๖๑ - ชุดเบญจมรณา - สาปสังคีต ; เจนศิลป์ -
  สาปสังคีต

นวนิยายโดย : เจนศิลป์

สำนักพิมพ์ : โซฟา พับลิชชิ่ง


รายละเอียด

เบญจมรณา  เรื่องราวของความตายที่ไม่ปรารถนา...

ความผิดบาปที่ถูกนำมายัดเยียดให้...ความแค้นที่ฝังแน่นในใจ

แม้ชีวิตมรณาไป...ยังคงต้องการให้มัน  ‘ตาย’ ชดใช้กรรม!

ความตายเรื่องที่๑ ‘สาปสังคีต’

 

การเปลี่ยนโจทย์เพลงที่จะใช้ประกวดในงานสังคีตศิลป์ถิ่นไทย

ทำให้  โฉมยงค์ ผู้ดูแลวงดนตรีของมหาวิทยาลัยต้องไปพบกับศิษย์เก่าอย่าง  ยชญ์

เพื่อขอนำเพลง  ‘พลายคลั่ง’  ที่  ครูพุก  ตาทวดของยชญ์ประพันธ์ไว้มาใช้

วันหนึ่งโฉมยงค์ได้รับจดหมายปริศนาเตือนว่าห้ามยุ่งกับเพลงพรายคลั่ง

แต่หล่อนไม่เชื่อ  กลับนำเพลงนี้มาร้องในคืนวันเพ็ญ  ก่อนขาดใจตายในห้องดนตรีไทย!

ต่อมา  พวงแพร นักร้องสาวของวงก็ตายคาเวทีประกวดขณะร้องเพลงพรายคลั่ง

สองสาวตายด้วยลักษณะอาการเดียวกัน  คือมีเลือดออกจากทวารทั้งเก้า

เงื่อนงำนี้ทำให้  เมญากร  นักร้องดนตรีซอสามสาย  ต้องช่วยยชญ์ค้นหาคำตอบ

ทั้งคู่พบว่าคนที่แต่งบทร้องพรายคลั่ง  แท้จริงไม่ใช่ครูพุก  แต่เป็น ครูเทิด

ความลับที่ไม่เคยมีใครรู้คือเขาฝังความพยาบาทไว้ในบทเพลง

และบทเพลงนี้  หากใครรินำมาร้อง...มันต้องแลกด้วยความตาย!

ทางเดียวที่จะยับยั้งคำสาปได้  คือทำลายบทร้องพรายคลั่งให้สิ้นซาก

ไม่มีทางเลือก ยชญ์และเมญากรพยายามหาหนทางหยุดความตายที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

แต่แล้วจู่ๆ กลับมีหญิงลึกลับขโมยบทร้องเพลงพรายคลั่งไปจากห้องดนตรี

ท่ามกลางความน่าสะพรึงที่ควรหลักหนี...ไม่มีใครล่วงรู้ว่าหายนะครั้งนี้จะจบลงที่ใด

 

ความรู้สึกส่วนตัว...บันทึกหลังอ่าน

            เมื่อบทเพลง  “พรายคลั่ง” ที่ถูกเก็บไว้นานแรมปี ถูกนำขึ้นมาใช้ขับร้องบรรเลงคีตศิลป์อีกครั้ง  ปฐมบทแห่งความอาฆาตพยาบาทจึงอุบัติขึ้นอีกครา สองศพที่ต้องสังเวยให้กับวิญญาณผู้เต็มไปด้วยแรงอาฆาต  ยชญ์ ทายาทรุ่นเหลนของผู้ประพันธ์ พร้อมทำทุกอย่างเพื่อยับยั้งบทเพลงแห่งคำสาปร้าย  นั่นคือการทำลายบทร้องพรายคลั่งให้สิ้นซาก!

