--------กรณีศึกษา ดาวกับตลาดพันธบัตร-------และภาวะซึมของเอเซีย-----
กรณีศึกษา ด้วย ดาวโจนส์ และตลาดพันธบัตร์อายุ10ปีของเมกา ช่วงแรก ตุลาคม 2008 ดาวโจนส์ กำลังลงมาจากวิกฤต ในช่วงแรก ราคาพันธบัตรอายุ10 ก็เริ่มพุ่งขึ้น ในทิศทางตรงข้าม แสดงถึงเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไปสู่ตลาดพันธบัตรที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า แม้ว่า yield (ดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนพันธบัตร)(UST10Y)จะลดลงเรื่อยๆๆก็ตาม ช่วงที่2 พอราคาพันธบัตรเริ่มพลิกกลับเป็นลงตามตลาดหุ้น ในคือการลงพร้อมกันสู่ มีนาคม 2552 (March 2009) คือถ้าแย่สุดๆทั้งสองจะกอดคอกันลง ขณะที่yield กลับพุ่งสวนทาง และช่วงที่ 3 จากเมษา พฤษภาคม 2553 (April-May 2510) จนปัจจุบัน กำลังทำรูปแบบของช่วงแรก ตุลาคม 2008
จากกราฟ 3 ปี เปรียบเทียบ ดาวโจนส์กับ ตลาดพันธบัตร และค่าYield
จากกราฟ 6เดือน เปรียบเทียบ ดาวโจนส์กับ ตลาดพันธบัตร และค่าYield
นี่คือจุดสังเกตใหม่ ถ้าตลาดพันธบัตรและดาวลงพร้อมกันต่อจากนี้ไป จะเป็นสิ่งไม่ดีแน่นอน ????
ส่วนตลาดหุ้นไทย ได้ไอเดียจาก รายงานของกระทรวงการคลัง เรื่องเอายอดมากสุดในการซื้อหรือขายรายวันของต่างชาติิมาทำกราฟ คู่กับ ยอดสรุปเป็นรวมซื้อ/ขายในแต่ละวันเทียบกับค่าเซทอินเดก
ได้ข้อมูลย้อนหลังมาน้อย เพราะข้อมูลของสินธรหายไป เลยยังไม่สามารถบอกได้เต็มปากว่าตอนที่คิดว่าเงินไม่ไหลเข้า กราฟจะเป็นอย่างไร เส้นสีชมภูการซื้อ/ขายสรุปnetรายวัน(นี่คือของจริง ว่าซื้อ/ขายจ่ายเงิน) ส่วนยอดทั้งวันที่ยังไม่หัก ยังต้องแปลว่าโยน โยก ปรับพอร์ตเปลี่ยนตัวลากด้วยซึ่งต้องอาศัยการสังเกตจาก การเดินเกมส์ของตัวนำตลาดที่เขาผลักดันขึ้นมาด้วยเช่น บ้านปูวันพฤหัสบดี กับวันศุกร์ เดินได้ไม่เหมือนกัน หรือจะต้องเอาเหตุการณ์ช่วงนั้นมาประกอบด้วย เช่นข่าวการออกข่าวบีบรัฐบาลให้ช่วยเรื่องค่าเงินบาทแข็งมากเกินไป หรือการขึ้นดอกเบี้ย หรือพลังงานยังไม่ใช่ขาขึ้น หรืออสังหาฟองสบู่ของจีน หรือเยนที่น่าจะเริ่มต่อสู้มาระยะหนึ่งแล้วทุกวัน(นโยบายBOJ 6เดือนด้วยเงินฉุกเฉิน 20ล้านล้านเยน??)
แถม อาการซึมในเอเซีย ADX น้อยกว่า 25
Create Date : 12 กันยายน 2553 |
Last Update : 12 กันยายน 2553 19:27:27 น. |
|
2 comments
|
Counter : 2738 Pageviews. |
|
|
|