Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 

พิชิต"เขาไท่ซาน"ภูผาศักดิ์สิทธ์มรดกโลก


บรรยากาศเขาไท่ซาน เขาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองจีน

ในตำนานจีน มีเรื่องเล่าว่า สรรพสิ่งต่างๆรวมทั้งโลกหล้าฟ้าดิน ล้วนเกิดจากการสร้างสรรค์ของ"ผันกู่"ผู้มีฤทธิ์เดช
ครั้นผันกู่สวรรคต ศีรษะ ร่างกายและแขนขาต่างก็กลายเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งลัทธิเต๋า 5 ลูก ประกอบด้วย
เขาไท่ซาน-มณฑลซันตง เขาเหิงซานเหนือ-มณฑลซันซี เขาเหิงซานใต้-มณฑลหูหนาน เขาหัวซาน-มณฑลซันซี
และเขาซงซาน-มณฑลเหอหนาน(ข้อมูลขุนเขาทั้ง 5 อ้างอิงจาก หน้ามุมจีน เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์)

สำหรับเขาไท่ซานนั้น เชื่อกันว่าเขาเป็นดังศีรษะของผันกู่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีบวงสรวง คารวะฟ้า ดิน
และขุนเขาของจักรพรรดิในประวัติศาสตร์จีน นับตั้งแต่สมัยฉิน (221-202 ก่อนคริสตศักราช)
ลงมาจนถึงฮั่นและหมิงรวม 72 รัชสมัย และยังเป็นแหล่งอารยธรรมอันรุ่งเรือง


ความยิ่งใหญ่ของเขาไท่ซาน

ด้านความเชื่อและศาสนาในแผ่นดินจีน และเป็นที่แสวงบุญของนักพรตเต๋า
ซึ่งเริ่มเข้ามาวางรากฐานในบริเวณเขาไท่ซานตั้งแต่สมัยจั้นกั๋ว
โดยนักพรตผู้แสวงหาความสันโดษ จะหลบมานั่งบำเพ็ญพรตตามถ้ำที่เขาไท่ซาน
และพุทธศาสนายังได้แผ่ขยายเข้ามาสู่ดินแดนถิ่นนี้ ตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 4
โดยในปี ค.ศ.351 ภิกษุผู้ใหญ่หลางกง เริ่มเข้ามาสร้างวัดหลางกงและวัดหลิงเหยียน
ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยราชวงศ์วุ่ยจิ้นเหนือใต้ มีการสร้างวัดขนาดใหญ่ เช่น วัดหุบเขาอี้ว์หวง วัดจิ้นเจ้า เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังปรากฏศิลาสลักพระไตรปิฎก ที่พวกแคว้นฉีทางเหนือทำขึ้น เรียก คัมภีร์จินกัง
เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญ

ภายหลังผ่านพ้นสมัยฉินและฮั่นไปแล้ว ศาสนาเฟื่องฟู วัดวาอารามก็มั่งคั่ง
ที่เขาไท่ซานมีวัดเก่าแก่ที่ยังคงรักษาสภาพมาจนถึงปัจจุบันมากมาย เช่น วัดปี้เสียที่โด่งดัง วิหารหลงเฉวียน
และสระเจ้าแม่หวังหมู่(วัดฉวินหวัง) ซึ่งสร้างขึ้นก่อน ค.ศ.220 เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุด


สภาพทางเดินขึ้นสู่เขาไท่ซาน

เขาไท่ซาน มีสภาพภูมิศาสตร์ทอดตัวยาว อยู่ท่ามกลางพื้นที่ราบสลับเนินเขาเตี้ยๆในมณฑล ซานตง
ถิ่นกำเนิดของท่านขงจื๊อ ปรัชญาเมธีของจีน ยอดเขาหลัก อี้ว์หวง หรือจักรพรรดิหยก
มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,545 เมตร ภูเขาไท่ซานถึงแม้จะไม่ใช่เทือกเขาที่มีความสูงมากนัก
แต่ด้วยภูมิประเทศโดยรอบส่งให้เทือกเขาแห่งนี้โดดเด่นขึ้น เป็นแนวยาวทาง ตอนกลาง
ราวกับเป็นกระดูกสันหลังของมณฑล

