือ ไม่ต้องไปเข้าข้างนายกฯ ไม่ต้องไปเข้าข้างสนธิ จริงๆ แล้ว คนไทยเอง ก็ไม่ค่อยจะมีความสุขกับ นายกฯ ทุก นายกฯ แหละ เพราะ นายกฯ ที่ผ่านๆ มา ก็ถูกวิจารณ์กันไป ต่างๆ นานา บ้างก็ว่า นายกฯ คนนั้นเผด็จการ บ้างก็ว่า คนนั้นเป็นใบ้ บ้างก็ว่า คนนี้น่ากลัวจะโกง สิ่งเหล่านี้ คนไทยก็ว่า นายกฯ มาทุกยุคทุกสมัย ไม่เห็นมีความสุข ความพอใจ กับ นายกฯ คนไหนสักคน จนมีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า “คนบ้านนอกเขาตั้งรัฐบาล ส่วนคนกรุงล้มรัฐบาล”
คนที่เขา โทร.มาหาอาตมา เขาพูดว่า ต่อไปนี้เขาจะไม่บริจาคสิ่งของอะไรที่เหลือใช้ให้กับวัดอีกแล้ว อันนี้เป็นโยมผู้หญิง อาตมาก็เลยบอกว่า นี่โยม จะมาทะเลาะกับพระอีกคู่หนึ่งแล้วเหรอ ไอ้ที่มาถวายของเหลือใช้ให้น่ะ มันเป็นการช่วยเหลือเด็กพิการ คนตกงาน ให้เขาได้มีงาน ได้มีอาชีพ มีกินมีใช้ นี่ผลเลยตามมาถึงขั้นนี้
ที่อาตมาให้สัมภาษณ์ แล้วก็เตือนไป ด้วยความหวังดี เพื่อที่จะไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายปานปลาย จนถึงขั้นต้องทุบตีกัน ไม่อยากจะเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ก่อม็อบทีไรต้องมีการเผา ต้องมีการทำลายทุกครั้งไป
อาตมาพูดเตือนออกไป แต่ก็มีคนโกรธ ต้องยอม รับว่า ผลร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้มันเยอะจริงๆ เรียกได้ว่า มันสามารถกระทบกับคนได้ ในหลายๆ วงการ เดี๋ยวกระทบวงการโน้นที วงการนี้ที กระทั่งวัดวาอารามก็ยังโดนด้วย
เพราะฉะนั้น อย่าให้มันเป็นเรื่องที่บานปลายอย่างไม่ควรจะเกิดเลย ขอให้อยู่ด้วยกัน ด้วยความสงบ สบาย ให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขดีกว่า

เจริญพร
พระพยอม กลฺยาโณ

(ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ รายวัน วันอังคารที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙)




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2549 16:14:08 น.
Counter : 464 Pageviews.  

