นายวรพล วิรุฬห์ศรี นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ประเมินว่า ครึ่งปีแรก กำไรสุทธิของธนาคารพาณิชย์ 11 แห่ง อยู่ที่ 4.21 หมื่นล้านบาท เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีกำไร 4.02 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นตามการปล่อยสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และสินเชื่อเอสเอ็มอี และเติบโตจากรายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ตามยอดอนุมัติสินเชื่อและธุรกิจนายหน้าประกัน

นอกจากนี้ แต่ละธนาคารมีต้นทุนการนำส่งเงินให้ 0.47% ของฐานเงินฝาก ทำให้โครงสร้างรายได้ต้องปรับเปลี่ยนด้วย โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้ค่าฟีเติบโต 17% จากปีก่อนที่ 7.8% ขณะที่สินเชื่อขยายตัว 14%

นายวรพลระบุว่า ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิทั้งปี 2555 เติบโตในอัตราชะลอตัว เนื่องจากแต่ละธนาคารจะเร่งลงบัญชีค่าใช้จ่ายพิเศษ และใช้ประโยชน์จากต้นทุนที่ลดลงจากภาษีนิติบุคคลที่ 20% ในปี 2556 ขณะที่กำไรสุทธิในไตรมาสสุดท้ายจะลดลงตามค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาลอยู่แล้ว

"เรามีมุมมองที่ดีต่อกำไรแบงก์ ทั้งสินเชื่อยังเติบโตได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มเช่าซื้อและเอสเอ็มอี ่ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็น 3.05% จากสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนดี ต้นทุนการเงินที่เริ่มทรงตัว" นายวรพลกล่าว

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า สินเชื่อธนาคารในครึ่งปีแรกจะขยายตัว 4-5% โดยยังคงเป้าการขยายตัวทั้งปีที่ 6-8% การเติบโตในช่วงที่เหลือของปีนี้เป็นไปตามความต้องการลงทุนอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ใช่การฟื้นฟูจากน้ำท่วมอย่างครึ่งปีแรก

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ทิสโก้ปรับเป้าสินเชื่อในปีนี้ จากเดิม 15% เป็น 18-20% เนื่องจากครึ่งปีแรกขยายตัวได้ 13.5% มาจากการขยายตัวของสินเชื่อเอสเอ็มอี 35.0% สินเชื่อธุรกิจ 21.5% และสินเชื่อรายย่อย 10.6% ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 2.09 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ ธนาคารประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีโอกาสโตสูงถึง 7% จากการลงทุนและขยายกิจการของภาคธุรกิจ ขณะที่การบริโภคของประชาชนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปริมาณความต้องการรถยนต์ภายในประเทศในปีนี้ที่ 1.2-1.3 ล้านคัน ซึ่งเป็นอานิสงส์จากมาตรการรถคันแรกของรัฐบาลด้วย จึงมั่นใจว่าหากไม่มีปัญหาการเมืองเข้ามากระทบ ้การเติบโตของสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมายภายใต้เศรษฐกิจแข็งแรง

ด้านนายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ ยอมรับว่า ต้นทุนที่ต้องนำส่ง ธปท.เพิ่มเป็น 0.47% ทำให้ธนาคารต้องมีการปรับโครงสร้างรายได้ใหม่ โดยเน้นรายได้ค่าธรรมเนียมมากขึ้น จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่มาพร้อมกับสินเชื่อเช่าซื้อ และขายประกันสินเชื่อให้กับภาคธุรกิจ ส่งผลให้รายได้ส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้น 50.1% ในครึ่งปีแรก และมีรายได้รวมที่ 2,665 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารมีสัดส่วนการออกตั๋วแลกเงิน (B/E) ลดลงเหลือ 50% ของพอร์ตเงินฝากรวม 1.86 แสนล้านบาท จากเดิม 71.2% ในไตรมาสแรก และมีสัดส่วนเงินฝากเพิ่มขึ้นเป็น 43.7% จากเดิม 22.7% โดยเป็นการโยกย้ายเงินจากการครบอายุของตั๋วบี/อีของลูกค้าเดิมมาอยู่ในผลิตภัณฑ์เงินฝากของธนาคารแทน

"การออกจำหน่ายตั๋วบี/อี และหุ้นกู้ยังมีเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้า ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนสถาบัน แต่ลูกค้าบุคคล 95% จะย้ายเงินมาอยู่ในเงินฝาก เพราะปัจจุบันอัตราผลตอบแทนของเงินฝากและตั๋วบี/อีเท่ากัน" นายสุทัศน์กล่าว

* ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ *

Create Date : 19 กรกฎาคม 2555
Last Update : 19 กรกฎาคม 2555 17:25:23 น.		0 comments
Counter : 1845 Pageviews.
Share Tweet