          เพราะการตายของรุ่นพี่และเพื่อนสนิท  ทำให้เธอได้แต่โทษตัวเองว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ ทั้งที่ต้นเหตุแท้จริงคือวิญญาณร้ายในบทเพลงนั่น  เมญากร ต้องช่วยยชญ์...ชายหนุ่มคู่ปรับ ที่ไม่ถูกกับเธอมาแต่ไหนแต่ไร หยุดยั้งคำสาปในบทเพลงนั่น ทว่าจู่ๆ  หญิงลึกลับผู้หนึ่งก็ขโมยบทร้องเพลงพรายคลั่งหายไปจากห้องดนตรี  ยชญ์กับเมญากรจะทำอย่างไรดีล่ะ!

          เพราะความรักนี่หนอจึงดลบันดาลให้เกิดความแค้น  และนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม  ครูเทิด แสนเจ็บปวดรวดร้าว เมื่อถูกทรยศจากลูกบุญธรรมที่ตัวเองรักราวกับลูกแท้ๆ  และ เมียแสนรักผู้เป็นยอดดวงใจ ไอ้อีหญิงร้ายชายเลวนั่นทำกับเขาเจ็บแสบนัก  ด้วยความแค้น ความชิงชัง  ครูเทิดพร้อมทำทุกอย่างให้พวกมันได้ฉิบหายวายวอด  วิญญาณครูเทิดจะตามจองเวรพวกมันทุกชาติภพ  ด้วยแรงแค้น ด้วยคำสาปในบทร้องพรายคลั่ง...สาปสังคีต!

 

ความรู้สึกส่วนตัว...บันทึกหลังอ่าน

            “สาปสังคีต”  เรื่องนี้ก็เป็น  ๑ ในซีรีส์นิยายชุด  “เบญจมรณา”  (ซึ่งก่อนหน้าอุ้มสมเคยรีวิวไปแล้วเรื่องหนึ่ง  คือ  บ่วงสไบ)  ๕ เรื่อง  ๕  นักเขียน เลือกอ่านได้ตามอัธยาศัยเลยครับ เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวพันกัน เล่มนี้เป็นเล่มบางๆ ที่อ่านเพลินดีครับ

            เรื่องราวของ  “สาปสังคีต” เริ่มในพาร์ตปัจจุบัน ที่เมื่อนำบทร้องเพลง  “พรายคลั่ง”  มาขับร้องอีกครั้ง  ในคืนวันเพ็ญ คำสาปร้ายก็จะคร่าชีวิตผู้ขับร้องไป...เมื่อต้องสูญสิ้นถึงสองชีวิต  “ยชญ์” กับ  “เมญากร” จึงต้องช่วยกันหาทางยับยั้งคำสาปชั่วร้ายในบทเพลงนั้น  ทว่าดันมีคนขโมยบทร้องเพลงไปนี่สิ  และนำไปสู่การไขปริศนา  ความจริงในอดีตกาล...ที่มีแห่งความแค้นของดวงวิญญาณร้าย

          “สาปสังคีต”  เป็นผลงานของ “เจนศิลป์” ซึ่งนักอ่านนิยายรักของสนพ.พิมพ์คำ ต้องรู้จักเธอดีในนามปากกาของ “ศตรัศมิ์”  แน่นอนครับ ผลงานในนามปากกาเจนศิลป์จัดได้ว่าเป็นงานลึกลับ  สยองขวัญแบบเต็มๆ  เลยครับ ซึ่งผู้เขียนก็เขียน  “สาปสังคีต”  ออกมาได้สนุก ลุ้นระทึกไปกับเรื่องราวอาถรรพ์ คำสาป  แห่งสังคีตศิลป์  ผ่านบทเพลงที่เป็นหัวใจของเรื่อง  บทเพลงแห่งคำสาปร้าย...  “พรายคลั่ง”

          สำนวนภาษาผู้เขียนดีทีเดียวครับ  ไหลลื่นและชวนติดตาม  การบรรยายทำให้อินไปกับอารมณ์รัก  อารมณ์โศก และอารมณ์แค้นของตัวละครได้

