นวนิยายโดย : ชลนิล

สำนักพิมพ์ : คำต่อคำ

รายละเอียด

หนังสือเจ็ดเล่ม...เสมือน ‘หน้าต่างกาลเวลา’เจ็ดบาน ยามเปิดพวกมันพร้อมกัน...ใต้อำนาจดวงดาวสำคัญ จะกอปรสร้าง ‘เรือนเวลา’ ยอดสิ่งมหัศจรรย์...เกินกว่าใครคาดคำนวณ...

ใครคนหนึ่งที่ล่วงรู้ความลับนี้ส่งคนออกไล่ล่าหาหนังสือทั้งเจ็ดเล่ม ไม่สนใจวิธีการ ไม่แยแสว่าต้องเข่นฆ่าผู้ใดบ้าง ขอเพียงได้ครอบครอง ใช้มันอ่านอนาคตของทุกสรรพสิ่ง แสวงหาผลประโยชน์มหาศาล สร้างฐานอำนาจกล้าแกร่ง แต่มนุษย์...จะเอาชนะกาลเวลาได้จริงๆ หรือ?

“เรือนเวลา” เป็นนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีที่ ชลนิล เขียนขึ้นมา ด้วยวรรณศิลป์อันช่ำชอง เดินเรื่องเร็ว สนุก ตื่นเต้น แยบยล”

คำนิยมจากหนังสือ ๑๐๐ เล่มหนังสือดีวิทยาศาสตร์ โดย รศ. ดร. ชัยวัฒน์ คุประตกุล และคณะ

เรื่องย่อเพิ่มเติม

“แม้ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร” คือชื่อของหนังสือเจ็ดเล่ม หนังสือที่เป็นดั่ง หน้าต่างแห่งกาลเวลา อันนำพาให้ผู้ครอบครองได้หยั่งรู้ถึงเรื่องราวในอนาคต และยิ่งหนังสือทั้งเจ็ดเล่มถูกนำมารวมกัน ก็ยิ่งจะก่อให้เกิด “เรือนเวลา” ยอดสิ่งมหัศจรรย์ อันจะสร้างประโยชน์แก่ผู้ครอบครองอย่างมหาศาล ไม่เพียงแต่คุณอนันต์...โทษมหันต์ก็เช่นกัน! เรื่องราวของคนเจ็ดคน ที่เกี่ยวกันกับหนังสือทั้งเจ็ดเล่ม จึงอุบัติขึ้น

เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตจะต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เขาเป็นแค่หนุ่มออฟฟิศธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ได้หลงรักการผจญภัยดังเช่นพ่อแม่ที่อยู่ญี่ปุ่น หรือน้องชายของเขาเลย ทัตสุระ ใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดา ดั่งเสือซ่อนเล็บ...ที่ใครก็ไม่คาดคิดว่าฝีมือการต่อสู้ของเขาจะไม่เป็นรองใคร นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าน้องชายตัวดี เขาคงไม่พาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ชีวิตของทัตสุระก็คงดำเนินปกติต่อไป...ชีวิตที่มีแค่น้องชาย และเพื่อนสาวข้างบ้านคนนั้น!

เกิดอะไรขึ้นกับเธอ เกิดอะไรขึ้นกับทัตสุระ เกิดอะไรขึ้นกับเด็กชายที่เธอเห็นมาตั้งแต่เล็ก มีแต่เรื่องวุ่นวายเข้ามาในชีวิตของเธอและเพื่อนชาย ชีวิตของ ชาลี สาวน้อยผู้รักอิสระก็คงไม่สงบอีกต่อไปเช่นกัน ในเมื่อเธอก็มีอีกคนที่ฟ้าลิขิตให้ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังสือเล่มนั้น

ใครๆ ก็อยากเป็นผู้วิเศษ อยากที่จะหยั่งรู้เรื่องในอนาคตทุกเรื่อง เจ้าเด็กน้อยอย่างเขาก็เช่นกัน ! คัท เจอหนังสือ “แม้ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร” โดยบังเอิญที่ห้องใต้ดินภายในบ้านของตัว แต่หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สร้างมาเพื่อเล่นสนุกเท่านั้น เจ้าคัทจะไม่ได้เล่นสนุกอีกต่อไปแล้ว!

