Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
13 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
เยือนถิ่นแซมบ้า "ริโอ เดอ จาเนโร" เจ้าภาพโอลิมปิก 2016


ทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองริโอ เดอ จาเนโร

ฝีเท้าของนักเตะจากถิ่นแซมบ้าที่มีทั้ง ลวดลายและลีลาที่พลิ้วไหวราวกับเลี้ยงลูกบอลไปพร้อมกับเพลงจังหวะ
บอสซาโนวา ก็มิปาน ทำให้แฟนบอลหลายคนติดใจไม่ยอมคลาดสายตาเมื่อนักบอลจากบราซิลลงสนาม
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเก๋ากึ๊กอย่าง "ไข่มุกดำ"เปเล่ ซิโก้ หรือจะเป็นรุ่นปัจจุบัน อย่างเหยินใหญ่-เหยินน้อย โรนัลโด้
โรนัลดินโญ่ โรเบอร์โต้ คาร์ลอส หรือนักเตะหน้าหยกอย่างริคาร์โด กาก้า และอีกหลายๆคน
ก็ล้วนแต่มีถิ่นกำเนิดมาจากเมืองแซมบ้า และทำให้แฟนบอลได้เฮกับชัยชนะกันอยู่บ่อยครั้ง

และเมื่อเร็วๆนี้ชาวบราซิลทั้งประเทศก็ได้เฮกันอีกหน
เมื่อคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ได้ลงคะแนนให้นครริโอ เดอ จาเนโร ของประเทศบราซิล
ได้เป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมกีฬาครั้งใหญ่ที่สุดของโลก นั่นก็คือ กีฬาโอลิมปิกที่จะจัดขึ้นในปี ค.ศ.2016
ฉะนั้น เราจึงควรมารู้จักกับประเทศบราซิล และนครริโอ เดอ จาเนโรกันสักหน่อย


สนุกสุดเหวี่ยงในงานเทศกาลคาร์นิวัล

"บราซิล" เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ "สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล"
แบ่งการปกครองออกเป็น 26 รัฐ และ 1 เฟเดอรัล ดิสตริกท์ (Federal District)
ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง คือกรุงบราซิเลีย

แผ่นดินของประเทศนี้ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ.1500 โดยนักเดินเรือชาวโปตุเกส ชื่อว่า เปโดรอันวาเรส กาบรัล
ซึ่งออกเดินทางจากกรุงลิสบอน มุ่งสู่ตะวันตกเพื่อไปอินเดีย
แต่กลับได้พบชายฝั่งทะเลของประเทศบราซิลโดยบังเอิญ ต่อมาดินแดนแห่งนี้จึงตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส
แม้ปัจจุบันนี้บราซิลจะไม่ได้เป็นอาณานิคมอีกต่อไป แต่ก็ยังใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาราชการต่อมาจนปัจจุบัน
นอกจากนั้นที่บราซิลยังเป็นแหล่งส่งออกกาแฟ แหล่งใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย


ขบวนแห่อลังการของเทศกาลคาร์นิวัล

สำหรับเมือง "ริโอ เดอ จาเนโร" (Rio de Janeiro) นั้น ก็เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ
และเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในบราซิล อีกทั้งยังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศบราซิลมาก่อน
ชื่อของริโอ เดอ จาเนโรนั้นมีความหมายในภาษาโปรตุเกสฟังดูโรแมนติกว่า "แม่น้ำเดือนมกราคม"

ทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโรนี้งดงามไปด้วยภูมิประเทศที่หลากหลาย
แต่นักท่องเที่ยวก็อย่ามัวชื่นชมกับธรรมชาติเสียจนลืมระวังตัว
เพราะที่นี่ถือเป็นเมืองที่มีสถิติอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในโลก แม้ในเมืองนี้จะมีย่านหรูหราทันสมัย
แต่อีกด้านหนึ่งก็ยังมีแหล่งชุมชนแออัด และคนไร้บ้านอีกมากมายที่มีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก
นักท่องเที่ยวจึงไม่ควรพกเงินสดไว้กับตัวมากๆ หรือใส่เครื่องประดับราคาแพง
แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูปก็ต้องระวัง เพราะอาจถูกวิ่งราวขณะถ่ายภาพไปก็เป็นได้


ทิวทัศน์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโร เบื้องหน้าพระเยซู

