|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บันทึกเมื่อป่วย
ไหนๆ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรก (และหวังว่าจะเป็นครั้งเดียว) สำหรับการป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล ก็เลยอยากจะบันทึกเรื่องราวเอาไว้ค่ะ
วันอาทิตย์ที่ 27 ก.พ. 2554
เริ่มรู้สึกว่าเจ็บยอกหน้าอก แต่ไม่แปลกใจอะไร เพราะว่าเคยเป็นตอนอยู่เมืองไทย (เมื่อสักหนึ่งปีครึ่งหรือสองปีก่อน) คิดว่าคงเป็นเหมือนเดิม ปล่อยไว้เดี๋ยวก็หายเหมือนเดิม
อาการเจ็บตรงหน้าอก กับด้านหลัง (ตำแหน่งเดียวกัน) หายใจเข้าแล้วสะดุดอยู่ตรงตำแหน่งที่เจ็บ ผ่านไปหลายวัน อาการเจ็บน้อยลง แต่เปลี่ยนมาเป็นไอแห้งๆ แทน คุณฮ.ยื่นคำขาดว่า ถ้าไม่หายต้องไปหาหมอได้แล้ว
วันจันทร์ที่ 7 มี.ค. 2554 ก่อนไปมหาวิทยาลัย คุณฮ.พาไปแวะหาหมอที่โรงพยาบาล Matsubara (ใกล้มหาวิทยาลัย+ไปรษณีย์) ตรวจอาการกับหมอ เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอให้ไป x-ray ก็เริ่มรู้ล่ะว่ามีอะไรแน่ๆ เพราะต้อง x-ray สามรูป (ด้านหน้า-หายใจเข้า, ด้านหน้า-หายใจออก และด้านข้าง) ได้ฟิล์มมา หมอก็เรียกไปคุย บอกว่าฟิล์มเอ็กซเรย์มีปัญหานะ เห็นเส้นสีขาวนี่มั้ย ปอดขวาเล็กกว่าปกติ มันไม่เต็มช่องอก น่าจะเป็นอาการปอดรั่ว
(อ้างอิงอาการปวดรั่วเป็นภาษาไทยจากเว็บนี้ค่ะ //thaiwonders.com/pharma/index.php?option=com_content&task=view&id=203&Itemid=49)
แต่เนื่องจากรพ.มัตสึบาราเป็นเฉพาะทางด้านกระเพาะ หมอก็เลยเขียนจดหมายแนะนำแล้วให้ไปยื่นที่รพ. ใหญ่ ซึ่งก็คือรพ.ของมหาวิทยาลัยคากาว่า (รพ.มหาวิทยาลัยที่คุณฮ.ทำงานและเราทำวิจัยอยู่) ตอนแรกกะว่าจะแวะเข้ามหาวิทยาลัยก่อน แต่คุณฮ.อยากให้หาหมอเร็วๆ ก็เลยเข้าไป พบคุณหมอ Matsuura (หมอผู้หญิงยังสาวๆ เลย) คุณหมอให้ไปตรวจเลือด และ x-ray อีกรอบ พร้อมกับวิจัยว่าเป็นปอดรั่ว
*การหาหมอที่ญี่ปุ่นนี่ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ เราอยากไปหาหมอที่รพ.ใหญ่โตก็ไปได้เลยนะคะ ก่อนอื่นเราต้องไปหาหมอรพ.เล็กๆ หรือคลีนิกก่อน ถ้าหมอรักษาไม่ได้ หรือไม่ใช่ผู้เชียวชาญ ก็จะทำจดหมายแนะนำแล้วให้เราไปยื่นหาที่รพ. ใหญ่ ทางรพ.ใหญ่ถึงจะทำการรักษาให้ค่ะ
อาการปอดรั่วคือปอดมีรู ลมที่เราหายใจเข้าไปมันจะรั่วออกมา แล้วไปค้างที่ในช่องอก อากาศตรงนั้นจะไปกดทับปอด ทำให้เนื้อปอดหดเล็กลงนั่นเอง ถ้าไม่รักษา เมื่ออากาศมันอัดมากๆ เข้า ปอดขวาฟีบไปแล้ว มันก็จะไปบีบปอดซ้ายและหัวใจต่อ เสี่ยงต่อการหายใจไม่ออกและหัวใจล้มเหลวได้ค่ะ
อาการนี้จะพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง (9:1) อาจจะเกิดมาจากสาเหตุที่ความสูงเพิ่มเร็วมาก ทำให้ช่องอกขยายปอดขยายเร็ว ทำให้ปอดรั่วไป ส่วนผู้หญิงที่เป็น ส่วนใหญ่จะมีความผิดปกติอื่นๆ ในร่างกายด้วย ดังนั้นจึงควรเข้าโรงพยาบาลและตรวจเช็กร่างกายให้ละเอียดทั้งหมด ก็ถูกพาไปเจาะเลือดและถ่ายเอ็กซเรย์ปอดอีกครั้ง
วันจันทร์ที่ 7 มี.ค. ตอนก่อนเที่ยง ก็เลยถูกจับตัวเข้ารพ. ไม่ได้ออกมาอีกจนกระทั่งวันจันทร์ที่ 14 มี.ค.