เบื้องหนังเขาคือนักร้องวัยรุ่น ที่มีแฟนคลับติดตามอย่างล้นหลาม ทว่าเบื้องหลัง เขากลับต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืด ทำตามคำสั่งของใครบางคน ผู้ซึ่งมีพระคุณต่อเขา ผู้ที่ให้ชีวิตใหม่กับเขา ทำให้เขาเป็น หมอก เมฆา จนถึงทุกวันนี้ หมอกยอมทำตามคำบัญชาของชายชราผู้นี้ ด้วยสำนึกในบุญคุณ และคำสั่งของท่านก็คือการตามหาหนังสือมาให้ครบทั้ง ๗ เล่ม แม้ว่าจะต้องฆ่าผู้ครอบครอง หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสักกี่ชีวิตก็ตาม!

หากโลกของหมอกเป็นสีเทา ที่มีส่วนผสมของดำมากกว่าขาวแล้ว โลกของเธอก็เป็นดั่งสีขาวที่บริสุทธิ์ บริสุทธิ์จนหมอกฆ่าเธอไม่ลง จำใจต้องไม่ทำตามคำสั่งของทวด พุด ตาบอดเพราะเขา เขาพาเธอมาอยู่กับเขา เธอปฏิบัติตัวกับเขาเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าเขาจะเย็นชากับเธอเพียงไร เธอก็ไม่เคยโกรธ พุดตาบอด...แต่ใจของเธอไม่เคยบอด!

เขาเกลียดมัน เกลียดให้เด็กกาฝากนั่น ไอ้เด็กที่ทวดชุบชีวิต จนมันผงาดขึ้นมาเหนือเขา และกลายเป็นมือขวาของทวด เบื้องหน้า นายธานี คือส.ส.ผู้มีอิทธิพล ทว่าเบื้องหลังซ่อนความเลวร้ายไว้มากมาย มีทางเดียวที่เขาจะได้หนังสือเล่มนั้นมาครอบครอง ทางเดียวที่เขาจะอยู่เหนือไอ้หมอก...นั่นคือการจับตัวผู้หญิงคนนั้นมาเป็นตัวประกัน ผู้หญิงที่ไอ้หมอกมันรัก!

เขามีชีวิตอยู่เกือบจะย่างเข้าร้อยปีแล้ว เขาปรารถนาที่จะมีในอำนาจ อยู่เหนือกาลเวลา แก้ไขอดีต ทำปัจจุบันให้ดี และรู้เท่าทันอนาคต หนังสือเล่มนั้นช่วยเขาได้ ยิ่งเมื่อรวมกันทั้ง ๗ เล่มแล้ว ยิ่งก่อประโยชน์มากเป็นทวี ทวด จึงต้องการรวบรวมหนังสือให้ครบ แม้ว่าจะต้องฆ่าสักกี่ชีวิตก็ตาม...ทวดจะรู้ไหม ว่าไม่มีใครอยู่เหนือกาลเวลา ไม่มีใครอยู่เหนือกฎแห่งกรรม!

ความรู้สึกส่วนตัว...บันทึกหลังอ่าน

สำหรับรีวิวจากอุ้มสมในวันนี้ อุ้มสมได้นำเรื่อง “เรือนเวลา” ผลงานเหนือจินตนาการของ “ชลนิล” นักเขียนนิยายลึกลับฝีมือเจนจัดอีกท่าน มารีวิวให้นักอ่านได้อ่านกันนะครับ เล่มบางๆ แต่อ่านเพลินไม่เบา ฮ่าๆ

“เรือนเวลา” บอกเล่าเรื่องราวผ่านหนังสือ ๗ เล่ม ที่หน้าปกและเนื้อในเหมือนกันหนังสือที่มีชื่อว่า “แม้ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร” ผ่านตัวละครหลักทั้ง ๗ คน เมื่อหนังสือเล่มดังกล่าว เป็นดั่งหน้าต่างกาลเวลา ทำให้ผู้ที่ถูกเลือกให้ครอบครองสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ และหากนำทั้ง ๗ เล่มมารวมกัน ก็จะยิ่งสร้างคุณให้ต่อผู้ครอบครองมหาศาล ใครบางคนที่กระหายอำนาจ ปรารถนาที่จะอยู่เหนือกาลเวลา ด้วยความโลภที่ไม่มีที่สิ้นสุด จึงต้องการไล่ล่าหนังสือทั้ง ๗ เล่ม

