Derivatives THAI & Overseas Trading Group //// " THAI TRADER CLUB "

<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 มกราคม 2554
 

--------เมื่อดอลล่าร์ ขึ้นมา 80.2 ทองก็หล่นไปอีกจริงๆ 1366--------

ดอลล่าร์ขึ้นไป80.2 ทองลงไป1366

การลงของทอง กับการขึ้นของดอลล่าร์ เกิด ก่อนการประกาศ ราว สองทุ่ม ตัวเลขการจ้างงานที่สูงขึ้น (ประกาศ Job cut หรือ Lay out หรือ ตัวเลข การปลดคนงาน ที่ยังสูง ประกาศก่อนจึงทำให้ก่อน เปิดตลาดดาว ดาวฟิว - ถึง 58)



พอเริ่ม เข้าเขตเวลาของเมกา ทองก็เริ่มที่จะดิ่งลง ดอลล่าร์ก็เริ่ม ขึ้น






จากข้อมูลข่าว ก็เอาวิชาการกราฟ มาวิเคราะห์ต่อ
1 USD Trend เป็นอย่างไร




จากข้อมูลข่าว ก็เอาวิชาการกราฟ มาวิเคราะห์ต่อ
1 USD Trend เป็นอย่างไร
ยังอยู่ในทิศทาง ขาลง จะต้องทะยานขึ้นมาทดสอบ แนวต้าน ด้านบน เส้นแดงให้ผ่านก่อน
เอาใจช่วยกันหน่อย เพื่อให้ค่าเงินเอเซียเรารอดตายจากการส่งออก เพื่อรายได้ของประเทศจะได้ไม่ลดลง
2 GOLD trend เป็นอย่างไร




2 GOLD trend เป็นอย่างไร
ลูกศรแดงสามจุด
เส้นค่าเฉลี่ย 5วันยังไม่ตัดลงมา
แต่ MACD ตัดลงไปเรียบร้อยแล้ว
พร้อมกับD+ ตัดลง D- ไปแล้ว
ยืนยันด้วยRSI ลงไป หาแดนขาย ยังขายได้อีกมาก
เส้นแนวรับ ยังอีกหลายเส้นกว่าจะเป็นขาลงจริงและหลุด โลว์ คราวก่อน ไหม ยังต้องรอซื้อของถูกกันอีกนาน
อย่างไรก็รอดู ค่าเงิน เงินไหลออกหยุดก่อนดีกว่า


คราวนี้ตามไปดูตลาดหลัก ว่าเงินไหลเข้าตลาด
1 ดาว (ตลาดหุ้น) เราจะใช้ CMF มีไทยอีกประเทศที่มีค่าวอลุมการซื้อขาย และใช้ อินดี้ CMF ( Chaikin Money Flow)ได้ ของกราฟอื่นไม่มีวอลุม เลยบอก เงินไหลเข้าออกไม่ได้





เพียง สองวัน เราเห็นได้ชัดเจนว่า เงินไหลเข้า ตลาด ดาว อย่างมากมาย
คราวนี้ผมจะเปลี่ยนอินดี้ ที่ควรจะใช้คู่กับ CMF คือ RSI
จะเห็นสวยงามชัดเจนมาก ถ้าRSI เข้าเขต การซื้อมากแล้ว
ซึ่งตามเวลาปกติ ทุกคนจะเตรียมตัวขาย เพราะนั่นคือ ในกระเป๋าทุกคนหมดเงินซื้อแล้ว
แล้วนักวิเคราะห์ มักจะฟันธงว่าตลาดจะลงแล้วเชียร์ให้ขาย
ตรงนี้แหละที่พอมีเงินไหลเข้าแบบผิดปกติ
ดัชนีราคาของก็จะขึ้นต่อไปได้อีก นักวิเคราะห์ จะปากกา หัก
ดังนั้น ที่นี่เราจึงพบ อินดี้CMF นี้มีประโยชน์ เมื่อเราจับกระแสร์เงินไหลเข้าออกผิดปกติได้
เราจึงใช้ เงินหยุดไหลเข้า จึงควรจะระวังการขาย
เข้าสู่ กฏเดิมของเรา จากแท่งเทียนเขียว จะสั้นลง จนเป็นกากะบาด ไง ยังจำกันได้ไหม
( พยายาม เอาวิธีปฏิบัติจริงๆๆมาเขียนประกอบภาพ ถ้าใคร ยังไม่ชอบ ว่าใส่ความคิด ลงมาด้วย ก็ถอยไปนะครับ ผมอยากให้คนที่มาอ่านได้อะไรจาก ความคิด และวิธีปฏิบัติจริงๆๆ อย่างละเอียด ถ้าผมมีเวลา ทำให้ )





