----เงินไหลเข้า??เงินไหลออก??<------>ค่าเงินบาท อ่อน??แข็ง??----
----เงินไหลเข้า??เงินไหลออก??<------>ค่าเงินบาท อ่อน??แข็ง??---- Exchange Rate= อัตราแลกเปลี่ยน มีสองแบบ
NeeR=Normal Effective Exchange Rate ดัชนีค่าเงิน
พอจะเอามาใช้เขาอธิบายแบบนี้ เริ่มมึนตึบ
เข้าใจให้ง่ายคือ ประเทศ โตพร้อมกันได้ในบางครั้ง ค่าของเงินจึงไม่จำเป็นต้องตรงกันข้ามตลอดไป ในแต่ละคู่ คำอธิบายให้ชัดเจนคือ ค่าเงินที่แท้จริง ReeR= Real Effective Exchange Rate = ดัชนีค่าเงินที่แท้จริง ใช้ CPI ดัชนี ราคาสินค้าและบริการ มาคิดด้วยตามCPI ของ คู่ค้านั้น
สรุปจบบทความยังไม่ได้วิธีคิด USD/THB ที่ ธนาคารประเทศไทยต้องประกาศทุกวัน ที่เปิดทำการ
จากกราฟ เทียบสามอย่าง เห็นได้ว่า THB/USD บางช่วง ไม่ได้ เคลื่อนไหวตาม NeeR or ReeR ตลอดเวลา สรุปดังนั้น เราจะเอาอัตรแลกเปลี่ยน เพียง บาทดอลล่าร์ มาบอกว่าค่าเงินบาทอ่อนหรือแข็งไม่ได้ แต่ของดอลล่าร์ เขาได้เพราะเขามีดัชนี เฉพาะ ( us dollar index ตัวย่อ ใช้ USDของยูโร ก็มี เป็น URO index ตัวย่อ ในการเปิดกราฟ XEU)
แต่ในสังคม ภาษาสนทนาของเรา จะเข้าใจกันง่ายๆๆว่า เมื่อใช้เงินบาทมากขึ้นในการไปแลกเงินดอลล่าร์หรือเงินสกุลอื่น แปลว่า ค่าเงินเราอ่อนลง ถ้าใช้เงินบาทน้อยลงในการไปแลก เรียกค่าเงินบาทแข็งขึ้น
อีกประการหนึ่งที่เราคุ้นเคยกับข่าว พอเงินไหลเข้ามาก ค่าเงินเราก็แข็งมาขึ้นทุกวัน โดยช่วงขณะนั้น ทุกอย่างก็ดูนิ่งๆๆเช่นเดิม(ถ้าคิดแบบเข้าใจตำราหน่อยก็ว่า ค่าCPI ของแต่ละประเทศก็ไม่ได้เปลี่ยนกันทุกวัน แล้วคณะกรรมการ พิจารณาค่าแลกเปลี่ยน เขาคิดจากอะไร จึงเปลี่ยนอัตราให้สูงขึ้นได้ทุกวันที่เงินไหลเข้ามาก)
จากบทความนี้ ของดร ศุภวุฒิ สายเชื้อ ลิ้งค์ //www.moneychannel.co.th/MoneyChannel/Speech/tabid/55/newsid478/125485/Default.aspx
เงินบาทเหมือนสินค้าชนิดหนึ่ง คือ ถ้าสินค้ามีมากเกินไปราคาจะลดลง หากมีน้อยเกินไปราคาจะเพิ่มขึ้น
จากนิยามบาทคือสินค้านี่เอง เมื่อเงินไหลเข้ามาแลกมากมาก สินค้าเหลือน้อย แล้วธนาคารประเทศไทยไปคิดว่า ต้องขึ้นราคาประกาศอีกแล้ว ค่าเงินบาทจึงสูงขึ้นแบบที่ ประเทศไม่ได้เจริญเติบโต กระทันหันทุกวันสักหน่อย จึงเป็นที่มาการเข้ามาเก็งกำไร
1 เอาเงินเข้ามามากมาก มานอนเล่นในประเทศไทย ค่าเงินบาทก็ขึ้นทุกวัน เดี๋ยวแลกกลับไปก็กำไรแล้ว 2 เอาไปซื้อหุ้น ดันเข้าไป ดันเข้าไป ราคาก็ขึ้นไปเรื่อยๆๆ พอจะออกจากประเทศไทยขายหุ้นก็กำไร 3 เอาเงินไปเข้าตลาดพันธบัตร (มากกว่าตลาดหุ้น ราว 6-8เท่า ) ได้ยิลด์ Yield หรือผลตอบแทน ตามระยะเวลา เพราะดอกเบี้ย ที่สูง ขึ้น เพราะประเทศ เติบโต เงินเฟ้อ พุ่ง แต่ถ้าบาทแข็ง ตามปัจจัยปกติ แบบนี้ มีวิธีแก้
