ไทยถือเป็นประเทศที่มีภูมิทัศน์ที่พร้อมเป็นฐานการผลิตที่ดี ด้วยเทรนด์การใช้งานเทคโนโลยีที่ไม่สิ้นสุด คงจะดีไม่ใช่น้อย หากไทยมีการผลิตซอฟต์แวร์ใช้งานเองแทนการนำเข้า
อ.อรภัค สุวรรณภักดี นักวิชาการอิสระ ด้านเทคโนโลยีเพื่อการศึกษานักเขียนทำตลาดบนเฟซบุ๊ก ฉบับประยุกต์เเอพพลิเคชั่น เล่าว่า ในปี ค.ศ. 2010 ตนได้มีโอกาสไปเยือนซิลิคอนวัลเลย์ ดินเเดนนวัตกรรมของเทคโนโลยี เเละเป็นถิ่นกำเนิด บริษัทสตาร์ตอัพในอเมริกาและได้ไปเยี่มชม บริษัท เฟซบุ๊ก ได้เห็นหุบเขาทางการเงินของอเมริกา เเละเมื่อมาทำงาน บริษัทซอฟต์เเวร์ในเวอร์จิเนีย ได้มีโอกาสเห็นหุบเขาไฮเทคทางฝั่งตะวันออกและในเวลาต่อมา มีคนไทยจำนวนมากเข้าไปศึกษาในสหรัฐ เเละมีจำนวนน้อยที่เข้าไปทำงานในซิลิคอนวัลเลย์ ซึ่งตนเองก็อยากเห็นหุบเขาไฮเทคเกิดขึ้นในไทย จากการที่ คนไทยเริ่มตื่นตัวมากขึ้นในการทำสตาร์ต อัพ เเละมีผู้ที่เผยเเพร่เรื่องความรู้จากซิลิคอนวัลเลย์ อาทิ กระทิง พูนผล กับ Disrupt University
ดังนั้น ควรมีนโยบายเรื่อง การสร้างหุบเขาไฮเทคในประเทศไทยมากกว่าที่จะส่งเเต่หัวกะทิออกไป เเล้วไม่กลับมาเลย ซึ่งตนคิดว่า ท้ายที่สุดเเล้วทุกคนควรกลับมารับใช้ชาติในด้านที่ตนถนัด หากหางานที่เหมาะได้ เเละไม่เพียงเเต่ทางด้านไฮเทคควรเป็นด้านอื่น ๆ เช่น หุบเขากสิกรรม หุบเขาไบโอเทค หุบเขางานเเฮนเมด หรือเเม้เเต่หุบเขาเเฟชั่น เป็นต้น
ซึ่งหากไทยไม่เริ่มสร้างหุบเขาไฮเทค ก็ต้องไปใช้สินค้านำเข้าซอฟต์เเวร์บางอันที่ไม่จำเป็นของประเทศอื่น บุคลากรไหลออกนอกประเทศ เพราะไร้จุดหมายในไทย
รัฐบาลควรรวบรวมเเนวคิดเพื่อผลักดัน การสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง โดยริเริ่มซิลิคอนวัลเลย์ในไทย ที่อาจศึกษาจากสหรัฐ จีน โดยเริ่มจากโครงการของรัฐบาลก่อน อาทิ ผลิตระบบคลาวด์ในกองทัพไทย ระบบคลาวด์เพื่อการศึกษา รองรับการเก็บข้อมูลทั่วประเทศของโรงเรียนเเละมหาวิทยาลัย
นอกจากนี้ นโยบายรัฐต้องมีการเปลี่ยนเเปลงกฎหมายบางเรื่อง เพื่อทำให้เกิดการระดมทุนให้สะพัดในประเทศ เกิดเเหล่งเงินจากหลายฝ่าย เพื่อลงทุนในรูปแบบหลากหลาย เพราะต่อให้เเผนธุรกิจดีหากไม่มีโครงสร้างที่รัฐบาลช่วยผลักดันด้านวิจัย เเละผลักดันตลาดเงินทุน สุดท้ายบริษัทไฮเทคจะถูกขายให้นายทุนขนาดใหญ่ที่พร้อมจะขโมยไอเดียหรือเเปลง แบบนักกฎหมายไทยมีความรู้เรื่องกฎหมายเกี่ยวกับไฮเทคน้อย พอ ๆ กับภาษาอังกฤษ เเละโดยภาพรวมนักกฎหมายไทยโลเทค ถือเป็นอุปสรรคในการสร้างซิลิคอนวัลเลย์
ดังนั้น ไทยควรเป็นฐานผลิตเเบบอินเดียให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะจีน ซึ่งในวันข้างหน้าไม่เเน่นอน เพราะว่าค่าเเรงจีนเริ่มสูงขึ้น ประเทศไทยควรมีการเริ่มศึกษากฎหมายไอทีเเละกฎหมายการเงิน รวมถึงศึกษาเเนวทางของนวัตกรรมทางการเงินเพื่อขับเคลื่อนเเนวทางการสร้างหุบ เขาไฮเทค
ทั้งนี้ การสร้างหุบเขาประเภทต่าง ๆ จะดึงคนไทยจากต่างเเดนกลับมาทำงานในโครงการ โดยเริ่มจากโครงการรัฐบาล หรือโครงการบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เปิดโอกาสในการจัดตั้งหุบเขาต่าง ๆ ในไทย
หวังว่า คนไทยจะมีโอกาสเลือกในสิ่งที่ชอบ เเละ ทำในสิ่งที่ถนัดเพื่อเป็นทรัพยากรให้กับประเทศชาติต่อไป เเละได้มีโอกาสนำเอาทักษะมาพัฒนาหุบเขาในสิ่งที่พวกเขาชอบ ต่อไปต่างชาติจะหลั่งไหลเข้ามามาก เพราะประเทศไทยน่าสนใจเเละน่าอยู่
ไทยควรเร่งจัดตั้งหุบเขาต่าง ๆ ก่อนที่ประเทศเพื่อนบ้านจะใช้ประเทศของตนเป็นฐานการผลิต ซึ่งหากทำช้า การไหลออกของสมองคนไทยจะไปยังประเทศพัฒนาเเล้วทั้งในเอเชียเเละตะวันตก.
กัญณัฏฐ์ บุตรดี
Kanyanat25@gmail.com
แหล่งที่มา : เดลินิวส์ออนไลน์
ชอบกด Like & Share เป็นกำลังใจให้ด้วยน่ะจ๊ะ