ขุนเขาไท่ซานถือว่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ เพราะมีพื้นที่ป่าปกคลุมถึง 80 % เป็นแหล่งทรัพยากรที่สมบูรณ์
และทรงคุณค่าทางชีววิทยา เนื่องจากอุดมด้วยพันธุ์พืชหายาก และพืชสมุนไพรกว่า 144 ตระกูล
และด้วยร่องรอยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่ปรากฏ
รวมถึงซากฟอสซิลที่ขุดพบบนเทือกเขาแห่งนี้ ยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ล้านปี
จึงเป็นแหล่งศึกษาทางธรณีวิทยาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง


ศิลาจารึกที่แกะสลักไว้ด้านบนเขาไท่ซาน

ความยิ่งใหญ่ ความทรงคุณค่าและความสง่างามและเขาไท่ซานนี้
เป็นสัญลักษณ์พิเศษที่มีความสำคัญต่อจิตใจของชาวจีน นับตั้งแต่อดีตโบราณกาล มาแล้ว
ขนาดที่ว่าขงจื๊อยังเคยอุทานขึ้นว่า "โลกนี้หนอ ดูช่างเล็กลงไปถนัดใจ" เมื่อครั้งที่ได้ปีนขึ้นสู่ยอดเขาไท่ซาน
และด้วยความงามทางสุนทรียศาสตร์ของเขาไท่ซาน จึงเป็นแหล่งจุดประกายและกำเนิดทางจิตวิญญาณของศิลปิน
และนักคิดชาวจีนอีกด้วย และนอกจากขงจื้อแล้ว ตู้ฝู่ กวีเอกของจีนได้เขียนบทกลอนชื่นชมเขาไท่ซานไว้ว่า
"เมื่ออยู่ยอดเขาไท่ซัน ขุนเขาอื่นช่างเตี้ยลงถนัดตา"
นายกัว โม่โยะนักประพันธ์ชื่อดังคนหนึ่งในยุคปัจจุบันของจีน ก็ได้เคยกล่าวถึงเขาไท่ซานไว้
หลังจากที่ได้ปีนขึ้นเขาไท่ซานมาแล้วไว้ว่า "เขาไท่ซาน เป็นอีกมุมหนึ่งแห่งประวัติวัฒนธรรมของจีน"


ซุ้มประตูอันสวยงาม

เรียกได้ว่าเขาไท่ซาน เป็นขุนเขาอันยิ่งใหญ่ที่น่าสนใจมาเที่ยวไม่น้อยเลย ซึ่งการเดินทางขึ้นสู่เขาไท่ซาน
มีให้เลือกเดินทางแบบสบายๆ และแบบต้องใช้แรงกันสักหน่อย ถ้าอยากขึ้นเขาไท่ซานแบบสบายๆ
และชมทิวทัศน์มุมสูงอันสวยงาม ก็จะมีกระเช้าให้บริการนั่งสบายๆ ขึ้นสู่ยอดเขาไท่ซานกัน
แต่ถ้าใครอยากจะพิชิตเขาไท่ซานแบบภาคภูมิใจด้วยสองขาน้อยๆ ของตัวเอง
ก็มีเส้นทางให้เดินขึ้นสู่ยอดเขาไท่ซาน ซึ่งจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามไปตลอดทาง
และได้ซึบซับกับความงดงามของขุนเขาอย่างเต็มอิ่ม


ยามสายหมอกปกคลุมเขาไท่ซาน

ขอแนะนำว่าหากยังแข็งแรงอยู่ การเลือกขึ้นเขาไท่ซานด้วยการเดินจะเป็นสิ่งที่ดียิ่ง
ซึ่งการไต่พิชิตเขาไท่ซาน มักจะเป็นการเดินขึ้นตามบันไดหินที่ทอดตัวลดเลี้ยว เคี้ยวคดไปตามทางเขา
เพื่อขึ้นสู่เขาไท่ซาน โดยเริ่มต้นจากวัดไต้เมี่ยวและไปถึงซุ้มประตูแห่งแรกที่เรียกว่า "เทียนเหมิน"
และที่ซุ้มประตูแห่งนี้ ยังมีศิลาจารึกที่สร้างขึ้น เพื่อรำลึกถึงการมาไต่เขาไท่ซานของขงจื๊อด้วย


ผู้คนมากมายพากันเนขึ้นสู่เขาไท่ซาน

จากซุ้มประตูเทียนเหมิน เดินขึ้นเขาตามขั้นบันไดมาเรื่อยๆ ระหว่างทางขึ้นเขามาสู่จงเทียนเหมิน
จะมองเห็นหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง ซึ่งข้างบนมีการจารึก "คัมภีร์พระวัชรปรัชญาปารมิดา"ไว้กว่าพันปี
และเมื่อไปถึงจุดจงเทียนเหมินที่มีความสูงกว่าระดับทะเล 800 เมตร แล้วมองลงไปข้างล่าง
ก็จะเห็นตึกระฟ้าในตัวเมืองเล็กเหมือนราวกับตัวหมากรุกในกระดาน พอครั้นเงยหน้าขึ้นมองไปข้างบน
ก็จะเห็นทางขึ้นเขาที่เลี้ยวลดคดเคี้ยว ดูคล้ายกับบันไดขึ้นสู่สรวงสวรรค์ที่ ถูกแขวนไว้บนท้องฟ้า


ความงดงามของเขาไท่ซานยามอาทิตย์ทอแสง

หากถึงตรงนี้ใครเกิดอาการเหนื่อยเมื่อยล้าขาขึ้นมา ก็มีกระเช้าให้นั่งขึ้นเขาจากจุดจงเทียนเหมินนี้ไปถึง
จุดหนานเทียนเหมิน ได้ ซึ่งทางขึ้นเขาตรงนี้ เป็นเส้นทางขึ้นเขาที่มีความสูงชันและอันตรายสักหน่อย
แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากที่ยังคงมีแรงกาย บวกกับความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะพิชิจเขาไท่ซานด้วยสองขาตัวเองให้ได้
ก็ยังคงจะเดินด้วยสองขาน้อยๆ ของตัวเองต่อไป

เพราะเมื่อขึ้นมาถึงยังหนานเทียนเหมิน จะได้มองเห็นทัศนียภาพที่กว้างใหญ่ยิ่งขึ้น และเมื่อยืนอยู่ตรงจุดนี้
จะสัมผัสได้กับสายลมพัดที่พัดโชยมาปะทะร่างกาย
และเมื่อมองไปเบื้องหน้าก็จะมองเห็นแต่ยอดเขา ที่อยู่ไกลโพ้นแบบลิบตา กับกลุ่มเมฆที่ลอยล่องอยู่บนท้องฟ้า
เป็นภาพความสวยงามของธรรมชาติที่งดงามอันพิสุทธิ์
และทำให้ความเหน็ดเหนื่อยทั้งหลายของการเดินขึ้นมาสู่เขาไท่ซานนั้น หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งไปเลย


มีกระเช้าพาขึ้นสู่เขาไท่ซาน

เมื่อซึมซับกับความงดงามของธรรมชาติอย่างเต็มที่แล้ว ก็เดินไปทางทิศตะวันออกจะไปถึงเทียนเจ
(เทียนเจแปลว่า ตลาดบนสวรรค์) ที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ราบบนภูเขา จึงสร้างเป็นย่านการค้าของไท่ซาน
ที่ช่างมีบรรยกาาศอันคึกคัก มีโรงเตี๊ยม และภัตตาคารต่างๆ ให้แวะเข้าไปใช้บริการนั่งพักผ่อน
และอิ่มอร่อยกับอาหารที่มีบริการอยู่มาก มาย

ถึงแม้ว่าการเดินขึ้นสู่ไท่ซานจะดูเหน็ดเหนื่อยไปสักหน่อย แต่ถ้าได้ขึ้นมาถึงยอดเขาแล้วจะรู้ว่าคุ้มค่าเหนื่อย
เพราะเขาไท่ซานมีความงดงามเกินคำบรรยาย ยิ่งในยามเช้า เมื่อพระอาทิตย์ขึ้น
ยอดเขาไท่ซานที่เรียกว่า "ยู่หวงติ่ง"จะ เปล่งประกายแสงสีทองทอออกมาดูงดงามอร่ามตาของวันใหม่
ท่ามกลางสายหมอกขาวโพน ที่ได้เห็นแล้วราวกับอยู่ในความฝัน หรือสรวงสวรรค์ยังไงอย่างนั้นเลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“เขาไท่ซาน” ตั้งอยู่ที่มืองไท่อันและจี่หนัน มณฑลซันตง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน
ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ในปี ค.ศ. 1987
มีช่วงเวลาที่น่าท่องเที่ยวที่สุดคือ เดือนเมษายน – พฤศจิกายน



โดย : หมวยเกี๊ยะ
ผู้จัดการออนไลน์
ที่มา //www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9520000131123




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
0 comments
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 10:55:55 น.
Counter : 2671 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.