ถูกพาตัวไปที่ห้องพักหกคน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นของผู้ป่วย (สามารถใส่ชุดตัวเองได้ แต่ใช้ของรพ. เพราะว่าจะสะดวกกว่า) แล้วก็ถูกพาตัวไปเจาะรูตรงข้างตัวด้านขวา (ก่อนเจาะได้โทรไปบอกแม่ที่เมืองไทย ก็ตกใจกันไป) แล้วสอดท่อเข้าไป เพื่อเอาลมออกจากช่องอก และตรวจสอบดูว่ามีอากาศรั่วออกจากปอดมั้ย ตอนเดินกลับมา...แทบเป็นลม เพราะเจ็บมาก สอดท่อเข้าไปอยู่ในปอด ขยับนิดหนึ่งก็เจ็บน้ำตาร่วงแล้ว
ท่อใหญ่ๆ ที่เห็นคือท่อที่ถูกเสียบเข้าไปในช่องอกค่ะ เอาลมที่รั่วออกมา แล้วเช็กดูว่ามีลมรั่วออกจากปอดตอนหายใจเข้ามั้ย (เช็กด้วยน้ำสีน้ำเงิน ถ้าปอดรั่ว น้ำจะไหลออกไปทางด้านซ้ายมือ) ส่วนสีเหลืองเป็นการให้อากาศ พอวันอังคาร เขาจะเอาอากาศ (คล้ายๆ กับให้ออกซิเจนปลาในตู้ปลานั่นล่ะ) ใส่มาในนั้น (ท่ออันเล็กกว่า) เพื่อให้ปอดเราขยายกลับมาขนาดเดิม ส่วนน้ำสีแดงชมพูระเรื่อทางด้านขวามือ คือน้ำและเลือดที่ไหลออกมาจากช่องอกของข้าพเจ้าเอง T-T
กลับมาที่ห้องด้วยอาการหน้าซีดมาก คุณฮ.บอกว่าหน้าขาวเป็นกระดาษเลย แล้วคุณพยาบาลประจำตัว (เขาจะมีชื่อหมอที่รับผิดชอบหนึ่งคน และพยาบาลที่รับผิดชอบหนึ่งคนเขียนกำกับไว้ ของเราเป็นพยาบาลมือใหม่ ป้ายชื่อติดป้ายมือใหม่สีเขียวเหลืองเหมือนติดท้ายรถเอาไว้ด้วย) ก็บอกว่าจะพาเดินทัวร์ แนะนำรพ. อยากจะกรี๊ด เจ็บจนขยับตัวแทบไม่ได้ จะให้เดินทัวร์อะไรกันตอนนี้ >_< ก็นั่งให้หายจะเป็นลมพักหนึ่ง พยาบาลเอายาแก้ปวดมาฉีด
แล้วก็พาเราไปเอ็กซเรย์ปอดอีกรอบ นอนพักนิดหนึ่ง (คุณฮ.ไปทำงาน) คุณพยาบาลก็พาไปเดินทัวร์ ประมาณว่าห้องน้ำอยู่ตรงนี้ ห้องอาบน้ำอยู่นี่ แต่เขาให้อาบวันเว้นวัน (เสื้อผ้าก็เปลี่ยนวันเว้นวัน) แต่เจาะท่ออยู่ อาบน้ำไม่ได้ เช็ดตัวแทน (วันเว้นวันเหมือนกัน) แล้วก็พาไปชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง ทุกวันพุธต้องมาชั่งน้ำหนัก จดบันทึกให้ทางพยาบาลเอง (ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่นี่จะบริการตัวเองนะคะ)
อ้อ เป็นคนไข้ที่นี่ต้องถูกติดแท็กมีบาร์โค้ตเอาไว้ที่ข้อมือด้วยนะคะ
รายละเอียดก็จะมีชื่อ นามสกุล วันเดินปีเกิด และกรุ๊ปเลือด เวลาไปเอ็กซเรย์หรือรับยา เขาก็ยิงบาร์โค้ตข้อมูลขึ้นพรึ่บเลย คุณฮ.บอกว่าเหมือนแกะในฟาร์ม >_<
ที่นี่มีทีวีและตู้เย็นเล็กๆ ให้ค่ะ แต่ต้องซื้อการ์ดใส่ การ์ดหนึ่งใบหนึ่งพันเยน ดูทีวีได้หนึ่งพันนาที หรือจะกดใช้ตู้เย็นก็ได้ 150 เยนใช้ตู้เยนได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง เวลาดูทีวีต้องใส่หูฟัง
สรุปวันนั้นก็ถูกแอดอิทและเจาะท่อแบบไม่ทันตั้งตัว สารภาพว่าตอนหมอบอกเราคิดแค่ว่า เจาะอากาศออก รอปอดหายฟืบ ก็กลับบ้านได้ ไม่เกินสองวันแน่ๆ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย T-T
วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2554 วันนี้ถูกเจาะเลือดตอนหกโมงเช้า พยาบาลสาวเดินเข้ามา เราก็นึกว่าวัดความดันเหมือนเดิม สรุปคือเจาะเลือด เจาะเอาไปจากหลังมือขวา สองหลอด อ้อ ที่นี่จะทำอะไรเป็นเวลานะคะ คร่าวๆ ก็ตามนี้เลย
6.00 น. เปิดไฟในห้อง ไฟล์ทบังคับตื่น 7.00 น. ตรวจขั้นพื้นฐานครั้งแรกของวัน ก็วัดอุณหภูมิ, ความดัน, ตรวจเสียงหัวใจ ฯลฯ 7.45 น. ข้าวเช้า 9.00 น. พยาบาลเข้ามาถามว่ากินข้าวไปเยอะมั้ย ตรวจทั่วไป และบางทีหมอประจำก็จะเข้ามาดูอาการ 12.00 น. ข้าวกลางวัน ช่วงบ่ายหมอก็จะมาดูบ้าง, ไปเอ็กซเรย์บ้าง, ตรวจประจำวันเหมือนเดิมบ้าง 15.00 น. ให้คนเข้ามาเยี่ยมได้ 18.00 น. ข้าวเย็น 20.00 น. ให้คนเยี่ยมออกจากห้องพักผู้ป่วย, มีตรวจพื้นฐาน 21.00 น. ปิดไฟในห้องนอน 22.00 น. ไล่คนเยี่ยมออกจากรพ. (คือหลังสองทุ่มออกจากห้องผู้ป่วย แต่สามารถไปนั่งคุยต่อได้ในห้องอาหารถึงสี่ทุ่ม)
วันนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากรอดูอาการ เตียงข้างๆ ที่ได้ออกจากรพ. เมื่อวานก็มีคุณยายย้ายเข้ามา (คนป่วยส่วนใหญ่เป็นคนชราค่ะ ในห้องหกคนเราเด็กสุด) วันนี้เริ่มให้อากาศสู่ปอด แล้วรอดูว่าปอดจะกลับคืนสู่สภาพเดิมได้มั้ย เจ็บเป็นปกติแล้ว (คือเจ็บ แต่ทนไหวแล้ว ถ้ามียา) พยาบาลก็มาตรวจวันละ 5 ครั้งได้ ตอนกลางคืนก็มาฉายไฟดูว่าคนไข้อยู่หรือหนีไปแล้ว ฮา
วันนี้ถ่ายรูปแล้วส่งให้ติ้นกับอุ้ม เพราะรู้ว่าหลายคนห่วง ขอบคุณมากๆ นะคะสำหรับทุกความห่วงใย ^^
วันนี้เอ็กซเรย์ปอดอีกรอบ อากาศรั่วถูกเจาะออกหมดแล้ว ปอดเริ่มขยายแล้ว แต่ยังสภาพไม่ค่อยดี
คืนนี้มีปัญหาเกิดขึ้นเมื่อเสียงออกซิเจนของเราดังเกินไป คุณยายเตียงใหม่ที่ย้ายมานอนไม่หลับ T-T ยายถามด้วยว่ามันจำเป็นมากเลยเหรอไอ้เสียงน้ำนั่นอ่ะ (ใส่อากาศไงคะ มันก็จะได้ยินเป็นเสียงน้ำเด้ง) เราก็เครียดดิจะทำไงดี แต่ก็ตอบไปว่าจำเป็น เพื่อให้ปอดคืนสภาพเดิม ยายก็ "งั้นก็ราตรีสวัสดิ์" T-T สักพักยายก็กดออดเรียกคุณพยาบาล บอกว่าเสียงน้ำหนวกหูมาก ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ทำไมต้องมาอยู่ตรงนี้ เครียดสิคะ ดิฉันยังไม่หลับนะตัวเอง (คือหลับยากมาก เนื่องจากเจ็บอ่ะค่ะ นอนราบไม่ได้ นอนหัวตั้งหลังตรงตลอดจนกระทั่งตอนนี้ที่กลับมาอยู่บ้านแล้ว) คุณพยาบาลต้องไปหาที่อุดหูให้คุณยาย ก็เข้าใจนะว่ามันคงหนวกหูล่ะ แต่...มันสุดวิสัยนะยาย T-T
วันพุธที่ 9 มีนาคม 2554
ตอนเช้าตื่นมาคุณป้าเตียงข้างๆ สามคน (สามคนนี้จะร่าเริงมาก คุยเสียงดังตลอดเวลา เอาขนมมาให้ตลอดเวลา) ก็มาบอกว่าอย่าไปคิดมากเรื่องเมื่อวานนี้ (ป้าแอบได้ยิน) เราก็ยิ้มๆ ไม่พูดอะไร (เดี๋ยวคุณยายเตียงข้างจะได้ยิน ฮา) วันพุธเป็นวันชั่งน้ำหนัก ขนาดไม่ถ่ายน้ำหนักยังลดไปเกือบกิโล (จริงๆ วันจันทร์ตอนเช้ากับตอนบ่ายก็ลดไปครึ่งโลแล้วนะ) อาการป่วยช่วยลดความอ้วนดีจริงๆ
หลังอาหารเช้าอาจารย์หมอใหญ่ก็พาเด็กนักเรียนแพทย์เดินเยี่ยมไข้ทุกเตียง พอมาถึงเรา อ.หมอก็บอกว่าปอดยังรั่วอยู่ ก็รอดูอาการถึงสิ้นอาทิตย์นี้นะ ถ้าไม่หายอาทิตย์หน้าก็มาคิดกันว่าจะผ่าตัดดีมั้ย (หันไปถามหมอประจำตัวเราด้วยว่าถ้าไม่หายจะทำไง หมอประจำตัวบอกว่ายังไม่รู้ เพราะเพิ่งเป็นครั้งแรกของคนไข้คนนี้) แล้วอ.หมอก็ทิ้งท้ายให้สวดมนตร์ เป็นพุทธใช่มั้ย คนไทยเชื่อมั่นศาสนาพุทธมากกว่าคนญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพราะงั้นสวดมนตร์นะจ๊ะ แล้วอ.หมอกับเด็กน้อยทั้งขบวนก็จากไป
ส่วนเราก็เครียด ต้องเสียบท่อค้างไปอีกอาทิตย์เลยเหรอฟ่ะเนี่ย >_< โทรหาคุณฮ.ปรับทุกข์ด้วยความเครียด
วันนี้ถูกพาไปเอ็กซเรย์และทำ CT Scan ค่ะ
*ความรู้ต่อเนื่อง การทำ x-ray ทั่วไปหนึ่งครั้ง เราจะได้สารกัมมันตภาพรังสี 50 uSv ต่อครั้ง และทำซีทีแสกนจะได้รับถึง 6900 uSv ต่อครั้ง ที่รั่วออกมาตอนนี้นั้น...น้อยกว่านี้มากๆ ค่ะ (ที่โตเกียวอยู่ที่ประมาณ 0.8 uSV/hour จำตัวเลขแน่ๆ ไม่ได้นะคะ ดูทีวีเมื่อวานซืนประมาณนี้) เพราะงั้นหาหมอคราวนี้ทำ x-ray ไปทั้งหมด 12 ครั้ง CT Scan 1 ครั้ง ได้สารกัมมันภาพรังสีในตัวถึง 600+6900 = 7500 uSV คุณฮ.ดูข่าวเรื่องรง.นิวเคลียร์ เขาก็เอาเรื่อง x-ray กับ CT scan มาเทียบ คุณฮ.บอกว่า เธอต้องแย่แน่ๆ เพราะสารกัมมันฯ >_<
ตอนบ่ายสามคุณฮ.มาเยี่ยม แล้วก็ถูกเปลี่ยนห้องพักเลย สืบเนื่องจากเรื่องเมื่อคืน คือห้องมันเล็ก มันเลยเสียงดังอ่ะนะ ก็ได้ย้ายไปอยู่ห้องสี่คน อ้อ คุณหมอเจ้าของไข้นัดคุณฮ.มาคุยเรื่องผ่าตัดด้วย เพราะตอนก่อนเที่ยงเล็กน้อย คุณหมอมาบอกว่าอากาศรั่วไม่ยอมหาย ผลเอ็กซเรย์ปอดวันนี้ยังมีช่องว่างระหว่างปอดกับโพรงอกราวๆ 1 cm แสดงว่าปอดยังไม่รักษาตัวเอง อยากให้ผ่าตัดมากกว่า พอดีวันนี้ตอนบ่ายคุณหมอไม่อยู่ เลยนัดคุณฮ.มาคุยพรุ่งนี้ตอนสิบโมงแทน
คืนนั้นก็ย้ายไปอยู่ห้องสี่คน เป็นคุณยายๆ แบบเคลื่อนไหวตัวไม่ได้ เปิดทีวีไม่ใส่หูฟัง คุณพยาบาลเตือนก็ปิดตอนพยาบาลอยู่ พยาบาลไม่อยู่ก็ตามใจฉัน ฮา ไม่ต้องกลัวว่าเสียงน้ำจะดังรบกวนใคร เพราะตอนกลางคืน...เสียงดังมาก T-T เป็นห้องติดกับ Nurse Station พยาบาลเข้าออกตลอดเวลา หลับๆ ตื่นๆ ทุกสองชั่วโมงค่ะ
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2554 คุณฮ.มาตั้งแต่เก้าโมงครึ่ง คุณหมอก็มาคุยด้วย เอาผลซีทีแสกนมาให้ดู ก็บอกว่าไม่เห็นรูนะ ไม่รู้ว่ารูแตกตรงไหน ปอดซ้ายไม่มีอะไรผิดปกติ ปอดขวามีถุงลมจำนวนค่อนข้างมาก คือไม่ถึงกับจำนวนผิดปกติ แต่เป็นจำนวนสูงในระดับปกติ งงมั้ยคะ ตัวอย่างเช่น จำนวนถุงลมปกติอาจจะมีอยู่ที่ 5-10 (ตัวเลขเมคขึ้นมานะคะ) ถ้ามี 11 ขึ้นไปเป็นผิดปกติ ของเราก็อาจจะอยู่ที่จำนวน 9 หรือ 10 นั่นล่ะ
* อ้อ ลืมเล่า หมอสันนิษฐานสาเหตุการเป็นโรคนี้ไว้สามข้อ
1. เกิดถุงลมขึ้นในปอด ถุงลมแตก ทำให้เนื้อปอดใกล้ๆ ฉีกขาดเป็นรู ปอดรั่วได้ สาเหตุนี้พบได้บ่อย 2. ประจำเดือน...อย่าทำหน้าแปลกใจ เพราะเราก็แปลกใจเหมือนกันว่ามันเกี่ยวอะไรกับประจำเดือน -_-' หมอบอกว่าสำหรับคนที่รอบประจำเดือนไม่ปกติ ช่วงแรกๆ ที่ประจำเดือนมาอาจจะเจ็บหน้าอกมาก และทำให้เกิดโรคนี้ได้ มันสัมพันธ์กับท่อนำไข่อะไรประมาณนั้น แต่สาเหตุนี้พบได้น้อยมากๆ 3. เหตุผลอื่นๆ ที่ต้องหากันอีกที -_-'
สรุปแล้วของเราน่าจะเป็นเพราะเกิดถุงลมในปอดและถุงลมแตกนั่นเอง
หมอบอกว่าปกติแล้วสำหรับคนที่หายเร็วและมีแนวโน้มว่าจะไม่กลับมาเป็นอีกเมื่อเจาะเอาลมออก ปอดจะเด้งดึ๋งกลับสู่สภาพเดิมภายในวันเดียว แต่เราสี่วันมาแล้วก็ยังรั่ว ปอดก็ยังไม่กลับสู่สภาพเดิม (ไปเอ็กซเรย์มาอีกแล้วตอนเช้า) จริงๆ ถ้าสอดท่อเอาไว้อีกสักอาทิตย์ ปอดก็อาจจะรักษาตัวเองได้ แต่ว่าโอกาสจะกลับมาเป็นอีกก็สูง และสอดท่อไว้นานๆ หมอก็ไม่แนะนำ หมอเลยแนะนำให้ผ่าตัดดีกว่า โดยการผ่าตัดจะเจาะรูเล็กๆ สามรู ซึ่งตอนนี้เราก็มีอยู่แล้วหนึ่งรูที่สอดท่ออยู่ T-T ก็จะเจาะเพิ่มอีกสองรูเท่านั้น รูละหนึ่งเซนฯ
ภาพนี้หมอวาดให้ รูล่างคือรูสอดท่อ ส่วนสองรูบนจะเจาะเพิ่ม แล้วจะส่องกล้องเข้าไปหารูรั่ว แล้วจะมีเครื่องมืออีกสองอัน อันหนึ่งเป็นกรรไกรตัดรูออก อีกอันคล้ายๆ แม็กฯ (เครื่องเย็บกระดาษ) เย็บเนื้อติด <- หมออธิบายแบบนี้อ่ะค่ะ มีเครื่องมือให้ดูด้วย ตามกฏหมายต้องอธิบายละเอียดเลยว่าจะทำอะไรยังไง เครื่องมือแบบไหน รวมทั้งบอกเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
การผ่าตัดจะทำในสภาพสลบ เราจะถูกให้ยาสลบ เพราะไม่สามารถหายใจได้เอง ด้วยต้องเอาน้ำเข้าสู่ปอด และหารูรั่วในปอด (คล้ายๆ หารูรั่วในยางรถยนต์) จากนั้นถึงดำเนินการตัด
สรุปก็จะผ่าตัด แต่ไม่รู้ว่าจะได้ผ่าเมื่อไหร่ เพราะต้องรอการตอบรับจากทีมผ่าตัดก่อน จะมีหมอประจำเราหนึ่งคนและหมอในทีมอีกสองคน ตอนบ่ายก็ทราบว่าจะผ่าราวๆ บ่ายสองของวันศุกร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเวลาเลื่อนเร็วหรือช้าได้ ขึ้นกับเวลาของหมอ
วันนั้นก็ต้องเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด มีของต้องเตรียมก็ให้คุณฮ.ไปซื้อ เช่น magic cup เป็นถ้วยน้ำที่ใส่หลอดได้นั่นล่ะค่ะ, เสื้อกล้ามแบบมีแถบกาวติดสองตัว, ผ้าเตี่ยวกระดาษ (คล้ายๆ กางเกงในกระดาษ แต่เป็นผ้าเตี่ยว), ผ้าขนหนู, กระดาษทิชชู, ชุดชั้นใน แล้วก็ได้ถุงน่องรัดๆ มาหนึ่งคู่ เพราะว่าตอนผ่าตัดเขาจะให้เราใส่ถุงน่อง แล้วก็มีเครื่องนวดมารัดขาทั้งสองข้าง นัยว่าเพื่อไม่ให้เกิดเซลล์ตายหรือด้านชาระหว่างการผ่าตัดค่ะ
พยาบาลวนเวียนมาให้คำแนะนำว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง ต้องฝึกอะไรบ้าง เช่น ฝึกหายใจเข้าออกลึกๆ, ฝึกไอ, ฝึกคายเสมหะ ทั้งหมดทำตอนนอนอยู่ แล้วหลังเที่ยงคืนก็ห้ามกินอาหาร ส่วนน้ำดื่มได้ถึงเก้าโมงเช้า เพราะว่าถ้ามีอาหารอยู่ในท้อง อาจจะสำลักเข้าปอดได้
*วันนี้ภรรยาอาจารย์กับเลขาอาจารย์ที่แล็บมาเยี่ยม เอาดอกไม้มาให้
คืนนั้นก็กล้ำกลืนกินข้าวเย็นจนหมดชามก่อนนอน ได้ยานอนหลับมาด้วย เพราะต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อนผ่าตัด
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554
คุณฮ.มาตั้งแต่เก้าโมงเช้า เราก็ไม่ได้กินอะไรแล้ว คุณพยาบาลก็เอากูลโคสมาให้ แทงเข็มสองรอบ เข้า เจ็บ แต่ไม่เจอเส้นเลือด T-T คุณพยาบาลวิ่งหนีหายไปด้วยความรู้สึกผิด แล้วก็ได้พยาบาลคนอื่นมาเจาะใหม่ ก็โอเคเข้าเรียบร้อย (จะบอกว่าเจาะเลือดนี่แขนพรุนมาก ไม่ต่ำกว่าสามครั้งถึงจะได้เลือด)
รูปตัวเองตอนให้กลูโคสในห้องสี่คน คุณฮ.แอบถ่ายให้ เพราะในห้องห้ามใช้มือถือ ถ่ายตอนเตียงอื่นๆ ทำเสียงดัง ฮา
คุณฮ.ขอคุณหัวหน้าพยาบาลอยากได้ห้องเดี่ยว เพราะอ.ที่มหาลัยซึ่งทำวิจัยที่รพ. แนะนำมาว่าหลังผ่าตัดอยู่ห้องเดี่ยวดีกว่า ก็ขอไว้ตั้งแต่เมื่อวาน โชคดีวันนี้มีห้องว่างพอดี ก็เลยย้ายห้องอีกรอบไปอยู่ห้องเดี่ยว
ไปถ่ายเอ็กซเรย์กันอีกรอบ ก่อนพยาบาลจะมาบอกว่าตอนผ่าตัดต้องทำอะไรบ้าง (ขานชื่อ เช็กชื่อ ต้องบอกชื่อและวันเดือนปีเกิดตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดการผ่าตัดผิดตัว -_-') ตอนแรกจะผ่าตัดบ่ายโมงครึ่ง ไปๆ มาๆ ก็เลื่อนเป็นเที่ยงครึ่ง ก็จัดการเตรียมตัว
ก่อนเปลี่ยนชุด ผมยาวต้องรวบเป็นสองข้าง ใส่ถุงน่อง รอพยาบาลมาช่วยเปลี่ยนเสื้อ เพราะว่ามีถุงกูลโคส เสื้อผ่าตัดจะเป็นเนื้อผ้าแบบผ้าขนหนู มีกระดุมแป๊กติดรอบตัว แยกออกได้ง่ายๆ อ่ะค่ะ (เป็นกระดุมแป๊กแทนตะเข็บนั่นเอง)
