|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ริ้วรอย รอยริ้ว ทำไงดี
ริ้วรอยถามหา สาวๆ และหนุ่มๆ บางคนไม่อยากให้มีริ้วรอยเลย แต่ในปัจจุบันริ้วรอยเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แม้เเต่กับสาวๆ อายุยังไม่ถึงเลข 3 ด้วยซ้ำ ทำไงดี!!!
ริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัยเเละเวลา เกิดจากการเปลี่ยนเเปลงรูปแบบของการยึดเกาะเนื้อเยื่อ แบะจำนวนของเซลล์ผิวลดลง และริ้วรอยที่เกิดก่อนวัย มักเกิดจากผิวที่ถูกทำลาย ทำให้ความสามารถให้การสร้างคอลาเจนของเซลล์ผิวลดลง เนื่อจาก กิจกรรมการเเจ้ง ความเครียด ฮอร์โมน และอาหาร เนื่องจากอาหารการกินก็มีส่วนเป็นอย่างมาก เช่นการกินเเป้ง และน้ำตาลมากไปจะไปทำการลดคอลลาเจนลงนะจะบอกให้
เรามารู้จักเจ้าริ้วรอยกันก่อน
ประเภทของริ้วรอย 1. Static wrinkles ร่องริ้วรอย : เกิดจากการสูญเสียรูปของคอลลาเจน ซึ่งปริมาณน้ำหนักอยู่ที่ 75-80 %ของชั้นผิว จากที่เคยเป็นเส้นใยโครงสร้างผยุงผิว กลับเสื่อมและขาดออกจากกัน จึงทำให้ร่องริ้วรอยในแนวตั้งล้มตัวออกด้านข้างเกิดริ้วรอยร่องกว้าง คือริ้วรอยที่ปรากฏอยู่บนผิวตลอดเวลา โดยเริ่มเกิดเป็นเส้นเล็กๆมาก่อน ( fine line ) แล้วค่อยๆเห็นได้ชัดขึ้นเรื่อยๆเพราะผิวหนังขาดความยืดหยุ่นและเริ่มสูญเสียคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวเริ่มบางลงหรือมีความหนาไม่สม่ำเสมอ มีสาเหตุมาจากจาก ผิวเสื่อมสภาพตามวัย หรือเสื่อมก่อนวัย เช่น โดนแสงแดดทำลาย สูบบุหรี่ มลพิษ ขาดสารอาหาร ริ้วรอยประเภทนี้พบได้ง่ายบริเวณรอบดวงตาหรือแก้ม
การรักษาริ้วรอยชนิดนี้ คือการทำอะไรก็ตามที่สามารถเพิ่มความหนาและความยืดหยุ่นของผิวหนังโดยกระตุ้นการเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสติน
2. Dynamic wrinkles เส้นริ้วยาว : เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อในหน้า ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมแสดงสีหน้า อารมณ์ และการขมวดคิ้วเป็นประจำ ทำให้เกิดริ้วรอยเส้นยาวขึ้น คือรอยย่นที่เกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ เปรียบเหมือนการที่เราเอามือขยำผ้าเข้าหากัน เมื่อผ้าถูกดันเข้าหากันบ่อยๆก็จะเกิดรอยพับรอยย่นนั่นเอง มักเป็นบริเวณ ตีนกา หน้าผาก รอยขมวดคิ้ว เป็นต้น
3. Wrinkle Folds ริ้วรอยลึก : เกิดจากการสูญเสียมวลผิว เซลล์ใต้ชั้นผิวหนังจึงเสื่อมสภาพและยุบตัวลงไป ริ้วรอยจางๆภายนอกก็จะยิ่งยุบตัวลึกขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นริ้วรอยลึกที่เห็นชัดหรือร่องลึกต่างๆเช่น ร่องแก้ม หรือร่องที่อยู่ระหว่างคิ้วที่ปรากฏอยู่ตลอดเวลา เกิดจากโครงสร้างใต้ผิวที่เสียไปอย่างมาก
สาเหตุของการเกิดริ้วรอย 1. กระบวนการเปลี่ยนแปลงผิวจากปัจจัยภายนอก ( Extrinsic Aging) แสงแดดทำร้ายเซลล์ผิวลึกถึงคอลลาเจนและ DNA จนเกิดริ้วรอยได้มากถึง 3 เท่า โดยเฉพาะรังสีแสง Ultraviolet หรือรังสี UV โดย UVB จะทำลายผิวภายนอก และ UVA จะเข้าทำลายลึกถึงชั้นผิวภายใน นอกจากนี้มลภาวะ ความเครียด การแสดงอารมณ์ทางสีหน้า การสูบบุหรี่ การขึ้นๆลงๆของน้ำหนัก และการเช็ดหน้า แต่งหน้าแรงเกินไป ปัจจัยต่างๆเหล่านี้ เป็นตัวกระตุ้นให้มีการทำลายโครงสร้างเส้นใยภายใต้ผิวมากกว่าปกติ ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยทั้งสิ้น
2. กระบวนการเปลี่ยนแปลงผิวจากปัจจัยภายใน ( Intrinsic Aging) เกิดจากการที่เซลล์ผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง และโครงสร้างเส้นใยใต้ผิวหนังยืดตัวไม่สมบูรณ์จากอายุที่เพิ่มขึ้น โดยเริ่มเมื่ออายุย่างเข้า 20 ปี อัตราการสร้างคอลลาเจนจะเริ่มลดลงปีละ 1 %ในทุกๆปี และเมื่ออายุย่างเข้า 25 ปี อัตราการสร้างคอลลาเจนจะเริ่มลดลงปีละ 2 %ในทุกๆปี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนและการเสื่อมสภาพของ DNA เมื่ออายุย่างเข้า 40 ปี ก็ส่งผลให้เกิดริ้วรอยที่เห็นชัดเจนขึ้น
