ผ่านพ้นไปแล้วกับการตัดสินกรณีข้อพิพาทเขาพระวิหาร ระหว่างไทยกับกัมพูชาของศาลโลก หลายคนยังคาใจกับคำพิพากษา แต่เอาล่ะ ปล่อยให้รัฐบาลกระทรวงการต่างประเทศและผู้ที่เกี่ยวข้องอธิบาย แต่สิ่งที่น่าสนใจคือภาษาเขมรในบทสนทนานั้นมีความเป็นมาอย่างไร
นายศักดา ซื่อสัตย์ ชาวจังหวัดสุรินทร์ นศ. คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาเขมร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปี 2 กล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์หลังจากการชมศาลโลกตัดสินคดีนี้ ซึ่งยังมีสีหน้ากังวล หลังจากโทรศัพท์เพื่อพูดคุยกับแม่ที่ค้าขายอยู่ชายแดนไทย-กัมพูชา เพราะกลัวจะเกิดความรุนแรง
ผมเป็นห่วงสถานการณ์ที่บ้าน กลัวจะเกิดเหตุการณ์ผิดปกติขึ้น เพราะทางแม่บอกกับศักดาว่า บรรยากาศบริเวณชายแดนเงียบสงัดทั้งหมู่บ้าน แต่ละครอบครัวรอติดตามข่าวสารทางโทรทัศน์ และฟังประกาศข่าวว่าจะให้เตรียม อพยพหรือไม่
ตลอดเวลาการพูดคุย ศักดาใช้ภาษาเขมรพื้นบ้านสื่อสารกับแม่ แม้จะใช้อย่างคล่องแคล่ว แต่ศักดาบอกว่า เขาต้องการเรียนรู้ภาษาเขมรที่เป็นทางการและถูกต้อง จึงเลือกเรียนเอกภาษาเขมร เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต เช่นเดียวกับเพื่อนนักศึกษาห้องเดียวกัน ที่รู้สึกว่าการเรียนเอกภาษาเขมรจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคตได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ขณะที่ ดร.วิชชุกร ทองหล่อ หัวหน้าภาควิชาภาษาไทยและภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เล่าว่า ได้เปิดสอนภาษาเขมร มานานเกือบ 4 ปี ซึ่งนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จะเป็นบัณฑิตรุ่นแรกของสาขาวิชาเขมร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียนรู้ภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน จวบจนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อเป็นการเปิดช่องทางแลกเปลี่ยนและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทย-กัมพูชา
ทางด้าน ผศ.ดร.ดวงเด่น บุญปก อาจารย์ประจำรายวิชาภาษาเขมรบอกว่า ความสัมพันธ์ของไทย-กัมพูชานั้นเป็นความผูกพันแบบพี่น้อง จะเห็นได้จากภาษาที่บางคำมีการออกเสียงใกล้เคียงกัน และเชื่อว่าการเรียนภาษาเขมร จะเป็นเครื่องมือที่ดีในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างเราและกัมพูชา
โครงสร้างทางภาษา วัฒนธรรม และศิลปะแขนงต่างๆ ของไทย-กัมพูชานั้นมีรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน และมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านโยบาย การบริหารประเทศของรัฐบาล จึงนับว่าภาษาสื่อสารมีบทบาทสำคัญที่จะส่งผลให้ ทั้งไทยและกัมพูชาเกิดความเข้าใจที่ตรงกันมากยิ่งขึ้น
เป็นอีกหนึ่งภาษาที่ไม่มีใครรู้ว่าวันหนึ่งภาษาเขมรจะเข้ามามีบทบาทใหญ่กับประเทศไทย.
ชมคลิป