บ่ายโมงครึ่งพร้อมกันที่หน้าห้อง Nurse Station คุณหมอ คุณพยาบาลประจำตัว ญาติ ขานชื่อ แล้วก็พากันเดินไปยังห้องผ่าตัด ญาติ (คุณฮ.) ก็ถูกกั้นไปนั่งรอในห้องของญาติ เราก็เดินผ่านเข้าไปในส่วนผ่าตัด หมอถูกแยกออกไป เราก็ลากอุปกรณ์ (ท่อ ฯลฯ) ไปเปลี่ยนรองเท้า ถอดแว่น ขานชื่อตัวเอง แล้วก็เดินเข้าไปในห้องผ่าตัด ขอบอกว่าห้องผ่าตัดได้อารมณ์โกดังมากเลยค่ะ ไม่เหมือนในทีวีที่แบบห้องขาวๆ บรรยากาศไฮโซ มันเป็นโกดังชัดๆ เครื่องมือมากมาย ทีมผ่าตัดในชุดปิดหน้า ขึ้นเตียงก็ขานชื่ออีกรอบ ราวกับกลัวว่าจะมีคนมาสับเปลี่ยนระหว่างเดิน (แท่นแขวนต่างๆ ถูกริบไปหมดแล้ว อุปกรณ์ทั้งหมดผู้ช่วยผ่าตัดช่วยถือค่ะ)
จากนั้นก็ขึ้นบันไดสองขั้นสู่เตียง ถูกปลดกระดุมทาเจลติดอุปกรณ์ต่างๆ หมอเอาไรไม่รู้มาติดหน้าผาก ใส่ท่อหายใจ แล้วก็วูบไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเองสำลักไอ แล้วก็ถูกเรียกด้วยนามสกุล (ชื่อมันออกเสียงลำบาก นามสกุลตลอดเลย) แล้วก็ถูกย้ายเตียง เข็นออกมา คุณฮ.ก็ถลาเข้ามาหา (ไม่เห็นหรอกนะคะ ฮา ทุกอย่างสะลึมสะลือ) ถูกพาเข้าห้อง ติดอุปกรณ์ เห็นคุณฮ.บอกว่าออกจากห้องผ่าตัดมาบ่ายสองกว่าๆ เกือบสามโมง
*ตอนที่ผ่าตัดเป็นตอนที่ทางโตโฮกุเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิพอดี โชคดีมากที่เมืองคากาว่าไม่โดย ไม่เช่นนั้น...เราคงเดี้ยงไปแล้วแน่ๆ
หลังผ่าตัดเสร็จคุณฮ.ก็เข้าไปคุยกับคุณหมอ ก็อธิบายว่าทำอะไรไป เราจำได้ว่าถามคุณฮ.ว่ากินข้าวหรือยัง (ฮา) กับกี่โมงแล้ว ตอนนั้นก็บ่ายสามยี่สิบ คุณฮ.ก็ส่งเมล์หาอุ้ม, ติ้น, หยก และไอซ์ ว่าผ่าตัดเรียบร้อยไม่มีปัญหา อุ้มก็โทรมาถามเรื่องสึนามิพอดี แต่ตอนนั้นทั้งคุณฮ.และเราไม่มีใครรู้เรื่องเลย คือสองวันก่อนจำได้ว่าเกิดแผ่นดินไหวแรงเหมือนกันที่ไซตามะ ก็คิดว่าน่าจะประมาณนั้น ไม่คิดว่าจะแรงมากขนาดที่เป็น มาดูข่าวตอนหลังตกใจมากๆ เลย
สรุปว่าเราถูกตัดปอดออกไปสองจุด ตามรูป
สีส้มคือท่อที่ถูกสอดเข้าไปจากข้างตัว แล้วก็แนบชิดกับปอดเราอย่างที่เห็น และมันเจ็บมากๆๆๆๆ
ดาวสีฟ้าคือแผลเก่าที่ถูกตัดออก อย่างที่บอกว่าเคยเจ็บแบบนี้เมื่อราวๆ ปีครึ่งถึงสองปีก่อนตอนอยู่เมืองไทย แต่ก็หายเอง หมอตรวจเจอเป็นรอยว่าเคยรั่วก็เลยตัดออกด้วยเลย เพราะกลัวว่ามันจะรั่วซ้ำอีก
ดาวสีเขียวคือรูรั่วใหม่ ซึ่งเป็นจุดที่ปกติไม่ค่อยรั่วกัน ส่วนใหญ่จะรั่วที่ตรงจุดดาวสีฟ้ากับจุดสีดำบนเส้นสีแดงด้านบนสุด (คุณหมอเขียนเอาไว้) เพราะงั้นตอนดู CT scan เลยมองไม่เห็น พอผ่าตัดกลับไปดูอีกทีก็เห็น ฮา
วันนั้นก็สะลึมสะลือทั้งวัน ไม่ได้กินอะไร ขยับตัวก็ไม่ได้ (ระหว่างนอนขายังใส่ถุงน่องรัดแน่น+เครื่องนวดนะคะ) เจ็บก็กินยาหรือฉีดยาไม่ได้ เพราะความดันเลือดต่ำต้อยติดดินมาก ถ้าให้ยาแก้ปวดความดันจะต่ำกว่าเดิมอีก พยาบาลกลัว ก็เลยให้ทนเอา T-T ไม่ได้ขยับตัวก็ทนได้อ่ะนะคะ พยาบาลเข้ามาตรวจเช็กทุกสองชั่วโมงค่ะ
*หายใจเข้าเจ็บอ่ะค่ะ เพราะปอดถูกตัดไปไง เจ็บกระแทกไปหลังด้วย ตรงส่วนที่โดนท่อเสียบเข้าไป
คืนนั้นคุณฮ.ทำเรื่องนอนเฝ้า เพราะเป็นห้องเดี่ยวด้วย (ถึงห้องเดี่ยวแต่ถ้าจะนอนเฝ้าก็ต้องทำเรื่องขอนะคะ)
*อยากถ่ายรูปวันนัั้นมาก เพราะอุปกรณ์ติดตัวเยอะมาก ให้ออกซิเจนเสียบจมูกไว้ด้วยนะ อ้อ เสียบท่อปัสสาวะด้วย
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม 2554
อาการทั่วไปไม่มีอะไรผิดปกติ ก็เลยถอดอุปกรณ์ทุกอย่างออกได้ ตอนถอดท่อปัสสาวะออกเจ็บมากค่ะ T-T เปลี่ยนเอาชุดผ่าตัดออก แล้วก็ใส่ชุดโรงพยาบาลเหมือนเดิม จากนั้นคุณพยาบาลก็จะให้เราไปเอ็กซเรย์ปอดอีก แล้วตอนนั้นล่ะนรกก็มาเยือน >_<
เมื่อมันเจ็บมาก!!!!!