“ผมเชื่อว่าหลายคนอยากรู้อนาคต ชอบฟังคำทำนาย” ประโยคดังกล่าว คุณชลนิล ได้กล่าวไว้ที่หน้าคำนำ ซึ่งอุ้มสมก็เป็น ๑ ในกลุ่มคนที่ชอบฟังคำทำนาย ชอบดูดวงเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันสามารถดูดวงได้หลายรูปแบบให้เลือกตามอัธยาศัยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นดูดวงจากราศี วันเดือนปีเกิด ไพ่ยิปซีเป็นต้น (แต่โดยส่วนตัวไม่ได้คลั่งไคล้มากขนาดน้าน)

ชลนิลจึงสร้าง “เรือนเวลา” ขึ้นมา สร้างเรื่องราวของหนังสือทั้ง ๗ เล่ม ที่มีชื่อเรื่องว่า “แม้ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร” หนังสือที่ผู้ครอบครองจะได้เห็นเรื่องราวในอนาคต เพียงแค่เปิดหนังสือเล่มนี้ (คล้ายๆ จอทีวี ฮ่าๆ) เป็นคำนายชนิดที่ว่าเปิดปุ๊บ รู้ปั๊บ ไม่ต้องเสียงเวลาคิด ตีความให้ปวดหมอง แต่ใช่ว่ามันจะง่ายขนาดนั้นนะ ฮ่าๆ เพราะหนังสือทั้ง ๗ เล่ม ได้เลือกผู้ครอบครองของมันไว้แล้ว ใช่ว่าจะเห็นอนาคตผ่านหนังสือเล่มนี้กันทุกคน (แบบนั้นวุ่นวายบรรลัยกันพอดี ฮ่าๆ)

“เรือนเวลา” เป็นงานของคุณชลนิลอีกเรื่องที่อุ้มสมชอบครับ คืออ่านงานของผู้เขียนมาแค่สามเรื่อง ชอบมากทั้งสามเรื่องเลย (อันนี้ที่จริงก็ซื้องานเก่าๆ ของผู้เขียนไว้หลายเล่ม บางเล่มยังไม่มี แต่ตอนนี้ไม่กระเสือกกระสนตามหาแล้ว ฮ่าๆ รอสอยฉบับพิมพ์ใหม่กับสนพ.คำต่อคำดีกว่า) พล็อตเก๋ สำนวนภาษาสวย การดำเนินเรื่องสนุก ชวนติดตามครับ แม้ว่าจะไม่ตื่นเต้น หรือหวือหวาชวนร้องอู้หู เท่ากับ อาคม แต่โดยรวมแล้วอุ้มสมชอบก็เล่มนี้ครับ

“เรือนเวลา” เป็นนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีที่ ชลนิล เขียนขึ้นมา ด้วยวรรณศิลป์อันช่ำชอง เดินเรื่องเร็ว สนุก ตื่นเต้น แยบยล” อุ้มสมขอยกคำนิยมที่อยู่ปกหลังมาใส่อีกรอบ ฮ่าๆ การดำเนินเรื่องของผู้เขียน ทำได้ดีมากเลยครับ การสลับฉาก ตัดฉากตัวละครหนึ่ง ไปอีกตัวละครหนึ่ง ทำได้ดีและดึงดูดมาก วางไม่ลงเลย เนื้อเรื่องกระชับ ไม่ค่อยยืด

สำนวนภาษาสวยครับ โดยเฉพาะข้อความที่อยู่ในหนังสือ “แม้ม้วยดิน สิ้นฟ้า มหาสมุทร” คืออาจจะดูเป็นประโยคแปลกๆ จะเป็นกลอนก็ไม่ใช่ เหมือนคนเขียนหนังสือเล่มนี้เขียนไปตามจนตัวเอง แต่เรากลับชอบแฮะ อ้ะ...น้ำจิ้มเล็กน้อย

...ว้าวุ่น สับสน ไปไย...

...ทางเลือกมากมาย...

...แท้จริง อาจไม่มี...

...ใจตน ต่างหาก ผู้เลือก...

...เส้นทางถูกกำหนด หลังใจเลือกเดิน...

งานของชลนิล ไม่ได้ทีแค่ความลึกลับเหนือจริงอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่างานลึกลับภายใต้โลโก้ยี่ห้อของชลนิล แน่นอนว่าต้องมีสอดแทรกธรรมะจากพระพุทธศาสนา ที่แทรกได้ลงตัว และกลมกลืนเช่นกันครับ เข้ากับเนื้อหาของเรื่องเลย คนเราจะเอาชนะกาลเวลา เอาชนะกฎแห่งกรรมได้จริงหรือ ?

