|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ละครเด็ก - เจ้าหญิงขี้เซากับเจ้าคางคก
ละครเด็ก : สื่อสร้างสรรค์เพื่อกล้าใหม่ของสังคม
ปัจจุบันทั้งรัฐ เอกชน และองค์กรต่างๆเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของฐานรากอันมั่นคงเพื่อการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะการปลูกฝังค่านิยมที่ดีแก่เมล็ดพันธุ์ใหม่ที่งดงามปราศจากสิ่งสังเคราะห์อย่างเด็กและเยาวชน จึงได้เกิดสื่อมากมายที่พยายามสนับสนุนส่งเสริมให้พวกเขาเหล่านั้นมีพัฒนาการทางความคิดและมี จิตสำนึกสาธารณะ เนื่องจากสังคมยุคนี้กำลังเข้าสู่หายนะโดยเฉพาะความวิบัติของธรรมชาติที่นับวันยิ่งจะเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่องรวดเร็ว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นน้ำมือของคนรุ่นเก่าที่ไร้สามัญสำนึกและไม่รู้จักปกป้องดูแลส่วนรวมนั่นเอง
สื่อละครเห็นจะเป็นสื่อที่ดีที่สุดในการส่งสารสู่เด็กเพราะให้อารมณ์ความรู้สึกผ่านภาพ เสียง และบรรยากาศ เด็กสามารถใช้ตาดูหูฟังกายสัมผัสอย่างเต็มที่ส่งผลให้พวกเขาได้เรียนรู้อย่างเพลิดเพลินไม่รู้สึกเหมือนการถูกบังคับ การแสดงมักจะไม่ซับซ้อน มีเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปตามปฏิทินไม่ย้อนไปย้อนมา และเนื่องด้วยเด็กเป็นกลุ่มที่มีโลกแห่งจินตนาการกว้างขวาง การสร้างละครเด็กส่วนใหญ่จึงมักนำเอานิทานหรือเทพนิยายมาถ่ายทอดหรือสานต่อจินตนาการของเด็ก ยิ่งเรื่องราวของเจ้าหญิงเจ้าชายและปิศาจแล้วยิ่งครองใจเด็กได้มาก และแม้กระทั่งผู้ใหญ่หลายๆคนด้วย
เจ้าหญิงขี้เซากับเจ้าคางคก ผลงานการกำกับและสร้างสรรค์บทของรศ.พรรัตน์ ดำรุง อำนวยการแสดงโดย อาจารย์ดังกมล ณ ป้อมเพชร เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงขี้เซากับเจ้าคางคกที่พยายามกำจัดพญาแถนทุนผู้ละโมบซึ่งจับพญานาคผู้บันดาลฝนไป ทั้งสองและบรรดาสัตว์ตัวจิ๋วทั้งหลายต่างร่วมมือกันต่อสู้จนสำเร็จ ธรรมชาติกลับคืนมาเป็นดังเดิม และทั้งหมดต่างช่วยกันปลูกต้นไม้ให้โลกมีแต่ความชุ่มชื่นอุดมสมบูรณ์ ละครเรื่องนี้เป็นละครเด็กที่แปลกแหวกแนวไปจากวิถีเดิม เพราะเจ้าชายมิได้รูปงาม เจ้าหญิงไม่เลอโฉม แต่ผู้ร้ายกลับหล่อและเสียงดี เค้าโครงเรื่องก็ไม่ได้ห่างไกลจากพื้นฐานความเชื่อของคนไทยเท่าไรนัก โดยนำเรื่องของพญาคันคากและพญาแถนในตำนานบั้งไฟมาประยุกต์เป็นละครเด็กแนวแฟนตาซีแบบตะวันตกที่ผสมผสานการเชิดหุ่นไปด้วย ละครเรื่องนี้จึงเป็นเหมือนพิซซ่าหน้าต้มยำที่หน้าตาเหมือนฝรั่ง แต่รสชาติและกลิ่นอายเป็นไทย โดยประเด็นสำคัญที่ผู้กำกับต้องการสื่อคือการช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเด็กก็ทำได้ง่ายๆด้วยการปลูกต้นไม้เหมือนเจ้าคางคกตัวเอกในเรื่อง ไม่ใช่แค่เพียงเด็กและเยาวชนเท่านั้นที่จะชมละครเร่นี้ได้ หากแต่ผู้ใหญ่ก็สมควรชมและเก็บข้อคิดสะกิดใจบางข้อไปพิจารณา