คำอธิบาย เหตุการณ์ ต่อจากนี้ ตามทฤษฏี หรือ ข้อเท็จจริง ที่ควรจะเกิด ต่อ นี้ไป คือ พวกกรอบแดง ข้างซ้ายนั่นแหละ


คราวนี้ตามไปดูตลาดหลัก ว่าเงินไหลเข้าตลาด
1 ดาว (ตลาดหุ้น) เราจะใช้ CMF
2 ตลาดพันธบัตร์




แต่ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ เฟด คาดหวังมากมาก ให้ Yield ลดลง เพื่อ ดอกเบี้ยเงินกู้ได้ต่ำลง ได้เกิด การจ้างงาน มากขึ้นเมื่อบริษัทสามารถทนจ่ายดอกเบี้ยต่ำๆๆไหว
ยังจะพยายาม ทะยานขึ้นเช่นนี้
ผลคือ เฟดยังต้องอัดเงินเข้าไปซื้อพันธบัตร์มากขึ้นตามแผนเดิม
หรือเงินกลับมาแย่งซื้อ ราคาขึ้นมากกว่านี้เรื่อยๆๆขึ้น(ปกติ ราคากราฟบน จะตรงข้ามยิลด์ กราฟล่างเสมอ )
ตลาดนี้เราจึงยังต้องใช้ กราฟประกอบอีกราฟหนึ่งว่าเฟด ใส่เงินเข้าไปเท่าไร แต่วันนี้ จะยังไม่ใส่ให้ดู ถ้าอยากดู ย้อนไป บทความก่อนจะมีกราฟที่ว่านี้




ครบสามตลาดหลัก และตลาด ทองไปแล้ว
คราวนี้ตามไปดูผลค่าเงินเอเซียวันวาน
จากทองตกแรง ดอลล่าร์ขึ้น
เอเซียวันวานตลาดหุ้นแดง
ค่าเงินสกุลสำคัญเอเซีย อ่อนลงไปตามคาดหมดไหม











มือใหม่ ยังสับสนไหมกับกราฟค่าเงิน
ตัวเลขมากขึ้น กราฟกระดกขึ้นแต่เราต้องแปลว่าค่าเงินอ่อนลงนะ
(อีกที ยกตัวอย่าง การใส่ชื่อ USD/THB แปลว่าเป็นค่าเงินดอลล่าร์ 1เหรียญ จะเป็นเงินไทยจำนวนเท่าไรในการแลกเปลี่ยน
ดังนั้น ถ้าใช้ เงินไทยจำนวนน้อย ตัวเลขน้อย กราฟ ลง แสดงว่า ค่าเงินไทยเราแข็งขึ้น มีค่ามากขึ้น
ถ้าอีกทางก็แปลตรงข้าม
ค่อยๆๆคิด ช้าๆๆ แรกๆๆผมก็ งง บ่อยๆๆ )


จากกราฟ สกุลหลักเอเซียยกเว้นจีน ที่ค่าเงินอ่อน
ตามสูตรที่เรา เคยบอกไว้
ฝรั่งจะเริ่มขาย เพื่อกลับไปเก็งราคาดอลล่าร์ที่กำลังจะขึ้น
การกำไรในหุ้นและค่าเงินบาท เริ่มจะลดลง
ผลรวม เงินต้องไหลออกด้วย
เราภาวนา ให้เป็นเช่นนี้ เพราะประเทศเอเซียทั้งหลายที่เริ่ม เดือดร้อนจาก ค่าเงินแข็ง ส่งออกเริ่มมีปัญหา รายได้เริ่มลด บริษัทส่งออกเริ่มจะตายถ้านานไป
และที่สำคัญ ยังหาวิธีสกัด เงินไหลเข้ามาในประเทศไม่ได้ เพราะทุกตลาด ทำกำไรให้เขามากกว่าเงินอยู่ประเทศเขา
(ดอกเบี้ยเริ่มขึ้นในเอเซียเพราะ เงินเฟ้อ กำลังทะยาน ราคาสินค้ากำลังสูงขึ้น อุทกภัย วาตภัย ที่ทำลาย สินค้าเกษตร .......)


