นายคณิศ แสงสุพรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (สวค.) กล่าวว่า ในช่วงที่ปัญหาเศรษฐกิจในต่างประเทศยังมีแนวโน้มจะเกิดปะทุ

ขึ้นมาในอนาคต จนอาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงอย่างมากนั้น สวค.มีความเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงการคลัง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องหาแนวทางให้บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีเครื่องมือช่วยเหลือตัวเองได้

โดยวิธีการที่น่าจะเป็นทางออกคือการปรับเกณฑ์การซื้อหุ้นของบริษัทคืน (Treasury Stock) ด้วยการอนุญาตให้ บจ.สามารถซื้อหุ้นคืนในสัดส่วนที่มากกว่าปัจจุบัน ซึ่งมีข้อกำหนดให้ซื้อได้ใน 2 กรณี คือจำนวนไม่เกิน 10% ของทุนชำระหากซื้อคืนบนกระดาน หรือซื้อมากกว่า 10% แต่จะต้องขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น

โดยการแก้ไขเกณฑ์นี้จะช่วยให้ บจ.นำกำไรสะสมเข้าไปซื้อหุ้น เพื่อลดผลกระทบจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงได้ แต่เบื้องต้นต้องมีการแก้เกณฑ์ที่มีอยู่เดิมก่อน โดยจะให้ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ไปศึกษาถึงระเบียบดังกล่าว

"เครื่องมือพวกนี้ไม่ได้เป็นเครื่องมือที่พิสดารอะไร แต่เราเห็นว่าควรเปิดช่องไว้ เพื่อให้เจ้าของกิจการได้ซื้อหุ้นคืน พอหุ้นเขาลงมาเยอะ ๆ ต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น แต่มูลค่าแท้จริงเยอะกว่านั้น เขาก็จะสามารถเข้าไปซื้อหุ้นได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่ต้องการให้บริษัทถือหุ้นตัวเองมากเกินไป เพียงแต่แนวคิดที่ว่ามานี้ เราต้องการเตรียมไว้เมื่อถึงเวลาที่ไม่ปกติ ก็ต้องแก้ให้ทำได้ เขาทำกันเยอะแยะ ประเทศไหนก็ทำ"

อย่างไรก็ตาม นายคณิศกล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ยังไม่เห็นผลกระทบจากวิกฤตยุโรป หรือสัญญาณเงินทุนไหลออก เนื่องจากหุ้นไทยยังมีราคาโดยเฉลี่ยค่อนข้างต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (under value) จึงทำให้ยังคงน่าสนใจลงทุน แต่โดยส่วนตัวมีความกังวลว่า ในช่วงปลายปีนี้อาจได้เห็นปัญหาวิกฤตหนี้ยุโรปที่มากขึ้น จนส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนได้ จึงเป็นที่มาของการหาแนวทางเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือ

นายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะช่วยให้ บจ.มีเครื่องมือทางการบริหารเพิ่มขึ้น

แต่ในส่วนของ ปตท.ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเข้าโครงการดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจาก ปตท.มีลักษณะกึ่งรัฐวิสาหกิจ จึงต้องหารือกับคณะกรรมการถึงความเหมาะสม หากจะเข้าซื้อหุ้นคืนในช่วงที่ราคาปรับตัวลดลงมา

อย่างไรก็ตาม แม้ปัญหาในยุโรปจะสร้างความกังวลให้กับธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลก แต่ที่ผ่านมา ปตท.ได้เตรียมการรับมือโดยทำทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) แล้วว่า บริษัทจะพร้อมรับต่อแรงกดดันได้หรือไม่ ดังนั้นจึงถือว่า ปตท.ได้เตรียมตัวมาดีแล้วในระดับหนึ่ง

"เรื่องนี้เป็นแนวคิดที่ดี แต่ในส่วนของ ปตท. ถ้าจะทำคงต้องมีการหารือ เพื่อดูข้อกำหนดที่เหมาะสมก่อน เพราะสถานะของเราเองก็เหมือนกับเป็นกึ่งรัฐวิสาหกิจด้วย" นายสุรงค์กล่าว

* ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *

Create Date : 14 กรกฎาคม 2555
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 19:55:35 น.		0 comments
Counter : 1765 Pageviews.
Share Tweet