เมื่อวันที่ 10 ต.ค. สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดชี้แจงผู้ประกอบการที่ซื้อซองเอกสาร จำนวน 33 บริษัท 49 ซอง พร้อมให้ซักถามรายละเอียดและข้อสงสัยเป็นวันที่สอง โดยวันนี้มีผู้ประกอบการมา 7 ราย ได้แก่

บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด (เวิร์คพอยท์), บริษัท บางกอกมีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด, บริษัท ทริปเปิลวี บรอดคาสท์ จำกัด (กลุ่มไทยรัฐ), บริษัท บีอีซี-มัลติมีเดีย จำกัด, บริษัท โพสต์ ทีวี จำกัด, บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด, บริษัท พีเอ็ม กรุ๊ป จำกัด

นายชลากรณ์ ปัญญาโฉม ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์การตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ตัวแทนบริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง กล่าวว่า เรื่องที่ได้รับคำแนะนำคือ การเคลียร์ปัญหาภายในองค์กรด้านการถือหุ้นไขว้กัน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหา เนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วนกว่า 70% เป็นการถือร่วมกันระหว่างนายปัญญา นิรันดร์กุล และนายประภาส ชลศรานนท์ ซึ่งทั้ง 2 คนไม่ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ

ตัวแทน บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทค่อนข้างมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร บุคลากร สถานที่ คอนเทนต์ หรืองบประมาณการลงทุนเพื่อยื่นซองประมูลทีวีดิจิตอล แต่จะยื่นทั้ง 2 ซองตามที่ซื้อไว้หรือไม่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรอความชัดเจนในเรื่องของราคาโครงข่าย

ที่ปรึกษา บริษัท บางกอก มีเดีย แอนด์ บรอดคาสติ้ง จำกัด ของ นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของธุรกิจกลุ่มโรงพยายาลกรุงเทพและเจ้าของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า เรื่องหลักๆ ที่ กสทช.แนะนำให้ปฏิบัติ คือ ความโปร่งใสของโครงสร้างผู้ถือหุ้น ซึ่งผู้เข้าประมูลจะต้องมีเอกสารชี้แจงตั้งแต่บริษัทแม่จนถึงบริษัทลูกว่า โครงสร้างผู้ถือหุ้นมีใครบ้าง

นายวัชร วัชรพล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทริปเปิลวี บรอดคาสท์ จำกัด กล่าวว่า วันนี้มาชี้แจงและสอบถามเกี่ยวกับเอกสาร โดยเฉพาะการถือหุ้น ซึ่งต้องกลับไปดูให้ถูกต้องตามที่ กสทช. กำหนด เพื่อเข้าร่วมประมูลทีวีดิจิตอล

นายสมรักษ์ ณรงค์วิชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายผลิตรายการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 ตัวแทน บริษัทบีอีซี-มัลติมีเดีย กล่าวว่า บริษัทไม่มีปัญหาเรื่องการถือหุ้น และบริษัทมีความพร้อมเข้าประมูล แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกประเภทไหน แม้ว่าซื้อไปทั้ง 4 ประเภท เช่นเดียวกับราคาค่าเช่าโครงข่าย ซึ่งต้องรอความชัดเจนจาก กสทช. อีกครั้ง ส่วนสัดส่วนการทำผังรายการยังไม่ได้กำหนดแต่ต้องยึดตามกฎของ กสทช. อยู่แล้ว

หม่อมหลวงธนะวิสุทธิ์ วิสุทธิ กรรมการ บริษัท โพสต์ ทีวี กล่าวว่า เรื่องที่ต้องกลับไปแก้ไข คือ เอกสารโดยรวม เรื่องการถือหุ้น โครงสร้างบริษัทตามที่ กสทช.ชี้แจง ซึ่งเป็นเรื่องของบริษัทแม่มากกว่า อาจจะมีผู้ถือหุ้นต่างชาติที่เกิน 10% ส่วนเรื่องราคาค่าเช่าโครงข่ายขณะนี้ ยังไม่เห็นการชี้แจงจากผู้ให้เช่า จึงยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนการเลือกโครงข่าย มองว่าหลายบริษัทต้องการเลือกของดีราคาถูก สำหรับแผนธุรกิจคือการทำช่องข่าว ซึ่งสัดส่วนรายการจะผลิตเอง 80% ตาม กสทช.กำหนด และยืนยันเข้าร่วมประมูลช่องข่าวแน่นอน แม้ว่าจะมีการแข่งขันรุนแรง

"การชี้แจงในวันนี้คิดว่าเข้าใจและเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งอยากให้ กสทช. เปิดชี้แจงหลายๆ เรื่องให้มากขึ้น เพราะเชื่อว่าหลายบริษัทก็ต้องการเช่นกัน ทั้งด้านของเทคนิคและกฎหมาย โดยเฉพาะบริษัทที่เป็นน้องใหม่" กรรมการ บริษัท โพสต์ ทีวี กล่าว