ส่วนน้ำมัน ผมมั่นใจว่าไม่เกี่ยวกับดอลล่าร์แล้ว เพราะยุโรป หิมะตกหนักมาก ต้องการฮีทเตอร์สูง น้ำมันใช้มากขึ้นตามปกติ




ส่วนของไทยไม่มีคอมเมนท์
1 วันขึ้นเอ็กดี ราคาหุ้นตัวนั้นควรจะลดลงตามเงินปันผลไหม



วันที่ 4 ราคา+50บาท
วันที่ 5 วันวาน เช้า - 8บาท กลางช่วงเวลาเทรด+ 22 เย็นปิด +8
2 ถ้ารวม เงิน ใน20อันดับแรก ที่ซื้อขาย เกินครึ่งของตลาด
ทหารไทยมีข่าว จะมีคนซื้อ ราคาถูกโก่ง ไป ราคา4บาท จึงจะขาย
ผลการเข้าเก็งกำไร พันกว่าล้านหุ้น



เชิญ คอมเมนท์ ตลาดไทยกันด้วยครับ


Create Date : 06 มกราคม 2554
Last Update : 6 มกราคม 2554 6:57:18 น. 18 comments
Counter : 4554 Pageviews.  
 
 
 
 
สามีมีพระเครื่องที่สะสมมาก แต่ภรรยาสนใจแต่เรื่องหุ้น
เห็นคุณหมอโชว์พระ ก็เลยเล่าสู่กันฟัง
 
 

โดย: mu kb IP: 118.173.60.255 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:7:55:31 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลต่าง ๆ แต่ผมอยากให้ระมัดระวังในเรื่องของเหตุและผลไว้อีกนิด ว่า อะไรมันเกิดก่อน อะไรมันเกิดทีหลัง อะไรเป็นผล อะไรเป็นเหตุ เช่น การ sell-off กลุ่ม commodities เพราะค่าเงินดอลลาร์ แข็งก่อน หรือ เกิดการขายก่อน แล้วผู้คนหันไปซื้อดอลลาร์เก็บ จึงทำให้ดอลลาร์แข็ง ปรากฏการณ์เหล่านี้ บางครั้ง กราฟ มันดูไม่ออก บอกไม่ถูก ถ้าเราจับแพะชนแกะ โดยไม่รู้อะไรเป็นเหตุเป็นผล ก็อาจจะนำไปสู่ความเข้าใจผิด ๆ ได้ นะครับ
 
 

โดย: หลักหุ้น IP: 58.9.8.44 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:8:01:17 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณหมอมากครับ
 
 

โดย: เหนือบน IP: 118.172.33.6 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:8:23:30 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับพี่หมอ
 
 

โดย: lertchai1955 IP: 58.8.145.251 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:8:33:07 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณ หลักหุ้นครับ
เราเดินตามฝูงแกะมา แล้วฝูงแกะมันหายไป
เรือยๆๆ แต่อีกฝูงที่เรามองเห็นไม่ไกลนัก ฝูงมันโตขึ้น
แบบนี้ เราก็น่าสรุปได้ว่าฝูงเราหายไปอยู่ฝูงใก้ลๆๆนี่เอง
เราไม่ได้ดูกราฟ อย่างเดียวมาเป็นปีปีแล้วครับ
เรายำ ข่าวตัวเลขเศรษฐกิจ ข่าวการเมือง การเงินการคลัง แล้วมารวมกับกราฟ
อะไรเกิด ก่อนเราก็ทราบ จากก่อนประกาศ มาเป็นประกาศ แล้วผลทางจิตวิทยาตามมา
แบบนี้คือหลักการที่เราใช้มาครับ
สรุปเราไม่ได้มองแพะเป็นแกะ จับแกะชนแพะนะครับ
ถูกต้องใช่ไหมครับวิธีของเรา??
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:8:42:27 น.  