ใช้สติคิดวิเคราะห์ก่อนจะเชื่อใครพูดอะไร : พระพยอม กลฺยาโณ


ใช้สติคิดวิเคราะห์
ก่อนจะเชื่อใครพูดอะไร


คนเราถ้าขาดสติ ไม่ว่าจะทำอะไรผลเสียมันก็เกิดขึ้นได้ง่าย แม้กระทั่งการมีสติคิดไตร่ตรองในเรื่องของข้อมูลข่าวสารบ้านเมืองในเวลานี้ เราก็ต้องใช้สติในการไตร่ตรอง ไม่ใช่ว่าฟังใครพูดก็เชื่อเลย รัฐบาลพูดก็เชื่อเลย ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลพูดก็เชื่อเลย
สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ถ้าการดำรงอยู่ของคนในสังคมเรา ไม่มีการฝึกฝน ไม่มีการเจริญสติ ไม่มีการที่จะทำให้รู้สึกตัว ในการที่จะทำ จะพูด จะคิด ก็คงจะพาชีวิตของคนในสังคมไปสู่ความสับสน เพราะเวลาคนเราขาดสติ แล้วความสับสนมันจะมาแรงมาก ไม่ว่าจะพูดจะคิดจะทำ อะไร มันจะอยู่ในสภาพสับสนจนไม่อาจจับต้นชนปลายอะไรได้ แล้วก็มักจะเกิดข้อผิดพลาดเสมอ
ฉะนั้น ในโอกาสที่สถานการณ์บ้านเมืองของเราเป็นอย่างนี้ มีการให้ข้อมูล ทั้งของฝั่งรัฐบาล และฝ่ายต่อต้านออกมา เราก็น่าจะถือเป็นโอกาส ในการฝึกฝนเจริญสติ ให้เราอยู่อย่างรู้สึกตัว ทั้งการพูด การคิด การกระทำ ไม่ว่าเราจะทำอะไร เพื่อที่จะได้ไม่สับสน
เขาบอกว่า สังคมในปัจจุบัน จะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง ที่รักรัฐบาล และคนอีกกลุ่มหนึ่ง รักฝ่ายค้าน หรือฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่ง กำลังสับสน คือไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร บางครั้งความสับสนนี่ มันก็มีส่วนที่เกิดจากสติปัญญา ในการทำความเข้าใจในเรื่องนั้นๆ
ถ้าจะยกเรื่องของความสับสนที่มีต่อสถานการณ์บ้านเมือง ขณะนี้บางคนก็สับสนมากเหลือเกิน เพราะมัวมานั่งทุกข์แทนนายกฯ หรือบางคนก็มานั่งทุกข์แทนฝ่ายขับไล่ ทั้งๆ ที่ตัวเอง ที่จริงแล้วน่าจะได้สติ แล้วคิดว่า เราน่าจะอยู่ให้มันเป็นสุข แต่การอยู่ให้มันเป็นสุข ถึงดูเหมือนจะไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่เราก็ฝักใฝ่มันทั้ง 2 ฝ่ายนั่นแหละ คือหาข้อมูลของแต่ละฝ่าย แต่ต้องทำอย่างมีสติ ดูสิ่งที่รัฐบาลเขาทำว่าถูกต้อง เสียหาย หรือเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองหรือเปล่า ชั่งน้ำหนักวัดตาชั่งให้ดี ส่วนฝ่ายที่เขาออกมาแสดงความเห็นในการขับไล่รัฐบาล เราก็ต้องตั้งสติรับฟัง โดยที่ไม่จำเป็นต้องคล้อยตามง่ายๆ แต่ก็มีบางคนนะเหมือนขาดสติลอยไปเลย พอเขาปลุกปั่นปลุกระดม ชวนทำอะไร ให้มาประท้วง ก็คล้อยตามไปอย่างง่ายดาย หรือบางคนก็เชื่อทุกคำของคนในรัฐบาล เมื่อมีการออกมาพูดมันเหมือนไม่มีสติ เขาจะจูงมือก็ไป เหมือนกับผู้หญิง ถ้าขาดสติก็อาจจะทำให้ผู้ชายล่อลวงได้ง่าย ฉะนั้นต้องมีสติ
ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่ทั้งฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ต่างก็ต้องการแนวร่วม เราจะเป็นแนวร่วมฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น หรือว่าฝ่ายรัฐบาลก็ตาม เราประชาชนส่วนใหญ่ ต้องตั้งสติ แล้วสนใจทั้งสองฝ่าย พยายามหาข้อมูลของทั้งสองฝ่ายให้ดีที่สุด เขาบอกว่า คนเราถ้าไม่มีข้อมูล การมองอะไรมันก็ไม่ชัดเจน จะทำให้เกิดความสับสน เราต้องพยายามอยู่อย่างรู้ข้อมูล ติดตามข่าวสารให้ดี ติดตามแล้วจะต้องมีสติตั้งมั่น ไม่ใช่ว่าฟังใครที่ออกมาพูดเพียงนิดเดียวก็เอียงตามคำพูดเขาไป แสดงว่าเราก็ถูกเขาชักจูง ถูกเขานำพาได้ง่าย เหมือนโบราณเขาทัก ในยามที่เด็กๆเล่นซ่อนแอบกัน แล้วเด็กเกิดหายไปว่า “ผีพาเด็กไปซ่อน” หรือเหมือนกับที่พูดถึง คนที่ถูกน้ำมันพราย ไม่ว่าจะพูดอะไร คนที่ถูกก็จะรักจะคล้อยตาม คลั่งไคล้เคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่พูด
แต่เดี๋ยวนี้ คนบางคนไม่ต้องใช้น้ำมันพรายแล้ว ใช้คำพูด ใช้เทคนิคในการพูด ก็พาคนไปเป็นบริวารเป็นพวก ได้อย่างสบาย
ฉะนั้น ใครพูดอะไร ควรจะต้องตั้งหลัก ตั้งตัว ตั้งสติให้ดี คนไทยเราเวลานี้สติน้อย เพราะอะไร? ส่วนหนึ่ง มันเป็นเพราะชอบไปดื่มน้ำผลาญสติกัน เวลาอาตมาเดิน ทางออกต่างจังหวัด จะเห็นรถบรรทุกน้ำผลาญสติวิ่งกันเต็มถนนไปหมด เดี๋ยวเจอยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ มีกันเยอะเหลือเกิน
เรื่องเหล้าก็ทำให้คนที่จะเจริญสติ มีน้อยเต็มที แม้ แต่ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ ก็พลอยเป็นกันไปหมด จนเห็นเป็นข่าวกันบ่อยๆ อย่างที่พัทยา เมาแล้วก็เสียสติ วิ่งแก้ผ้าแก้ผ่อน เดือดร้อนตำรวจ วิ่งจับแทบแย่ ไทยมุงก็แห่กันไปดูกันเพลิน
อาตมาก็ขอให้คนไทยเอาช่วงเวลาของสถานการณ์บ้านเมืองอย่างนี้ เป็นช่วงที่เจริญสติ ตั้งสติ คิดไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารให้ดี เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่อย่างไม่สับสน จะได้เป็นคนรู้สึกตัว คิดก้าวหน้า ในสิ่งที่จะคิด ในสิ่งที่จะกระทำต่อไป