          ตั้งแต่บทนำของเรื่องเลยครับ  ที่ผู้เขียนสร้างสถานการณ์  ฉาก เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง มีนกแสกมาเกาะหลังคา ตัวละครตัวหนึ่งกำลังร่ายคาถามด้วยความแค้น  คือบรรยายได้เห็นภาพมากๆ  ครับ สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของไสยศาสตร์มนตร์ดำจริงๆ  ชอบครับ

          และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือบทเพลงแขกมอญ  “พรายคลั่ง” บทเพลงที่ครูรจนา สรรค์สร้างขึ้นมาด้วยความแค้น  ก่อนตาย  ผู้เขียนเขียนกลอนได้ดี  ไพเราะเลยทีเดียว อ่านแล้วรับรู้ถึงความแค้นของครูเทิดได้ดีเช่นกัน

          ยกตัวอย่างเนื้อเพลง  “พรายคลั่ง” พอเป็นน้ำจิ้มเล็กน้อย ช่วงท่อนแรกละกันครับ

            ๓ ชั้น                                      แสนเจ็บแสบแปลบดิ้นแทบสิ้นชีพ

                                                ดุจประทีปโดนล้วงลักจากอกข้า

                                                สั่นสะอื้นร่ำไห้ด้วยโศกา

                                                จิตผวาเจียนแตกแทบแหลกลาญ

                                                มันสมสู่ยอดขวัญไม่ยั่นแยก

                                                ทำผิดแผกเล่นชู้ดูอาจหาญ

          การดำเนินเรื่องชวนติดตาม  รวดเร็ว กระชับและไม่น่าเบื่อครับ น่าสนใจทั้งพาร์ตอดีต  และ  พาร์ตปัจจุบัน เริ่มจากพาร์ตปัจจุบัน ที่มีคู่พระนางด้วยคือ  “ยชญ์”  กับ “เมญากร” (ชื่อเก๋ทั้งสองคนเลยนะเนี่ย) ด้วยความที่เป็นนิยายลึกลับ ความรักของคู่พระนางจึงอาจะไม่โดดเด่นมากจนเห็นได้ชัดเจน  แต่เขาและเธอก็อยู่ใกล้ชิดกันตลอด  เพราะต้องช่วยกันหยุดยั้งคำสาปในบทเพลง 

            ชอบการสร้างตัวละครของผู้เขียน  ทั้งตัวละครในพาร์ตอดีต  และพาร์ตปัจจุบัน  เลยนะ คือการสร้าง  “ปม”  ให้ตัวละครนั้น  ให้มีอะไรอยู่ในใจ  ที่ทำให้คนอ่านรู้สึกสงสาร  ตัวละครในพาร์ตปัจจุบันคือ  “ปกรณ์” อ่านแล้วสงสารในชะตากรรมที่ชายหนุ่มผู้นี้ต้องได้รับ  กลายเป็นคนซึมเศร้า  หดหู่เมื่อกลายเป็นคนพิการ  (แต่ความรักของปกรณ์กับหญิงคนรักอ่านแล้วตงิดๆ  นิดนึง คือ  ณ  ตอนนี้ปกรณ์พิการ  อมทุกข์ ไม่น่าจะมีอารมณ์ร่วมรักจนทำผู้หญิงท้องได้นะ  ฮ่าๆ) 

