หยก ธันยกันต์ ไม่หวั่นรอเก้อ แอมป์ ขอเวลาสร้างตัว 4 ปี ทำใจรักหมดโปร เพิ่งผ่านวิกฤตรักคบกันปีที่ 5 แต่ตอนนี้ราบรื่นดี เข้าใจเป็นช่วงขาขึ้นอีกฝ่ายไม่อยากขัดแข้งขัดขา ส่วนตนเลิกงี่เง่า ไม่เชื่ออาถรรพ์รักล่ม 7 ปี เผยเคยอยากแต่งงาน 2 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้ล้มเลิกความคิดไปแล้ว
ดูเงียบผิดสังเกตสำหรับคู่รักสาว หยก ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ และหนุ่ม แอมป์ พีรวัฒน์ กุลนันท์วัฒน์ ที่ดูความสัมพันธ์เงียบเชียบ ไม่ลงรูปคู่รักหวานกันมานานแล้ว แถมยังมีข่าวเล็ดลอดออกมาอีกว่า ช่วงหลัง ๆ ทั้งคู่ไม่ค่อยลงรอยกัน มักมีปากเสียงกันเสมอ จนบางครั้งสาวหยกถึงขึ้นโพสต์ข้อความระบายผ่านสื่อโซเชียลของตนเอง เมื่อมีโอกาสเจอสาวหยกจึงสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว งานนี้เจ้าตัวยอมรับว่าชีวิตรักเคยมีปัญหากันจริงแต่ตอนนี้โอเคแล้ว
ตอนนี้ความรักยังปกติดีค่ะ ยังดีอยู่ อาจจะเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้เราไม่ค่อยได้ลงรูปคู่กัน คนก็เลยจะคิดไปแบบนั้น แต่ก็ยอมรับค่ะว่าเราเองก็มีปัญหาเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ คงไม่มีใครรักกันทุกวันไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เราไม่เคยใช้คำด่าว่าเขารุนแรงผ่านโซเชียลแบบนั้นไม่มี แต่ยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมาไม่สวีต ไม่มีภาพเดินกอดคอดูหนังกัน เราอยู่กันเงียบ ๆ มาก สังเกตได้ว่าหยกเองก็เงียบไป สงบไม่มีข่าวกับใครเลย ด้วยเขาเองก็ทำงานเยอะมาก หยกเองก็รับงาน
ที่มีปัญหาคือเรื่องของเวลา อย่างแต่ก่อนเราเจอกันทุกวัน เลิกงานตี 2 ชั่วโมงเดียวเราก็ขอมาเจอหน้ากัน ฉันคิดถึงเธอมาก แต่ตอนนี้ 2 อาทิตย์ยังเงียบหาย ตี 3 ทำงานเสร็จง่วงแล้วก็หลับกันไป เราก็มีงอนบ้างอยากเจอเขาแต่เขาไม่ว่าง แต่ไม่ได้งอนแบบไร้สาระสะบัดตูด
ก็มีคุยกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาเองก็ชี้แจงให้ฟังว่าเขาโตแล้ว เขาอยากทำงานสร้างเนื้อสร้างตัว เขาเองก็อยากจะมีความมั่นคงให้กับเรา เราก็โอเคในเมื่อมันเป็นความปรารถนาดี เขาก็บอกรอเขาหน่อยนะ อีก 3 - 4 ปีเขาจะมีทุกอย่างไม่ให้เราลำบาก เราเองตอนนี้ก็ยังลำบากกันอยู่ ก็ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อเราเองก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว มันเป็นช่วงของการเติบโต เราไม่ได้เพิ่งจะอยู่ในช่วงรักกันใหม่ ๆ ทุกอย่างเป็นสีชมพู เรารักกันมา 6 ปีแล้ว เราเข้าใจว่ามันไม่ได้มีสีชมพูตลอดเวลา เราเองก็เพิ่งจะผ่านช่วงเวลาสีม่วงช้ำมาได้เมื่อพ้นปีที่ 5 ซึ่งมันทำให้คู่เราแข็งแรงขึ้น เราเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจกัน จะมาอยู่กันแบบสมัยวัยรุ่น งี่เง่าไม่ได้แล้ว
ลั่นส่วนตัวไม่เชื่อเรื่อง 7 ปีอาถรรพ์ บอกจะอยู่กันรอดไม่รอดขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนสองคนมากกว่า
ส่วนตัวอย่างที่บอกเรามีช่วงเวลาหนัก ๆ ความรักของเราในปีที่ 5 ซึ่งมันผ่านมาได้แล้ว เราไม่รู้สึกว่าเราจะต้องกลัวอะไร หยกไม่เชื่อเรื่องตัวเลข หยกมองว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนมากกว่า ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของคนทั้งสองฝ่ายมากกว่า ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเบื่อหน่ายกันแล้วก็ต้องแยกกันไป ถึงเวลานั้นก็ค่อยมาว่ากันอีกทีหนึ่ง เราเข้าใจ คนคบกันนานมันมีเหี่ยวเฉากันเป็นธรรมดา ถ้าถึงวันนั้นจริงค่อยมาประกาศว่าเลิกกันแล้ว แต่ ณ วันนี้มันยังโอเค เราพยายามทำทุกอย่างให้มันดี
รับมีคุยเรื่องแต่งงานกันแล้ว ตอนนี้รอฝ่ายชายสร้างอนาคตให้ตัวเองอยู่ซึ่งคงจะอีก 3 - 4 ปีที่แพลนไว้
ก็มีคุยกันค่ะ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องของอนาคตอยู่ เขาเองก็มีพูดเหมือนกันว่าให้รอเขา เขาอยากแต่งงานตอนอายุ 34 - 35 ปี ก็อีกประมาณ 3 ปี อย่างเวลาเราไปงานแต่งงานเพื่อนเขาก็จะมีพูดขึ้นมาบ้างว่าไม่เอาแบบนี้นะงานเขา มันไม่ใช่งานในแบบที่เขาฝันไว้ ตัวเขาเองก็อยากแต่ง เหมือนมันก็เป็นช่วงที่กำลังจะสร้างครอบครัวเนอะ แต่เขาเองก็ต้องทำงานหนัก ดวงงานเขากำลังมา เราก็ไม่อยากไปขัดอะไร งานในวงการนี้เราก็รู้ ๆ อยู่ไม่มีอะไรแน่นอน มีโอกาสก็คว้าไว้ก่อน เราก็ไม่อยากจะไปเบรกโอกาสเขา ตัวหยกเองก็เคยอยากแต่งงานเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว เราเข้าใจเขาแหละ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่ขอเสียทีนะ คือเราเข้าใจเขา ถ้าเกิดเขาไม่ได้ทำงานในวงการแล้วมีธุรกิจส่วนตัวแต่ไม่มาขอเราเสียที อันนี้เราคงคิดหนัก แต่นี่เราก็เห็น ๆ อยู่ ช่วงไหนกอบโกยได้ก็ต้องกอบโกย เลยปล่อยให้เป็นเวลาของเขาไปดีกว่า ที่บ้านก็ถามกันเยอะ เราก็ตอบกันว่าตอนนี้เป็นช่วงที่เราต้องทำมาหากิน เก็บเงินให้ได้มากที่สุดให้เรารอดพ้นจากความลำบาก
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [
