|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
นั่งเครื่องบินตำแหน่งไหน ปลอดภัยที่สุด
เหตุการณ์อุบัติเหตุเครื่องบินแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะมีผู้รอดชีวิตมากน้อยแค่ไหน ก็ล้วนสะเทือนขวัญผู้คนไม่น้อย และทุกครั้งที่มีผู้รอดชีวิต ก็มักจะถามไถ่กันเสมอว่า นั่งตรงไหน รอดมาได้อย่างไร และส่วนไหนของเครื่องบินกันแน่ที่จะปลอดภัยที่สุด หากต้องเผชิญกับอุบัติภัยต่างๆ “นั่งตรงไหนก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้น” หลายๆ ความเห็นอาจจะคิดเช่นนี้ หรือไม่ก็ “แล้วแต่ว่าอุบัติเหตุจะเกิดตรงไหน” นี่ก็พิจารณาตามสถานการณ์ รายงานจาก ป็อบปูลา มาแคนนิกส์ (The Popular Mechanics) เคยวิจัยโดยการวิเคราะห์ทางสถิติไว้ว่า ที่นั่งบนเครื่องบิน...นั่งด้านท้ายปลอดภัยกว่า ทั้งนี้ จากการศึกษาสถิติจากอุบัติเหตุต่างๆ ของสารพัดสายการบินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาชี้ให้เห็นว่า ยิ่งอยู่ห่างจากหัวเครื่องบินเท่าใด ก็ยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น โดยสถิติผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุบนเครื่องบินส่วนใหญ่ 40% มีที่นั่งบริเวณหางเครื่องบิน รายงานดังกล่าว ได้นำข้อมูลอุบัติเหตุของเครื่องบินในสหรัฐฯ จำนวน 20 ครั้ง จากสำนักงานความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งสหรัฐฯ (NTSB) ตั้งแต่ปี 2514 จนถึง ส.ค. 2550 อย่างละเอียด ที่มีทั้งผู้รอดชีวิตและเสียชีวิต พร้อมทั้งข้อมูลแผนผังที่นั่งของผู้โดยสาร มาวิเคราะห์ว่า อุบัติเหตุแต่ละครั้ง ผู้โดยสารในแต่ละที่นั่งมีสภาพเป็นอย่างไร ทีมงานได้เปรียบเทียบอัตราการรอดชีวิต โดยแบ่งเครื่องบินออกเป็น 4 ส่วน โดยได้ข้อสรุปว่า “ยิ่งใกล้หางยิ่งปลอดภัยกว่า” อุบัติเหตุ 11 ใน 20 ครั้ง ผู้โดยสารที่นั่งแถวท้ายๆ ส่วนใหญ่ปลอดภัย หรือประสบเหตุเบากว่า โดยใน 7 กรณีของกลุ่มนี้ผู้โดยสารที่ปลอดภัยนั่งอยู่ในแถวท้ายๆ อีกทั้งได้ยกตัวอย่างอุบัติเหตุในปี 2525 กับสายการบินฟลอริดา (Air Florida) ที่เกิดขึ้นในวอชิงตันดีซี และปี 2515 กับอีสเทิร์น 727 (Eastern 727) ที่ท่าอากาศยานเคนนาดี ในนิวยอร์ก ซึ่งผู้โดยสารของทั้ง 2 กรณีที่รอดชีวิตล้วนนั่งอยู่บริเวณหางของเครื่องบิน อีกทั้งยังมีกรณีดีซี-8 ของสายการบินยูไนเต็ด (United DC-8) เกิดน้ำมันหมดกลางอากาศใกล้กับพอร์ตแลนด์ ในปี 2519 มีผู้เสียชีวิต 7 ราย ทั้งหมดล้วนนั่งอยู่ใน 4 แถวแรก นอกจากนี้ มีอุบัติเหตุเพียง 5 ครั้งเท่านั้นที่ผู้โดยสารบริเวณด้านหน้าประสบเหตุเบากว่า ซึ่งเหตุการณ์ทั้ง 5 เกิดระหว่างปี 2531-2535 ส่วนใหญ่เพราะเหตุเกิดที่บริเวณปีก อย่างอุบัติเหตุในปี 2532 ที่ไอโอวากับสายการบินยูไนเต็ด มีผู้โดยสารรอดชีวิต 175 คน โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ห้องผู้โดยสารส่วนหน้าปีกและส่วนหัว และอีก 3 ครั้งที่ทั้งผู้นั่งส่วนหัวและท้ายเครื่องมีโอกาสรอดชีวิตพอๆ กัน ส่วนผู้ที่นั่งบริเวณหัวลำปลอดภัยนั้น มีเพียง 1 กรณีเท่านั้น ในปี 2532 เครื่องโบอิง 737-400 ของสายการบินยูเอสแอร์ (USAir) เกิดอุบัติเหตุบนทางวิ่ง (รันเวย์) มีผู้โดยสารเสียชีวิตเพียง 2 รายคือ ผู้ที่นั่งในแถวที่ 21 และ 25 เมื่อคำณวนตามอัตราการรอดชีวิตแล้ว ป็อบปูลา มาแคนนิกส์ สรุปว่า ผู้ที่นั่งเคบินท้ายมีอัตราการรอดชีวิตถึง 69% หากเกิดอุบัติเหตุ และไล่ขึ้นมาในเคบินส่วนปีกโอกาสรอด 56% เสมอกับเคบินส่วนหน้าปีก อย่างไรก็ดี เคบินที่มีอัตราการรอดชีวิตต่ำสุดคือเคบินแรก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ โดยมีอัตราการรอดชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุเพียง 49% แม้จะเห็นว่า อัตราการรอดชีวิตหากเกิดอุบัติเหตุบนเครื่องบินไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ที่สำคัญ ไม่ว่าจะนั่งตรงไหนของเครื่องก็ตาม เมื่อแน่ใจว่ารัดเข็มขัดแน่นแล้ว ก็ทำใจให้สบาย ตั้งใจฟังลูกเรือแนะนำกรณีฉุกเฉินต่างๆ และประคองสติให้มั่นขณะเกิดเหตุ
อุบัติเหตุเมื่อปี 2531 กับเครื่องบินโบอิง 737 ที่สหรัฐอเมริกา มีผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่อยู่ส่วนเคบินแรก ซึ่งนับเป็นอุบัติเหตุเพียง 5 ครั้งที่ผู้โดยสารส่วนหน้ารอดชีวิต จากกลุ่มตัวอย่างมา 20 กรณี (ภาพ : AP/Wide World Photos)
ภาพจากป็อบปูลา มาแคนนิกส์ที่แบ่งเครื่องบินออกเป็น 4 ส่วน เมื่อวิเคราะห์ตามสถิติ ในกรณีเกิดอุบัติเหตุ สีเขียว-ห้องผู้โดยสารส่วนท้าย (Rear Cabin) คือส่วนที่มีโอกาสรอดถึง 69%, สีเหลืองประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือห้องผู้โดยสารที่บริเวณปีกและหน้าปีก มีอัตรการรอดชีวิต 56% และส่วนสีแดง-ห้องผู้โดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจ (First/Bussiness Class) มีโอกาสรอดชีวิต 49% (และยิ่งอยู่แถวหน้าโอกาสรอดต่ำลงไปอีก)
ที่มา //www.linethaitravel.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=422618&Ntype=4
Create Date : 13 ธันวาคม 2552 |
Last Update : 13 ธันวาคม 2552 14:35:26 น. |
|
4 comments
|
Counter : 965 Pageviews. |
|
|
|
โดย: xiao ye zi วันที่: 21 ธันวาคม 2552 เวลา:5:16:36 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่คนไม่ค่อยนั่งส่วนหางก็เพราะเวลาขึ้นลงจะช้าไม่ทันใจ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีีดีนะคะ