Derivatives THAI & Overseas Trading Group //// " THAI TRADER CLUB "

<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 ตุลาคม 2554
 

----------Stop !!!!!-----Cut losses-- VS-- ไม่ขายไม่ขาดทุน-----------

วันหยุด ในยุคอดีต ที่ตลาดหุ้นไทยยังมี เพียงหุ้น

คำสั่งสอนว่า " ไม่ขายไม่ขาดทุน " ถูกพูดถึงเป็นประจำ

จากคนที่ผ่านเหตุการณ์ที่หุ้นตกมากมากมาแล้ว แล้วเขาไม่ขาดทุน
เพราะเมื่อเหตการณ์ร้ายๆผ่านไป ประเทศไทยก็กลับสู่ปกติได้อีกครั้ง และตลาดหุ้น ดัชนีก็เด้งกลับมาสู่จุดที่เป็นก่อนเหตุการณ์ร้ายได้อีกครั้ง

แต่ เรามักจะลืมถามว่า

ก่อนเกิดวิกฤตคิดอย่างไร
แล้วมีระบบการแก้ไขอย่างไร ถ้าราคาตกมากมาก
หรือเพราะนึกไม่ถึงว่ามันจะรุนแรงมาก
หรือมั่นใจว่าหุ้นที่ถือดี


ดังนั้น การไม่ขายไม่ขาดทุน จึงไม่ใช่ทุกคนที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาทุกคนพูด เพราะในจำนวน หลายคนหมดตัวไปเลย

ถ้า ตอนต้มยำกุ้ง เขาเล่น

กองทุนต่างๆๆ ที่ล้มไปมากมาย

ทรัสต์ ไฟแนนซ์ ที่ถูกปิดไปมากมาย

แม้แต่ธนาคาร บางธนาคาร ที่ต้องเปลี่ยนแปลงจนคนรุ่นใหม่ ไม่รู้ว่าเดิมเขาชื่อะไร

หรือโครงการใหญ่ๆๆ ธุรกิจ กิจการหลายร้อยหลายพันล้าน ที่ล้มไปคราวนั้น

ซึ่งถ้าย้อนเหตุการณ์ไปได้ แล้วทุกคนทราบว่าจะเกิดต้มยำกุ้ง และผลจะเป็นอย่างที่ผ่านมาแล้ว

ถามทุกคนว่า ถ้ามีหุ้น จะขายไหม????

คำตอบน่าจะเกือบร้อยเปอร์เซนต์ว่า ขาย แม้ว่าเขาคนนั้น จะเป็นเจ้าของกิจการ ที่ต้องถือหุ้น 51 % เพื่อให้มีเสียงข้างมาก และได้เป็นผู้บริหาร บริษัทมหาชน


แต่เนื่องจากข้อจำกัดทางกฏหมาย ที่ผู้บริหารบริษัทต้องมีเสียงข้างมากเกิน 51%ดังนั้น โดยข้อเท็จจริงแล้ว
หุ้นที่หมุนเวียนในตลาดไม่ควร จะมีหุ้น 51%นั้น

ดังนั้นตลาดหุ้นไม่เคยตาย เพราะอย่างไร หุ้น 51%นี้ ของบริษัทที่มั่นคงย่อมไม่หายไปจากตลาด

ดังนั้น ถ้าใครถือหุ้นบริษัทที่มั่นคง เหล่านี้ ( ปัจจุบัน หุ้นในตลาดมีเกิน 500 บริษัท และน่าจะมีบริษัทที่มั่นคง เกิน 50 บริษัท )

แม้ยามวิกฤต ราคาจะตกตามเขาไปกันทั้งหมดก็จริง แต่สุดท้ายราคาของหุ้นบริษัทเหล่านี้จะกลับมาราคาที่เหมาะสมได้ในที่สุด

แต่ถ้าเราเลือกได้อย่างไรเราก็คงเลือกถือเงินสดไว้ก่อนราคาหุ้นทุกตัวต้องตกลงไป

แล้วกลับเข้าตลาดมาใหม่เมื่อทุกอย่างสงบดีแล้วมากกว่า


ดังนั้น ความจริงที่ต้องยอมรับ คือคำกล่าวว่า " ไมขายไม่ขาดทุน "ใช้ไม่ได้จริงๆๆถ้ามีวิกฤต

อีกคำหนึ่งสำหรับ ยุคนั้น " stop losses หรือ cut losses "



ในยุคก่อน การเล่นหุ้น หรือ การเทรด คนที่นั่งเฝ้าหน้าจอ ดูจัเป็นจำนวนน้อยในกลุ่มที่ไม่ได้เป็นบล หรือกองทุน หรือกลุ่มที่ทำงานเกี่ยวกับการซื้อขายตลอดเวลา
นั่งเล่นหุ้นหรือ สมัยก่อนจึงเป็น นักลงทุน ที่แท้จริง หรือหวังมาลงทุนจริง ได้เข้าเป็นหุ้นส่วนบริษัทนั้นจริงๆๆ จำนวนหนึ่ง หรือถือ ไว้นานพอประมาณจำนวนหนึ่ง แล้วติดตามผลการดำเนินงานมีปันผลดีขึ้นหรือลดลง
ก็จะเปลี่ยนแก้ไขพอร์ตเป็นครั้งคราว
ส่วนที่เล่นเป็นประจำ หารายได้จากตลาดหุ้นโดยตรง มีไม่มากนัก

