สจล. ชู 3 วัสดุนาโนทางธรรมชาติ แก้ปัญหาวิฤตการณ์ท่อส่งน้ำมันรั่วกลางทะเลด้วยองค์ความรู้นาโนเทคโนโลยี ธรรมชาติ "ฟางข้าว-กากมะพร้าวกักน้ำมันเคลือบสารนาโน - ดอกของต้นธูปฤาษี"
นำ 3 วัสดุนาโนทางธรรมชาติ มาผสมผสานวิธีทางวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินการอยู่ในตอนนี้ จะสามารถช่วยให้การฟื้นฟูชายฝั่งทะเล ตลอดจน คราบน้ำมันในท้องทะเลได้อย่างรวดเร็ว ฟื้นคืนความงดงามให้กับทะเลของจังหวัดระยอง
ศาสตราจารย์จิติ หนูแก้ว คณบดีวิทยาลัยนาโนเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.)กล่าวว่า เหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันรั่วในทะเล บริเวณท่าเรือมาบตาพุด จังหวัดระยองขณะนี้ได้ส่งผลกระทบเป็นบริเวณกว้างต่อภาคอุตสาหกรรมและภาค ประชาชน ทั้งในด้านความเป็นอยู่ของประชาชนบริเวณชายฝั่ง รวมถึงระบบนิเวศทางทะเลด้วย แม้ว่าภาครัฐและองค์กรเอกชนได้เริ่มเข้าดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้วบาง ส่วน ผลกระทบที่ขยายเป็นวงกว้างยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการช่วยเหลือหรือการ แก้ไขปัญหาให้ทั่วถึง ทั้งนี้ วิธีการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วในทะเลตามหลักสากล มีหลายวิธี เช่นการปล่อยให้น้ำมันสลายตัวไปเอง การกักหรือเก็บโดยใช้ทุ่น การใช้สารเคมีขจัดคราบน้ำมันการเผา
"การ ทำความสะอาดชายฝั่งโดยจะต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมในการขจัดน้ำมัน อาทิ ชนิดของน้ำมัน ปริมาณน้ำมันที่รั่วไหล ทิศทางและความเร็วของกระแสน้ำ กระแสลม สภาพอากาศ ลักษณะทางภูมิศาสตร์และสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการช่วยเหลือในวงกว้างเท่านั้นแต่สำหรับการช่วย เหลือภาคของประชาชนนั้น ทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้นำเสนองานวิจัยของวิทยาลัยนาโนเทคโนโลยีพระจอมเกล้าลาดกระบังที่ช่วยใน การกักเก็บน้ำมันบริเวณชายฝั่ง โดยการใช้ฟางข้าวกักน้ำมัน และกากมะพร้าวกักน้ำมัน เป็นต้น วัสดุบางอย่างเช่นฟางข้าวกักน้ำมันยังสามารถแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงได้อีกด้วย อนึ่ง งานวิจัยอยู่บนพื้นฐานขององค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีนาโน สารนาโนรวมถึงการผลิตผ่านกระบวนการนาโน ซึ่งสารนาโนหรือกระบวนการผลิตนาโนนี้จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เหมือนกับสารเคมีตัวอื่นๆ"
ศาสตราจารย์จิติกล่าวเพิ่มเติมว่า ชาวบ้านหรือชาวประมงที่ได้รับผลกระทบ สามารถแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง โดยใช้วัสดุและอุปกรณ์นาโนเทคโนโลยี อาทิเช่น กากมะพร้าวกักน้ำมัน ฟางข้าวกักน้ำมันเคลือบสารนาโน เป็นการนำฟางข้าวหรือวัสดุประเภทกากมะพร้าว นำมาผ่านกระบวนการนาโน และเคลือบสารคาร์บอน เพื่อให้ฟางข้าวสามารถกักเก็บหรือดูดซับน้ำมันได้ดียิ่งขึ้นกว่าคุณสมบัติ ดั้งเดิมของตัวมันเอง ทั้งนี้ฟางข้าวกักน้ำมัน เมื่อดูดซับน้ำมันมาแล้ว จะสามารถนำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อีกครั้ง โดยการนำฟางข้าวหรือกากมะพร้าวที่ดูดซับน้ำมันมาแล้ว ไปตากแห้งและไปเข้าเตาเผา เพื่อแปรสภาพให้คล้ายกับถ่านหุงต้ม
นอกจากนี้เรายังค้นพบ "ดอกของต้นธูปฤาษี" ในการกำจัดคราบน้ำมันดิบ ซึ่งดอกธูปฤาษีปริมาณ 1 กรัม สามารถกำจัดคราบน้ำมันปริมาตร 10 ml ได้อย่างหมดจดและมีประสิทธิภาพสูงมาก โดยหลังจากการใช้ดอกต้นธูปฤาษีในการกำจัด พบว่าคราบน้ำมันจะจับกันเป็นก้อนสีดำและลอยอยู่เหนือน้ำ สามารถนำขึ้นมาได้โดยง่ายดาย ดอกของต้นธูปฤาษีสามารถกำจัดคราบน้ำมันได้เป็นอย่างดี โดยน้ำหนักของดอกต้นธูปฤาษีประมาณ 100 กรัม สามารถกำจัดคราบน้ำมันได้มากกว่า 1 ลิตร
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์จิติ ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า ยังมีวัสดุนาโนทางธรรมชาติอีกหลายชนิด ที่มีความสามารถในการดูดซับน้ำมันได้ โดยมี หลักการเลือกวัสดุในธรรมชาติเพื่อกำจัดคราบน้ำมัน ดังนี้ 1.มีขนหรือหนามเล็กๆ หรือเป็นเส้นใยฝอย ทำให้มีพื้นที่ผิวมาก 2.ไม่เปียกน้ำหรือนํ้าไม่เกาะ ทำให้ดูดซับน้ำมันได้ดี 3.มีนํ้าหนักเบาทำให้ลอยนํ้าอยู่ได้เพื่อตักไปกำจัดทิ้ง
"โดย ในปัจจุบันนาโนเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตโดยปัจจุบันความรู้ ด้านนาโนเทคโนโลยีในประเทศไทยนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลายนัก โดย สจล. ตั้งเป้าในการนำนาโนเทคโนโลยีมาเผยแพร่สู่ชุมชนท้องถิ่นและเยาวชนไทย เพื่อนำนาโนเทคโนโลยีไปช่วยแก้ปัญหาในชุมชนได้อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังเป็นการผลักดันให้เยาวชนไทยสามารถนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาประเทศ ชาติได้ต่อไปในอนาคต" ศาสตราจารย์จิติกล่าวสรุป
แหล่งที่มาของบทความและภาพประกอบ :ผู้จัดการออนไลน์, Ture ปลูกปัญญา
ชอบกด Like & Share เป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะจ๊ะ