บก.ปอศ.เผยผลการปราบปรามซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในองค์กรธุรกิจ ระหว่าง ม.ค.-ต.ค. ได้เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 54 จากปีก่อน เล็งขยายผลจับกุมเพิ่มขึ้นอีกในปี 57 ขณะะที่แนวโน้มการละเมิดพบว่า บริษัทที่ทำธุกกิจกับแบรนด์ระดับโลก ยังใช้โปรแกรมเถื่อนเช่นกัน...

ในปี 2556 ตำรวจตั้งเป้าเข้าตรวจค้นองค์กรธุรกิจละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มากกว่าปี 2555 คิดเป็นร้อยละ 50 โดยได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ให้สอดรับการขยายพื้นที่เข้าตรวจค้น โดยในปีนี้ได้เข้าตรวจค้นในจังหวัดกรุงเทพฯ อยุธยา ชลบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี จันทบุรี ชลบุรี สงขลา ภูเก็ต เชียงใหม่ เพชรบุรี นครปฐม นนทบุรี ระยอง ปราจีนบุรี ขอนแก่น และสุโขทัย โดยพบว่าบริษัท ไทยซอฟท์แวร์เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งมีเจ้าของเป็นคนไทย ตกเป็นหนึ่งในบริษัทที่ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ถูกละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุดขณะที่ในปี 2555 บริษัทเกมสัญชาติไทยอีกแห่งหนึ่งก็ต้องสูญเสียรายได้ไปหลายร้อยล้านบาทจากการละเมิดลิขสิทธิ์

นอกจากนี้ยังมีบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกอื่นๆ เช่น ไมโครซอฟท์ (Microsoft) เทคกล้า (Tekla) และซีเมนส์ พีแอลเอ็ม ซอฟต์แวร์ (Siemens PLM Software) ที่ได้แจ้งความร้องทุกข์ว่าผลิตภัณฑ์ถูกนำไปใช้งานโดยปราศจากสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์ และในปีนี้หลายบริษัทที่ทำธุรกิจกับแบรนด์ระดับโลกถูกพบว่า มีการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ด้วยเช่นกัน อาทิ ผู้ผลิตชิ้นส่วนให้กับยานยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก ผู้จัดหาบรรจุภัณฑ์ให้กับผู้ผลิตเครื่องดื่มชั้นนำ และผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้กับแบรนด์ดัง

พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) กล่าวว่า ผู้บริหารควรให้ความสนใจอย่างจริงจังกับซอฟต์แวร์ที่บริษัทใช้งานอยู่ และตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ์อย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อใช้งาน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับบริษัทที่ทำธุรกิจกับบริษัทต่างประเทศในระบบซัพพลายเชน หรือห่วงโซ่อุปทาน เพราะกำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ บริษัทส่วนใหญ่ที่ถูกตรวจค้นในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์มีรายรับและทรัพย์สินจำนวนมาก รายงานของตำรวจระบุว่าบริษัทที่ถูกตรวจค้นเหล่านี้มีรายรับเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 231 ล้านบาท โดยองค์กรธุรกิจในภาควิศวกรรมและรับเหมาก่อสร้าง ถูกเข้าตรวจค้นในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์บ่อยที่สุด คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31 ของการตรวจค้นจับกุมทั้งหมด ตามด้วยภาคการผลิตสินค้า (ร้อยละ 22) เครื่องจักรกล (ร้อยละ 11) รับเหมาช่วง (ร้อยละ 10) ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ (ร้อยละ 8) ออกแบบ (ร้อยละ 7) กระจายสินค้าและค้าส่ง (ร้อยละ 6) ทั้งนี้ ราวร้อยละ 80 ของบริษัทที่ถูกเข้าตรวจค้นในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปีนี้ มีผู้ถือหุ้นเป็นชาวไทย นอกนั้นเป็นบริษัทสัญชาติอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ เป็นต้น

สำหรับจำนวนอัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ในปี 2556 พบว่าระหว่างเดือน ม.ค.-ต.ค. มีทั้งสิ้น 247 คดี คิดเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 54 เมื่อเปรียบเทียบกับ 2555 ที่มี 160 คดี ความเสียหายเพิ่มขึ้นร้อยละ 47 หรือมูลค่ากว่า 510.85 ล้านบาท จากการปราบปรามอย่างต่อเนื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยในปี 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนตรวจสอบองค์กรธุรกิจที่ละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 เพื่อลดการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

อย่างไรก็ตาม ภายใต้พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 ระบุว่า ผู้ใดกระทำความผิดละเมิดลิขสิทธิ์จะได้รับโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ และสำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสการใช้งานซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านสายด่วนพันธมิตรซอฟต์แวร์ (BSA Hotline) ที่ 02-714-1010 หรือรายงานทางออนไลน์ผ่านstop.in.th จะได้รับค่าตอบแทนสูงสุด 250,000 บาท โดยข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกปิดไว้เป็นความลับ.