ตัวละครในเรื่องเป็นสื่อแทนกลุ่มคนและสิ่งต่างๆในสังคมปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่เจ้าคางคกผู้รักสงบที่แม้จะอัปลักษณ์ แต่ก็มีจิตโอบอ้อมอารีและรักษ์โลกรักษ์ธรรมชาติ ทว่าขี้ขลาดหวาดกลัว ก็เหมือนกับกลุ่มคนในสังคมที่มีความคิดที่ดีสร้างสรรค์แต่ไม่กล้าต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งหลาย ในเรื่องนี้ก็สรุปให้เห็นว่าเจ้าคางคกมีความกล้าจึงเอาชนะพญาแถนทุนได้ ดังนั้นกลุ่มคนเล็กๆเหล่านั้นก็ต้องพร้อมเผชิญกับความชั่วร้ายทั้งหลายเช่นเดียวกัน เจ้าหญิงขี้เซาแตกต่างกับเจ้าคางคกขี้เท่ออย่างเห็นได้ชัดคือไม่กลัวเกรงสิ่งใด ชอบความท้าทาย แต่ก็มีลักษณะร่วมกับเจ้าเท่อได้แก่ความมีเมตตา ช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เจ้าหญิงองค์นี้จึงเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่มีความกล้าที่จะช่วยเหลือสังคมโดยไม่เกรงกลัวอำนาจชั่วใดๆ หากทั้งสองกลุ่มรวมกันได้ก็จะเป็นกำลังของการรังสรรค์สังคม และยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาร่วมมือกับผู้คนกลุ่มต่างๆดังในละครที่สัตว์ต่างๆ รวมทั้งปู่ตอไม้ร่วมมือร่วมแรงกัน เชื่อได้ว่าสังคมจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างแน่นอน ซึ่งสัตว์ต่างๆและปู่ตอไม้ก็เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ถูกเอาเปรียบในสังคม และได้รับผลกระทบจากกระทำของผู้ที่มีอำนาจมากกว่าอย่างพญาแถนทุนตัวร้ายรูปงามที่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนที่สวยแต่รูป จูบไม่หอมในสังคมที่มีอำนาจระรานผู้อื่นอย่างไร้มโนธรรม ยึดถือเงินตราเป็นสรณะและฉกฉวยเอาผลประโยชน์เข้าตนเอง แต่สุดท้ายแล้วพลังของมวลชนก็จะขับไล่ความเลวร้ายนี้ออกไปได้ มวลชนในที่นี้ได้รวมไปถึงเด็กๆที่ได้เข้าร่วมต่อสู้ด้วย เรื่องนี้จึงสื่อให้เห็นว่าเด็กเป็นกำลังสำคัญในการดูแลสังคมและสืบทอดความดีงามให้คงอยู่ต่อไปบนโลกใบนี้
ในด้านการแสดง ก่อนเข้าเรื่องได้มีการแย่งกันพูดของพิธีกรที่ออกมาต้อนรับ และนัดแนะข้อตกลงกับผู้ชมเมื่อแย่งกันพูดเสร็จก็สามัคคีกันเงียบ เรื่องการด้นสดนี้ต้องไปฝึกซ้อมกันให้ดีกว่านี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นส่วนก่อน ระหว่าง หรือหลังการแสดง ย่อมมีส่วนในสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แม้ว่านักแสดงหนึ่งคนจะแสดงมากกว่าหนึ่งบทจนสร้างความสับสนแก่เด็กบ้าง แต่หน้ากากที่นักแสดงใส่โดดเด่นมากกว่าตัวจริงของพวกเขา เพราะการแสดงของนักแสดงทุกคนทำให้ผู้ชมต่างเชื่อว่าพวกเขาล้วนเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ ทั้งยังเข้าใจบุคลิก อารมณ์ และความนึกคิดได้ดีตลอด การสื่อสารออกมาตรงไปตรงมา ชัดเจนด้วยน้ำเสียงที่เน้นหนักเบาเป็นจังหวะ และใช้ท่าทางประกอบอย่างเหมาะสม ทั้งนี้การให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมในตอนต่างๆก็สร้างความรู้สึกเหมือนว่าพวกเขาอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยิ่งการให้เด็กเข้าไปร่วมต่อสู้กับพญาแถนทุนด้วยพลังวิเศษแล้ว ย่อมเป็นการปลูกฝังค่านิยมต่อต้านความชั่วร้ายไปในตัวด้วย และสัตว์ที่คนมองว่าน่าเกลียดน่ากลัวอย่างคางคกก็กลับกลายเป็นฮีโร่ของเด็ก ทัศนะของเด็กจึงเปลี่ยนไป