เจริญพร
พระพยอม กลฺยาโณ

(ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ รายวัน วันพุธที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙)




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2549 15:59:10 น.
Counter : 427 Pageviews.  

ใครมองคนไม่ใช่คน คนนั้นก็ไม่น่าจะเป็นคน : พระพยอม กลฺยาโณ


ใครมองคนไม่ใช่คน
คนนั้นก็ไม่น่าจะเป็นคน


คนทุกคนมีสิทธิที่พึงมีศักดิ์และศรีแห่งความเป็นคนเหมือนกันทุกคนไป คนที่มองคนอื่นแล้วเที่ยวด่าทอคนอื่นว่าเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ใช้ท่วงทีวาจาว่าเขาไม่ใช่คน กล่าวเป็นเดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก คนกล่าวนั้นก็ไม่น่าจะเป็นคนเช่นกัน เพราะความเป็นคนมันต้องรู้จักให้เกียรติคนทุกคนที่เป็นคน
การปะทะคารม การด่าทอ การนินทาว่าร้าย การวิจารณ์ หรืออะไรก็ตามที่เป็นการใช้วาจาพูดถึงใครคนหนึ่งในทางเสียหาย ในลักษณะการเปรียบเปรยใครคนนั้นเหมือนไม่ใช่คน สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องดีงามเลย
เขาบอกว่า “ใครมองคนไม่ใช่คน คนนั้นก็ไม่น่าจะเป็นคน” เพราะว่าขนาดเขามองคนด้วยกันไม่ใช่คนแล้ว มันน่าสยดสยองไหมล่ะ เพราะคนที่เขามองก็เป็นคนเหมือนเขานี่แหละ ยังจะบอกว่าเป็นตัวโน้นตัวนี้
การมองคนที่ไม่ใช่คน มันจะเกิดความรู้สึกที่จะรุนแรงและก้าวร้าว จะอะไรต่ออะไรตามขึ้นมา เหมือนอย่างที่ขณะนี้ มีประชาชนคนไทยเราด้วยกันเอง ยังเอาคนที่เรียกว่าเป็นคนที่มีเกียรติคนหนึ่งในประเทศมาด่า แล้วก็ยังมองว่าเขาไม่ใช่คน พอไปมองเขาไม่ใช่คน ก็ไม่ให้เกียรติเขา ความรุนแรงก็จะเกิดขึ้น
มีการด่าว่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรงหยาบคาย “เดรัจฉาน สัตว์นรก” อะไรทำนองนั้น ต้องเรียกว่าเป็นคำพูดที่มันแรงถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรให้เกิดความรู้สึกที่ดีๆ ไปกว่านี้ได้อีก
มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดของความเป็นมนุษย์เรา คงจะไม่มีอะไรเกินไปกว่าสิ่งที่เราจะถูกคนอื่นมองว่าไม่ใช่คน ส่วนคนที่เที่ยวไปมองใครว่าไม่ใช่คน ไม่ให้ความเคารพ ความให้เกียรติ เขาก็จะถูกมองกลับไปอย่างนั้นเหมือนกัน มันจะเหลือแต่ความเคียดแค้นชิงชังกัน เพราะต่างคนต่างรู้สึกว่า ตัวเราสูงกว่า เขาแย่กว่า ต่ำกว่า เลวกว่า
มันก็เป็น “อสมิมานะ” เป็นการถือตนอย่างหนึ่ง ที่จะเป็นตัวเพิ่ม “อัตตา” เพิ่มความก้าวร้าวอย่างหนักหนาสาหัสขึ้นมาอีกได้
เพราะฉะนั้น ก็ต้องช่วยกันมองดูตัวเราว่า เวลานี้เรากำลังคิดมองใครที่ไม่ใช่คนอยู่หรือไม่ เพราะเชื่อว่าทุกวันนี้ยังมีคนคิดอย่างนี้อยู่อีกมากมาย และถ้ายังจะคิดมองกันอย่างนี้อยู่อีกต่อไป มันก็ไม่น่าจะเหลืออะไรที่ว่าจะเห็นเป็นความร่มเย็นของมนุษย์ได้
ถ้าตราบใดที่มนุษย์ยังเหยียดหยามกันเอง ยังมองกันว่าเป็นเปรต เป็นสัตว์นรก เป็นอสุรกาย โลกมนุษย์ก็คงต้องเป็นปัญหากันต่อไปอีกยาวนาน แล้วจะทำให้คนสูญเสียความก้าวหน้าในชีวิต และจะทำให้มีแต่เรื่องล้างผลาญ เคียดแค้นชิงชังกันไม่มีวันหยุด
อันที่จริงนะ คนเราบางคนเขาก็ดูรักสัตว์ดี ไม่ว่าจะกับหมู หมา กา ไก่ เขาก็รักของเขาได้ แต่ไม่รู้เป็นอะไรพอกับคนด้วยกันนี่ไม่ได้เลย เวลามีเรื่องอะไรที่ใครทำผิดพลาดขึ้นมานิดๆ หน่อยๆ เอากันเป็นเอากันตาย อาตมามองคนอย่างนี้แล้ว หมดสภาพความเป็นคนไปเลย
เราเกิดเป็นคนก็ควรอย่ามองคนแบบไม่ใช่คน
ถึงจะมองคนที่เป็นคนอันตราย หรือจะมองคนที่เป็นศัตรูแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องควรมีขอบเขตจำกัดพอสมควร อย่าให้มันมองกันถึงขั้นที่เรียกว่าหมดสภาพจนสูญสิ้นความ เป็นคนกันไปเลย
ก็ขอฝากว่า เหตุการณ์ช่วงนี้ ที่เป็นทั้งเรื่องของสถานการณ์บ้านเมือง ทั้งเรื่องของสถานการณ์กับคนรอบข้าง
อย่ามองกันในลักษณะไม่ใช่คนนักเลย

เจริญพร
พระพยอม กลฺยาโณ

(ที่มา : หนังสือพิมพ์ โลกวันนี้ รายวัน วันอังคารที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๙)




 

Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2549 15:39:09 น.
Counter : 477 Pageviews.  