คนยุคนั้น ที่รู้จักคำว่า ขายก่อนดีกว่า เพราะเชื่อว่าเป็นระบบที่ดี " stop losses หรือ cut losses " แต่ถ้าคนไหนตัดสินใจผิดจังหวะ ก็เสียหาย
ดังนั้น คนที่เล่นระบบนี้มักโดนคนที่ไม่ขาย เย้ยว่าว่าแล้ว ไม่ขายไม่ขาดทุน เพราะนี้เป็น เหตการณืเล็กๆๆ ไม่ใช่วิกฤต ข่าวลือ แล้วการแก้ข่าวได้ ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติไว


แต่ในยุคปัจจุบัน คนเล่นหุ้นที่ยังไม่เคยศึกษา
" ตลาดล่วงหน้า " ( Future ) หรือ ตลาด " ออปชั่น " ( Option )
หรือเรียกอีกอย่างว่า " ตราสารอนุพันธ์ " ( Derivatives ) ( ฟิวเจอร์ และ ออปชั่น)

ก็อาจจะไม่ทราบว่า ตลาดเหล่านั้น

มีอายุสัญญา เป็นงวดๆๆ2หรือ3เดือนตามข้อกำหนดของแต่ละอย่าง

มีการคิดเงินในพอร์ตตลอดเวลา
และการเกิดกำไรขาดทุน จะมีผลตามมากมายถ้า ขาดทุน เพราะบางอย่างมีระบบ " Margin " (มาร์จิ้น) หรือแปลง่ายว่าเงินค้ำประกันสัญญาไว้ ไม่ต้องจ่ายเงินเต็มมูลค่า ที่ซื้อขาย เช่น กรุงไทย ราคาหุ้น ละ15บาท
1000หุ้น จะต้องจ่ายจริง = 15000บาท
แต่กรุงไทยฟิวเจอร์ 1สัญญา มีค่าเท่ากรุงไทย 1000หุ้น
แต่จ่ายเป็นมาร์จิ้นไว้เพียง 1900บาท
จึงเห็นได้ว่า ถ้ากรุงไทยขึ้น10สตางค์ กำไร 100บาที่หุ้น
ฟิวเจอร์กรุงไทยก็มักจะขึ้นตามตัวแม่ด้วย ราว 10สตางค์เช่นกัน
ก็จะกำไร 100บาทด้วยแต่ด้วยเงินลงที่ต่างกัน

ดังนั้นถ้าคิดค่าตอบแทนกำไร(%)จากสูตรสมัยเด็กๆๆ

กำไร(%) = กำไรหารด้วยทุน คูณด้วย 100

%กำไรของการเล่นกรุงไทยฟิวเจอร์จึงสูงกว่าเล่นกรุงไทยมาก
(ลองคำนวนดู)

แต่เนื่องจากระบบมาร์จิ้นนี่มีข้อกำหนด จำนวนเงินไว้ว่า

IM = มาร์จิ้นเริ่มต้น
MM= มาร์ที่รักษาสภาพสัญญาไว้ ที่จะโทรบอกให้เติมงินให้เป็น IM
FM= มาร์จิ้นที่จะโทรบอกแล้วต้องส่งเงินเข้าบัญชีมาภายใน 1ชั่วโมง มิฉะนั้น สัญญาจะถูกบังคับให้ปิดสถานะ

ตามตารางข้างล่างนี้














คนรุ่นใหม่ที่ได้ก้าวเข้ามาสู่ตลาด ฟิวเจอร์ และ ออปชั่น หรือ ตลาด ตราสารอนุพันธ์นี้ ย่อมจะต้องมีระบบ

================= " stop losses หรือ cut losses "=======

เป็นระบพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่งทุกคน เพราะการคิดเงินที่เกิดขึ้นตลอดเวลา นั้นเอง

ดังนั้นเมื่อทราบว่าจะเกิด ปัญหา ขาดทุน สิ่งแรกที่ต้องรีบคิดคือ

============จะแก้ปัญหา มาร์จิ้นอย่าให้ถึง FM ได้อย่างไร ????????????????????????????

