ไซแมนเทค เผยดัชนีความเชื่อมั่นด้านไอทีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วโลก แจงองค์กรที่มีดัชนีความเชื่อมั่นในระดับสูง สะท้อนถึงความสำเร็จในการสร้างผลประกอบการทางธุรกิจที่ดี...
ไซแมนเทค คอร์ป เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นด้านไอทีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วโลกประจำปี 2556 ซึ่งดำเนินการโดย ReRez ที่ทำการวิจัยตั้งแต่ช่วงก.พ.-มี.ค.2556 ในองค์กรธุรกิจ 2,452 แห่ง (มีพนักงาน 10-250 คน) จาก 20 ประเทศ โดยพบว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มบี) ที่มีคะแนนความเชื่อมั่นด้านไอทีสูง ได้แก่ กลุ่มที่มีการนำไอทีไปใช้ในการขับเคลื่อนจนประสบความสำเร็จทางธุรกิจ กลุ่มที่มีประสบการณ์ในการใช้ไอทีเป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจ และกลุ่มผู้ประกอบการที่มีการเติบโตทางธุรกิจที่ดี ล้วนมีผลจากการใช้ ไอทีเป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน
นายประมุท ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ไซแมนเทค ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า การลงทุนด้านไอทีช่วยให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเพิ่มผลผลิตในการทำงาน และเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดกับคู่แข่งในระดับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ดีขึ้น แต่ต้องแลกด้วยการจัดการกับความซับซ้อนของระบบไอทีและความเสี่ยงทางด้านไอที ได้แก่ การเตรียมความพร้อมในการรับมือและรักษาความปลอดภัยของระบบไอที กับภาวะภัยพิบัติซึ่งอาจทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถได้รับประโยชน์จากไอที เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ
ผู้จัดการประจำประเทศไทย ไซแมนเทค ประเทศไทย กล่าวอีกว่า ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยได้ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าวและพบว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่จะต้องผลักดันกลยุทธ์ทางด้านไอที ช่วยให้บรรลุศักยภาพทางธุรกิจจึงจำเป็นต้องลงทุนทางไอทีเพื่อเพิ่มคุณค่าทางธุรกิจ กำหนดกลยุทธ์ทางด้านไอทีให้ตอบสนองวัตถุประสงค์หลักทางธุรกิจ และจัดการไอทีในองค์กรให้เป็นไปตามแบบแผน
นอกจากนี้ ไซแมนเทคยังทำการสำรวจธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทั่วโลกเกือบ 2,500 แห่ง เพื่อตรวจสอบทัศนคติของกลุ่มธุรกิจที่มีต่อไอที โดยมการสำรวจจากกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มบีในประเทศไทยจำนวน 100 ราย และนำผลการสำรวจเหล่านี้มาใช้สร้างเป็นดัชนีความเชื่อมั่นด้านไอทีของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อใช้เป็นมาตรในการวัด ระดับความเชื่อมั่นในการใช้ไอทีของธุรกิจเอสเอ็มบี เพื่อตอบสนองกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในทางธุรกิจ โดยแบ่งธุรกิจที่ถูกสำรวจออกเป็น 3 ลำดับชั้น เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างธุรกิจที่อยู่ลำดับที่มีดัชนี ความเชื่อมั่นในระดับสูง (Top Tier) และดัชนีความเชื่อมั่นในระดับค่อนข้างต่ำซึ่งเป็นพื้นฐานประเด็นสำคัญในการสำรวจครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ทำให้การรักษาความปลอดภัยข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญทางธุรกิจด้วย โดย 78% ระบุว่าพวกเขาค่อนข้างให้ความสำคัญในเรื่องรักษาความปลอดภัยอย่างมาก เทียบกับ 39% สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่มีดัชนีความเชื่อมั่นในระดับต่ำ และ 69% ในประเทศไทยพวกเขายังเล็งเห็นว่าการโจมตีทางออนไลน์ยังมีไม่มากนัก และการสูญเสียค่าใช้จ่ายยังอยู่ในระดับต่ำ โดย 51% สูญเสียค่าใช้จ่ายรายปีจากการโจมตีทางออนไลน์ต่ำมาก เมื่อเทียบกับ 13% ในองค์กรที่มีดัชนีความเชื่อมั่นในระดับต่ำ และ 25% ของประเทศไทยในส่วนอื่นๆ เช่น การจัดการระบบจัดเก็บข้อมูล ระยะเวลาในการสำรองข้อมูล และการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ บริษัทที่มีดัชนีความเชื่อมั่นในระดับสูงให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบน้อยมากจากความซับซ้อนด้านไอที.