โจทย์ตะพาบ
มารขาว-มารดำ
..........................
เสียงระเบิดตูมๆ ภาพคนเจ็บและความขัดแย้งมีให้เห็นทั่วไป
กี่ศพที่ฉันรู้จักต้องจากไป
ภาพที่แสนทรมานเหล่านี้ มันเหมือนฝันร้ายที่มาหลอนฉันตลอดเวลาในชีวิตจริง
ฉันจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันยิ้มคือเมื่อไหร่
เพราะมีเพียงน้ำตาและความโศกเศร้าที่จะมาเยี่ยมเยือนฉันอยู่เสมอ
...ลูก...
จึงเป็นนางฟ้า และโอเอซิสเดียวในทะเลทรายแห่งความเจ็บปวดของฉัน
แต่...
ตอนนี้ฉันนั่งรอการผ่าตัดที่หน้าห้องไอซียูเป็นขั่วโมงที่หกแล้ว
หัวอกคนเป็นแม่นะ ลูกชายตัวน้อยเพิ่งจะลืมตาดูโลกมาได้ไม่กี่เดือน
ก็ต้องทุกข์ทรมานกับโรคผิดปกติทางพันธุกรรม
โรคเดียวกันที่พรากชีวิตพี่สองคนของเค้าไปและเขาต้องรับการผ่าตัดปลูกถ่ายไขสันหลัง
หัวใจฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลย จดจ่ออยู่แต่กับคุณหมอและผลการผ่าตัดข้างใน
เขายังเด็กเกินกว่าจะต้องรับกับความเจ็บปวดแบบนั้น
ในสถาานการณ์ร้อนแรงทางการเมือง
โรงพยาบาลต่างวุ่นวายกับการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บจากการปะทะ
ชีวิตของลูกชายฉันก็ถูกมองข้าม ไม่ต่างจากอีกหลายชีวิตในที่นี้
ภาพศพที่วางอยู่เรียงรายหน้าโรงพยาบาลมันสะท้อนใจฉันชอบกล
ภาพบ้านเมืองที่ไม่ใช่บ้านเมืองที่น่าอยู่อีกต่อไป
เงินที่จะต้องใช้รักษาแก้วตาของฉันเป็นเงินเกือบสิบล้านบาท
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับฉันที่จะหามา
หากฉันไม่ทำอะไรบ้าง ไม่เกินปีนี้
หมอบอกว่าลูกชายของฉันก็จะต้องตามพี่ๆของเขาไปอยู่บนสวรรค์แน่ๆ
หัวอกคนเป็นแม่ที่ไหนจะยอมได้ ถ้าเลือกได้ฉันขอใช้ชีวิตฉันแลกด้วยดีกว่า
ฉันติดต่อทุกหน่วยงานที่นึกออก
สุดท้ายมีคุณหมอชาวอเมริกันท่านหนึ่งช่วยระดมทุนให้
จนวันนี้ วันที่ฉันมารอหน้าห้องผ่าตัด
นักข่าวถามฉันว่าจะตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างไร
"หากฉันได้พบเขา ใจฉันคงอยากจะกราบงามๆแทบเท้าผู้มีพระคุณ
จะให้ฉันไปทำงานชดใช้ให้อีกกี่ปีก็ยอม"ใจฉันคิด
แต่เพราะฉันรู้อยู่เต็มอกว่า
เจ้าของเงินทุนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังการฆ่าฟันกันของพี่น้องฉัน
ใจหนึ่งฉันก็ไม่อยากรับเงินสกปรกของคนใจสกปรกนั่นหรอก
แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็มีน้ำใจ และนี่คือโอกาสเดียวที่จะทำให้ลูกฉันมีชีวิตรอด
หากฉันตอบว่าฉันจะทำอย่างนั้น
ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับคนขายชาติ
และลูกชายคนเดียวที่ฉันเหลืออยู่ละ
เขาก็ไม่ต่างกัน หนำซ้ำยังโตมาอย่างถูกประณามจากเพื่อนร่วมชาติเสียอีก
ฉันจึงตอบไปว่า
"หากลูกชายฉันโตขึ้น ฉันก็พร้อมจะอุทิศให้เขาเป็นมือระเบิดพลีชีพเหมือนเพื่อนร่วมชาติ"
คุณหมอผู้ระดมทุนแทบจะล้มเลิกความตั้งใจช่วยฉัน
เพราะนี่แม่ของเด็กไม่ได้สำนึกบุญคุณอะไรเจ้าของทุนเลย
แต่พอมานึกว่า ด้วยคำตอบนี้ เธอและลูกก็กลายเป็นวีรสตรีของชาติไปโดยปริยาย
และเขาก็คิดว่าเธอและลูกสมควรได้รับทุนนั้นอย่างยิ่ง
.........