แต่ถ้าตัดเรื่องความปลอดภัยออกไปแล้ว เมืองนี้ก็ถือเป็นเมืองที่มีสีสันมากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง
โดยเฉพาะหากเป็นช่วง "เทศกาลคาร์นิวัล" ที่จะจัดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี
โดยงานคาร์นิวัลที่ริโอ เดอ จาเนโรถือเป็นงานคาร์นิวัลที่โด่งดังที่สุดของบราซิล
โดยในงานจะมีขบวนแห่ ซึ่งแต่ละเมืองจะนำการเต้นรำในจังหวะแซมบ้ามาแข่งขัน ประชันกัน
นอกจากท่าเต้นและดนตรีที่สุดแสนจะเร้าใจแล้ว ชุดของนักเต้นก็จะต้องอลังการงานสร้างไม่น้อยหน้ากันอีกด้วย
งานคาร์นิวัลนี้จะจัดกันนานกว่า 1 สัปดาห์
จึงถือเป็นงานระดับชาติที่ชาวบราซิลจะไม่ยอมพลาดความสนุกสนานแน่นอน

สัญลักษณ์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่หลายๆคนมักนึกถึงก็คือ
รูปปั้นพระเยซู (The Christ the Redeemer) ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขาคอร์โควาโด (Corcovado)
ในอุทยานแห่งชาติ Tijuca เป็นรูปปั้นพระเยซูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
มีความสูงประมาณ 38 เมตร องค์พระเยซูหันหน้าออกสู่อ่าวของเมืองริโอ เดอ จาเนโร และกำลังกางแขนออก
เหมือนจะช่วยให้ชาวคริสต์พ้นจากบาป อีกทั้งก็เหมือนกางแขนออกเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนด้วย


สัญลักษณ์ของเมืองริโอ เดอ จาเนโร

ผลงานอลังการนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1921 ผู้ออกแบบคือไฮตอร์ ดาซิลวา คอสตา ชาวบราซิล
และสร้างโดยพอล ลันดอฟสกี้ ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาสร้าง 5 ปีด้วยกัน
และล่าสุดในวันที่ 7 เดือน 7 ปี 2007 ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้คนทั่วโลกร่วมโหวตทางอินเตอร์เน็ต
รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ ก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่
ที่ส่งผลให้ผู้คนอยากมาเยือนเมืองริโอ เดอ จาเนโร กันมากขึ้น และด้านบนบริเวณฐานของรูปปั้นพระเยซูในวันที่
อากาศแจ่มใสก็ยังเป็นจุดชมวิว เมืองริโอ เดอ จาเนโรที่งดงามมากแห่งหนึ่งด้วย
แต่บางวันที่มีเมฆหมอกก็ทำให้รูปปั้นพระเยซูงดงามไปอีกแบบ

ที่เมืองริโอนี้ยังมีชายหาดสวยๆ อย่างหาดโคปาคาบานา (Copacabana Beach)
ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด ในย่านชายหาดนี้ถือเป็นย่านหรูของเมือง
มีโรงแรมห้าดาว มีห้างสรรพสินค้า ร้านรวงร้านอาหารต่างๆ


ชายหาดโคปาคาบานา ชายหาดชื่อดังของบราซิล

ส่วนที่ชายหาดโคปาคาบานานี้เป็นชายหาดที่ยาวกว่า 4 กิโลเมตร มีทางเดินเลียบชายหาดสไตล์โปรตุเกส
ที่ปูกระเบื้องเป็นรูปคล้ายลอนคลื่นใน ทะเล อีกทั้งทิวทัศน์รอบข้างยังมีเสน่ห์ด้วยทิวเขาสูงสลับซับซ้อน

หากมองลองมาจากด้านบนจะเห็นหาดโคปาคาบานาเป็นชายหาดโค้งรับกับหาด ทรายขาวและน้ำทะเลสีฟ้าสดใส
แต่สิ่งที่ทำให้ชายหาดดูมีสีสันก็คงเป็นสาวๆแซมบ้าแสนเซ็กซี่ กำลังอาบแดดบน ชายหาดในชุดบิกินี่
ส่วนหนุ่มกล้ามโตผิวสีน้ำตาลสวยในกางเกงว่ายน้ำก็น่าดูไม่แพ้กัน โดยกิจกรรมบนชายหาดแห่งนี้
นอกจากจะมาอาบแดดและเล่นน้ำทะเลกันแล้ว วอลเล่ย์บอลและฟุตบอลชายหาดก็เป็นกิจกรรมที่นิยมไม่แพ้กัน