คุณหมอผู้ชายที่ทำการผ่าตัดมาสอบถามตอนบ่าย เราตอบไปว่าตอนเช้าก่อนได้ยาเจ็บที่ระดับ 9.5 เต็ม 10 อ่ะค่ะ คือเจ็บมากจริงๆ ขยับตัวไม่ได้เลย น้ำตาร่วง พยายามแล้ว แต่ไม่สามารถจริงๆ ท่อมันกระทบกระเทือนทุกอย่างในร่างกาย พยาบาลต้องไปเอายามาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ซึ่ง...ฉีดยาก็เจ็บนะคะ แต่ข้างในมันเจ็บมากกว่า
*ขำๆ (แต่ตอนนั้นไม่ขำนะตัวเอง) คือมือซ้ายที่ให้น้ำเกลือ+ยาฆ่าเชื้อ+กลูโคสมันเจ็บ คาดว่าเกิดจากการนอนทับตอนผ่าตัด เพราะตอนผ่าตัดเราต้องนอนตะแคงซ้ายค่ะ แต่พอขยับตัวจะไปเอ็กซเรย์ปั๊บ เจ็บข้างในจนที่เจ็บมือซ้ายหายไปเลย คุณฮ.หัวเราะ บอกว่าเหมือนที่เขาบอกมั้ยล่ะ เวลาปวดท้อง หาอะไรตีหัวสิ จะได้เจ็บหัวแทนปวดท้อง <- สามีดิฉันค่ะท่านผู้ชม T-T
พอได้ยาแก้ปวดก็เริ่มขยับได้ ก็ลงไปเอ็กซเรย์ น้ำสีน้ำเงินก็ไม่ทะลักออกข้างๆ เวลาหายใจแล้ว พอหมอมาก็บอกว่าปอดไม่รั่วแล้ว (ปกติเสาร์อาทิตย์หมอหยุดนะคะ รพ.มหาลัยรัฐฯ อ่ะค่ะ) ผลเอ็กซเรย์ก็โอเค วันพรุ่งนี้ (อาทิตย์) น่าจะเอาท่อออกจากปอดได้ แทบจะตบมือดีใจ
ตอนเย็นคุณพ่อคุณแม่ของคุณฮ.ก็ขับรถจากจ.เฮียวโกะ (หรือที่ทุกคนรู้จักดีก็โกเบ) มาเยี่ยม คุณแม่เอาดอกซุยเซนในสวนมาเยี่ยม หอมมาก พร้อมด้วยช็อกโกแลตโกเบสองกล่อง ^^
*ก่อนจะถอดสายน้ำเกลือ คุณพยาบาลให้ยาฆ่าเชื้อถุงสุดท้าย เดินไปเข้าห้องน้ำ เลือดไหลย้อนกลับ คุณฮ.วิ่งหน้าตื่นไปหาพยาบาล พยาบาลแอบขำ บอกว่าไม่มีไรหรอก นั่งเฉยๆ เดี๋ยวมันก็ไหลกลับคืนเลย ก็แหม...คนไม่เคยนะคะ >_<
คืนนั้นนอนคนเดียว เพราะคุณฮ.ไม่อยากฝืนกฏเลยกลับไปนอนบ้าน ส่วนคุณพ่อคุณแม่คุณฮ.ก็ขับรถกลับบ้านตัวเอง (ขึ้นทางด่วนประมาณสองชั่วโมงครึ่ง)
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2554
ตอนเช้าก็ไปเอ็กซเรย์อีกรอบ ก่อนเที่ยงหมอก็มาดูอาการ บอกว่าทุกอย่างโอเค ก็ดึงท่อออก คุณฮ.ก็นั่งอยู่ด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใจมาก เนื่องจากคุณฮ.เป็นเหมือนเรา คือเป็นพวกกลัวเลือด ก็สงสัยว่านั่งดูทำไม คุณฮ.บอกว่าเรานอนตะแคงหันหน้าไปทางนั้น เขาจะหลบไปก็ดูไม่เข้มแข็ง เลยต้องนั่งเป็นเพื่อน ฮา
คุณฮ.บอกว่ายาชาเข็มใหญ่มาก เขาเห็นแล้วสะดุ้งตกใจ เข็มใหญ่สองเข็ม เจ็บมากๆ แล้วท่อก็ถูกดึงออกไป แล้วแผลก็ถูกเย็บ ติดด้วยผ้าเทปกันน้ำ ทำให้สามารถอาบน้ำได้ แต่ลงแช่อ่าง (โอฟุโระ) ไม่ได้ หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็ออกจากรพ.ได้แล้ว
คืนนั้นก็นอนคนเดียว เพราะคุณฮ.กลับบ้าน ก็เอาของกลับไปเกือบไปหมดแล้ว เหลือแต่ที่ต้องใช้เท่านั้น อาการที่ได้เพิ่มมาหลังผ่าตัดก็คือการไอ หมอบอกว่าต้องไอ เพราะตอนผ่าตัดเอาน้ำเข้าปอด และยังเหลือค้างอยู่ เลยจะไอและมีเสมหะ (แต่เราไม่มีเสมหะนะ) ต้องรอหนึ่งถึงสองอาทิตย์จะหาย
*คืนนั้นพยาบาลเข้ามาดูเห็นเรานอนตาแป๊ว (ไม่หลับเพราะเจ็บ) พยาบาลตกใจ ฮา
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2554
คุณฮ.มารพ.ตอนเก้าโมงเช้า เราไปเอ็กซเรย์พอดี อ้อ ตอนเช้าถูกเจาะเลือดอีกแล้ว พยาบาลมือใหม่ประจำตัว อุตส่าห์บอกแล้วว่าสองครั้งก่อนเจาะหลังมือนะ เพราะว่าหาเส้นเลือดไม่เจอ แต่พยาบาลไม่เชื่อ พยายามเจาะ แล้วก็ไม่มีเลือดออก สุดท้ายเจาะหลังมือเหมือนเดิม (เหมือนว่าเจาะหลังมือจะไม่ดีเหรอคะ อันนี้สงสัย) ตอนนี้รอยเข็มฉีดยาเต็มมือเต็มแขนเลย
สิบโมงกว่าคุณหมอมาดูอาการ ดูผลทั้งหมด สรุปก็ไม่มีปัญหาอะไร ก็ทำเรื่องออกจากรพ.ได้ คุณพยาบาลประจำตัวก็มาพูดว่าหลังจากออกจากรพ. ต้องทำไรบ้าง (มีให้ออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ) แล้วก็รอพยาบาลอีกคนสรุปค่าใช้จ่ายมาให้
ระหว่างนั้นก็ถามหมอว่าจะกลับไทยได้มั้ย หมอบอกว่าก็ไม่แนะนำ แต่ก็ไม่ห้ามรุนแรง เพราะว่าปอดคงไม่อ่อนแอขนาดขึ้นเครื่องปุ๊บปอดระเบิดปั๊บ แต่โอกาสกลับมาเป็นอีกก็ใช่ว่าจะไม่มี พูดง่ายๆ ว่าก็รับปากไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ต้องลองปรึกษาเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าจะกลับไทยวันจันทร์ (21) ก็ต้องมาตัดไหมก่อน ซึ่งวันจันทร์มันก็วันหยุดญี่ปุ่นพอดี ยังไงก็มาตัดไม่ได้อยู่แล้ว แต่เดี๋ยววันอาทิตย์หมอจะมารอ ให้มาทางฉุกเฉิน เอ็กซเรย์ดูอาการแล้วตัดไหม เราก็แบบจะเอาไงดี จะกลับดีไม่กลับดี ก็ขอหมอไปปรึกษาคุณฮ.กับที่บ้านที่เมืองไทยก่อน