คุยหลังตะพาบ
กว่าตะพาบจะคลอดก็มืดค่ำเลยทีเดียว
คิดพล๊อตไปสี่พล็อตถ้วน ส่วนมากจะเป็นเคสสีเทาๆ
พล็อตอันแรกพูดเรื่องการุณยฆาต หรือการฉีดยาให้ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัวหรือทรมานกับการป่วยสิ้นชีพ
มาจากการดูข่าวโหวตโนของสวิส เมืองที่ประชากรเลือกมาสิ้นชีีวิตจากการเจ็บป่วยเยอะที่สุด
พล็อตเรื่องทีสอง มาจากธุรกิจความสงสาร
ที่คนขี้สงสารมักจะควักกระเป๋าให้กับขอทานและพวกขายของตามร้านอาหารข้างถนน
โดยอาจไม่รู้ว่านี่เป็นขบวนการรึเปล่า
พล็อตเรื่องที่สาม เป็นเรื่องของความรักเมื่อสายเกินไป
คือคนที่รักเราได้ทำดีกับเรามากมายแต่เราไม่เห็นคุณค่า มัวแต่ตัดสินคนจากสิ่งที่เห็น
เมื่อรู้อะไรก็สายเกินไปแล้ว
พล็อตเรื่องที่สี่ เป็นเรื่องทุจริตคอรัปชั่น
ที่มีอยู่ในทุกวงการไทย จนเรามองว่ามันเป็นเรื่องปกติ
แต่มันไม่ปกติไง เพราะมันเป็นมะเร็งของประเทศ ถ้าไม่อยากถอยหลังเข้าคลอง
สิ่งนี้กับเรื่องระเบียบวินัยที่ประเทศเราจะต้องมี
เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมารขาว มารดำ..เยอะมากกก
ทุกเรื่องได้ออกสู่อ่าวไทยมุ่งลงทะเลจีนใต้โดยสมบูรณ์ ฮ่าๆ
ด้วยว่าไอเดียมันเยอะไป หาลู่บินลงจอดไม่ได้
เล่าเผื่อใครมีไอเดียอยากจะเขียนนะคะ ยังทันๆ
สุดท้าย มาจบที่เรื่องนี้ เพราะดูทีพีบีเอสตอนเย็น
เลยเล่าเท่าที่จำได้
เป็นรายการเรื่องที่จะเข้าชิงรางวัลออสการ์ปีนี้ 2011
The Precious Life
หลักๆก็มาจากเรื่องจริงของแม่ลูกชาวปาเลสไตน์
ที่ลูกป่วยด้วยโรคเกี่ยวกับความผิดปกติทางพันธุกรรม(incurable genetic disease)
ด้วยความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
ที่เธอต้องสู้ระหว่างมิตรภาพที่เกิดขึ้นกับความจริงของสงครามที่เดินสวนทางกัน
เชิญชมยูตูบกันเลยเจ๊าาา
เสพย์ข่าวเพิ่มเติมจากนิวยอร์คไทม์เจ๊า
//www.nytimes.com/2010/08/08/opinion/08friedman.html?_r=2&hp
ฮ่าๆ สุดท้ายก็ได้แต่งสด งดเชื่อ เบื่อทวงอีกตามเคยนะเอมหวาน ก๊ากๆ
:::::::::::::ลากิจนะคะ ฝากบ้านด้วยค่าา::::::::::::::
>>>>>>>>>>>>>>>>>ไหว้รอบทิศ<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
เนื้อเรื่องหลักๆ เป็นการชั่งใจ ที่ต้องตัดสินใจระหว่าง ขาว-ดำ จริงๆ
โอ้.....ไม่ว่าทางเลือกไหน
เธอก็ต้องรู้สึกแย่เหมือนกันหมด
แวะมาชมงานตะพาบจากคุณเอมหวานค่ะ
อิอิ