แถลงการณ์ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การยุบสภาผู้แทนราษฎร


แถลงการณ์
สำนักนายกรัฐมนตรี
เรื่อง การยุบสภาผู้แทนราษฎร

-------------------------------

โดยที่ได้มีพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร พุทธศักราช 2549 ซึ่งมีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกคนสิ้นสุดลง และจะมีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ 2 เมษายน 2549 ความละเอียดทราบแล้วนั้น บัดนี้ รัฐบาลขอชี้แจงเกี่ยวกับการยุบสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้

1.การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการปกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ดังที่ปรากฏอยู่ในทุกประเทศที่ใช้ระบบนี้ กล่าวคือเมื่อใดที่มีความขัดแย้งหรือเกิดปัยหาการเมืองอันอาจนำมาซึ่งวิกฤตการณ์ต่างๆ จนการบริหารราชการแผ่นดินไม่อาจดำเนินไปได้โดยปกติ ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปความขัดแย้งและปัญหานั้นอาจบานปลายถึงขนาดกระทบต่อเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตยเอง วิธีการสุดท้ายที่มักนำมาใช้อยู่เสมอก็คือการยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่ อันเป็นการคืนอำนาจตัดสินทางการเมืองกลับไปให้ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยที่แท้จริง เป็นผู้ตัดสินว่าความขัดแย้งและปัญหานั้น ว่าสมควรยุติลงเช่นใด และเมื่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจสูงสุดได้ตัดสินด้วยการเลือกตั้ง หรือไม่เลือกตั้ง ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือพรรคการเมืองใด จนได้รัฐบาลที่ได้มาโดยชอบธรรมตามวิถีทางรัฐธรรมนูญแล้ว ทุกฝ่ายก็ต้องเคารพในฉันทานุมัติของประชาชนและยุติความเคลื่อนไหวทางการเมืองอันเป็นที่มาของความขัดแย้งและปัญหาที่ได้รับการตัดสินใจนั้นแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ภาวการณ์บ้านเมืองก็จะกลับคืนเข้าสู่ปกติ

ประเทศไทยเองก็ยึดถือธรรมเนียมดังกล่าวมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับ บัญญัติรองรับการยุบสภาผู้แทนราษฎรไว้ และได้มีการดำเนินการยุบสภาผู้แทนรษษฎรมาแล้วหลายครั้ง เช่น เมื่อ พ.ศ.2519 พ.ศ.2526 พ.ศ.2529 พ.ศ.2531 พ.ศ.2535 พ.ศ.2539 และ พ.ศ.2543

2.การยุบสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เกิดจากการที่รัฐบาลพิจารณาเห็นว่ารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปัจจุบันได้ใช้บังคับมาจนล่วงเข้าถึงปีที่เก้าแล้ว ส่งผลให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาพัฒนามาด้วยดีสมเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยมีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพเพราะจัดตั้งมาจากพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวดังที่เป็นอยู่ในนานาอารยประเทศ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีตามมติเห็นชอบข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงคะแนนโดยเปิดเผยในสภาผู้แทนราษฎร ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเป็นไปโดยมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จนพ้นภาวะวิกฤตและก้าวทันการแข่งขันในโลกปัจจุบัน

แต่บัดนี้ ได้มีความสับสนทางการเมืองเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการที่มีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มไม่พอใจในตัวผู้นำรัฐบาลและได้มีการชุมนุมสาธารณะตั้งข้อเรียกร้องในทางการเมืองเชิงบีบบังคับ ซึ่งแม้ระยะแรกจะอยู่ในกรอบของกฎหมายแต่เมื่อนานวันเข้า การชุมนุมเรียกร้องได้ขยายตัวไปในทางที่กว้างขวางและอาจรุนแรงขึ้น รวมทั้งส่อเค้าว่าจะมีการเผชิญหน้าจนอาจปะทะกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและอาจมีการสอดแทรกฉวยโอกาสจากผู้ที่ประสงค์จะเห็นความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมืองจุดชวนให้เกิดความรู้สึกทีเป็นปฏิปักษ์ต่อกัน จนลุกลามถึงขั้นก่อการจลาจลวุ่นวายสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังที่ได้ปรากฏว่ามีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดการระเบิดขึ้นในสถานที่ของผู้ประกาศตัวว่าจะมาร่วมชุมนุมเมื่อเร็วๆ นี้

