Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
19 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

“แกรนด์แคนยอน” ดินแดนอภิมหาอัศจรรย์!!


“แกรนด์แคนยอน” สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก

สมัยเด็กเรียนสปช.(สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต) คุณครูสอนว่า
การยกตัว โก่งตัว ดันตัว เลื่อนตัว ของเปลือกโลก ทำให้เกิดภูเขาสูงขึ้นมา
แต่สำหรับ“แกรนด์แคนยอน” ดินแดนมหัศจรรย์ที่หลายคนติ๊ต่างว่า เป็นภูเขานั้นไม่ได้เกิดจากการยกสูงขึ้นของ
เปลือกโลก แต่เป็นการถูกธรรมชาติทำให้ต่ำลง จนกลายเป็นแนวหินผาสูงชันขนาดใหญ่มหึมา

“แกรนด์ แคนยอน” (Grand Canyon) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
ความน่าอัศจรรย์ของแกรนด์แคนยอนอยู่ที่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่ยิ่งใหญ่
โดยถือกำเนิดจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ


ทดสอบความกล้าท้าความเสียวกับ “สกายวอล์ก” ทางเดินกระจกรูปเกือกม้า

การจะรู้ถึงแหล่งกำเนิดของ “แกรนด์แคนยอน”
คงต้องขอย้อนอดีตกลับไปนานอักโขในช่วงหลายร้อยล้านปีที่ผ่านมา
สายน้ำโคโลราโด (Colorado) ที่มีสภาพเป็นเพียงลำธารเล็กๆได้ไหลคดเคี้ยวตามที่ราบกว้าง ใหญ่
ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น เนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาล
ภายใต้พื้นโลก ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวหน้าผากว้างใหญ่

ซึ่งการยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้ น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและ
ตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลงไปทีละน้อยๆในเปลือกโลก การสึกกร่อนพังทลายของหิน บวกกับแรงลม
และแสงแดดได้ดำเนินมานานหลายล้านปี จนเกิดเป็น “แกรนด์แคนยอน” ภูมิประเทศอันน่าพิศวงนี่เอง


ล่องเรือแม่น้ำโคโลราโดชมวิวแกรนด์แคนยอน

สำหรับใครที่ได้มาเยือนยัง “แกรนด์แคนยอน”
ดินแดนที่ถูกยกให้เป็น หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกแห่งนี้
จะต้องตะลึงกับความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ที่รังสรรค์หุบผ่าสูงชันแห่งนี้ได้ อย่างสง่างามน่าเกรงขามเป็นที่ยิ่ง
แต่ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเยือนที่แห่งนี้ ในอดีตแกรนด์แคนยอน เคยเป็นผืนแผ่นดินของชาวอินเดียนแดง

ครั้งแรกสุดที่มีการค้นพบดินแดนแห่งนี้คือเมื่อปี พ.ศ.2083 โดยนักสำรวจชาวสเปน แต่ไม่เป็นที่สนใจเท่าไรนัก
ต่อมาในปี พ.ศ.2319 นักบวชชาวสเปน 2 คนได้สำรวจเจอแล้วเผยแพร่ข่าวนี้ออกไป
ทำให้มีนักสำรวจเดินทางมายังดินแดนแห่งนี้มากขึ้น


จุดชมวิวแกรนด์แคนยอนอันสวยงามอีกแห่งหนึ่งทางฝั่งใต้

จนกระทั่งในปี พ.ศ.2412 พันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ (John Westley Powell) และคณะอีก 9 คน
ได้ตัดสินใจล่องเรือออกเดินทางสำรวจดินแดนอันน่าพิศวงแห่งนี้ แม้สภาพธรรมชาติที่โหดร้ายมีภยันตรายมากมาย
ทั้งโขดหิน แก่งหิน และกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ตลอดจนน้ำวนที่น่าสะพรึงกลัว
แต่พวกเขาบางคนก็สามารถรอดตายมาได้รวมถึงพันตรี จอร์น เวสลีย์ เพาเวลล์ ด้วย
และการสำรวจครั้งนี้เองที่ทำให้พวกเราได้รู้จัก “แกรนด์แคนยอน”

สัดส่วนของ “แกรนด์แคนยอน” แห่งนี้ ก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้การกำเนิดของมัน โดยสูงจากระดับน้ำทะเลแตกต่างกันไป
ตั้งแต่ 381-2,793 เมตร มีความกว้างตั้งแต่ 2-24 กิโลเมตร และลึกประมาณ 1.6 กิโลเมตร รอยแยกระหว่างแนวผา
ของแกรนด์แคนยอนที่มีแม่น้ำโคโลราโดไหลผ่านกันเหวมีความ ยาวถึงประมาณ 347 กิโลเมตร