          พาร์ตอดีตเนื้อเรื่องสนุก  เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากความรัก  “ครูเทิด” เป็นคนรักแรงเกลียดแรง เมื่อเข้าใจว่าถูกลูกบุญธรรมกับเมียรักทรยศ  ก็เจ็บแค้นเป็นทวี  จนนำมาซึ่งคำสาปแห่งสังคีตในบทเพลงพรายคลั่ง  ตัวละคร “แม่ดวง”  ภรรยาใหม่ของครูเทิด  ซึ่งจัดได้ว่าเป็นอีกตัวละครที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรม   อยากจะสงสารเธอ  แต่คือเรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นเพราะเธอนะ  ทั้งชอบและไม่ชอบ อีกตัวละครหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเช่นกันคือ  “ครูพุก” น้องชายเจ้าเสน่ห์ของครูเทิด ผู้กลัวว่าตนเองจะต้องประสบกับความทุกข์เพราะรัก  จึงเลือกที่จะมอบความทุกข์เพราะรักให้หญิงอื่นแทน  ดูเหมือนคนเห็นแก่ตัว แต่คนเขียนบิวท์อารมณ์ให้เรารู้สึกรักและสงสารตัวละครครูพุกได้...สุดยอดครับ  (เพราะถ้ามองตามความเป็นจริง  ครูพุกก็ผิด ครูพุกก็เป็นคนสร้างปมในใจให้แม่ดวง)

          โดยรวมแล้วชอบครับเรื่องนี้  แต่รู้สึกว่าตอนจบมันรวบรัดไปหน่อยอะครับ  ซึ่งอ่านแล้วจะเต็มอิ่มมากกว่านี้  ถ้าขยายส่วนสำคัญในช่วงท้ายเรื่องไปอีก  ที่สงสัยคือชีวิตของครุพุกจะเป็นอย่างไรต่อไป แล้วทำไมคนรุ่นต่อรุ่นจึงเข้าใจว่าครุพุกเป็นคนประพันธ์บทเพลงพรายคลั่ง 

          หน้าปกสวยดีครับ  ให้ความรู้สึกหลอนปนเศร้า...น้ำตาที่ไหลรินเป็นสายเลือด แต่แอบสงสารว่าผู้หญิงที่อยู่หน้าปกเป็นใครกัน  เดาว่าคงเป็นนางเอก  คือ เมญากร เพราะทั้งเรื่องมีแค่เธอที่เป็นผู้หญิงที่เล่นซอสามสาย  แต่มันแลดูผิดจากบุคลิกเธอชอบกล  ๕๕๕. แอบอยากให้หน้าปกเป็นรูปครูเทิด หรือ  ครูพุก  มากกว่า จินตนาการภาพครูเทิดยืนทำหน้าถมึงทึง ในห้องดนตรี  ด้วยความอาฆาต  จองเวร...โอ้ว หลอนน่าดู  หรือจะเป็น  ภาพครูพุกสีซอสามสายก็โอเค  เพราะอุ้มสมชอบฉากที่ครูพุกสีซอสามสาย  อิน และสงสารครูพุก  ฮ่าๆ

          ชวนอ่านกันนะครับ  นิยายลึกลับ สยองขวัญ  ได้กลิ่นอายพีเรียด  และดนตรีไทย เล่มบางๆ  น่าลองครับ

            “เพลิงแค้นนั้นจุดให้ติดได้ง่าย  ลุกลามฉับไว้ แต่กว่าจะดับมันลงได้ อาจเลหือแค่เพียงเศษเถ้าที่ปลิวไปตามแรงลม”

            ตำนานรักที่ซ่อนซุกทุกคำร้อง...โศกนาฏกรรมสุดสยองยังเร้นไว้

            ใครสู่รู้เอาความตายมาแลกไป...สาปสังคีตจะล่าไล่ให้ชั่วกาล!

อุ้มสม

๒๕  กันยายน ๒๕๕๗

 





Create Date : 30 กันยายน 2557
Last Update : 30 กันยายน 2557 16:43:58 น.
Counter : 7537 Pageviews.

1 comments
  
หน้าปกไม่ใช่เมญากรหรอกเพราะในเรื่องบอกเมญากรผมสั้นเหมือนทอมบอยไม่ใช่หรอ555555555555
โดย: Fc ภาคินัย IP: 124.120.209.159 วันที่: 2 มิถุนายน 2559 เวลา:15:40:29 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ้มสม
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 231 คน [?]



แฟนเพจ "อุ้มสม"
กันยายน 2557

 
1
3
4
5
6
8
9
11
12
14
16
17
18
19
21
23
26
 
 
All Blog