คุณพยาบาลสรุปค่ารักษามาให้ทั้งหมดราวๆ 120,000 เยน จากราคาเต็มประมาณ 360,000 เยน แต่ว่ามีประกันสุขภาพ (คนญี่ปุ่นบังคับให้มีค่ะ) ทำให้จ่ายเพียงแค่ 30% เท่านั้น เป็นสวัสดิการของคนญี่ปุ่นน่ะค่ะ (เราก็ใช้ประกันสุขภาพของคุณฮ.) คุณฮ.หัวเสียมาก ที่ทำไมมันถูกขนาดนี้ เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องของชีวิตเลยนะ แต่ทำไมถึงได้ถูกกว่าโน้ตบุ้คหนึ่งเครื่องอีก รับไม่ได้ -_-' อะจ้ะ เข้าใจ
จ่ายเงินเสร็จก็เอาใบเสร็จมาให้พยาบาลดู เราก็ไปลาป้าสามคนในห้องเดิมที่เคยอยู่ คือป้าๆ จะน่ารักมาก เจอกันตอนไปห้องน้ำ ป้าก็ทักชวนคุยตลอด ให้กำลังใจตลอดเวลาด้วย (ป้าสองคนเป็นมะเร็ง วอร์ดนี้คนเป็นมะเร็งเยอะค่ะ ส่วนอีกคนที่ร่าเริงสุดๆ เป็นโรคประหลาดที่ไม่เคยเจอมาก่อนเกี่ยวกับหัวใจ อยู่รพ. มาแปดเดือนแล้ว) ป้าๆ น่ารักมาก ก็ให้พรให้หายไวๆ มา
จากนั้นคุณฮ.ก็แวะพากินข้าว+ซื้อของ เราก็น็อคเลยจะเป็นลม เหนื่อย กลับบ้านมาก็สลบ สรุปว่าร่างกายไม่ไหวจริงๆ
วันอังคารหลังจากคุยกับที่บ้านและดูสภาพตัวเองแล้ว ก็สรุปว่าเลื่อนก่อนกลับเมืองไทยออกไปก่อนดีกว่า เพราะด้วยร่างกายเช่นนี้ แม้ปอดไม่ระเบิดตอนความดันเปลี่ยนตอนขึ้นเครื่อง ดิฉันก็มิสามารถแบกกระเป๋าใบโตไปขึ้นเครื่องได้อย่างแน่นอน คาดว่ามีตายกลางทางแน่ๆ ก็โทรไปบอกคุณหมอว่าไม่ต้องมาแล้วนะคะวันอาทิตย์ หมอก็เลยนัดตัดไหมวันพุธหน้าแทนค่ะ ^^
เขียนยาวมากเลย มีใครอ่านจบมั้ยเนี่ย ฮา สรุปว่าถ้าใครรู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติในร่างกาย รีบไปหาหมอนะคะ อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะเราไม่มีทางวินิจฉัยโรคด้วยตัวเองได้อย่างแน่นอนเลย ^^
ขอให้ทุกท่านไม่มีโรคภัยไข้เจ็บใดๆ มาเบียดเบียนนะคะ แข็งแรงๆ ^^
เด็กทะเล 11.3.17
Create Date : 17 มีนาคม 2554 |
Last Update : 17 มีนาคม 2554 15:38:54 น. |
|
15 comments
|
Counter : 2140 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ปุ้ม IP: 113.53.238.249 วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:16:34:33 น. |
|
|
|
โดย: นักรบ IP: 173.217.233.111 วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:20:54:56 น. |
|
|
|
โดย: Yasmin วันที่: 17 มีนาคม 2554 เวลา:22:41:57 น. |
|
|
|
โดย: แฟนเด็กทะเล IP: 180.183.118.8 วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:15:17:54 น. |
|
|
|
โดย: Jim IP: 49.228.118.53 วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:18:40:09 น. |
|
|
|
โดย: Jim IP: 49.228.118.53 วันที่: 18 มีนาคม 2554 เวลา:18:40:12 น. |
|
|
|
โดย: green IP: 173.48.209.68 วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:9:44:24 น. |
|
|
|
โดย: zanv IP: 180.183.173.220 วันที่: 19 มีนาคม 2554 เวลา:21:29:04 น. |
|
|
|
โดย: ColdOut วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:13:01:29 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้า IP: 223.207.56.5 วันที่: 20 มีนาคม 2554 เวลา:14:57:01 น. |
|
|
|
โดย: captainchick IP: 118.172.154.249 วันที่: 22 มีนาคม 2554 เวลา:23:41:16 น. |
|
|
|
โดย: ma_am IP: 10.0.1.4, 118.173.252.202 วันที่: 23 มีนาคม 2554 เวลา:13:26:23 น. |
|
|
|
โดย: เด็กทะเล (ลิปิการ์ ) วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:7:52:48 น. |
|
|
|
โดย: ทรายริมทะเล IP: 183.89.226.240 วันที่: 6 เมษายน 2554 เวลา:0:11:41 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
ตอนใต้ Japan
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]
|
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
ปล.พี่อ้อมเขียนได้ละเอียดมากเลยค่ะ อ่านแล้วได้ความรู้ดีค่ะ