สิ่งปลูกสร้างแฝงตัวอย่างกลมกลืนกับผาหินขนาดยักษ์

หุบผาอายุราว 17 ล้านปี แห่งนี้ ประกอบไปด้วยหินเป็นชั้นๆ ซึ่งเป็นลักษณะชั้นของหินที่ถูกแม่น้ำตัดผ่าน
มีอยู่ประมาณ 12 ชั้น โดยชั้นล่างสุดเป็นชั้นที่เก่าแก่ที่สุด ส่วนชั้นบนสุด เป็นชั้นที่ใหม่ที่สุด
ต่างก็มีหินมากมายหลายชนิดและมาจากหลากหลายยุค

ในแต่ละชั้นก็มีสีสันแตกต่างกันไป สีที่เห็นออกไปทางส้ม แดง เหลือง แซมด้วยสีน้ำตาล และดำ
อันเป็นลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของ แกรนด์แคนยอน ยิ่งในยามกระทบแสงแดด
บางบริเวณก็จะแลเห็นเป็นสีน้ำเงินอ่อน สี่ม่วง สีแดง สีเขียว สีส้ม แล้วแต่จังหวะของแสง


คนและล่อดูตัวจิ๋วเมื่อเทียบกับภูเขาหินอันแข็งแกร่งใหญ่โต

สำหรับดินแดนแห่งหุบเหวกว้างใหญ่แห่งนี้ ได้แบ่งเป็น 2 ตอนด้วยกัน
ได้แก่ ขอบผาด้านเหนือ และขอบผาด้านใต้ ทั้งสองฝั่งอยู่ห่างกันเป็นระยะทางเฉลี่ยกว่า16 กิโลเมตร
โดยมีหุบเขาตัววี (V-shaped valley) ที่ถูกกัดเซาะด้วยแม่น้ำคั่นระหว่างกลาง
มีความลึกจากขอบหน้าผาลงไปถึงแม่น้ำด้านล่างถึง 1,829 เมตร

แกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือ หรือ “North Rim” สูงประมาณ 2,500 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
ด้วยความสูงระดับนี้ทำให้ขอบผาด้านเหนือ มีสภาพอากาศแตกต่างกันอย่างมาก
เมื่อถึงฤดูหนาวหิมะจะตกหนักจนไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้
ดังนั้นนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเยี่ยมชมแกรนด์แคนยอน ฝั่งเหนือนี้ในฤดูร้อนคือ
ช่วงเดือนพฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคม


ล่องเรือแม่น้ำโคโลราโด อีกหนึ่งกิจกรรมผจญภัยที่น่าลิ้มลอง

ทางฝั่งเหนือนี้มีจุดชมวิวหลักๆอยู่ 2 แห่งด้วยกันได้แก่ “พอยน์ท อิมพีเรียล” (Point Imperial)
ถือเป็นจุดที่สูงที่สุดในฝั่งเหนือ คือประมาณ 2,700 เมตร วิวในมุมนี้จะมองเห็นได้กว้างไกล
รวมไปถึงทะเลทรายหลากสี (Painted Desert) และป่าสงวน (Navajo Reservation) ด้วย
อีกจุดหนึ่งได้แก่ “แคพ รอยัล” (Cape Royal) อยู่สูงประมาณ 2,400 เมตร
เหมาะสำหรับเดินชมวิวทิวทัศน์ไปตามขอบผาสูงชัน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวได้สวยที่สุดในฝั่งเหนือก็ว่าได้
และที่แคพ รอยัล ยังมีที่จอดรถกว้างขวางด้วย

จุดชมวิวอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อได้แก่ โทโรวีพ ( Toroweap Overlook ) อยู่ ณ ริมหุบผาชันทางด้านเหนือ
กว้างประมาณ 800 เมตร หรือที่ นอร์ธ ไคแบ็บ เทรล (North Kaibab Trail)
ซึ่งเป็นทางแคบๆผ่านไปตามขอบเหวลึกอย่างน่าตื่นเต้นหวาดเสียว


แกรนด์แคนยอนจะเปลี่ยนบรรยากาศไปตามฤดูกาลและสภาพอากาศ

ส่วน แกรนด์แคนยอนทางฝั่งใต้ ที่เรียกว่า “South Rim” สูงประมาณ 2,000 เมตร
ทางฝั่งนี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี และสามารถเดินทางได้สะดวกจากลาสเวกัส มลรัฐเนวาด้า
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงชมแกรนด์แคนยอนจากฝั่งใต้มากกว่า
สำหรับวิวทิวทัศน์ทางฝั่งนี้ เบื้องล่างจะเห็นแม่น้ำโคโลราโด
ส่วนด้านบนสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ตามแบบของพวกชนพื้นเมืองเดิม ที่เคยอาศัย อยู่ในบริเวณนี้มาก่อน

หากใครที่ต้องการสัมผัสความเสียวถึงขั้วหัวใจล่ะก็ ขอให้ลองจ่ายเงินเพื่อพิสูจน์วัดใจตัวเอง
ด้วยการเดินบน “สกายวอล์ก” (Skywalk) ทางเดินกระจกรูปร่างคล้ายเกือกม้ายื่นออกมาจากขอบผาไปประมาณ
21 เมตร เสมือนการเดินบนอากาศด้วยระดับความสูงกว่า 1,220 เมตร เลยทีเดียว
ซึ่งนอกจากความหวาดเสียว แล้วยังจะได้ชมทัศนียภาพของแกรนด์แคนยอนแบบไม่ เหมือนใครอีกด้วย


วิวทิวทัศน์จากจุดชมวิวแคพ รอยัล

และแน่นอนว่าแกรนด์แคนยอน ย่อมต้องมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ที่หลงใหลในการผจญภัย
ซึ่งก็มีเส้นทางให้เลือกเข้าหา แกรนด์แคนยอนได้หลากหลายทั้ง
อาทิ เส้นทางเดินเท้าลัดเลาะลงสู่เบื้องล่างของหุบผา และตลิ่งของแม่น้ำโคโลราโด
โดยการเดินทางจากริมหน้าผาด้านบน ลงไปถึงแม่น้ำโคโลราโดเบื้องล่างต้องเดิน เป็นระยะทางกว่า 16 กิโลเมตร
และมีการเปลี่ยนระดับความสูงถึง 1,220 เมตร ผู้ที่ตั้งใจจะเดินลงไปข้างล่างจึงควรเผื่อเวลาไว้ 2 วัน
โดยลงไปนอนเต็นท์ด้านล่าง 1 คืน แล้วจึงค่อยเดินกลับขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น

หรือหากเดินไม่ไหว ก็มีล่อ (mule) บริการ นักท่องเที่ยวสามารถขี่เจ้าล่อขึ้นลงเขาได้อย่างมั่นใจปลอดภัย
เพราะเจ้าล่อ ที่นี่เป็นผู้เชี่ยวชาญชำนาญทางเป็นอย่างดี เรียกได้ว่าดีกว่าคนด้วยซ้ำ
แต่พอลงจากล่ออาจต้องเดินขากางไปหลายวันก็เป็นได้


วิวแกรนด์แคนยอนอันสวยงามน่าเกรงขามจากจุดชมวิวพอยน์ท อิมพีเรียล

หรือใครชอบทางน้ำ ก็สามารถล่องแก่งด้วยเรือยาง ไปตามแม่น้ำโคโลราโดที่ถือว่าเป็นแก่งที่ยากที่ สุดในโลก
ด้วยระยะทางยาวกว่า 400 กิโลเมตร น้ำที่ไหลเชี่ยวผ่านเกาะแก่งหินมากกว่า 150 แห่ง
และน้ำวนที่เดือดพล่านอยู่เป็นแห่งๆ ท้าทายฝีมือของผู้รักสนุก พร้อมชมความสวยงามระหว่างเส้นทางสองฟากฝั่ง
และยังได้พักค้างคืนท่ามกลางหุบเขาสูงโอบล้อมอีกด้วย ช่างคุ้มค่ากับชีวิตจริงๆ

**********

“แกรนด์ แคนยอน” (Grand Canyon) ตั้งอยู่ในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา
แกรนด์แคนยอนฝั่งใต้สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
แต่สำหรับแกรนด์แคนยอนฝั่งเหนือจะเที่ยวได้เฉพาะในฤดูร้อนคือ
ช่วงเดือน พฤษภาคมไปจนถึงเดือนตุลาคมเท่านั้น
และควรสอบถามที่พักและกิจกรรมต่างๆล่วงหน้า


โดย : จุชดานิน
ที่มา //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000047153




 

Create Date : 19 พฤศจิกายน 2552
1 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 11:24:31 น.
Counter : 1394 Pageviews.

 

ไม่เคยไปอะครับ เคยเเต่บินผ่าน

 

โดย: Abilene 19 พฤศจิกายน 2552 21:08:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.