นี่เองจึงเป็นที่มาของความเพี้ยนของตลาดยุคใหม่นี้

ท่านคงจำได้ว่า คนเล่นทองคำฟิวเจอร์ เมื่อปิดตลาดตอนเย็นเช่นตลาดอื่นแล้ว

ราคาทองคำอ้างอิง " ราคาทองคำโลก " นี่แหละต้นเหตุแห่งปัญหา

ยามที่คนเล่นทองคำฟิวเจอร์ นอน ตลาดทองบ้านเราปิดไปแล้ว

ราคาทองคำยังวิ่งขึ้นลงไปอีก

ถ้าสัญญาที่ถือไว้ถูกทาง รุ่งเช้า ตลาดไทยเปิด ราคากระโดดไปเป็นกำไรมากมาย ตามราคาทองโลก อย่างนี้ HAPPY

แต่ถ้าสัญญาที่ถือมาผิดทาง ขาดทุนกระโดดโผ่ลออกมา แดงเจ๋ แล้วถ้าเป็นตัวเลข FM เลยละ ก็ต้องจัดการหาเงินใส่ให้เป็น IM หรือ เพียง MM ก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยเล่น

ถ้ามีปัญหา เงินใส่ไม่ทัน สัญญาจะถูกปิด

========== การไม่ขายไม่ขาดทุน ใช้ไม่ได้ กับ ตลาดแบบใหม่นี้ครับ=======

เพราะเขาจะปิดสัญญา การขาดทุนเป็นเรื่องจริง แก้ไขให้กลับมาเองไม่ได้แล้วแบบหุ้น

และที่คนเล่นทองคิด

==============จะแก้ไขปัญหาไวไวได้อย่างไร=============

--------------คำแนะนำก็คือ ทุกอย่างที่มีในตลาด ระบบมาร์จิ้น จะพามาคิดเป็นทรัพย์สินของท่านทั้งหมด

แล้วโบรคก็จะเห็นว่าถ้าท่านมีหุ้น ก็จะแนะนำให้ท่านขายหุ้นไง เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อคืนใหม่ก็ได้

นี่เองคือที่มาของการที่หุ้นตกท้ายตลาดวันทองตก ถึง20จุด

และนี้เองคือความเพี้ยนของตลาดไทยยุคนี้

ซึ่งทุกท่านจะต้องเร่งศึกษาระบบปัจจุบันของตลาด ว่ามันผูกเข้าไปด้วยกันทั้งหมดได้

การพิจารณาเพียงกราฟ เซท กราฟ ฟิวเจอร์ กราฟหุ้น มิได้เพียงพอกับการคิดเสียแล้ว

เพราะตลาดทอง ก็มาผูกติดไว้ด้วยนี่เอง

=================================================

=================================================



ปล จากตารางข้างบน ถ้าผมเป็น โบรค ผมจะชวนคนมาเล่นหุ้นฟิวเจอร์

เพราะจากตาราง หุ้นฟิวเจอร์ ลงทุนสัญญาละ

TMB = 304
BTS = 114
ITD = 570
TRUE= 760
LH = 836

ดังนั้นคนมีเงิน 5000ก็ยังเล่น หุ้นฟิวเจอร์ ได้เลย
การเปิดบัญชีด้วยเงินน้อยจึงไม่มีปัญหาอะไร เพราะการเทรดฟิวเจอร์ ออปชั่นนี่เป็นระบบเงินสด ต้องมีเงินวางพอจึงจะคีย์คำสั่งให้ทำงานได้

และเมื่อเราสามารถเฝ้าดูการเคลื่นไหว ของตัวแม่ได้ ซึ่งตัวลูกก็เคลื่นไหวตาม
ไม่ต้องใช้กราฟในการติดตาม
การเล่นหุ้นฟิวเจอร์ จึงง่ายเพราะส่วนใหญ่มีพื้นการเล่นหุ้นมาแล้วนั่นเอง

คำแนะนำ โปรดสังเกตว่า ตลาดของตัวที่ท่านเลือก มีวอลุมมากขึ้นพอเพียงจะเล่นได้มีสภาพคล่องหรือยัง และทดลองเสียก่อน ในเกมส์

ตัวที่มีสภาพคล่องแล้วคือ กรุงไทยครับ ในตลาด หุ้นฟิวเจอร์

ส่วนข้อดี ว่า ถ้าเราจะเอาหุ้นฟิวเจอร์ ไว้ ป้องกันความเสี่ยง ของหุ้น ตัวนั้นทำอย่างไร

ก็ปรึกษามาได้หรือจะเขียนให้อ่านในวันหลังถ้าสนใจ
QH =


Create Date : 16 ตุลาคม 2554
Last Update : 16 ตุลาคม 2554 6:02:10 น. 3 comments
Counter : 1684 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณพี่หมอมากนะค่ะ
 
 

โดย: หนู อัน IP: 183.89.144.196 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:7:43:55 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณพี่หมอครับ
 
 

โดย: seenin IP: 183.89.118.212 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:10:00:24 น.  

 
 
 
ขอบคุณพี่หมอมากครับ ^^
 
 

โดย: SundayroyaL วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:15:57:52 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หมอสัจจะ
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 185 คน [?]




[Add หมอสัจจะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com