ธนาคารประเทศไทยน่าจะแยกเงินที่เข้ามาแลกบาท กลุ่มนี้ออกไป เป็นการแลกแบบพิเศษ และให้แลกกลับราคาเดิม เท่านั้น และไม่นำยอดเงินจำนวนนี้มาคิอเป็นการซื้อขายบาทเป็นสินค้า โดยการเลิกคิดว่าบาทคือสินค้าเสียก่อน เปรียบเทียบง่ายๆๆ เหมือนบ่อนการพนัน ให้แลกชิฟ จะเดินเข้ามาพกเงินกี่ร้อยล้านพันล้านก็ได้ แต่จะให้แลกเท่าไร หรือ ให้แลกหมด คนพามาจะเสี่ยงกว่า เพราะเจ้าของบ่อนถือเงินจริง คนเล่นถือเงินปลอม ไฟไหม้ ตำรวจมา เงินสูญ เงินร้อยล้านพันล้าน คนพามาคงไม่ขอเป็นเงินสดทั้งหมดแน่นอน ธนาคารประเทศไทยสามารถแยกบัญชี หรือบัตร์ หรือ เอกสารตั๋วให้เขาได้ทุกอย่าง ดังนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวกับปริมาณ เงินจริงในตลาด ก็ไม่น่าจะนำมาพิจารณา ให้อัตราแลกเปลี่ยนประจำวันต้องสูงมากมาย ตามเงินไหลเข้า ส่วน ราคาในตลาดเงิน ซึ่งไทยไม่มีตลาดเงิน ก็ไม่ต้องไปเกี่ยวกับราคานั้น เสมือน ราคาหุ้นในตลาดก็ไม่เกี่ยวกับราคาจริงของบริษัท มหาชนทั้งหลาย ราคาในกระดานสูงกว่าจริง กรรมการเจ้าของเขาก็มาขายเสียบ้าง เป็นธรรมดา ราคาในกระดาน ต่ำกว่าจริงเขาก็มากวาดไปเก็บเสีย
แบงก์ชาติยันไม่พบสัญญาณเงินทุนไหลออก //money.impaqmsn.com/content.aspx?id=24988&ch=227
ธปท.แจงทุนสำรองระหว่างประเทศ 11 ก.พ.อยู่ที่ US$ 174.5 พันล้าน //www.ryt9.com/s/iq03/1090435
สรุป ตั้งแต่เงินไหลเข้ามาแล้ว แม้จะขายหุ้น แล้วเงินยังไม่ออกไป การถือเป็นเงินสกุล ดอลล่าร์ไว้เฉยๆๆอาจจะเหมือนการนำกลับไปถือในประเทศเขาด้วยเหมือนกัน
ถึงจุดนี้ ผมยังไม่มีข้อสรุปว่า การซื้อของฝรั่งคราวนี้ จะใช่หัวแดงทั้งหมดหรือป่าว เพียงแต่มีข้อสังเกตบางอย่างที่วิธีการเล่น ต่างไปจาก การไล่ดัชนี ช่วงก่อนมาก
บทความเขียนไว้เมื่อวานแต่ เห็นเป็นวันพระ เลยงด ลงบทความ ปลีกวิเวก เจอบทความดีอีกบทความ อ่านแล้วอาจจะ ได้เห็นภาพในอดีต มาเป็นบทเรียนสอน ใจให้เข้าใจอะไรดีดีขึ้นได้ ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้ รายละเอียด หายนะของยุโรป (ภาษาอังกฤษ)
//ec.europa.eu/economy_finance/publications/publication15887_en.pdf
Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 7:01:33 น. |
|
7 comments
|
Counter : 5864 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: หมอสัจจะ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:7:32:51 น. |
|
โดย: หมอสัจจะ วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:15:04 น. |
|
โดย: Nita_7Uiii IP: 115.87.236.88 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:10:32:21 น. |
|
โดย: Peter IP: 183.89.40.113 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:04:13 น. |
|
โดย: lertchai1955 IP: 58.8.221.198 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:22:00 น. |
|
โดย: Passter IP: 223.207.171.97 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:00:17 น. |
|
โดย: ทักษิณ นาคนพมณี IP: 58.9.92.146 วันที่: 22 ตุลาคม 2555 เวลา:13:20:16 น. |
|
| |
ข่าว จีนประกาศ ให้ธนาคารตั้งสำรองเพิ่มอีก ครึ่งเปอร์เซนต์ จากการพุ่งขึ้นของยอดเงินกู้รายใหม่ที่เคยเสนอไปแล้ววันก่อน
China Raises Bank Reserve Ratios to Counter Inflation
ลิ้งค์
//www.bloomberg.com/news/2011-02-18/china-increases-banks-reserve-ratio-for-second-time-to-curb-property-boom.html