 
 
 
ถูกต้องแล้วครับคุณหมอ

ผมเห็นพูดถึงเรื่องค่าเงินบาท ค่าเงินดอลลาร์กันบ่อย ๆ ความจริงเรื่องนี้ มีคนพูดว่า แม้แต่ ไอนส์ไตนส์ ยังต้องเขินเมื่อให้ท่าน comment หรือ หาสูตร เพราะมันเป็นเรื่องของอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนรายวัน ดังนั้นเราคงมาคอยจับ ๆ จ้อง ๆ รายวันคงเหนื่อย

แต่แนวโน้มในเรื่องของ เฟด ที่ทุ่มเงินตามมาตรการ QE 2 จนทำให้คนที่ฟังข่าวแบบนี้ มาครั้งเดียวก็จะพูดติดปากกันไปตลอดว่า ค่าเงินบาทจะแข็ง เพราะเงินเหล่านั้นมันจะไหลเข้ามาในแถบนี้ ขณะเดียวกัน ข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของสหรัฐก็ เปลี่ยนแปลงทุกวัน แนวโน้มใหญ่ก็คือ โอกาสที่เศรษฐกิจจะโงหัวขึ้นก็มีสูง มีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น สองเรื่องนี้ กำลังเป็นคานงัดกัน แต่ผู้คนก็ไม่ค่อยได้ รับทราบกันมากเท่ากับเรื่องเม็ดเงินไหลเข้า นี่เป็น Trend หลัก

ฉะนั้น ที่คุณหมอตอบมาข้างต้น ดีครับ จะได้เข้าใจ ว่า การผสมผสานเรื่องราวต่าง ๆ รายวัน นั้น ท่านก็ยังพอมีกรอบกว้าง ๆ เช่นนั้นอยู่
 
 

โดย: หลักหุ้น IP: 58.9.8.44 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:17:06 น.  

 
 
 

ตัวอย่างร้อนๆๆ เวลา 9.06น จากเวบนี้จะไวกว่ายาฮู(//www.gloryskygroup.com/index.aspx?lang=en เปิด ที่HOME เมนูครับ)


และเมื่อ 9.08 น หั่งก็เปลี่ยนไปตามจีน



และทองเวลา9.06

ก็ต้องติดตามต่อไป ก่อนตลาดไทยเปิด
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:18:42 น.  

 
 
 
จากการเขียน ในบลีอก แล้วมีหลากหลายอาชีพ หลากหลาย คนที่ที่เก่งๆเข้ามาอ่าน
แรกๆผมเเค่กลับกราฟ ที่เคลื่อนไหวสัมพันธ์ กันแบบตรงข้าม
เขาก็มาอธิบายว่าคณิตศาตร์ มีหลักการหาความสำพันธ์
ดัชนีความสัมพัทธ์ แบบ ตรงหรือแบบตรงข้าม
มีสูตรคำนวณ และต้องผ่านกฏเกณท์ ว่า ผิดพลาดน้อยกว่า ประมาณหนึ่งจึงจะเชื่อถือได้ว่า
สิ่งที่นำมาสัมพัทธ์กันนั้น เป็นเช่นนั้นจริง
หรืออย่างในเวบจีน
SSEA จะขึ้นลง เหมือนในยาฮู SSEC
ก็มีผู้รู้ ที่รู้เรื่องจีนตลาดหุ้นจึน
อธิบายให้ทราบว่า SSEC คือตลาดที่ไหน
SSECคือตลาดที่ไหน แล้วขึ้นลงตามกันตลอด จึงใช้การขึ้นลง แทนกันได้
เหนื่อยครับหนึ่งปี กว่าจะได้ความรู้ พอจะถูไถได้ขนาดนี้
การพยายามคิดดังๆๆให้คนอื่นได้ยิน
และเขียนไว้ ก็ได้ประโยชน์ จากคนที่เอาความรู้มาให้ผมด้วยเช่นกัน
ผมจึงถือว่าการให้ ย่อมได้รับกลับเช่นกัน
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:30:48 น.  

 
 
 
อ้อคุณ mu ครับ คุณสามีเล่นmsn messenger หรือป่าวครับ ถ้าเล่นให้แอดมาด้วยครับ nid000 ฮอทเมลครับ
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:36:30 น.  