เรื่องนี้อุ้มสมชอบการสร้างตัวละครของผู้เขียนมาก คือตัวละครหลักทั้ง ๗ ตัวเนี่ย มีทั้งเด็กน้อย พระเอก นางเอก ตัวร้ายที่มีมิติ ตลอดจนตัวร้ายที่เลวสุดขั้วไปเลย เรียกได้ว่ามีหลายอารมณ์ หลายอรรถรสผ่านตัวละครหลัก ทั้ง ๗ นี่ละครับ

เริ่มจากคู่พระนางและเจ้าน้องชายตัวแสบละกันครับ ตัวละครเซ็ตนี้น่ารักครับ เป็นเหมือนโทนสว่างให้กับเรื่อง คู่พระนางก็คือ “ทัตสุระ” กับ “ชาลี” คู่นี้เค้าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กครับ โตมาด้วยกัน สามคน อีกคนก็คือ “คัท” น้องชายพระเอกนั่นเอง โดยรวมคู่พระนางก็น่ารักดีครับ ฉากหวานมีเล็กน้อย บางเบา หวานปะแล่มๆ

ส่วนอีกคู่นี่สิที่อุ้มสมชอบมาก เรียกได้ว่าเป็นคู่หลักอีกคู่ก็ว่าได้เลย บทบาทเด่นพอๆกับคู่ข้างบน จนอุ้มสมรู้สึกว่าเรื่องนี้มีพระนางสองคู่ แต่คู่นี้ได้ใจอุ้มสมไปเต็มๆ คือชอบมาก เริ่มจากฝ่ายชายคือ “หมอก” เบื้องหน้าคือนักร้องขวัญใจวัยรุ่น แต่เบื้องหลังต้องคร่าชีวิตผู้คน เพื่อรวบรวมหนังสือทั้ง ๗ เล่ม หมอกเป็นตัวละครที่มีมิติ เป็นตัวละครสีเทาเข้ม (คืออาจจะดูมีสีดำเจือเยอะกว่าสีขาว) แต่เนื้อแท้ในใจหมอกแล้ว เขาไม่ใช่คนเลวร้ายเลย เป็นตัวละครฝ่ายชายที่อุ้มสมชอบมากที่สุดในเรื่อง

นางเอกของหมอกคือ “พุด” คือแค่ชื่อก็เปรียบเทียบชัดเจนแล้ว ๕๕๕. หมอกคือสีดำ พุดคือสีขาวที่บริสุทธิ์ ผู้เขียนสร้างตัวละครนี้ออกมาได้น่าประทับใจอีกแล้ว พุดคือตัวแทนของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ ต่อให้ถูกสีดำละเลงความเลวร้ายใส่มากแค่ไหน พุดก็ยังเป็นพุด ชอบที่เธอตาบอด แต่ใจไม่บอด! ตาบอดแต่เธอสัมผัสได้ทุกสิ่ง แม้กระทั่งหัวใจของคน...โดยเฉพาะหัวใจของหมอก คือชอบคู่นี้ บทบรรยาย เนื้อหามีไม่มากแต่กินใจ ธรรมดาแต่จัดว่าอิน!

อีกสองตัวละครที่ยังไม่ได้พูดถึง อันนี้เค้ารุ่นใหญ่ ฮ่าๆ “นายธานี” ส.ส.ผู้มีอิทธิพล ที่ซุกซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้ อุ้มสมอดคิดไม่ได้ ด้วยเห็นว่าช่อง ๗ ซื้อเรื่องนี้ไปทำละคร หวังว่าจะไม่ลดบทบาทตานี่นะ เพราะมีส่วนเกี่ยวกับการเมืองเต็มๆ แถมตอนหลังนายธานียังหวังสูงมากอีกด้วย เป็นตัวละครที่ดำสนิท เลวสนิท

ส่วน “ทวด” ตัวละครที่เป็นเหมือนศูนย์รวมจิตใจให้กับทุกตัวละคร ทวดก็เป็นอีกตัวละครที่มีมิติ มีทั้งด้านดีและชั่วอยู่ในตัว

ชวนลองกันครับ นิยายลึกลับ แฟนตาซีกลิ่นอายวิทยาศาสตร์ ขนาดพอดีๆ ที่อ่านสนุกและชวนติดตามไม่เบาเลย

ความโลภ ความรัก และวินาทีที่เหลืออยู่

อุ้มสม

๑๓ กันยายน ๒๕๕๗