กิจกรรมบนชายหาดโคปาคาบานา

นอกจากหาดโคปาคาบานาที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้แล้ว ก็ยังมีหาดอิปาเนมา (Ipanema Beach)
ที่เริ่มมีความนิยมขึ้นมาใกล้เคียงกัน ชายหาดอาจจะแคบกว่าหาดโคปาคาบานา
แต่ก็มีร้านรวงน่ารักๆ ให้เดินเล่นอยู่มากเช่นกัน

เดินเล่นย่านหรูๆกันแล้ว ไปดูย่านชุมชนแออัดเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างดีกว่า ที่ฟาเวลา (Favela)
ที่เป็นบ้านเรือนปลูกไล่กันไปบนภูเขาหลายร้อยหลายพันหลัง ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ
แต่ส่วนมากคนที่มาที่นี่มักจะซื้อทัวร์มา หรือมากับไกด์ทัวร์เพราะจะปลอดภัยที่สุด แม้จะเป็นถิ่นอันตราย
แต่นักเตะชื่อดังหลายคนก็เติบโตมาจากที่นี่ ทั้งโรนัลโด โรนัลดินโญ ขวัญใจใครหลายคน


ทางเดินสไตล์โปรตุเกสริมหาดโคปาคาบานา

พูดถึงนักเตะขึ้นมาแล้วก็นึกได้ว่าที่ริโอ เดอ จาเนโรนี้ยังมีสนามฟุตบอลมาราคานา (Maracana)
ซึ่งเคยเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อสร้างในตอนแรกจุผู้ชมได้มากถึง 180,000 คน
แต่เมื่อปรับปรุงสนามใหม่แล้วก็ลดขนาดลงมาจุคนได้เพียง 73,916 คน แต่หากรวมที่ยืนด้วยจะจุคนได้ 103,022 คน
สนามแห่งนี้เคยใช้เป็นสถานที่แข่งขันฟุตบอลโลกรอบชิงชนะเลิศในปี ค.ศ.1950
นัดที่บราซิลแพ้อุรุกวัยไปในบ้านของตัวเอง

และในอนาคตสนามกีฬามาราคาน่าก็จะถูกใช้เป็นสนามหนึ่งในการแข่งขัน ฟุตบอลโลกปี 2014
และที่สำคัญก็คือ จะใช้เป็นสถานที่จัดพิธีเปิด พิธีปิด และฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศในกีฬาโอลิมปิกปี 2016
ที่เพิ่งจะคัดเลือกเจ้าภาพกันไปหมาดๆนี่เอง


ฟาเวลา ย่านชุมชนแออัดที่ดูสวยมีเสน่ห์

* * * * * * * * * * * * * * * *

จาก เมืองไทยยังไม่มีสายการบินบินตรงไปประเทศบราซิล
แต่สามารถต่อเครื่องจากประเทศอื่นๆ ไปยังสนามบินในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล
แล้วจึงต่อเครื่องบินภายในประเทศจากเซาเปาโลไปยังเมืองริโอ เดอ จาเนโรได้
สกุลเงินของบราซิลคือเงินเรียล (R$) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.00 เรียล = 13.00 บาท
ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยไม่ต้องมีวีซ่าเพื่อเข้าประเทศบราซิล แต่ผู้ถือหนังสือเดินทางจากบางประเทศต้องมีวีซ่า
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความต้องการที่จะมีวีซ่าแล้ว กรุณาปรึกษากับสายการบินที่ท่านจะใช้บริการ
หรือติดต่อกับสถานกงสุลบราซิลได้ที่โทร.0-2679-8567 ถึง 8 ต่อ 113, 114


โดย : แมวลาย
ผู้จัดการออนไลน์
ที่มา //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000124106


Create Date : 13 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 11:06:14 น. 1 comments
Counter : 5155 Pageviews.

 
โคปาคาบานา ชอบเพลงนี้มากเลยค่ะ เห็นวิวแล้วยิ่งรู้สึก กับบรรยากาศชิวๆ

ต้องหาโอกาสไปให้ได้สักครั้ง

ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ


โดย: say hi (Nature Escape ) วันที่: 25 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:16:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.