Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
16 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
ตำนานของ GUCCI เริ่มขึ้นในปี 1921

Lifestyle: นอกจาก หลุยส์ ที่เป็นสินค้าโด่งดัง ฝั่งฝรั่งเศส ทางอิตาลี ก็มีไม่เเพ้กันและดูเก๋ากว่าด้วยระยะเวลา นานร่วม 9 ทศวรรษ ด้วยเอกลักษณ์และตัวตนของแบรนด์ผ่าน กุชชี่ไอคอน ที่มีดีไซน์โดดเด่น ตัว GG ที่ซ้อนกันกลับหัวหางแต่ดูเก๋มีเอกลักษณ์ เราลองมาดูประวัติกุชชี่ที่ไม่แบรนด์ดังที่ไม่แพ้หลุยส์เลยทีเดียว

ตำนานของ GUCCI เริ่มขึ้นในปี 1921
เมื่อ Guccio Gucci ได้เปิดร้านเครื่องหนังร้านแรกขึ้น
ในเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเอง นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อเสียงของเขาก็เริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะช่างฝีมือทัสแคนในอิตาลี ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี กุชชี่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เนื่องจากสามารถดึงความสนใจลูกค้าจากนานาประเทศ โดยเฉพาะ ผู้ที่มีรสนิยมที่ค้นหาคอลเลกชันใหม่ๆ และสินค้าคุณภาพ รวมถึงนาฬิกาข้อมือ กุชชี่เป็นเจ้าแรกในบรรดาแบรนด์แฟชั่นชั้นสูงที่นำนาฬิกาเข้ามาในสายการผลิตตั้งแต่ช่วงยุค 1970

ศตวรรศที่ 20ปี 1921 "กุชชิโอ กุชชี" (Guccio Gucci) ก่อตั้งกิจการ Gucci โดยเริ่มต้นจากการที่กุชชีเริ่มทำงานในโรงแรมซาวอยที่กรุงลอนดอน กุชชี่หลงใหลความสวยงามของกระเป๋าเดินทางที่พบเห็นอยู่ทุกวัน จนในที่สุดตัดสินใจกลับไปยังบ้านเกิดที่ฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เปิดร้านค้าและผลิตเครื่องหนังของตนเอง เมื่อกิจการตกถึงมือรุ่นลูกคือ "อัลโด กุชชี" (Aldo Gucci) สินค้าภายใต้ชื่อ Gucci ก็มีจำหน่ายไปทั่วโลก อัลโดเป็นผู้ตัดสินใจเปิดร้านกุชชีแห่งที่สองในกรุงโรมในช่วงทศวรรษ 1950

เมื่อกิจการตกทอดถึงรุ่นที่สาม "เปาโล กุชชี" (Paolo Gucci) ซึ่งเป็นบุตรชายของอัลโดก็มีแนวทางธุรกิจของตนเอง เขาต้องการขยายไลน์สินค้าราคาไม่แพงนักเพื่อจับลูกค้ากลุ่มหนุ่มสาว และมีแผนเปิดร้านใหม่อีกแห่งหนึ่ง แต่แผนดังกล่าวถูกคัดค้านอย่างเต็มที่จนทำให้เกิดความตึงเครียดในครอบครัวกุชชี่ เปาโลพยายามดิ้นรนจนสามารถสร้างไลน์สินค้า PG ตามชื่อของเขาได้สำเร็จ แต่เมื่ออัลโดพ่อของเขารู้ข่าว ก็ถึงกับไล่เปาโลออกจากบริษัท และสั่งห้ามซัปพลายเออร์ของกลุ่มกุชชีทุกรายทำธุรกิจร่วมกับเปาโล ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกถึงขั้นย่ำแย่

ต่อมา ลูกพี่ลูกน้องของเปาโลคือ "มาอุริซิโอ" (Maurizio) ได้รับช่วงมรดกกิจการครึ่งหนึ่ง มาอุริซิโอรู้สึกอึดอัดใจกับเรื่องในครอบครัว จึงตัดสินใจที่จะยึดครองกิจการไว้เสียเองทั้งหมด โดยให้บริษัทอินเวสต์คอร์ป ดำเนินการซื้อหุ้นกิจการส่วนที่เหลือจากญาติพี่น้องของเขา เปาโลเป็นคนแรกที่ยอมขายหุ้นในมือ และในที่สุดมาอุริซิโอก็ได้ฟื้นฟูภาพพจน์กิจการที่ย่ำแย่ให้คืนมา โดยมีผู้ช่วยคนสำคัญคือ "โดเมนิโก เดอ โซเล" (Domenico De Sole) ทนายความของเขา เป็นผู้รับผิดชอบดูแลกิจการ Gucci America และ "ดอน เมลโล" (Dawn Mello) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของBergdorf Goodman ถูกดึงตัวมารับผิดชอบตำแหน่ง creative director นอกจากนั้นยังได้ว่าจ้างทอม ฟอร์ด (Tom Ford) เป็น junior designer ด้วย

อย่างไรก็ตามกิจการภายใต้การบริหารของมาอุริซิโอในช่วงแรกดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่นนัก เนื่องจากไม่สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างดี ในช่วงที่ Gucci ประสบการขาดทุน มาอุริซิโอได้ทุ่มเงินถึง 12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปรับปรุงสำนักงานใหญ่ที่ฟลอเรนซ์ และในระหว่างปี 1991-1993 กิจการมียอดขาดทุนรวมถึงราว 102 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จนในที่สุดอินเวสต์คอร์ปได้กดดันให้มาอุริซิโอขายหุ้นแล้วดึงโซเลให้กลับมาบริหารงานที่ฟลอเรนซ์

ปี 1994 ภาวะทางการเงินของ Gucci ย่ำแย่อย่างหนัก โซเลต้องเดินสายเจรจากับซัปพลายเออร์ให้เชื่อว่าเขาสามารถผลักดันกิจการ ให้ฟื้นคืนกำไรได้ ตอนนั้นที่สำนักงานใหญ่มีแต่คนเขียนบันทึกกล่าวโทษกันและกันจนไม่เป็นอันทำงาน โซเลเล่าว่ารายงานของบริษัทที่ปรึกษาคูเปอร์ แอนด์ ไลแบรนด์ ที่เสนอแก่อินเวสต์คอร์ป ถึงกับระบุว่ากุชชี เป็นองค์กรที่ไร้ขีดความสามารถ ไร้จิตวิญญาณของการทำธุรกิจ แต่โซเลบอกว่าทุกวันนี้ไม่มีใครคิดแบบนั้นอีกแล้ว

นาฬิกา กุชชี่

ในระยะเริ่มแรก นาฬิกากุชชี่ถูกผลิตขึ้นภายใต้ใบอนุญาตการใช้ลิขสิทธิ์แบรนด์กุชชี่ เป็นระยะเวลารวม 23 ปี รูปแบบของนาฬิกาในช่วงนั้นประกอบไปด้วยสัญลักษณ์เด่นๆ ของกุชชี่ เช่นรูปเกือกม้า และแถบสีเขียว-แดง-เขียว สำหรับนาฬิกาดาวเด่นของยุคบุกเบิกนี้ ได้แก่ รุ่น1500 ซึ่งขายได้กว่า 1 ล้านเรือนทั่วโลก และอีกรุ่นหนึ่งที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในช่วง 1996-1997 ก็คือรุ่น G Watch ที่ใครๆ เห็นก็รู้ว่านั่นคือ นาฬิกากุชชี่

จากนั้นเข้าสู่ยุคที่สองระหว่างปี 1990-2000 ภายใต้การดูแลของ ทอม ฟอร์ด (Tom Ford) ผู้นำของวงการแฟชั่นที่โดดเด่นในการจับสไตล์หรูแต่สวมใส่ได้จริง มาใช้ในการออกแบบผลงาน ในยุคนี้ จะเห็นได้ถึงก้าวกระโดดอีกขั้นหนึ่งของกุชชี่ทางด้านการออกแบบสัญลักษณ์ให้มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยการเน้นไปในด้านภาพลักษณ์และคุณภาพของแบรนด์มากขึ้น ตัวอย่างเช่น นาฬิกากุชชี่รุ่น 3900, รุ่น Bambooและ รุ่น Horsebit (2004) ทั้งสามรุ่นนี้ กลายเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดและยังขายได้จนถึงปัจจุบัน และก็เป็นปรากฏการณ์อีกครั้งที่กุชชี่สร้างความแตกต่างให้แบรนด์ผ่านรูปแบบแคมเปญโฆษณาอย่างเต็มรูปแบบ ที่น่าดึงดูดกว่าแบรนด์อื่นๆ ในวงการแฟชั่น


ตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา กุชชี่เริ่มก้าวเข้าสู่ยุคที่สามพร้อมกับความเฟื่องฟูของสัญลักษณ์ต่างๆ ของแบรนด์ เห็นได้จากคอลเลกชัน Flora ในรุ่น Bandeau, คอลเลกชัน Twirl ที่มีการสลักบนสัญลักษณ์ GGและล่าสุดในปี 2007 กับรูป Horsebit หรือรูปเกือกม้าในรุ่น Signoria
นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัวรุ่นPantheon ที่เป็นการปฏิวัติรูปแบบเดิมๆ ของนาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษ

ปัจจุบัน กุชชี่อยู่ภายใต้การดูแลของครีเอทีฟ ไดเรคเตอร์สาวรุ่นใหม่ คือ ฟรีดา เจียนนีนี (Frida Giannini) และเพื่อที่จะให้กลยุทธ์การตลาดของแบรนด์เป็นไปในทางเดียวกัน นาฬิกากุชชี่จึงได้ถูกรวมเข้ากับแบรนด์กุชชี่อย่างเต็มตัวในที่สุดเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2006

หากย้อนตำนานความเป็นมาของ กุชชี่ไอคอน นั้น สามารถสรุปได้เป็น 3 รูปแบบ

**จีจีไอคอน หรือ สัญลักษณ์ GG
สัญลักษณ์ที่แสดงถึงความเป็นกุชชี่มากที่สุดคงหนีไม่พ้นตัวอักษร GG ที่เป็นกุชชี่ไอคอนที่ลงตัวในทุกส่วนของงานแฟชั่น ยกตัวอย่างเช่น นาฬิกากุชชี่ รุ่น Twirl ซึ่งสะท้อนถึงแก่นแท้ของกุชชี่ที่ออกแบบให้เป็นมากกว่านาฬิกา แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำแฟชั่นอย่างแท้ ความเป็นเอกลักษณ์ของการกลับตัวอักษร สลักบนหลังหน้าปัดและสายนาฬิกาที่ออกแบบเป็นกำไลข้อมือ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้เป็นของที่ ต้องมี สำหรับสาวกกุชชี่ทุกคน

**Bamboo หรือ ไม้ใผ่
การนำไม้ไผ่มาใช้สร้างสรรค์ในงานแฟชั่นดีไซน์ เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์กุชชี่ที่มีชื่อเสียงที่สุด นับตั้งแต่การเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1947 ซึ่ง Bamboo เฉิดฉายอยู่ในแทบทุกชิ้นงานของแบรนด์ และกุชชี่ยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเอาไม้ไผ่แท้ๆ มาเป็นองค์ประกอบของนาฬิกา ซึ่งการที่จะผสมผสานวัสดุทั้งสองอย่างอันได้แก่ไม้ และสแตนเลสเข้าด้วยกันนั้น ต้องอาศัยช่างฝีมือที่มีความประณีตละเอียดอ่อนอย่างมาก

**Horsebit หรือ สัญลักษณ์รูปห่วงรัดปากม้า
กุชชี่ไอคอนที่กำลังมาแรงที่สุดในปีนี้ ห่วงรัดปากม้า เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกอ่างหนึ่งของกุชชี่ ที่ถูกใช้ไปในทุกประเภทของสินค้า สำหรับในการออกแบบนาฬิกา รูปห่วงรัดปากม้านั้นได้รับการออกแบบมาในรูปทรงของนาฬิกาทำให้มันเป็นที่น่าจดจำและแสดงออกถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกุชชี่ คอลเลคชั่นใหม่ๆ ที่มีการนำรูปห่วงรัดปากม้ามาใช้ได้แก่ Signoria และ Horsebit Cocktail ซึ่งมีการเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปี 2007 และคอลเลคชั่นล่าสุด Tornabuoni ก็ยังคงตอกย้ำความโด่งดังของสัญลักษณ์รูปห่วงรัดปากม้านี้ ด้วยนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรีในแบบรูปทรงและดีไซน์ต่างๆ มากมาย

การบริโภคสินค้าแบรนด์ดังด้วยความเข้าใจในคุณค่าของคุณภาพของตัวสินค้าอย่างแท้จริงนั้น เป็นเรื่องที่ปกติสำหรับผู้ที่มีรสนิยม และไม่จำเป็นเสมอไปที่สินค้าชั้นดีจะต้องมีราคาแพงลิบลิ่ว แต่ก็เป็นความจริงที่ว่า การจะหาของถูกและดีย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น การที่ของราคาสูงบางชิ้นมีคนเข้าคิวรอซื้อตลอดปีตลอดชาติ จึงอาจบอกได้เป็นนัยว่า ของนั้นไม่ได้แพงอย่างที่คิด เพราะหากผู้ซื้อได้รับความพึงพอใจจากประโยชน์ของสิ่งที่ซื้อเท่ากับหรือมากกว่าความคาดหวังและเงินที่จ่ายไป สิ่งนั้นเรียกว่า ความคุ้มค่า ซึ่งตรงข้ามกับของราคาต่ำๆ บางอย่าง ที่อาจจะแพงลิบในความรู้สึก หากผู้ซื้อไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริง

ผู้เขียน: วณิศา อดัมส์
ที่มา wikipedia





Create Date : 16 ธันวาคม 2555
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 18:25:30 น. 0 comments
Counter : 5904 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PinePh
Location :
Rome Italy, Bangkok Thailand, AMS Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




I dont have anything to say much about myself...if you want to know more please check it out!!!
Friends' blogs
[Add PinePh's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.