ฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวน เผยธุรกิจไอทีปีนี้จะถูกกระตุ้นจาก 3G และการเข้าสู่ AEC ของไทย โดยตลาดคอมพิวเตอร์จะถูกแท็บเล็ตแซงหน้าโดยรวมจะเติบโตประมาณ 10% ขณะที่ซอฟต์แวร์จะมีโมบายแอพพลิเคชั่นจะเพิ่มขึ้นอีก 50% ขณะที่ตลาดคลาวด์ปีนี้ยังไม่โตมากเท่าที่ควร...
ดร.มนธ์สินี กีรติไกรนนท์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ฟรอสต์แอนด์ซัลลิแวน องค์กรให้คำปรึกษา และวิจัยระดับโลกเปิดเผยว่าปัจจัยการเข้าสู่ยุคของ3G และการเข้าสู่ AEC ของประเทศไท ทำให้เกิดแนวโน้มของการเติบโตด้านไอทีใน 3 ประเด็นหลัก คือ
1.ตลาดฮาร์ดแวร์ตัวที่น่าจับตามอง คือกลุ่มอุปกรณ์พกพา โดยเฉพาะ แท็บเล็ต พีซี ด้วยราคาที่ถูกลง และทางเลือกมากมายของอุปกรณ์ ตลอดจนการขยายโครงข่าย 3G ของผู้ให้บริการ ทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นปัจจัยให้ mobile devices โดยเฉพาะแท็ปเล็ตมียอดการเติบโตทั่วโลกพุ่งกว่า 76% จากปีที่แล้ว ในขณะที่ปี 2556 คาดว่า อัตราการเติบโตจะเป็น 2 เท่า ของปีที่ผ่านมา และเทียบเป็นสัดส่วนกว่า 60% ของตลาดเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมด โดย 2 ปัจจัยที่เป็นตัวกระตุ้น คือ การเพิ่มขึ้นของการใช้งานแทปเล็ทในองค์กร ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน กว่า 10% ของการใช้งานแท็ปเล็ตทั้งหมด
อีกปัจจัยหนึ่ง คือ การ เปิดตัวแท็ปเล็ตขนาด 7นิ้ว นำโดย Samsung Galaxy Tab และ iPad mini และอีกหลายยี่ห้อที่จะตามมาในอีกไม่ช้า ซึ่งทั่วโลกคาดว่าจะกินสัดส่วนในตลาดถึง 1 ใน 3 ของตลาด แท็ปเล็ตทั้งหมดในขณะเดียวกันยอดจำหน่ายของพีซีและโน้ตบุ้คจะตกลงเรื่อยๆ แต่เมื่อเทียบกับรายได้ ที่ชดเชยจาก Mobile Devices แล้วยังทำให้อัตราเติบโตของอุปกรณ์ไอทียังเป็นบวกอยู่ คาดว่าตลาดรวมปีหน้าโดยรวม น่าจะโตขึ้นอีก 10%
2.ในด้านซอฟต์แวร์ธุรกิจ และ โมบายแอพพลิเคชั่น ตลาดคอนเทนต์ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะโตขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนทัศนคติของผู้ใช้งาน จากสมัยก่อนที่มองว่า แอพพลิเคชั่นมักต้องฟรี แต่ตอนนี้ ผู้ใช้งานเริ่มมีการยอมรับ ในเรื่องการชาร์จค่าบริการ ที่เป็น คอนเทนท์ มากขึ้น โดยจะมีการเพิ่มขึ้นของจำนวน mobile applications ที่มีทั้งหมดในตลาด อีกเกือบ 50%จากปีที่แล้ว คิดเป็นจำนวนทั้งหมด ประมาณ 2,000 แอพพลิเคชั่นภายในสิ้นปี 2556 โดยจะดันยอดมูลค่าตลาดรวมให้ไปถึง 1,000 ล้านภายในเวลานั้นด้วย
ในขณะที่การมี 3G ทำให้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์มาใช้มากขึ้น การเตรียมพร้อมสู่ AEC ในภาคธุรกิจก็ทำให้มี การนำ ซอฟต์แวร์ประเภทการจัดการองค์กรมาใช้มากขึ้น สืบเนื่องจากการที่ธุรกิจต้องเตรียมพร้อมสำหรับ AEC จึงต้องมีการจัดการภายในให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ การนำ ERP และ ซอฟต์แวร์ประเภท Analytics เข้ามาใช้งาน ในขณะเดียวกันประเทศไทยเป็นแหล่ง Offshore software outsourcing หลักแห่งหนึ่งในเอเซีย ดังนั้น ทั้งปัจจัยด้าน 3G และ AEC จะสามารถดันตลาด ซอฟต์แวร์ไทย ให้โตไปเกือบแตะ 10,000 ล้านได้ ภายในสิ้นปีหน้า (จาก 8.4 หมื่นล้านในปี 2554)
3.ภาคบริการ หรือ ไอทีเซอร์วิส ในกลุ่ม คลาวด์ และ ดาต้าเซ็นเตอร์ เมื่อมี 3G ทำให้มีการใช้งาน อุปกรณ์โมบายมากขึ้น ในขณะที่มี โมบาย แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ เกิดขึ้น ดังนั้น ความต้องการในด้านโครงสร้างพื้นฐานจึงตามมา และเมื่อถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยเรื่อง AEC ความต้องการของธุรกิจก็ยิ่งมีมากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลาง ในการบริการ ด้านไอทีในอาเซียน ตลอดจนธุรกิจต่างต้องเตรียมพร้อมด้านไอทีเพื่อรองรับโมเดลธุรกิจแบบใหม่ๆ ที่ขยาย อาณาเขต
ในปีที่ผ่านมา การเติบโตของคลาวด์อาจไม่มากตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการใช้งานคลาวด์ ยังต้องถูกกระตุ้นจากปัจจัยอื่น เช่น การมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดีและเสถียร ซึ่งยังไม่มีเพราะความล่าช้าของ 3G ตลอดจนต้องมีคอนเทนท์ที่มากพอเพื่อการใช้งานโมเดลคลาวด์ที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งผู้ให้บริการ content ยังไม่กล้าเสี่ยงลงทุน ดังนั้นการใช้คลาวด์ในปัจจุบัน จึงไว้สำหรับการสำรองข้อมูลเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยีคลาวด์อย่างเต็มที่ ดังนั้นอัตราการเติบโตของคลาวด์ในปีนี้จึงไม่มากเท่าที่ควร แต่ภายในปีหน้า คาดว่าจะโตขึ้นจากปีนี้ อีก 30%
ในส่วนของดาต้าเซ็นเตอร์ ค่อนข้างมาแรงและเป็นผลกระทบเชิงบวกโดยตรงจาก AEC ทำให้ผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ มี capacity เหลืออยู่ไม่ถึง 25% ต้องทำการลงทุนและขยายความจุของดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเพิ่มขึ้น หลังจากมี 3G และ AEC ผจก.ประจำประเทศไทย บ.ฟรอสต์ฯ กล่าว