แม้รัฐบาลจะได้พยายามเรียกร้องให้เกิดความปรองดองกัน ก็ยังไม่อาจแก้ไขปัญหาและความคิดเห็นพื้นฐานที่แตกต่างกันทั้งระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกับรัฐบาล และระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องกับกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่เห็นด้วย และประสงค์จะเคลื่อนไหวบ้างจนอาจเกิดการปะทะกันได้ สภาพเช่นว่านี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยภายใต้ระบบรัฐสภาและความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะในขณะนี้ซึ่งควรจะสร้างความสามัคคีปรองดองการดูแลรักษาสภาของบ้านเมืองที่สงบร่มเย็นน่าอยู่อาศัยน่าลงทุน และการเผยแพร่ความวิจิตรอลังการ ตลอดจนความดีงามตามแบบฉบับของไทยให้เป็นที่ประจักษ์

อนึ่ง แม้ว่ารัฐบาลจะได้พยายามดำเนินการตามวิถีทางรัฐธรรมนูญด้วยการขอเปิดอภิปรายทั่วไปในที่ประชุมร่วมของรัฐสภาแล้วก็ตาม กลุ่มบุคคลดังกล่าวก็ยังหายุติการดำเนินการทางการเมืองดังกล่าวไม่ ยิ่งกว่านั้นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางพรรค สมาชิกวุฒิสภาบางส่วน ซึ่งควรใช้ครรลองประชาธิปไตยระบบรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยในการตรวจสอบรัฐบาลใที่ประชุมรัฐสภา กลับไม่ยึดกติกาโดยวิถีแห่งรัฐธรรมูญ แต่ใช้วิธีเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมดังที่ปรากฏในการชุมนุมครั้งที่ผ่านๆ มา ทำให้ความวิตกกังวลขยายวงกว้างขึ้น อันเป็นการกระทบต่อความเชื่อมั่นในเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ และขยายความสับสนให้เพิ่มขึ้น อันอาจกระทบต่อศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา จึงมีเสียงเรียงร้องจากประชาชนโดยทั่วไปให้ยุบสภาผู้แทนราษฎร

เป็นวันเลือกตั้งทั่วไป ทั้งนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยเร็ว อันจะส่งผลให้การประกาศผลการเลือกตั้งได้ก่อนวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2549 อันเป็นวันที่รัฐธรรมนุยกำหนดให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้แงรก เพื่อที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้ประชุมกันลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีและนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งและให้เวลานายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เพื่อที่คณะรัฐมนตรีจักได้แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎรและลงมือบริหาราชการแผ่นดินได้ก่อนเดือนมิถุนายน 2549

4.เมื่อยุบสภาแล้ว คณะรัฐมนตรีย่อมสิ้นสุดลงด้วย แต่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 215 กำหนด เพื่อดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศและบริหาราชการแผ่นดินในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีจะได้สั่งการให้ทุกฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติและให้ระมัดระวังที่จะไม่กระทำการใดอันจะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรมหรือก่อให้เกิดความหวาดระแวงว่ามีการฉวยโอกาสจากการที่ไม่มีองคืกรควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินไปกระทำการใดโดยมิชอบหรือไม่สุจริต

5.ขอให้ประชาชนทั้งหลายให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เมษายน พ.ศ.2549 ด้วยการเตรียมไปใช้สิทธิและทำหน้าที่ของตนด้วยความตื่นตัวและรอบคอบและแสดงเจตจำนงทางการเมืองอันเป็นการตัดสินความขัดแย้งอย่างชัดเจน ซึ่งจะส่งผลให้ปัญหาและความขัดแย้งทางการเมืองทั้งปวงยุติลงได้โดยสันติตามวิถีทางรัฐธรรมนูญและการปกครองระบอบประชาธิปไตย และเพื่อให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมที่สุด

สำนักนายกรัฐมนตรี
24 กุมภาพันธ์ 2548


(ที่มา : ข่าว หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก)




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2549 23:48:44 น.
Counter : 548 Pageviews.  