วิธีดูเเล 1.หลีกเลี่ยงแสงแดด ช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่มีรังสี UVสูงสุดมากถึง 80% จึงควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าวและควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างน้อย 15 ขึ้นไปก่อนออกแดดประมาณ 15-30 นาที ทุกวันก่อนออกแดด บางสถานที่อาจสะท้อนแสงแดดได้ดีเช่น คอนกรีต ทราย หิมะ จึงควรเลี่ยงสถานที่เหล่านี้ด้วย
2.รับประทานอาหารที่ชะลอความแก่ หมั่นให้อาหารผิวอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะวิตามินหรืออาหารเสริมเช่น วิตามิน เอ ซี อี คอลลาเจนจากปลาทะเล สารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศส สารสกัดจากเมล็ดองุ่น กลูตาไธโอน น้ำมันจากปลาแซลมอนสิ่งเหล่านี้ช่วยฟื้นฟูผิว และต่อต้านริ้วรอยได้ แต่ต้องไม่ลืมที่จะดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว และงดเว้นการสูบบุหรี่ ดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลอฮอล์ ซึ่งเป็นตัวบ่อนทำลายเซลล์ผิวหนังให้เสื่อมเร็วกว่าวัยอันควร
3.หลีกเลี่ยงการกดทับที่ผิวหน้า ท่านอนนับเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการนอนท่าเดิมตลอดเวลา โดยเฉพาะนอนตะแคงหน้าจะทำให้เกิดรอยย่นในด้านที่ถูกทับได ้ ฉะนั้นจึงควรเปลี่ยนท่านนอนบ่อยๆ และใช้หมอนทางเตี้ย เพื่อป้องกันผิวหนังย่นจากรอยทับ
4.หมั่นดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ ผิวหนังของคนเราจะมีส่วนประกอบของน้ำอยู่เกือบ 90% ที่เหลือจะเป็นส่วนของไขมัน และ Moisturizing Factor ซึ่งเป็นตัวอมน้ำไม่ให้ระเหยออกไปจากผิว ดังนั้นจึงควรมีการเติมอาหารให้ผิวด้วยโลชั่นหรือครีมที่มีส่วนผสม Moisturizer เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณเสมอ
5.พักผ่อน ออกกำลังกาย คลายเครียด การพักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอจะช่วยให้ผิวพรรณสดใส ขณะที่การออกกำลังกายก็สามารถกระตุ้นระบบโลหิตให้ไหลเวียนดี อีกทั้งยังเสมือนยาต้านเครียดจากธรรมชาติอีกด้วย และการนั่งสมาธิก็เป็นแนวทางที่ดีในการผ่อนคลายและชะลอวัยในปัจจุบัน
เรียบเรียงข้อมูล : Nicky PH เเหล่งที่มา: รวบรวมจาก Internet
Create Date : 27 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 27 สิงหาคม 2555 18:43:57 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1138 Pageviews. |
|
|
|
โดย: PinePh วันที่: 27 สิงหาคม 2555 เวลา:18:44:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Rome Italy, Bangkok Thailand, AMS Netherlands
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
|
I dont have anything to say much about myself...if you want to know more please check it out!!!
|
|
|
|
|
|
|
Skin Doctors Vipertox
"เซรั่มตัวนี้เป็นสารสกัดโปรตีนขนาดเล็กที่ออกฤทธิเหมือนกับโพลีเปปไทด์ ที่พบในงู
ซึ่งสารสกัดโปรตีนนี้ จะออกฤทธิกับตัวรับกล้ามเนื้อ ริ้วรอย เช่นรอยย่นบริเวณหน้าผาก หระหว่างคิ้ว รอยตีนกา รอยย่นรอบดวงตา ริมฝีปาก ร่องเเก้ม ซึ่งริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ สีหน้าซ้ำๆ
จะเกิดการจากการหดตัวของกล้ามเนื้อทำให้เกิดริ้วรอย สารสกัดจากงูนี้ จะเข้าไปออกฤทธิ ช่วยในการคลายกล้ามเนื้อ
เช่นบริเวณที่เราแสดงอาการบ่อยๆ อย่าง ร่องแก้ม ริ้วรอยรอบดวงตาเวลายิ้ม
จะช่วยทำให้ผิวหนังบริเวณนั้น เนียนเรียบ ริ้วรอยหายไปอย่างรวดเร็วภายใน 7 วัน
อีกทั้งยังจะช่วยบำรุงผิวให้มีความแข็งแรงยืดหยุ่นมากขึ้น
ช่วยเร่งในการผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกให้เร็วขึ้นโดยไม่ทำให้เกิดการแพ้และการระคายเคือง
ช่วยลดจุดด่างดำ และทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น"
ซึ่งครีมนี้มีหลากหลายยี่ห้อ จากสวิส และเกาหลี ลองศีกษาเพิ่มเติมกันดูนะคะ ได้ผลอย่างไรกระซิบบอกกันด้วย :)