องค์ประกอบที่ต้องชมอย่างมากคือฉาก แสง สี เสียงที่ล้วนสร้างบรรยากาศให้ผู้ชมรู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆได้มากยิ่งขึ้น แสงและสีเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ชมเข้าใจสถานการณ์ต่างๆได้ยิ่งขึ้น ความวิปริตอาเพศของดินแดนอันไกลลิบนำเสนอด้วยแสงที่มีความสว่างน้อย และสีโทนส้มน้ำตาลให้อารมณ์ของความยากลำบาก แห้งแล้ง ทุรกันดาร เสียงที่เกิดจากการผสมผสานของดนตรีที่หลากหลาย และการร้องที่ไพเราะรื่นหู เน้นย้ำความรู้สึกนึกคิดของตัวละครและสร้างความสนใจแก่ผู้ชมทำให้การดำเนินเรื่องดูมีลูกเล่นไม่ราบเรียบจนเกินไป นอกจากนี้การแสดงนาฏลีลาประกอบจังหวะทั้งหลายก็ล้วนกลมกลืนสอดประสานกันเป็นอย่างดี อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจได้แก่การเชิดหุ่น ทั้งพญานาค พญาแถนทุน และดวงอาทิตย์ ต่างก็มีรูปแบบการเชิดที่ต่างกันไป ที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือการเชิดพญานาคด้วยการเล่นแสงเงาทำให้ลีลาการเคลื่อนไหวของพญานาคคล้ายการว่ายน้ำจริงๆ และมีขนาดความยาวกว่าขนาดจริงด้วย การปรับใช้ภูมิปัญญาของไทยที่ลงตัวงดงามเช่นนี้นับว่ายังมีน้อยอยู่ เพราะในละครเวทีเชิงพาณิชย์หลายเรื่องมัก จงใจ ใส่วัฒนธรรมไปจนเหมือนเป็นการ ยัดเยียด ให้ผู้ชมเกินไป
จุดสนใจของผู้ชมอีกจุดหนึ่งคือเครื่องแต่งกายซึ่งแน่นอนว่าในละครแนวแฟนตาซีแล้วมักจะไม่มีความสมจริงเหมือนละครทั่วๆไป แต่ความไม่สมจริงนั้นก็ต้องสอดคล้องกับฉากและบุคลิกของตัวละครแต่ละตัวด้วย จากการชมละครเด็กเรื่องนี้สอบผ่านในด้านเครื่องแต่งกาย ซึ่งรวมถึงการแต่งหน้า ทำผม และพร็อบต่างๆ แต่สำหรับชุดธิดาพญานาคนั้นยังไม่สามารถสื่อออกมาได้อย่างชัดเจนว่าตัวละครนั้นเป็นธิดาพญานาค เพราะชุดมีความใกล้เคียงกับชุดนางฟ้าหรือเทพอุ้มสมมาก
นับได้ว่า เจ้าหญิงขี้เซากับเจ้าคางคก เป็นละครที่ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กดูดีสร้างความประทับใจอย่างยิ่งให้กับผู้ชม ทั้งนี้ข้อคิดของเรื่องที่สื่อออกมาอย่างชัดตรงนั้นชวนให้ผู้ใหญ่อย่างเราๆได้คิด ความสวยงามของธรรมชาติจะกลับคืนมาหรือไม่? คนเราจะร่วมมือร่วมใจกันดูแลโลกเมื่อใด? เราจะปลูกฝังให้เด็กผู้เป็นกล้าใหม่ของสังคมรู้รักธรรมชาติหรือผลาญเผาทรัพยากร? คำถามทั้งหลายเหล่านี้ผู้ใหญ่ต้องรีบตอบ ส่วนเด็กนั้นเมื่อจบการแสดงแล้ว พวกเขาได้รู้ว่าควรปลูกต้นไม้และช่วยกันดูแลโลก แต่เด็กเหล่านี้จะปลูกต้นไม้และดูแลโลกเราได้อย่างไรหากไม่มีการส่งเสริมจากผู้ใหญ่
จบละครแล้ว วันนี้ คุณปลูกต้นไม้ให้โลก และปลูกต้นคุณธรรมให้เด็ก แล้วรึยัง???
สามารถแวะชมเว็บไซต์ของละครเจ้าหญิงขี้เซากับเจ้าคางคกได้ที่ //kangkok.bloggang.com
Create Date : 30 สิงหาคม 2551 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2551 0:39:29 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1294 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: tiki_ทิกิ วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:17:32:26 น. |
|
โดย: basbas วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:23:02:59 น. |
|
โดย: โดนัท IP: 125.27.97.73 วันที่: 8 มิถุนายน 2552 เวลา:21:11:22 น. |
|
| |
|
ดนย์ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|