“ทักษิณ” เปิดใจทาง “ที.วี.พูล” หลังยุบสภาฯ

standby="Loading Microsoft Windows Media Player components..." VIEWASTEXT>














Powered by : สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5


เมื่อเวลา 20.30 น. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยผ่านทางรายการโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถึงเหตุผลของการประกาศยุบสภา โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า

พี่น้องประชาชนที่เคารพรักครับ ก่อนอื่นผมต้องขอกราบอภัยพี่น้องประชาชนที่ต้องคืนอำนาจกลับไปให้พี่น้องประชาชนกลับคืนไปตัดสินใจตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อรบกวนพี่น้องประชาชนออกมาเลือกตั้งในวันที่ 2 เมษายน เนื่องจากได้มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาในวันนี้ ตามที่ทางโฆษกได้แถลงถึงเหตุผลต่างๆ

พี่น้องที่เคารพครับ เป็นที่ทราบกันดีว่าได้มีความพยายามที่จะล้มล้างรัฐบาลในรูปแบบต่างๆ เป็นเวลาต่อเนื่อง จากกลุ่มบุคคลซึ่งเสียผลประโยชน์จากการทำงานของรัฐบาลบ้าง จากกลุ่มคนที่ไม่พอใจรัฐบาลบ้างและจากกลุ่มการเมืองบ้าง รัฐบาลพยายามใช้ความอดทน พยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายข้อกล่าวหาต่างๆ การอธิบายโดยรัฐบาล โดยตัวผมเอง โดยส่วนราชการก็ไม่ได้รับความสนใจที่จะฟัง แต่ในขณะเดียวกันนั้น มีกลุ่มคนกลุ่มนี้ได้พยายามเรียกร้องให้ผมลาออก แต่ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ก็มาให้กำลังใจและบอกว่าท่านนายกฯ อย่าลาออก ให้สู้นะ แต่ขณะเดียวกันนั้นผมก็มองเห็นว่าบ้านเมืองขณะนี้กำลังไปได้ดี สิ่งที่รัฐบาลกำลังตั้งใจจะทำอยู่หลายอย่างกำลังไปได้ดี ได้รับความสนใจจากต่างประเทศในการจะมาลงทุน ไม่ว่าจะเป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ได้รับความสนใจจากทั่วโลก แต่ว่าความไม่แน่นอนทางการเมืองเริ่มเกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มเหล่านี้ได้พยายามก่อตัวและสร้างกระแส เป็นจำนวนมากขึ้น

กระผมได้พยายามปรึกษากับผู้ซึ่งปรารถนาดีต่อบ้านเมือง เป็นคนที่มีความคิดที่เป็นกลาง และห่วงใยบ้านเมืองว่าเราจะทำแบบไหนถึงจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติมากที่สุด ก็ต้องกลับมานึกถึงระบอบประชาธิปไตยครับ ผมรับไม่ได้ที่จะให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ถ้ากฎหมู่ของคนกลุ่มหนึ่งแล้วมากดดันว่ารัฐบาลต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ โดยไม่มีเหตุการณ์ ไม่มีหลักการที่ถูกต้อง ผมรับไม่ได้ ผมก็พยายามคิดว่าจะใช้วิธีไหนดีที่สุด ในระบอบประชาธิปไตยนั้น การคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน โดยปวงชน เพื่อปวงชน

ในวันนี้เมื่อมีความขัดแย้งกันว่ารัฐบาลมีอำนาจจริงหรือเปล่า ทั้งๆ ที่ผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมาเป็นที่เรียบร้อย แต่เมื่อมีความขัดแย้งแบบนี้เกิดขึ้น ผมจึงต้องขอรบกวนพี่น้องประชาชนช่วยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่า พี่น้องประชาชนยังอยากจะใช้รัฐบาลนี้ทำหน้าที่ต่อหรือไม่ หรือพี่น้องเห็นว่ากลุ่มผู้คัดค้านทั้งหลายนำเสนอในสิ่งที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ

ผมเคารพในการตัดสินใจของประชาชนครับ แต่ไม่ใช่ว่ากลุ่มคนกลุ่มหนึ่งมาทำตัวแทนพี่น้องประชาชนทั้งประเทศและก็บอกว่าเขามีอำนาจในการตัดสินใจแทนประชาชน ไม่ใช่ครับ เพราะประชาธิปไตยมีครรลองของประชาธิปไตยอยู่ ครรลองก็คือมีระบบของการเลือกตั้งที่ถูกต้อง เมื่อมีระบบการเลือกตั้งเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนตัดสินใจอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น แล้วผมเป็นตัวแทนที่พี่น้องประชาชนมอบให้มาทำหน้าที่ ผมต้องรักษากติกานี้ไว้ให้ได้ ถ้าผมรักษากติกาประชาธิปไตยไม่ได้ ผมถือว่าผมทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนไม่ถูกต้อง เพราะฉะนั้นวันนี้ผมถึงต้องรักษากติกาประชาธิปไตยตัดสินใจที่จะคืนอำนาจกลับคืนให้พี่น้องประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าพี่น้องประชาชนจะตัดสินใจแบบไหนซึ่งผมพร้อมน้อมรับทุกประการ