 
 
 
มันบอกไม่ได้หรอกครับ ระหว่าง Qualitative และ Quantitative Approach ในสหรัฐเขามีแบ่งกันเป็น 2 school of thought แม้จะเป็นแขนงวิชาทางด้านศิลปศาสตร์ ถ้าโลกไม่มีข่าวคราวอะไรเปลี่ยนแปลงกันบ่อยนัก เช่นเป็นรายวัน รายสัปดาห์ ก็น่าเชื่อว่า Quantitative Approach จะเป็นแนวทางบอกเหตุได้ดี แต่เมื่อไหร่ ที่มีข่าวคราวเปลี่ยนแปลงทุกวัน ผมว่า การวิเคราะห์ ข่าวเชิง Qualitative น่าจะให้แนวทางได้เหมาะสมกว่า ยิ่งโลกเราสมัยนี้ ค่อนไปในทางที่มีการเปลี่ยนแปลงข่าวอยู่ทุกวัน

อย่างไรก็ตาม การมุ่งวิเคราะห์ในด้านใดด้านเดียวมากเกินไป ก็อาจจะเสียโอกาสรู้อีกด้าน ครั้นจะนำมาใช้พร้อม ๆ กัน บางทีก็ไม่สะดวก เพราะ พล๊อตกราฟเสร็จ เรื่องราวก็เปลี่ยนไปอีก

เอาเป็นว่า ท่านได้ทำความเข้าใจให้คนฟัง แบบที่อธิบายมาแล้วข้างต้น ก็ถือว่า ถูกต้องแล้วครับ
 
 

โดย: หลักหุ้น IP: 58.9.8.44 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:46:09 น.  

 
 
 
เฮ ถูกอีกแล้ว

(ทำท่าแบบในทีวีช่องเก้า เวลาคอมเมนเตเตอร์ ชม)
ในเวบพระเครื่อง ก็ใช้คำว่า
แท้เรา เฮ
เก๊ เรา ฮา ด้วยครับ
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:10:02:02 น.  

 
 
 
ผมอ่านมานาน อ่านเป็นประจำครับ ไม่ค่อยชอบออกมาเขียนวิจารณ์ จะมาก็นาน ๆ ครั้ง

เหมือนตาชั่งที่ใช้ชั่งน้ำหนัก ใช้ไปนาน ๆ ก็ต้องเอามันไป calibrate บ้าง ไม่งั้น มันจะเอียง
 
 

โดย: หลักหุ้น IP: 58.9.8.44 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:10:48:50 น.  

 
 
 
ความหวังของหมู่เฮาติดอยู่บนสุวรรณคิรี โปรดอ่านบทความวิเคราะห์ของ Mattherhorn Asset Management Jan1,2011 เขาพยากรณ์ไว้ว่า ปีนี้ จะเกิด hyperinflation , ดอกเบี้ยขึ้นสูง นำไปสู่ ความหายนะทางเศรษฐกิจของยักษ์ใหญ่ ทองท่ีขุดได้จากเหมืองปริมาณลดลงมากในอนาคต นั่นคือราคาทองจะไปโลด

ปะlink.ในช่องนี้ไม่ได้ ถ้าสนใจจะส่งให้ค่ะ
apochana@gmail.com
 
 

โดย: senge IP: 223.206.179.248 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:11:32:18 น.  

 
 
 
แปะได้เลยครับ
คนสนใจกอปปี้เอาไปแปะที่ address // เองได้ครับ

หรือแปลสรุป พร้อมเหตผลด้วยก็พอครับ
 
 

โดย: หมอสัจจะ วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:11:40:21 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณคะ คุณหมอ และข่าวดีๆจากทุกท่านคะ ^_^
 
 

โดย: Nita_7Uiii IP: 223.207.0.144 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:13:50:21 น.  

 
 
 
หาวิธีแปะได้แล้ว บทความของ Mattherhorn Asset Management
//goldsilver.com/news/hyperinflation-will-drive-gold-to-unthinkable-heights/

 
 

โดย: senge IP: 117.47.223.141 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:21:27:41 น.  

 
 
 
วันนี้ คุณหมอคงเหนื่อย หรือ น้อยใจก็ไม่ทราบ
เปลี่ยนเป็นข่าวบ้างน่าจะดี

Greatest Asset Class Bull Market Ever May End This Year
Published: Thursday, 6 Jan 2011 | 2:49 PM ET Text Size By: John Melloy
Executive Producer, Fast Money
//www.cnbc.com/id/40948052

เว๊ปข้างต้นน่าสนใจนะครับ เขาบอกว่า พันธบัตรอายุ 10 ปี ก็ดี หรือ 30 ปีก็ดี ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่าน ยิ่งถ้าหากเป็นช่วงที่เศรษฐกิจไม่มีภาวะเงินเฟ้อแล้ว พันธบัตรที่มีรายได้แน่นอน ประจำ Fixed Income จะเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก และนั่นก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ ผลตอบแทน yield นั้นต่ำ เพราะมีคนสนใจซื้อกันมาก

แต่นั่นอาจจะกลายเป็นอดีตไปในไม่ช้า เพราะขณะนี้ หนี้สินของประเทศสหรัฐ ใกล้จะถึงขีดจำกัดที่กำหนดไว้ตามกฏหมาย ซึ่งขณะนี้มีเกือบ 14 ล้าน ล้าน เหรียญ และรัฐสภาก็ยังกำลังจะตัดสินใจว่า จะแก้กฏหมายเพิ่มเพดานอีกหรือไม่ นักวิจารณ์บอกว่า จากปริมาณ พันธบัตรมากมายขนาดนั้น ประกอบกับ ความพยายามของ เฟด ในการที่เพิ่มภาวะเงินเฟ้อ และเร่งให้เศรษฐกิจโต ความสนใจในพันธบัตร ไม่น่าจะคงอยู่ต่อไปได้เหมือนเดิม เพราะดอกเบี้ยของตลาดจะต้องสูงขึ้นในอนาคตเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ

จับประเด็นได้ว่า ในไม่ช้าไม่นาน ดอกเบี้ยสหรัฐจะต้องสูงขึ้น เพราะมันก็แหง ๆ อยู่แล้ว ตอนนี้ แค่ 0.25% และภาวะตลาดหุ้นจะดีขึ้น เพราะคนจะทิ้งพันธบัตร เหมือนที่กำลังเกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสี่ของปีที่แล้วมาเข้าสู่ตลาดหุ้นกันมากขึ้น
Minutes from the Federal Reserve’s latest meeting released Wednesday showed that policymakers plan to stay the course on buying $600 billion in long-term Treasurys in order to keep interest rates essentially in negative territory. On the surface, one would think this would be bullish for bonds, and it was for most of last year. But in the fourth quarter, investors went from anticipating this quantitative easing program to betting on higher growth and inflation when the Fed bond buying actually began.
แปลสั้น ๆ ก็คือ ว่า เฟด ยังเดินหน้าที่จะซื้อพันธบัตรอีกกว่า 6 แสนล้านโดยต้องการให้ดอกเบี้ยทรงอยู่ในอัตราที่ต่ำ เมื่อมองผิวเผิน เราอาจจะคิดว่า สิ่งนี้ น่าจะดีต่อพันธบัตร เพราะเฟดมาแย่งซื้อ และพันธบัตรก็เป็นกระทิงจริงมาเกือบตลอดปี แต่ตั้งแต่ไตรมาสสี่ที่ผ่านมา นักลงทุน กลับมอง มาตรการของเฟดดังกล่าว เชิงท้าทายว่าจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ และจะก่อเกิดให้มีภาวะเงินเฟ้อ จากการซื้อพันธบัตรดังกล่าว.

เมื่อเป็นเช่นนี้ เชื่อว่า ค่าเงินสหรัฐจะแข็งขึ้น ดอกเบี้ยจะต้องขึ้น ใครยังคิดว่าค่าเงินบาทจะแข็ง ไปอีก ควรจะรับรู้ข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงทุกวันนะครับ

รายละเอียดเพิ่มเติม ก็ตามเว๊ปข้างบนหาอ่านได้ครับ
 
 

โดย: หลักหุ้น IP: 58.9.8.44 วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:9:25:23 น.  

 
 
 
Where r u Dr.?
 
 

โดย: tipar IP: 58.8.115.224 วันที่: 7 มกราคม 2554 เวลา:9:48:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

หมอสัจจะ
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 185 คน [?]




[Add หมอสัจจะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com