ขณะนี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงที่เพิ่งพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศและเป็นที่ชื่นชอบที่จะมาเที่ยวและลงทุนในประเทศไทย เริ่มมีการถามมาว่า เอ๊ะ...ชักไม่แน่ใจเสถียรภาพทางการเมืองจะเป็นอย่างไร ตลาดหลักทรัพย์ก็พะวักพะวง การลงทุนในเรื่องของเมกะโปรเจกต์ก็เกิดคำถามขึ้นมา ผมคิดว่าการตัดสินใจยุบสภาแล้วเลือกตั้งซึ่งจะใช้เวลาอึมครึมอยู่ระยะเวลาสั้นๆ เพื่อให้ประเทศเดินต่อไปด้วยดีดีกว่าที่จะปล่อยให้เหตุการณ์เป็นอย่างนี้และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการข่าวพบว่าจะมีผู้ซึ่งประสงค์จะให้เกิดความรุนแรงจะแทรกแซงเข้าไป เพราะอันนี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาแน่นอน เหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 การเยียวยายังเถียงกันไม่จบ พี่น้องครอบครัวที่ต้องเดือดร้อน โดนลูกหลง มันเป็นความทุกข์เข็ญของคนซึ่งต้องได้รับเคราะห์ แต่เป็นความบอบช้ำของประเทศ เพราะหลายคนกำลังคิดว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวกันอย่างไร ถ้าประเทศบอบช้ำอีกผมคิดว่าเพิ่งเสร็จจากบอบช้ำเรื่องของเศรษฐกิจไม่กี่วันนี้ แต่ถ้าจะบอบช้ำอีกรอบหนึ่งเพราะความขัดแย้งกันเองของคนในสังคม จริงๆ แล้วก็เป็นคนกลุ่มเดิมๆ ที่เคยอยู่ในภาวะของการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบนี้

เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจึงต้องขอรบกวนว่า ผมขออนุญาตที่ท่านมอบอำนาจให้มาทำงาน 4 ปีนั้น วันนี้เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมขออนุญาตคืนอำนาจให้พี่น้องช่วยตัดสินใจอีกครั้งหนึ่งว่าพี่น้องจะตัดสินใจแบบไหน ผมพร้อมที่จะน้อมรับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน แต่ผมจะไม่มีทางน้อมรับการตัดสินใจที่คนแอบอ้างนอกระบบว่าเป็นการตัดสินใจแทนประชาชน ผมจะไม่ยอมรับกฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมขอรับการตัดสินใจของพี่น้องประชาชนด้วยความเคารพครับ เพราะฉะนั้นวันที่ 2 เมษายนนี้จึงเป็นวันสำคัญของประเทศอีกครั้งหนึ่ง มันไม่ได้เป็นการเลือกตั้งธรรมดา แต่เป็นการเลือกตั้งที่พี่น้องประชาชนจะได้แสดงพลังของการตัดสินใจของท่านว่าท่านเห็นด้วยกับระบบไหน ถ้าท่านเห็นด้วยแบบไหนท่านก็ตัดสินใจของท่าน ผมพร้อมที่จะน้อมรับด้วยความเคารพอย่างยิ่ง อันนี้ก็ต้องขอกราบอภัยพี่น้องอีกครั้งหนึ่งว่าต้องขอให้พี่น้องออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ใช้สิทธิกำหนดทิศทางประชาธิปไตยของประเทศอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ขออภัย และขอขอบคุณอีกครั้ง.

(ที่มา : Breaking News หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)




 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2549 3:23:13 น.
Counter : 487 Pageviews.  

1  2  3  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.